Scholar’s Advanced Technological System ระบบปั้นอัจฉริยะ - ตอนที่ 131 ทำเหมือนผมไม่ได้ถาม
- Home
- Scholar’s Advanced Technological System ระบบปั้นอัจฉริยะ
- ตอนที่ 131 ทำเหมือนผมไม่ได้ถาม
ณ สนามบินนานาชาติฟิลาเดลเฟีย
โมลิน่าจอดรถแล้วเปิดประตู เธอช่วยลู่โจวเปิดท้ายรถก่อนจะเอนตัวพิงรถ
“คุณไม่อยากคิดเรื่องนี้ดูจริงเหรอ?”
ขณะที่ลู่โจวเอากระเป๋าออกจากท้ายรถ เขาก็ถาม “เรื่องไหน?”
โมลิน่าลังเล จากนั้นเธอก็ถอนหายใจแล้วกล่าว “เอาล่ะ พูดตามตรง…ฉันอยากให้คุณเข้าร่วมกลุ่มวิจัยของฉัน เพราะฉันกำลังศึกษาปัญหาที่ท้าทายมาก”
“ปัญหาอะไร?”
“ข้อคาดการณ์ของรีมัน”
“ตื่นได้แล้ว”
โมลิน่าประหลาดใจ “นี่มันไม่เหมือนคุณเลย ฉันคิดว่าคุณจะกล้าหาญกว่านี้ซะอีก”
“กล้าหาญมากพอแล้วจะแก้ข้อคาดการณ์ของรีมันได้เหรอ?” ลู่โจวกลั้วหัวเราะ
นักวิจัยทั่วโลกต่างก็อยากแก้ปัญหานี้ ใครก็ตามที่แก้มันได้จะกลายเป็นหนึ่งในนักคณิตศาสตร์ที่มีอิทธิพลมากที่สุดในประวัติศาสตร์อย่างไม่ต้องสงสัย เงินหนึ่งล้านเหรียญนั้นดูเล็กน้อยไปเลยเมื่อเปรียบเทียบกับเรื่องนี้
แล้วปัญหานี้ยากแค่ไหน?
ด้วยคณิตศาสตร์ระดับสามในปัจจุบัน ถ้าเขาให้ระบบช่วย ระบบก็คงไม่เปิดราคาในการแก้ปัญหานี้ด้วยซ้ำ ในสายตาของระบบ ปัญหานี้อยู่ไกลเกินกว่าระดับคณิตศาสตร์ในปัจจุบันของเขา
ผลการวิจัยที่ทันสมัยที่สุดมาจากนักคณิตศาสตร์ชาวอเมริกัน แคงกอรี่ ซึ่งเขาแก้มันได้สี่สิบเปอร์เซ็นต์
มันเป็นเรื่องที่ยากอย่างยิ่งที่จะผลักดันสี่สิบเปอร์เซ็นต์นี้ไปเป็นร้อยเปอร์เซ็นต์
แน่นอนมีคนมากมายพยายามกำจัดวิธีนี้เช่นกัน แต่ทุกคนก็ล้มเหลวโดยไม่มีข้อยกเว้น
กรณีคนที่มีชื่อเสียงที่สุดอาจจะเป็นเดอบราช เขาประกาศในปี 2003 ว่าเขาพิสูจน์ข้อคาดการณ์ของรีมันน์ได้ สุดท้ายเขาก็กลายเป็นที่หัวเราะเยาะ
เดอบราชไม่ได้เข้าใจปัญหาอย่างแท้จริงด้วยซ้ำ แต่ก็อ้างว่าพิสูจน์ข้อคาดการณ์ของรีมันน์ได้
ส่วนที่คุณจ้างอี้ผิงลดจำนวน ‘เจ็ดพันล้าน’ เหลือ ‘สองร้อยสี่สิบหก’ เขาก็ไม่ได้ใช้เวลาแค่ปีเดียว
ลู่โจวรู้ว่าข้อคาดการณ์ของรีมันน์อยู่อีกระดับหนึ่ง
มันไม่ใช่ว่าเขากลัวความท้าทายนี้ แต่มันเป็นเพราะเขาไม่มีเหตุผลที่จะมาท้าทายปัญหาความยากระดับฝันร้ายในตอนนี้ เขาอาจรอให้ระดับคณิตศาสตร์ของเขาเพิ่มขึ้นก่อนค่อยมาท้าทายปัญหาความยากระดับนี้
โมลิน่าสูดหายใจเข้าลึกๆและพยายามโน้มน้าวเขาเป็นครั้งสุดท้าย “อันที่จริงคุณไม่ต้องมองแง่ร้ายเกินไปก็ได้ ฉันมีความสำเร็จบ้างแล้ว…แม้ว่ามันจะเล็กน้อย แต่ฉันมั่นใจว่าภายในสามปี ฉันสามารถผลักดันตัวเลขสี่สิบเปอร์เซ็นต์ไปเป็นห้าสิบเปอร์เซ็นต์นี่อาจเป็นวิทยานิพนธ์ปริญญาเอกของฉัน! แน่นอนถ้าคุณเต็มใจช่วยฉัน ฉันเซ็นวิทยานิพนธ์ร่วมกับคุณได้…”
“นี่เป็นหนึ่งในเหตุผลที่ทำไมทฤษฎีจำนวนถึงน่าสนใจมาก” ลู่โจวถอนหายใจแล้วกล่าวเสียงเบา “ทุกคนคิดว่าตนเองกำลังจะประสบความสำเร็จ แต่เมื่อผลลัพธ์ออกมา พวกเขาจะพบว่าตนเองล้มเหลว”
ช่วงหกเดือนที่ผ่านมา มีนับครั้งไม่ถ้วนที่เขาคิดว่าเขาแก้ข้อคาดการณ์จำนวนเฉพาะคู่แฝดได้ แต่จริงๆ นั้นไม่ใช่เลย
ใครจะรู้ถ้าเขาไม่ใช้ช่วงเวลาแห่งการเกิดแรงบันดาลใจจากระบบ เขาต้องใช้เวลานานแค่ไหน?
หนึ่งปี?
สิบปี?
ไม่มีใครรู้
ท้ายที่สุดแล้วคณิตศาสตร์ก็เป็นวิชาเชิงปริมาณในตัวของมันเองอยู่แล้ว ทำงานสิบปีอาจสรุปได้แค่สิบหน้ากระดาษเท่านั้น
ลู่โจวมองดูเวลาบนโทรศัพท์แล้วกล่าว “มันเริ่มสายแล้ว ผมต้องรีบไป ขอบคุณที่มาส่งผมถึงสนามบิน ไว้มีโอกาสผมจะเลี้ยงข้าวตอบแทน”
“…ฉันจะรอคุณอยู่ตรงนี้ โลกนี้เป็นเวทีของคุณ!” โมลิน่ากล่าวขณะมองดูลู่โจวเดินจากไป
ลู่โจวได้ยินคำพูดเธอแล้วหยุดชั่วครู่ก่อนจะยิ้ม
“หัวใจของผมจะใหญ่แค่ไหน เวทีจะใหญ่แค่ไหน ไม่ว่าผมจะอยู่ที่ไหนมันก็ไม่ได้แตกต่างกัน” จากนั้นเขาก็โบกมือโดยไม่ได้หันหลังกลับแล้วกล่าว “ไว้พบกันใหม่!”
ไม่นานเขาก็หายไปท่ามกลางผู้คน
ขณะที่โมลิน่าจ้องมองไปที่ทางเข้าสนามบิน เธอก็ครุ่นคิดอยู่พักใหญ่โดยไม่ได้พูดอะไร
บนท้องฟ้า มีสายสีขาวที่ถูกทิ้งไว้เบื้องหลังเครื่องบิน
“หัวใจจะใหญ่แค่ไหน เวทีจะใหญ่แค่ไหนงั้นเหรอ…?”
เธอพูดประโยคนี้ซ้ำไปซ้ำมาและรู้สึกว่างเปล่าเล็กน้อย
จากนั้นเธอก็ส่ายหน้าแล้วเดินกลับไปที่รถ
ทันใดนั้นเองก็มีชายแต่งตัวดีเดินมาด้วยรอยยิ้มแล้วเอ่ยถาม “เฮ้ คนสวย ผมไม่ใช่คนแถวนี้ คุณช่วยส่งผมหน่อยได้ไหม?”
“เชิญเรียกอูเบอร์เลย”
โมลิน่าปิดประตูรถแล้วเหยียบคันเร่งขับรถออกไป
ชายคนนั้นยืนแน่นิ่งจ้องมองไฟท้ายหายลับสายตาไป
จากนั้นเขาก็ชูนิ้วกลางขึ้น
“แม่ง…”
…
หลังนั่งเครื่องมายี่สิบชั่วโมง ในที่สุดเครื่องก็ลงจอดที่สนามบินเซี่ยงไฮ้
ลู่โจวเปลี่ยนเครื่องไปเจียงเฉิงทันทีโดยไม่เสียเวลา
ณ สนามบินนานาชาติเจียงเฉิง…
หลังจากลงจากเครื่อง ลู่โจวก็ลากกระเป๋าเดินทางและเตรียมไปสถานีรถไฟใต้ดิน อย่างไรก็ตามเขาก็ถูกคนสองคนขวางไว้
สาวสวยและชายชุดสูทรีบเดินเข้ามาหาเขา
“สวัสดีครับ ดิฉันมาจากสถานีโทรทิศน์ซูโจว คุณคือลู่โจวใช่ไหม?”
เมื่อลู่โจวได้ยินว่าเธอมาจากสถานีโทรทัศน์ซูโจว เขาก็ช็อก เขามองไปรอบๆทันที
ฉันไม่ได้นั่งเครื่องมาผิดที่ ที่นี่คือสนามบินนานาชาติเจียงเฉิง…
เดี๋ยวนะ ข่าวที่ฉันแก้ข้อคาดการณ์จำนวนเฉพาะคู่แฝดมาถึงจีนแล้วเหรอ?
แต่ฉันยังไม่ได้ตีพิมพ์วิทยานิพนธ์อย่างเป็นทางการด้วยซ้ำ…
ลู่โจวมองนักข่าวแล้วถามด้วยความสงสัย
“มีอะไรครับ?”
อู๋ผิงยิ้ม “เรื่องเป็นแบบนี้ค่ะ มีรายการนักศึกษาอัจฉริยะที่แข็งแกร่งที่สุดในสถานีโทรทัศน์ของเรา ไม่ทราบว่าคุณเคยได้ยินไหม?”
ฉันว่ามันคงไม่เกี่ยวกับข้อคาดการณ์จำนวนเฉพาะคู่แฝด…
ลู่โจวไม่สนใจ เขาส่ายหน้าแล้วตอบ “ไม่ครับ”
เขาไม่ได้ดูทีวีมาหลายปีแล้ว ดังนั้นเขาจึงไม่รู้จักรายการโทรทัศน์เลย
เขายุ่งเกินกว่าจะมานั่งดูทีวี
รูมเมทเขาเคยดูทีวี แต่ส่วนใหญ่เขาจะเหลือบมองเป็นครั้งคราวเท่านั้น
อู๋ผิงมีสีหน้ากระอักกระอ่วน เธอกระแอมเบาๆ “คือแบบนี้ค่ะ อัจฉริยะที่แข็งแกร่งที่สุดเป็นหนึ่งในรายการที่ได้รับความนิยมมากที่สุดในแพลตฟอร์มของเรา มีหกทีม ทีมละสี่คน แต่ละทีมจะมีผู้เชี่ยวชาญคณิตศาสตร์ ฟิสิกส์ เคมีและชีวเคมี ทุกทีมต้องแข่งขันกันเพื่อเป็นทีมที่แข็งแกร่งที่สุด! เราได้ยินว่าคุณแก้ข้อคาดการณ์ของโจวได้ เราจึงอยากถามว่าคุณสนใจไหม…”
“ไม่สนใจ” ลู่โจวส่ายหน้าแล้วพยายามเดินไป
นักข่าวสาวกังวล ดังนั้นเธอจึงรีบหยุดเขา
“โอ้ เดี๋ยวก่อนค่ะ! เรามีค่าจ้างให้ด้วย”
ลู่โจวหยุดเดิน “เท่าไหร่ครับ?”
อู๋ผิงยิ้มหวาน
“ห้าพันหยวนค่ะ”
“…”
ลู่โจวไม่พูดอะไร เขาหันหน้ากลับแล้วเดินจากไป
“ทำเหมือนผมไม่ได้ถามแล้วกัน”
…………………………………….