Scholar’s Advanced Technological System ระบบปั้นอัจฉริยะ - ตอนที่ 1299 ถนัดบริหารเงินที่สุด!
- Home
- Scholar’s Advanced Technological System ระบบปั้นอัจฉริยะ
- ตอนที่ 1299 ถนัดบริหารเงินที่สุด!
นาฬิกาอนุภาคซีถูกปล่อยตัวออกไป สิ่งต่อไปคือการรอเวลานาน
ลู่โจวกลับไปที่มหาวิทยาลัยจินหลิงและทำงานสอนต่อจากที่เขาละเลยไปนาน เขาเริ่มสอนนักศึกษาปริญญาตรีไม่กี่คลาส
เมื่อนักศึกษาได้ยินว่าท่านเทพลู่จำนักเรียนของตัวเองได้ในที่สุด ทุกคนต่างตื่นเต้นเป็นอย่างมาก แม้แต่นักศึกษาหญิงจากคณะเศรษฐศาสตร์และคณะภาษาต่างประเทศก็มาเรียนด้วย
ถึงลู่โจวจะไม่เข้าใจว่าวิชาที่เขาสอนเกี่ยวข้องกับเศรษฐศาสตร์และภาษาต่างประเทศอย่างไร เขาค่อนข้างดีใจที่เห็นคนจำนวนมากสนใจในคณิตศาสตร์ เขามีรอยยิ้มภาคภูมิใจ
สำหรับเขาแล้วการสอนนักศึกษาปริญญาตรีเป็นเรื่องดีต่อใจ
ไม่เพียงแต่เขาสามารถทบทวนหลักการคณิตศาสตร์เรียบง่ายซึ่งไม่ได้นึกถึงบ่อย แต่เขายังสามารถลดความร้อนใจและความกังวลจากการรอนาฬิกาอนุภาคซีได้อย่างมีประสิทธิภาพ
แต่วันที่ห้าที่เขากลับมาสอนมีเรื่องประหลาดเกิดขึ้น
มีบุคคลพิเศษเข้ามาในคลาสของเขา
คนคนนี้ไม่ใช่ใครอื่นนอกจากศาสตราจารย์เพเรลมาน
ชายรัสเซียร่างใหญ่ที่มีเคราและผมยุ่งเหยิงนั่งตรงแถวหลังของห้องเรียน เขาตั้งใจฟังระหว่างที่จดบางอย่างในสมุดบันทึก
แน่นอนว่าหน้าตาของเขาดูสุดโต่ง แทบไม่มีใครในห้องจำเขาได้ พวกเขากลับรู้สึกช็อกกับรูปลักษณ์ภายนอกของเขา
ลู่โจวเองก็เช่นกัน เขากำลังพูดอยู่ที่โพเดียม
เนื่องจากชายรัสเซียคนนี้ไม่ได้โผล่หน้ามาที่มหาวิทยาลัยจินหลิงมานาน เขาเกือบลืมไปแล้วว่าชายคนนี้อาศัยอยู่ที่นี่
หลังจบคลาส
ลู่โจวกำลังจะพูดคุยกับเขาและถามว่าเขาคุ้นชินกับการอยู่ที่นี่ไหม ชายประหลาดคนนี้เดินเข้ามาพูดกับลู่โจวเสียก่อน
“ผมมีไอเดียเกี่ยวกับข้อคาดการณ์ของฮ็อดจ์ครับ”
ลู่โจวชะงักไปเล็กน้อย เขาเลิกคิ้วและถามว่า “คุณหมายความว่าอย่างไรว่ามีไอเดีย?”
“มันอธิบายยาก ผมเลยอยากถามความเห็นของคุณ”
ลู่โจวจ้องมองนาฬิกาที่กำแพงและตอบว่า “ส่งอีเมลมาหาผม ตอนนี้ไม่ใช่เวลาที่ดีเท่าไหร่”
“ได้ครับ ถึงผมอยากจะพูดต่อหน้ามากกว่า”
“นอกจากเรื่องคณิตศาสตร์ คุณคุ้นเคยกับการอยู่ที่นี่แล้วใช่ไหม?”
“ครับ แต่มีหลายคนให้เกียรติผมมากไป มันทำให้ผมอึดอัดใจ ผมหวังว่าพวกเขาจะลืมว่าผมเป็นใคร…”
เพเรลมานคิดอยู่สักพักและพูดว่า “แต่โดยทั่วไปมันค่อนข้างดีเลย มีนักคณิตศาสตร์ยอดเยี่ยมหลายคนอยู่ที่นี่…ตัวอย่างเช่น ศาสตราจารย์เฉินหยาง การถกปัญหากับเขาสร้างแรงบันดาลใจมาก มันทำให้ผมนึกถึงช่วงที่ผมอยู่ที่สถาบันคณิตศาสตร์สเตคลอฟ ผมอาจจะอยู่ที่นี่ต่ออีกครั้งปี”
หลังจากพูดจบ เขาดูเหมือนจะนึกบางอย่างขึ้นได้ เขามองลู่โจวแล้วถามว่า “แล้วคุณล่ะ? คุณยังวิจัยคณิตศาสตร์อยู่ใช่ไหม?”
ลู่โจวตอบ “ผมวิจัยมาโดยตลอด แต่โฟกัสการวิจัยไม่ใช่ที่คณิตศาสตร์ แต่มันเป็นการใช้คณิตศาสตร์เพื่อแก้ไขปัญหาอื่น”
เพเรลมานส่ายหน้า “สูญเปล่าจริงๆ”
ลู่โจวยิ้มและถามว่า “ทำไมล่ะครับ?”
เพเรลมานตอบว่า “คุณมีความเชี่ยวชาญด้านคณิตศาสตร์ คุณสามารถประสบความสำเร็จอย่างมาก คุณสามารถแก้ปัญหารางวัลมิลเลนเนียมที่เหลือทั้งหมดได้”
“เรื่องนั้น…” ลู่โจวใช้ความคิดอยู่สักพัก จากนั้นเขาพูดพร้อมรอยยิ้ม “ให้โอกาสกับคนอื่นจะดีกว่า”
เพเรลมานเลิกคิ้วขึ้น
“คุณซ้อมพูดหน้ากระจกมาเหรอ?”
“อาจจะ”
ลู่โจวเก็บแผนการสอนแล้วเดินไปจากศาสตราจารย์เพเรลมานซึ่งครุ่นคิดอยู่ เขาเดินจากไปพร้อมรอยยิ้ม
เขาเดินไปที่โรงอาหารแล้วสั่งข้าวหน้าเนื้อบาร์บีคิว เขาหาที่นั่งเงียบๆ เพื่อรับประทานอาหาร ระหว่างที่เขาเดินกลับไปอาคารคณิตศาสตร์ ลู่โจวเดินทางที่ไกลโดยผ่านเซ็ตสตูดิโอ
การคัดเลือกนักแสดงของสารคดีเสร็จสิ้นแล้ว ตอนนี้มันอยู่ในขั้นตอนถ่ายทำ
ถัดไปจากเซ็ตสตูดิโอ ลู่โจวเห็นหานเมิ่งฉี
ด้วยเหตุผลบางประการ หลังจากที่เธอเห็นเขา หญิงสาวรีบทักเขาก่อนจะเดินก้มหน้าจากไป
ลู่โจวรู้สึกแปลกๆ แต่ไม่ได้คิดถึงเรื่องนี้มากนัก
เขากลับไปที่ออฟฟิศและพักผ่อนอยู่สักพัก เขากำลังจะเปิดอีเมลเพื่อดูว่าศาสตราจารย์เพเรลมานส่งอีเมลมาหาเขาหรือยัง จู่ๆ เขาเพิ่งนึกขึ้นได้ถึงของขวัญวันวาเลนไทน์ เขาหยิบแว่น AR ออกมาจากช่องกระเป๋าทันที
เขาหลับตาลงแล้วคิดอยู่สักพัก เมื่อเขานึกถึงคนที่น่าจะช่วยเขาได้ เขาจึงพูดว่า “เสี่ยวไอ ช่วยโทรหาเสี่ยวถงผ่านวีแชทหน่อย”
เสี่ยวไอ: [โอเค เจ้านาย (๑•̀ᄇ•́)و✧]
ภาพบนแว่นตาเปลี่ยนไป
หลังจากมีเสียงดนตรีดังชั่วครู่ สายโทรติดแทบในทันที
มันเป็นช่วงเช้าที่พรินซ์ตัน เสี่ยวถงเพิ่งตื่น เธอหาวและหันมองโทรศัพท์ด้วยสายตาปรือ
“มีอะไรหรือพี่ ทำไมโทรมาหาแต่เช้าเลย?”
ลู่โจวมองหน้าเสี่ยวถงและถามพร้อมรอยยิ้ม “นอนอยู่เหรอ?”
“จะบ้าเหรอ? ตอนนี้มันตีห้าครึ่ง! ใครเขาโทรมาตอนเช้าขนาดนี้!”
ลู่โจวเพิ่งนึกได้ว่าเขาเป็นคนปลุกเธอ เขาหัวเราะด้วยความเขินอายและเปลี่ยนเรื่อง
“ถ้าพี่อยากตั้งกองทุน พี่ควรเรื่องจากไหนดี?”
“กองทุน?” เสี่ยงถงลุกขึ้นนั่งบนเตียงและเกาหัวที่ผมยุ่งเหยิง หลังจากคิดอยู่สักพักเธอก็ตอบว่า “เรื่องนั้น… แฟนพี่น่าจะรู้ดีกว่าหนูนะ? ทำไมไม่ไปถามเธอล่ะ?”
เฉินยู่ซานเป็นซีอีโอของหนึ่งในบริษัทระดับท็อป 100 ของโลก… เธอช่วยให้สตาร์สกายเทคโนโลยีสู้กับแรงต้านจากบริษัทยักษ์ใหญ่ อย่างเช่น เอ็กซอนโมบิล และเทสล่า รวมไปถึงกระทรวงพาณิชย์ของอเมริกา สตาร์สกายเทคโนโลยีเป็นเหตุผลที่ความแข็งแกร่งด้านเทคโนโลยีและชาติของจีนรุ่งเรืองขึ้น มันมีเหตุผลที่ทำให้เธอได้เป็นซีอีโอมานานขนาดนี้
แต่ชื่อเสียงของลู่โจวทรงพลังมากจนเธอมักถูกบดบังไป ถึงแม้ว่าสาธารณะมักกังขาในทักษะของเธอ แต่ด้านอุตสาหกรรมนั้นมั่นใจในความสามารถของเธอ
แต่ลู่โจวโฟกัสที่เรื่องอื่นอยู่
เมื่อเขาได้ยินที่เสี่ยวถงตอบกลับมา เขาหน้าแดงและนั่งตัวตรงที่เก้าอี้
“อะแฮ่ม! อะไรล่ะ… ชัดเจนขนาดนั้นเลยเหรอ?”
เสี่ยวถงแสยะยิ้มและพูดว่า
“อย่าประมาทเซนส์ของผู้หญิงเชียวนะ! หนูไม่ได้โง่นะ”
จู่ๆ เสี่ยวถงคิดอะไรบางอย่างขึ้นได้ เธอฟาดมือลงที่เตียงและพูดว่า “โอ้ หนูรู้แล้ว!”
ลู่โจวรู้สึกตะลึง เขาถามด้วยสัญชาตญาณ “รู้อะไรไหม?”
เสี่ยวถงแสยะยิ้ม เธอมีรอยยิ้มซุกซนบนใบหน้า
“พี่ชาย เอาตามตรง พี่พยายามซ่อนเงินจากเธอเหรอ? ฮี่ๆ หนูช่วยเรื่องนี้ได้นะ แต่…มันจะยากหน่อย”
เดาอะไรโง่เง่าเนี่ย
ลู่โจวกลอกตาและพูดว่า “ซ่อนเงินอะไร อย่าพูดไร้สาระสิ”
ฉันเป็นคนแบบนั้นเหรอ?
ทำไมเฉินยู่ซานถึงอยากได้เงินของฉันล่ะ?
เสี่ยวถงจ้องมองพี่ชายด้วยความสงสัยอยู่สักพัก หลังจากที่มั่นใจว่าเขาไม่โกหกเสี่ยวถงพูดพึมพำ “ถ้างั้นทำไมอยู่ดีๆ พี่สร้างกองทุนขึ้นมาล่ะ? ถ้ามันเป็นแค่การลงทุนหนูคิดว่าสตาร์สกายเทคโนโลยีมีแผนกลงทุนนะ”
นอกจากการบริหารสิทธิบัตร ธุรกิจลงทุนของสตาร์สกายเทคโนโลยีก็มีชื่อเสียง สิ่งที่ดังที่สุดคือการทำการเงินให้อีสต์เอเชียเอเนอร์จี้และอีสต์เอเชียคอมมูนิเคชั่น
ถึงแม้ว่าสองบริษัทนี้ยังไม่เป็นมหาชน แต่การประเมินมูลค่าของทั้งคู่อยู่ที่ระดับล้านล้านหยวน
ใครก็ตามที่ลงทุนในสองบริษัทนี้ช่วงแรกก็ได้กำไรกันหมดทุกคน สตาร์สกายเทคโนโลยีเป็นผู้ถือหุ้นในระยะแรกและพวกเขาลงทุนในทั้งสองบริษัท
ลู่โจวคิดถึงคำถามของเสี่ยวถงอยู่นาน
ตอนแรกเขาไม่อยากบอกใคร แต่ถ้าแผนนี้ถูกดำเนินงานทุกคนก็จะรู้อยู่ดี ดังนั้นหลังจากที่ลังเลอยู่สักพัก เขาพูดว่า “ถ้าพี่บอกไปก็อย่าไปบอกคนอื่นนะ”
เสี่ยวถงแทบจะกระโดดออกจากเตียงด้วยความตื่นเต้น เธอพยักหน้าในขณะที่กอดหมอนของตัวเอง
“ไม่ต้องห่วงเลย พี่ชาย! หนูเป็นน้องพี่ พี่ไม่เชื่อใจเหรอ?”
ระหว่างที่ลู่โจวมองแววตาขี้คุยของเธอคิ้วของเขาก็กระตุก ในที่สุด ขาถอนหายใจและพูดว่า “งั้นจะเล่าให้ฟัง…อย่าขำแล้วกัน”
ลู่โจวใช้เวลาอธิบายไอเดียนานห้านาที
หลังจากที่ได้ฟังเสี่ยวถงไปต่อไม่ถูกเลย
เธอกะพริบตาอยู่สักพัก แล้วถึงค่อยๆ ฟื้นตัวจากความช็อก
“หนูไม่รู้เลย…”
“ไม่รู้เรื่องอะไร?”
“ว่าพี่ค่อนข้างเก่งเรื่อง… ช่างมันเถอะ ถ้ามีผู้ชายไล่ตามฉันแบบนี้ หนูเองก็คงต้านไม่ไหว”
เสี่ยวถงถอนหายใจและส่ายหน้า เธอพูดว่า”ไม่เลว ไม่เลวเลย เฉินยู่ซาน ครั้งนี้ได้ของดี!”
“ของดีบ้าอะไร! พี่แค่ถามคำถามเฉยๆ ”
ลู่โจวแทบอยากเขกหัวเธอ
เสี่ยวถงฉีกยิ้มและทำเป็นเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น เธอกระแอมและพูดว่า “เรื่องที่พี่พูดถึงเป็นไปได้แน่นอน! ชื่อเสียงแบบนี้พี่เปิดตัวได้แน่ มันจะขายดีเทน้ำเทท่า!”
ลู่โจวขมวดคิ้วและพูดว่า “ลืมเรื่องเปิดตัวไปเลย สิ่งนี้มีหลักๆ เพื่อเธอ”
“นั่นก็ไม่ได้เปลี่ยนอะไร…แต่อย่าพูดเรื่องนี้เลย สิ่งที่พี่ต้องรู้คือการรักษากองทุนที่มั่นคง!”
ลู่โจวถาม “ยังไงล่ะ?”
เสี่ยวถงยิ้มด้วยความภูมิใจและนั่งตัวตรง
“แน่นอนว่าต้องมีผู้จัดการที่ยอดเยี่ยม! ในฐานะน้องสาว หนูอยากแนะนำคนหนึ่งที่มีปริญญาเอกด้านเศรษฐศาสตร์จากหนึ่งในมหาวิทยาลัยระดับท็อปของโลก เธอเกิดในตระกูลรางวัลโนเบลและครอบครัวของเธอได้รางวัลโนเบลสาขาเศรษฐศาสตร์—”
ลู่โจวพูดอย่างหมดความอดทน “เข้าเรื่องเถอะ”
“หนูไง!” แววตาของเสี่ยวถงประกายไปด้วยความตื่นเต้น เธอขยับโทรศัพท์ไปใกล้หน้าตัวเองแล้วพูดว่า “หนูถนัดบริหารเงินที่สุด!”