Scholar’s Advanced Technological System ระบบปั้นอัจฉริยะ - ตอนที่ 1307 พิมพ์เขียวที่อยู่อาศัยในวงโคจร
- Home
- Scholar’s Advanced Technological System ระบบปั้นอัจฉริยะ
- ตอนที่ 1307 พิมพ์เขียวที่อยู่อาศัยในวงโคจร
วันต่อมาผู้อำนวยการหลี่ได้พบลู่โจวในที่สุด
“คุณเป็นคนพิเศษจริงๆ ไม่แม้แต่ตอบข้อความของผม”
ลู่โจวยิ้มประหม่า แต่เขาไม่ได้อธิบายอะไร เขาทำเป็นไม่ได้ยินเขาและชี้ไปที่ถ้วยชาบนโต๊ะกาแฟ
“คุณขับรถมานานน่าจะเหนื่อย ดื่มชาก่อนเถอะครับ
เมื่อเห็นว่าลู่โจวไม่รู้สึกเสียใจอะไร ผู้อำนวยการหลี่ถอนหายใจและพูดว่า “ผมไม่อยากพูดขัดใจคุณนะ แต่นี่เป็นเรื่องใหญ่ แล้วคุณก็จากไปโดยไม่บอกอะไร มันไม่ดูไร้เหตุผลไปหน่อยเหรอ? แน่นอนว่าผมไม่ได้มาที่นี่เพื่อโทษคุณ ผมแค่บอกเฉยๆ ทั้งโลกกำลังรอคุณให้ออกมาพูดอะไรสักหน่อย แค่ไม่กี่คำก็ได้ แค่นี้คุณทำได้แน่นอน”
ลู่โจวพูดตอบ “หลัวเหวินเซวียนพูดในสิ่งที่ผมอยากจะพูดแล้ว ผมดูวิดีโอการรายงานของเขา เขาก็พูดได้ดี ผมก็คงจะพูดซ้ำในสิ่งที่เขาพูดไป มันเลยไม่มีเหตุผลต้องทำ”
“ศาสตราจารย์ลู่นี่เป็นศาสตราจารย์ลู่จริงๆ ทำไมคุณไม่เข้าใจล่ะ? ทุกคนอยากฟังเสียงคุณ ไม่ใช่เสียงของเขาหรือคนอื่น”
สิ่งนั้นสำคัญด้วยเหรอ?
ลู่โจวมองดูว่าผู้อำนวยการหลี่จริงใจมากแค่ไหน เขาถอนหายใจและถามว่า “คุณอยากรู้อะไรครับ?”
ผู้อำนวยการหลี่พูดทันทีว่า “การนำทางด้วยความเร็วกว่าแสงโดยใช้เทคโนโลยีไฮเปอร์สเปซเป็นไปได้แค่ไหน? และถ้ามันเป็นไปได้มันจะต้องใช้เวลานานแค่ไหน?”
ลู่โจวจิบกาแฟบนโต๊ะ เขาพูดขึ้นหลังจากครุ่นคิดอยู่ชั่วครู่
“การใช้เทคโนโลยีเพื่อการนำทางที่ยอดเยี่ยมดูมีแววอย่างมาก สัญชาตญาณของผมบอกว่าทางนี้น่าจะเป็นไปได้ แต่ถ้าคุณอยากทำให้มันเป็นความจริง คุณต้องรออย่างน้อยหนึ่งศตวรรษ”
“หนึ่งศตวรรษ…?”
“ถูกต้อง” ลู่โจวพยักหน้าในขณะที่มองดูผู้อำนวยการหลี่ซึ่งมีสีหน้าผิดหวัง เขาพูดว่า “การเปลี่ยนภาพจากทฤษฎีเป็นความจริงนั้นช้า มันใช้เวลาสำหรับทุกทฤษฎีในการเปลี่ยนเป็นเทคโนโลยี นอกจากนี้ผมไม่คิดว่าการเดินทางเร็วกว่าแสงเป็นแผนกลยุทธ์ที่ดีที่สุด”
ผู้อำนวยการหลี่ถามขึ้น “ทำไมล่ะ?”
“เพราะว่ามันไม่สมเหตุผล”
ลู่โจววางแก้วกาแฟในมือลงและพูดว่า “มันดูเป็นไปได้มากกว่าที่จะได้การสื่อสารข้ามดวงดาวด้วยความเร็วกว่าแสงโดยใช่เทคโนโลยีไฮเปอร์สเปซก่อน การวิจัยนี้จะเป็นแรงบันดาลใจให้การเดินทางเร็วกว่าแสง ก่อนที่จะส่งยานอวกาศขนาดใหญ่ไปที่ห่างไกลมากขึ้น เราต้องรับมือกับเรื่องโฟตอน อิเล็กตรอน มูออน อนุภาคเทา และเรื่องอื่นเสียก่อน”
ลู่โจวมองดูผู้อำนวยการหลี่หยิบสมุดจดออกมาเขียนบันทึกอย่างจริงจัง ลู่โจวนิ่งไปชั่วครู่และพูดพร้อมรอยยิ้ม
“เขียนลงไปไม่มีประโยชน์หรอกครับ ถึงคุณจะเขียนลงไปพวกมันก็ไม่มีประโยชน์ ไม่มีใครรู้ว่าจะเกิดอะไรขึ้นในอีกห้าสิบปี”
“มันไร้ประโยชน์อย่างไรล่ะ? ผมจำทุกอย่างที่คุณพูดนะ!”
ลู่โจวส่ายหัว เขากำลังจะพูดอะไรบางอย่าง แต่ชายชราคนนี้ที่จดเสร็จแล้วมองหน้าเขาและพูดด้วยความขึงขัง
“สิ่งที่คุณพูดสำคัญมาก CTV วางแผนจะทำรายการในหัวข้อนี้ ถ้าคุณพอมีเวลา…คุณอยากพูดเรื่องนี้ไหม?”
“ผมจะคิดเรื่องรายการนี้” ลู่โจวเปลี่ยนประเด็นและพูดว่า “จะว่าไปแล้ว ไหนๆ คุณก็อยู่ที่นี่แล้ว ผมมีเรื่องหนึ่งที่อยากพูดคุยกับคุณ”
เมื่อผู้อำนวยการหลี่ได้ยินว่าลู่โจวมีเรื่องจะพูดคุยกับเขา เขาพูดทันทีว่า “เอาเลยครับ!”
“ไม่ต้องตื่นเต้นไปครับ” ลู่โจวยิ้มและพูดว่า “จากมุมมองระยะยาว ผมแนะนำให้ดำเนินการโปรเจกต์ดาวอังคาร”
เมื่อผู้อำนวยการหลี่ได้ยินสิ่งนี้ เขาก็อึ้งไป
ลู่โจวรู้ว่าผู้อำนวยการหลี่จะมีท่าทีแบบนี้ เขาจึงพูดต่อ “แล้วก็ผมไม่ได้พูดถึงการปล่อยตัวเชิงสัญลักษณ์ มันควรถูกเพิ่มเป็นส่วนหนึ่งของแผนกลยุทธ์การพัฒนาระยะยาวของโครงการอวกาศของประเทศเรา”
เมื่อเห็นว่าลู่โจวไม่ได้พูดล้อเล่น ผู้อำนวยการหลี่ค่อยๆ มีสีหน้าเซอร์ไพรส์น้อยลง สีหน้าของเขาค่อยๆ จริงจังขึ้น
“คุณเจอกับอะไรไหม?”
“…เจออะไรนะครับ?”
ผู้อำนวยการหลี่นั่งตัวตรงและจ้องมองตาลู่โจว เขาพูดต่อด้วยความกระตือรือร้น “ยกตัวอย่างเช่น ช่องทางไฮเปอร์สเปซ… คุณได้เจอวิธีการเสถียรในการเปิดมันไหม?”
เมื่อลู่โจวเห็นว่าผู้อำนวยการหลี่เข้าใจสิ่งที่เขาพูดผิดไป ลู่โจวถอนหายใจและอธิบายอย่างใจเย็น
“คุณประเมินความสามารถของผมสูงเกินไป ปัญหาประเภทนี้ต้องใช้โฟกัสของทั้งอารยธรรมและเวลาหลายสิบปีหรือกระทั่งหลายร้อยปีเพื่อแก้ไข แต่เมื่อพูดถึงช่องทางไฮเปอร์สเปซ จริงๆ แล้วมันก็เกี่ยวข้อง”
ผู้อำนวยการหลี่ถาม “ยังไง?”
“ลองคิดดูว่าทำไมไม่มีรถไฟความเร็วสูงในสิงคโปร์”
“สิงคโปร์ต้องการรถไฟความเร็วสูงประเภทไหนล่ะ?” ผู้อำนวยการหลี่พูดพร้อมรอยยิ้ม “พวกเขาตัวเล็ก พวกเขาเดินจากฝั่งหนึ่งของประเทศไปอีกฝั่งได้ จนกว่าจะมีรถไฟความเร็วสูงนานาชาติ มันไม่มีความจำเป็นที่ต้องสิ่งแบบนั้น”
“แค่นั้นแหละครับ” ลู่โจวดีดนิ้วและพูดว่า “คนจำนวนมากไม่เข้าใจตรรกะของการพัฒนาเชิงเทคโนโลยี มันไม่ได้เป็นเพราะว่าช่องทางไฮเปอร์สเปซที่เราขยายไปโลกที่ห่างไกลกว่า มันเป็นเพราะว่าเราอยากขยายขอบเขตของเรา เราจึงพัฒนาเทคโนโลยีที่สามารถทำตามความปรารถนาของเราได้”
“วิทยาศาสตร์เป็นสิ่งบริสุทธิ์ แต่เทคโนโลยีถูกสร้างขึ้นเพื่อแก้ไขปัญหา เมื่อเรามีความต้องการจริงๆ สำหรับการนำทางและการสื่อสารเร็วกว่าแสง เมื่อนั้นเทคโนโลยีก็จะสามารถถูกสร้างขึ้นได้ ถ้าเราอยู่บนโลกมันมีความเป็นไปได้สูงว่าปัญหานี้จะไม่ถูกแก้ไข”
ผู้อำนวยการหลี่ขมวดคิ้วและพูดว่า “งั้น…ในความเห็นของคุณ เราก็ควรคิดแผนถึงสถานที่บนดาวอังคารที่คล้ายกับเขตเศรษฐกิจพิเศษก่วงฮั่นใช่ไหม? และสร้างอุปทานสำหรับการแก้ไขปัญหานี้?”
“ไม่จำเป็นต้องรีบ ค่อยเป็นค่อยไป” ลู่โจวยิ้มเบาๆ และพูดต่อด้วยน้ำเสียงจริงจัง “แต่ก็อย่างที่ผมพูดไว ไม่ว่าช่องทางไฮเปอร์สเปซสามารถถูกเปิดได้อย่างเสถียรหรือไม่ ดาวอังคารเป็นส่วนสำคัญของยุทธศาสตร์อวกาศของเรา เราสามารถพิจารณาการตั้งถิ่นฐานบนดาวอังคารก่อนซึ่งคล้ายกับสถานีวิจัยทางวิทยาศาสตร์ดาวอังคาร และหลังจากนั้นเราสามารถทำดำเนินแผนการของเราได้อย่างช้าๆ ”
ผู้อำนวยการหลี่ถามด้วยความจริงจัง “ช่วงเวลาระยะยาวนี่ยาวแค่ไหน?”
“หนึ่งร้อยปี”
“หืม…” ผู้อำนวยการหลี่สูดลมหายใจลึกและพูดว่า “หนึ่งร้อยปี… มันนานมากเลย”
“ผมจึงมีแผนตอบสนองระยะกลาง” ลู่โจวพูดพร้อมรอยยิ้ม “จนถึงตอนนี้มันเป็นเรื่องยากที่จะวางแผนเที่ยวบินเสถียรไปดาวอังคารเนื่องจากการเปลี่ยนแปลงในวงโคจร และมันก็ยากที่จะรับประกันความปลอดภัยของชาวอาณานิคมดาวอังคาร สำหรับเป้าหมายระยะกลางเราไม่จำเป็นต้องโฟกัสโดยตรงที่ดาวอังคาร แต่เราสามารถโฟกัสกับจุดลากรองจ์ได้”
ผู้อำนวยการหลี่ขมวดคิ้วและถามว่า “จุดลากรองจ์?”
ลู่โจวพยักหน้า “ถูกต้อง”
“จุดลากรองจ์ หรือว่าจุดแปล เป็นทางออกพิเศษสำหรับปัญหาปัญหาหลายวัตถุที่ถูกจำกัดไว้ในกลศาสตร์ท้องฟ้า จุด L2 เป็นจุดสำคัญของการสำรวจห้วงอวกาศลึกสากลและมีที่ตั้งอยู่ตรงจุดห่างไกลบนเส้นที่เชื่อมดวงอาทิตย์กับโลก แต่สิ่งที่ผมพูดถึงไม่ใช่ L2 แต่ผมกำลังพูดถึง L4 และ L5”
“สำหรับแผนระยะกลาง ไอเดียของผมคือสร้างสถานีอวกาศถาวรที่ L4 หรือ L5 เพื่อทำภารกิจเคลื่อนย้ายวัสดุ จัดการทรัพยากรแร่ จอดยาน ทำการซ่อมแซม หรือแม้แต่การผลิต”
ถ้าปราสาทจันทราเป็นด่านหน้าสำหรับการควบคุมโลกและดวงจันทร์ จากนั้นฐานที่จุดลากรองจ์จะเป็นด่านหน้าของเราในการควบคุมระบบสุริยะ นอกจากมันสามารถเป็นสถานีเดินทางไปดาวอังคาร ซึ่งมันยังช่วยให้เราไปถึงดาวอังคารได้ มันจะเป็นเหมือนโรงงานของเราในอวกาศ”
ระหว่างที่ผู้อำนวยการหลี่ฟังลู่โจวอธิบาย เขารู้สึกงุนงง เขาเผลออ้าปากแล้วพยายามจะพูดอะไรออกมา แต่เขาไม่รู้ว่าจะบรรยายความรู้สึกในใจออกมาอย่างไร
ผ่านไปสักพัก เขาพูดว่า
“นี่มัน…”
ลู่โจวถาม “เพี้ยนไปใช่ไหม?”
ผู้อำนวยการหลี่ไม่ได้พูดอะไร
“ผมยอมรับว่าแผนนี้ฟังดูสุดโต่งไปหน่อย แต่จากมุมมองระยะยาวมันสามารถเป็นไปได้แน่นอน จากที่ผมพูดไว้เราไม่จำเป็นต้องทำแผนการสามปีหรือห้าปี แต่มันสามารถมองได้ว่าเป็นแผนระยะยาวที่มีวงจรวิศวกรรมยาวห้าสิบปีหรือร้อยปี”
“ในระยะสั้นโปรเจกต์นี้อาจจะสูญเปล่า แต่ผมเชื่อว่าความสูญเสียทั้งหมดจะสามารถแสดงมูลค่าได้ในอนาคต ความร่ำรวยนี้จะนำผลประโยชน์อย่างมากมาให้ลูกหลาน ถึงแม้ว่าตอนนี้จะดูไม่ทำกำไรเลย”
หลังจากหยุดพูดไปสักพัก ลู่โจวพูดต่อ “มันไม่ได้ขาดทุนเลยทีเดียว อย่างน้อยอุตสาหกรรมการบินและอวกาศจะรุ่งเรืองเนื่องจากแผนหนึ่งร้อยปีนี้”
ผู้อำนวยการหลี่รู้สึกประทับใจจากคำพูดของลู่โจว
ผู้อำนวยการหลี่พยักหน้าขึงขังหลังจากคิดถึงเรื่องนี้อยู่นาน
“ผมจะส่งต่อคำพูดของคุณไปที่ถนนฉางอาน ผมไม่สามารถการันตีได้ว่ามันจะสำเร็จหรือไม่… เอาจริงแล้วผมเกรงว่าเบื้องบนไม่สามารถตัดสินใจเรื่องแบบนี้ได้ ผมทำได้แค่บอกผลให้คุณฟังหลังการประชุม”
ลู่โจวพยักหน้า
“ขอบคุณมากครับ”
ผู้อำนายการหลี่พูดด้วยความลังเล “คุณมีแผนการอะไรบ้างไหม? ถ้าคุณมี ได้โปรดทำสำเนาให้ผมด้วย ในท้ายที่สุดแล้วถ้ามันมีแผนที่ชัดเจนมันจะดีกว่าและดูน่าสนใจกว่า”
“ผมนึกแล้วว่าคุณจะพูดแบบนั้น ผมเลยเตรียมเอาไว้แล้ว”
ลู่โจวยิ้มแล้วหยิบซองเอกสารออกมาจากใต้โต๊ะกาแฟ เขาวางมันที่โต๊ะกาแฟและดันมันมาเบาๆ ไปให้ผู้อำนวยการหลี่
ผู้อำนวยการหลี่มองดูเอกสารบนโต๊ะ เขาหยิบมันขึ้นมาแกะซองแล้วหยิบกระดาษแผ่นหนึ่งออกมาอย่างสบายๆ
“นี่มัน…”
จู่ๆ เขาก็นิ่งไป
ผู้อำนวยการหลี่มองดูเนื้อหาบนเอกสารอย่างไม่เชื่อสายตา สายตาของเขาเบิกกว้างราวกับว่าเขาไม่เชื่อในสิ่งที่ตาตัวเองเห็น
“…ที่อยู่อาศัยในวงโคจรด้วยการตั้งค่าสแตนฟอร์ดทอรัส พารามิเตอร์วิศวกรรมทุกค่าบนพิมพ์เขียวได้ทำคำนวณออกมาอย่างเคร่งครัด ถ้าทำได้ตามเงื่อนไขเราสามารถเริ่มก่อสร้างได้ตั้งแต่พรุ่งนี้”
ลู่โจวหยิบแก้วกาแฟขึ้นมาจากโต๊ะ เขาดื่มกาแฟแล้วพูดต่ออย่างมีความสุข “ถึงมันไม่ใช่แผนการ สิ่งนี้…น่าจะเพียงพอแล้ว ถูกต้องไหมครับ?”