Scholar’s Advanced Technological System ระบบปั้นอัจฉริยะ - ตอนที่ 1292 ไม่ใช่ว่าเป็นไปไม่ได้
- Home
- Scholar’s Advanced Technological System ระบบปั้นอัจฉริยะ
- ตอนที่ 1292 ไม่ใช่ว่าเป็นไปไม่ได้
วิลสัน โอฮาเนียน เป็นศาสตราจารย์ฟิสิกส์ที่มหาลัยสแตนฟอร์ด และงานหลักของเขาคือการวิจัยฟิสิกส์ของอนุภาค ในฐานะอดีตผู้ได้รับรางวัลสสารบีบอัด โอลิเวอร์ อี บัคลีย์ เขาได้รับขนานนามว่าเป็นหนึ่งในนักฟิสิกส์อายุน้อยที่โดดเด่นออกมาในช่วงไม่กี่ปีนี้
ถึงแม้ว่าเขาตกเป็นที่อิจฉาของเพื่อนร่วมงาน มีเพียงแค่ตัวโอฮาเนียนเองที่รู้ว่าเส้นทางที่เขาเลือกนั้นยากลำบากแค่ไหน
เนื่องจากข้อจำกัดทางเทคโนโลยี พวกเขายังไม่สามารถพิสูจน์ได้ว่าข้อคาดการณ์จากศตวรรษที่แล้วถูกต้องหรือไม่ การสำรวจแห่งอนาคตเพิ่งแค่จะเริ่มขึ้นเท่านั้น
โชคดีที่จีนซึ่งร่ำรวยกะทันหันในช่วงปีที่ผ่านมาได้สร้างเครื่องชนที่ใหญ่กว่าเซิร์นบนดวงจันทร์ด้วยความเอื้อเฟื้อ สิ่งนี้ได้ทำให้การพัฒนาฟิสิกส์ของอนุภาครวดเร็วขึ้น
ยกตัวอย่างเช่น อนุภาคซี
อนุภาคนี้ถูกพบในโลกมิติสูงเมื่อสิ้นปีก่อน มันได้ขยายการวิจัยฟิสิกส์ของอนุภาคไปสู่โลกที่มองไม่เห็น
ลู่โจวที่ค้นพบอนุภาคนี้ได้รางวัลโนเบลสาขาฟิสิกส์ในปี 2023 จากการค้นพบเปลี่ยนโลกครั้งนี้ เขาเป็นผู้ถูกรับเลือกให้เป็นนักฟิสิกส์ที่โดดเด่นที่สุดแห่งศตวรรษ
โอฮาเนียนเห็นโอกาสในภาพกว้างจากสาขาการวิจัยนี้ได้อย่างรวดเร็ว เขาเปลี่ยนสาขาวิจัยทันทีและเริ่มการวิจัยอนุภาคซี เขาได้รับผลค่อนข้างดีจากการวิจัยเรื่อง ‘การเปลี่ยนมิติของอนุภาคซี’
ถ้าทุกอย่างเป็นไปได้ด้วยดี เขาจะได้รับเหรียญรางวัลดิแรคครั้งต่อไป
แต่อย่างไรก็ตาม…
มีบางเรื่องไม่ได้เป็นไปอย่างราบรื่น
“นี่มันเวรมาก… ”
“ช่องทางไฮเปอร์สเปซ? การโค้งของกาลอวกาศ? ”
“จากข้อมูลนี้ ผมต้องขุดหลุมในดินเพื่อไปอีกฝั่งของกาแล็กซี?”
โอฮาเนียนสบถและโยนเอกสารในมือลงถังขยะ เขาไม่ลังเลที่จะแสดงการหยามเหยียดทฤษฎีของ ‘ช่องทางไฮเปอร์สเปซ’ และ ‘การเปลี่ยนเส้นโค้งกาลอวกาศ’
ในความเป็นจริงแล้ว การดูถูกของเขาก็ไม่ใช่ว่าไม่มีเหตุผล
ในทฤษฎีสัมพัทธภาพทั่วไป ถ้าโครงสร้างโทโพโลยีของพื้นที่เปลี่ยนเป็นเขตอาณาเขต จากนั้นโค้งเวลาที่ถูกปิดในระยะกาลอวกาศจะยังอยู่ในห้วงที่การเปลี่ยนแปลงเกิดขึ้น
โค้งเวลาเป็นวิถีกายภาพของวัสดุมวลในกาลอวกาศ
คำอธิบายที่เป็นที่นิยมสำหรับสิ่งนี้คือการเปลี่ยนโทโพโลยีของพื้นที่ถูกห้ามโดยทฤษฎีสัมพัทธภาพทั่วไป!
สิ่งนี้ไม่ใช่ข้อคาดการณ์ แต่มันเป็นทฤษฎีบทที่ได้รับการพิสูจน์โดยสตีเฟ่น ฮอว์กิ้ง
ในความเป็นจริง โอฮาเนียนมีไอเดียที่คล้ายกันเมื่อนานมาแล้ว เมื่อเขาเห็นการรบกวนของสนามแรงโน้มถ่วง เมื่ออนุภาคซีตกจากมิติสูงลงมิติต่ำ
แต่ไอเดียนี้ถูกตัวเขาเองปฏิเสธอย่างรวดเร็ว
เนื่องจากว่าถ้าเขาต้องการพิสูจน์หรือหักล้างไอเดียนี้ เขาต้องคำนวณปริมาณมากเพื่อสนับสนุนมัน แม้แต่นักคณิตศาสตร์ที่เชี่ยวชาญด้านโทโพโลยีและตรีโกณพีชคณิตยังเห็นว่ามันยาก
เขายืนยันสิ่งนี้กับศาสตราจารย์คณิตศาสตร์ที่มหาลัยสแตนฟอร์ด
ดังนั้นเขาจึงเลือกเชื่อในคำอธิบายอื่นมากกว่า
ซึ่งนั่นคือเมื่ออนุภาคซีเคลื่อนจากมิติสูงไปมิติต่ำจะเกิดการสูญเสียมวล การสูญเสียมวลในมิติจะนำไปสู่การลดลงของแรงโน้มถ่วงที่ถูกสังเกตที่กาลอวกาศคลาสสิกในที่สุด
แล้วส่วนนี้ของแรงโน้มถ่วงไปไหน?
เขาคิดว่ามันน่าจะเป็นมิติพิเศษ
แต่ว่างานวิจัยนี้ได้หักล้างการวิจัยของเขาทั้งหมด มันดูเหมือนว่าเหรียญดิแรคไม่สามารถเอื้อมถึงแล้ว
ผู้ช่วยออฟฟิศยืนตัวสั่นอยู่ข้างเขา โดยไม่กล้าพูดคุยกับศาสตราจารย์ที่กำลังโกรธเกรี้ยว
หลังจากที่ศาสตราจารย์ดูใจเย็นลงเล็กน้อย ผู้ช่วยกลืนน้ำลายและกระซิบว่า “แต่ว่าผู้เขียนงานวิจัยนี้คือศาสตราจารย์ลู่…”
บรรยากาศในออฟฟิศเย็นยะเยือก
ศาสตราจารย์โอฮาเนียนที่กำลังเอื้อมมือไปหยิบกาแฟตัวนิ่งทำอะไรไม่ถูก
“พูดว่าอะไรนะ?”
“งานวิจัยนี้ถูกเขียนโดยศาสตราจารย์ลู่… เขาโพสต์มันที่ arXiv ผมทำตามที่คุณบอก แล้วปริ้นท์งานวิจัยทั้งหมดในด้านนี้ที่คู่ควรกับการอ่าน”
มุมปากของเขากระตุก ศาสตราจารย์โอฮาเนียนถามด้วยสีหน้าตึง “เขาเป็นผู้ประพันธ์บรรณกิจใช่ไหม?”
สิ่งนี้เกิดขึ้นเป็นบางครั้งคราว ไม่ใช่ผู้ดูแลทุกคนที่มีเวลามาตรวจทานงานวิจัยทุกชิ้นที่นักเรียนเขียนขึ้น สำหรับผู้นำด้านวิชาการอย่างลู่โจว เขาอาจจะจำไม่ได้ด้วยซ้ำว่าตัวเองมีนักเรียนกี่คน
มันเป็นการช่วยเหลือที่ดีที่จะใส่ชื่อนักวิชาการที่ยอดเยี่ยมในฐานะผู้ประพันธ์บรรณกิจ มันช่วยยับยั้งไม่ให้บรรณาธิการโยนงานวิจัยลงถังขยะ และทัศนคติของนักวิชาการที่ทำการพิชญพิจารณ์นั้นระมัดระวังมากขึ้น
ถ้าศาสตราจารย์ลู่เป็นแค่ผู้ประพันธ์บรรณกิจ มันไม่ได้หมายความว่าเขาทำการวิจัยด้วย เขาอาจจะยังไม่ได้อ่านงานวิจัยชิ้นนี้ด้วยซ้ำ
ท้ายที่สุดแล้ว ทุกงานวิจัยที่ลิสต์บน arXiv ไม่ได้รับการตีพิมพ์ พวกมันเป็นแค่พิมพ์ล่วงหน้า…
“เขาเป็นผู้ประพันธ์คนเดียว…” คำที่มาจากปากผู้ช่วยทำลายความหวังของโอฮาเนียนไปหมด เขาพูดว่า “ชื่อเขาเป็นเพียงชื่อเดียว…”
มีความเงียบสงัดอยู่นานในออฟฟิศ
ผ่านไปหนึ่งนาที จู่ๆ โอฮาเนียนถอนหายใจออกมา เขาเกาะแขนเก้าอี้แล้วลุกขึ้นมาและเขาเดินไปที่ถังขยะ
เขาหยิบกระดาษที่ถูกขยำจากถังขยะแล้วเอามากลับมาวางที่โต๊ะ หลังจากที่เขาคลี่พวกมันออก โอฮาเนียนนั่งอ่านงานเขียนทั้ง 20 แผ่น ตั้งแต่ต้นจนจบอย่างใจเย็น
ผ่านไปครึ่งชั่วโมง เขาพึมพำว่า “อืม…ผมก็ไม่สามารถแน่ใจนัก ถึงมันฟังดูเหลือเชื่อ แต่มันก็ไม่จำเป็นว่าจะผิดไปทั้งหมด”
ผู้ช่วยมองดูเจ้านายอารมณ์บึ้งอย่างตกตะลึง มันใช้เวลาแค่ครึ่งชั่วโมงเพื่อเปลี่ยนทัศนคติของโอฮาเนียนไปทั้งหมด ผู้ช่วยที่ยืนอยู่ในออฟฟิศแทบมีความสงสัยว่าชายที่นั่งอยู่ที่นี่ใช่โอฮาเนียนตัวจริงหรือไม่ โอฮาเนียนที่เขารู้จักชอบตำหนิคนอื่นที่มีมุมมองวิชาการต่างกัน
ผู้ช่วยกลืนน้ำลายและพูดว่า “ศาสตราจารย์”
ศาสตราจารย์โอฮาเนียนตอบกลับโดยที่ไม่เงยหน้าขึ้นมา “มีอะไร?”
ผู้ช่วยถามว่า “ถ้าเขาถูกต้อง…นั่นหมายความว่าอย่างไร?”
“นั่นหมายความว่าอย่างไร? ฮ่าฮ่า นั่นหมายความว่า…”
เหมือนกับว่าเขาจะเป็นบ้า ศาสตราจารย์โอฮาเนียนแสยะยิ้มและจ้องมองงานเขียนตัวนิ่ง
“นั่นหมายความว่ามุมมองกาลอวกาศของทฤษฎีสัมพัทธภาพทั่วไปจะถูกล้มล้าง ความเข้าใจของเราในกาลอวกาศคลาสสิกจะเปลี่ยนไป…จริงๆ แล้วนั่นไม่ใช่ทั้งหมด”
“สิ่งที่สำคัญที่สุดคือ…”
ศาสตราจารย์โอฮาเนียนพูดไปได้ครึ่งประโยค ก่อนเขาจะหยุดพูดไปสักพัก ทำให้ผู้ช่วยอายุน้อยที่กลั้นหายใจอยู่อดไม่ได้ที่จะถามต่อว่า “สิ่งที่สำคัญที่สุดคือ?”
ศาสตราจารย์โอฮาเนียนพูดด้วยความมั่นใจและแน่ใจ
“สิ่งที่สำคัญที่สุดคือวิธีการเดินทางเร็วกว่าความเร็วแสงอาจจะเป็นไปได้”
“ภาพยนตร์ไซไฟที่คุณเคยดูกัน ไม่ว่าจะเป็นฮอลลีวูดหรือจากที่อื่น… ”
“อย่างน้อยเทคโนโลยีครึ่งหนึ่งจากภาพยนตร์พวกนั้นสามารถเป็นจริงได้”