Scholar’s Advanced Technological System ระบบปั้นอัจฉริยะ - ตอนที่ 1297 กลับสู่ดาวอังคาร!
- Home
- Scholar’s Advanced Technological System ระบบปั้นอัจฉริยะ
- ตอนที่ 1297 กลับสู่ดาวอังคาร!
ณ จุดปล่อยยานอวกาศจินหลิง
ยานอวกาศขนาดใหญ่และติดตั้งอุปกรณ์อย่างเกรียงไกรขับเคลื่อนไปตามรันเวย์ปล่อยยาน
มันมีชื่อว่าสตาร์ไลท์ แต่มันต่างจากยานอวกาศสตาร์ไลท์เมื่อไม่กี่ปีก่อนเพื่อเป็นการปรับให้เข้ากับการบินระยะไกลและภารกิจปล่อยยานที่ยืดหยุ่นมากขึ้น สถาบันวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีการบินและอวกาศแห่งสถาบันจินหลิงเพื่อการศึกษาขั้นสูงได้ออกแบบยูนิตพลังงานฟิวชั่นและเครื่องทรัสเตอร์ผลกระทบฮอลล์ขึ้นใหม่ ซึ่งสิ่งนี้ได้เพิ่มระยะการบินและความเสถียรของเครื่องยนต์
ลืมดาวอังคารไปเลย มันอาจจะไปถึงแถบดาวเคราะห์น้อยระหว่างดาวอังคารและดาวพฤหัสได้ภายในหนึ่งเดือน แต่คณะกรรมการการโคจรรอบดวงจันทร์ไม่จำเป็นต้องส่งคนไปไกลขนาดนั้น การเก็บตัวอย่างหินสามารถทำได้โดยเครื่องตรวจจับที่ไม่ต้องควบคุม
นักบินของเที่ยวบินนี้ก็ได้ร่วมปฏิบัติการกู้ภัยดาวอังคารดั้งเดิม เขายังเป็นนักบินอวกาศคนเดียวในทีมที่มีประสบการณ์ไปเยือนดาวอังคาร
เครื่องทดลองที่อยู่ในตู้ขนส่งโลหะถูกส่งไปโกดังเก็บของ ยานอวกาศทั้งลำได้เตรียมการปล่อยตัวขั้นสุดท้ายสำเร็จ
หลิวเปี่ยวและสวี่เจิ้งฮงซึ่งใส่ชุดอวกาศแล้วขึ้นยานอวกาศโดยมีทีมงานภาคพื้นดินจับตามองอยู่ พวกเขาเข้าไปด้านในยานอวกาศและนั่งลงตรงที่นั่งนักบินและผู้ช่วย จากนั้นทั้งสองเชื่อมต่อชุดอวกาศกับระบบดำรงชีพในห้องนักบิน
“ทริประยะไกลไปดาวอังคาร”
“ผมสงสัยว่าเราจะสามารถเห็นซากของยานอวกาศ BFS ได้ไหม”
สวี่เจิ้งฮงยิ้มในขณะที่กำลังตรวจดูอุปกรณ์ในห้องนักบิน เขายิ้มแล้วพูดว่า “ฮ่าฮ่า มันผ่านมากว่าหนึ่งปี มันอาจจะไม่อยู่ตรงนั้นแล้วก็ได้”
หลิวเปี่ยวพูดแซวว่า “เราอาจจะไปกู้มันกลับมาได้นะ”
ระหว่างภารกิจกู้ภัยครั้งล่าสุด นาซ่ากังวลว่าจีนจะได้ความลับของยานอวกาศ BFS มา เมื่อสตาร์ไลท์ไปถึงดาวอังคาร พวกเขาจงใจชนซากยาน BFS ที่ลอยอยู่ในวงโคจร
แต่จีนได้บันทึกพิกัดของการชนยานอวกาศไว้ ถ้าพวกเขามีเชื้อเพลิงมากพอ พวกเขาสามารถลงจอดที่ดาวอังคารและเก็บ ‘ตัวอย่าง’ ได้โดยง่าย
“สถานการณ์คงไม่อนุญาตให้เราทำได้ ทำไมเราถึงอยากเก็บขยะกลับบ้านไปล่ะ?” สวี่เจิ้งฮงเปิดเครื่องยนต์ขึ้น เขามองดูหน้าปัดพลังแม่เหล็กที่กำลังเพิ่มขึ้น เขากดสวิทช์อิกนิชั่นในระหว่างที่พูดกับศูนย์บัญชาการภาคพื้นดินจากนั้นเขาก็พูดอย่างเคร่งขรึม “นี่คือสตาร์ไลท์ เรากำลังเข้าจุดเทคออฟ”
“รับทราบ นี่คือศูนย์บัญชาการภาคพื้นดิน ทุกอย่างบนท้องฟ้าเป็นปกติ ปฏิบัติตามแผนต่อไป ขอให้โชคดี!”
เครื่องยนต์สีดำถูกเปลวไฟสีฟ้าจุดขึ้น ยานอวกาศลำใหญ่ที่ขับเคลื่อนด้วยพลาสมาอุณหภูมิสูงเริ่มเคลื่อนตัวไปข้างหน้าแล้วบินขึ้นท้องฟ้าไปในที่สุดและทิ้งร่องรอยเปลวไฟสีน้ำเงินไว้ มันมุ่งหน้าไปที่ดาวเคราะห์สีแดงเพลิงที่ห่างออกไปหลายล้านกิโลเมตร โดยแบกความหวังและความคาดหวังของทุกคนที่ภาคพื้นดิน
ใกล้จุดปล่อยยาน
ทุกคนมองดูยานอวกาศลับหายไปในกลุ่มเมฆ นักฟิสิกส์และนักข่าวจากทั่วโลกต่างรู้สึกช็อก
นักข่าวจาก BBC รายงานภาพที่เกิดขึ้นกับกล้องโดยมีสีหน้าตกตะลึง
“ยานอวกาศขนาดประมาณสองในสามของเครื่องบินโบอิ้ง 777 บินออกจากรันเวย์ มันเพิ่งหายลับฟ้าข้างหลังผมไป”
“ผมไม่อาจจะบรรยายความช็อกในใจได้ ไม่ใช่เพราะว่าความเร็วของมัน แต่เป็นเพราะมันทำลายความเข้าใจในการปล่อยยานอวกาศของผม”
“พูดเรื่องนี้อาจจะสายไปแล้ว แต่ผมไม่เคยคิดว่า…จากการใช้ฟิวชั่นที่ควบคุมได้ เครื่องยนต์ขับเคลื่อนพลังงานไฟฟ้ามีพลังเทียบเท่ากับเครื่องยนต์เคมีทั่วไป! ”
“ผมพูดนอกเรื่อง นาฬิกาอนุภาคซีของ ILHCRC ได้ผ่านชั้นบรรยากาศโทรโพสเฟียร์สำเร็จและกำลังเคลื่อนที่ไปขอบชั้นบรรยากาศ ถ้าทุกอย่างราบรื่น มันจะถึงวงโคจรดาวอังคารภายในสองสัปดาห์ จากการนำนาฬิกาอนุภาคซีไปด้วย พวกเขาจะสำเร็จทฤษฎีไฮเปอร์สเปซของลู่โจว…”
ห่างไปไม่ไกล
ชายหนุ่มที่ดูคล้ายนักศึกษายืนอยู่ข้างศาสตราจารย์วิทเทน
เขาจ้องมองท้องฟ้าอยู่นานโดยไม่กะพริบตา เมื่อกลุ่มผู้คนค่อยๆ สลายตัวเขาจึงหันไปหาศาสตราจารย์วิทเทนในที่สุดและพูดว่า “ศาสตราจารย์…”
“อะไรเหรอ?”
“ถ้าเกิดพวกเขาเร็วกว่าความเร็วแสง นั่นหมายความว่า?”
“นั่นหมายความว่าเขาอาจจะเป็นนักฟิสิกส์ที่ยอดเยี่ยมกว่าไอน์สไตน์…” หลังจากผ่านไปสักพัก วิทเทนรู้สึกว่าคำพูดของเขายังไม่ถูกต้องเพียงพอ เขาพูดด้วยน้ำเสียงจริงจัง “ไม่ ไม่ใช่แค่อาจจะ เขากำลังจะ”
ข่าวการปล่อยนาฬิกาอนุภาคซีแพร่กระจายไปทั่วโลกตามสื่อต่างๆ
จากแผนการปล่อยยาน หลังจากไปถึงวงโคจรดวงจันทร์แล้วสตาร์ไลท์จะปล่อยนาฬิกาอนุภาคซีตัวแรก จากนั้นจะมุ่งหน้าไปปราสาทจันทราโดยจะเติมเชื้อเพลิงที่นั่น และมันจะบินต่อไปดาวอังคาร
สายตาจากทั่วโลกเพ่งไปที่ยานอวกาศซึ่งกำลังผ่านขอบชั้นบรรยากาศ ภายในออฟฟิศผู้อำนวยการที่สถาบันจินหลิงเพื่อการศึกษาขั้นสูง ลู่โจวกำลังใช้ความคิดในระหว่างที่มองดูไวท์บอร์ดที่เต็มไปด้วยการคำนวณ
จู่ๆ เขาได้ยินเสียงเคาะประตู
“เข้ามาสิ”
ประตูถูกเปิดออก มีคนที่คุ้นเคยเดินเข้าออฟฟิศมา
“ไม่อยากเชื่อว่านายอยู่ที่นี่” หลัวเหวินเซวียนพูดด้วยความสงสัย เขามองดูการคำนวณบนไวท์บอร์ดซึ่งเขาไม่ได้เข้าใจเสียเลย เขาพูดว่า “ฉันคิดว่านายจะอยู่ที่ศูนย์บัญชาการจุดปล่อยยาน”
“ฉันไปอยู่ที่นั่นแล้วจะได้อะไรขึ้นมา?” ลู่โจวไม่ได้ละสายตาจากไวท์บอร์ด เขายิ้มเบาๆ แล้วพูดตอบสบายๆ “ฉันจะอยู่หรือไม่อยู่ที่นั่นก็ไม่มีผลต่อความสำเร็จของการปล่อยยาน แล้วมันก็เป็นแค่การเดินทางไปดาวอังคาร มันไม่ใช่ครั้งแรกที่เราไปที่นั่น มันจึงไม่มีอะไรพิเศษ”
หลัวเหวินเซวียนถามขึ้น “แล้วนายกำลังทำอะไรอยู่?”
“ทำการตรวจทานการคำนวณเป็นครั้งสุดท้าย…” ลู่โจวเขียนการคำนวณเพิ่มที่ไวท์บอร์ด เขาคิดอยู่สักพักและพูดว่า “และคิดหาวิธีทำมันให้สมบูรณ์”
หลัวเหวินเซวียนพูดขึ้น “ฉันอึ้งเลย! ฉันไม่นึกว่านายจะไม่ตื่นเต้นเสียอีก ไม่อยากเชื่อว่านายมีอารมณ์คิดคำนวณพวกนี้”
ลู่โจวถาม “มีอะไรที่ต้องกังวลงั้นเหรอ?”
หลัวเหวินเซวียนพูดติดตลก “ดูเหมือนว่าในอีกไม่นานนักฟิสิกส์จะได้รับการอวยยศว่ายิ่งใหญ่กว่าไอน์สไตน์ นักสำรวจทุกคนในอนาคตจะกู่ขานชื่อของเขาและขออวยพรให้ปลอดภัยก่อนออกเดินทาง ถ้าเกิดยานอวกาศทำงานล้มเหลว ผู้โดยสารจะไม่อธิษฐานต่อพระเจ้า พวกเขาจะอธิษฐานต่อลู่โจวแทน”
ลู่โจวอดที่จะยิ้มไม่ได้
“บ้าไปแล้ว อนุภาคซีเป็นแค่ความก้าวหน้าในทฤษฎีไฮเปอร์สเปซของเรา ท้ายที่สุดแล้วมันสามารถเป็นกุญแจสำคัญในการไขการเดินทางอินเตอร์สเตลลาร์ขึ้นอยู่กับว่าผู้คนในอนาคตเข้าใจทฤษฎีนี้มากแค่ไหน การเป็นคนแรกไม่ได้หมายความว่าจะดีที่สุดเหมือนกับกระแสตรงและกระแสสลับ ถึงแม้ว่ากระแสตรงเกิดก่อน แต่กระแสสลับก็ชนะในที่สุด”
“แต่ทุกคนจดจำงานของฟาราเดย์ต่อโลกใบนี้”
ลู่โจวตอบ “ฉันปฏิเสธสิ่งนี้ไม่ได้ เขาได้รับรางวัลเกียรติยศเนื่องจากสิ่งประดิษฐ์ของเขาไม่สามารถถูกประยุกต์ได้”
หลัวเหวินเซวียนยักไหล่แล้วถามว่า “งั้นทำไมนายถึงทำสิ่งที่ไม่เป็นประโยชน์ต่อนายและเสี่ยงมากล่ะ?”
ลู่โจวพูดตอบ “เอาตามตรง มันไม่น่าสนใจ”
หลัวเหวินเซวียนรู้สึกเหวอไปชั่วครู่ จากนั้นเขาก็ยิ้ม
“นั่นเป็นสิ่งที่นายจะพูดออกมาแน่ๆ”
ลู่โจวถาม “นายมานี่เพื่อคุยกับฉันเหรอ?”
“ไม่ใช่เลย”
หลัวเหวินเซวียนหยิบการ์ดออกมาจากกระเป๋ากางเกงและยื่นให้กับลู่โจว
ลู่โจวมองดูการ์ดที่ประณีตสวยงาม เขาเลิกคิ้วขึ้นด้วยความสงสัย เขาวางปากกามาร์กเกอร์ในมือลงและคลี่การ์ดดู
จากนั้นเขาชำเลืองมองเนื้อหาข้างในและถามว่า “มันคืออะไรเหรอ?”
“จดหมายเชิญ” หลัวเหวินเซวียนยักไหล่ให้และมองดูลู่โจว เขาพูดว่า “ฉันไม่รู้ว่านายสนใจหรือไม่ แต่มันจัดขึ้นที่จินหลิง ฉันเลยเอามาให้นาย”