Scholar’s Advanced Technological System ระบบปั้นอัจฉริยะ - ตอนที่ 1318 ความทรงจำลำดับที่สาม
- Home
- Scholar’s Advanced Technological System ระบบปั้นอัจฉริยะ
- ตอนที่ 1318 ความทรงจำลำดับที่สาม
“ฮัดชิ่ว!”
ลู่โจวนั่งอยู่บนเตียงข้างคอมพิวเตอร์ในห้องแล็บใต้ดินที่สถาบันจินหลิงเพื่อการศึกษาขั้นสูง
โดรนที่มีหน้าจอขนาดเล็กบินมา ราวกับว่ามันกลัวการจาม
[เจ้านาย เจ้านายเป็นหวัดเหรอ? อยากให้เสี่ยวไอตรวจร่างกายไหม?]
“ไม่ต้อง ฉันสบายดี” ลู่โจวพูดพึมพำกับตัวเองด้วยเสียงเงียบ “ฉันเดาว่าต้องมีคนแอบนินทาลับหลังอยู่… มาต่อเลยดีกว่า”
[โอเค Q( ́・ω・`)]
ถึงแม้ว่าเสี่ยวไอยังกังวลอยู่เล็กน้อย แต่คำของลู่โจวเป็นคำสั่ง แขนหุ่นยนต์ที่ติดอยู่ตรงกำแพงยื่นหมวกความจริงเสมือนให้ลู่โจว
ลู่โจวยื่นมือไปหยิบหมวก เขาสวมใส่มันด้วยความระมัดระวังแล้วนอนเอนตัวลงบนที่นอนนุ่ม
เทคโนโลยีล้ำหน้าขึ้นเรื่อยๆ เขายังจำตอนที่ระบบแฟนธอมเปิดตัวได้ หมวก VR ที่ถูกเปิดตัวโดยผู้ผลิตรายใหญ่มีขนาดเทอะทะและมีหน้าตาเหมือนหมวกนิรภัยมอเตอร์ไซค์
แต่ตอนนี้ทั้งหัวเหว่ย เสี่ยวมี และบริษัทอื่นได้เปิดตัวหมวกทันสมัยที่เบาเป็นพิเศษของตัวเอง การสวมใส่มันไม่ได้ทำให้รู้สึกไม่สบายเลย
หลังจากตั้งเวลาทำงานของเครื่องอินเตอร์เฟสระบบประสาท ลู่โจวหลับตาและพึมพำ “ระบบ” ในใจ เขาเข้าสู่ระบบสีขาวบริสุทธิ์ในเวลาไม่นาน
…
ความทรงจำเริ่มขึ้น
เมื่อลู่โจวลืมตาขึ้นอีกครั้ง เขาอยู่บนผืนหญ้า
แต่ที่นี่ต่างออกไปจากผืนหญ้าบนโลกโดยสิ้นเชิง
หญ้าที่นี่มีสีน้ำเงินเหมือนกับมหาสมุทรไม่มีที่สิ้นสุดและพลิ้วไหวตามสายลม หญ้ามีสีตัดกับท้องฟ้าสีส้มและมีพลังงานในอากาศที่หยุดลมหายใจ
ที่อีกฟากของขอบฟ้ามีดาวเคราะห์ก๊าซสีแดงที่ใหญ่กว่าดวงอาทิตย์หลายเท่ามาก มันกินพื้นที่หนึ่งในสามของท้องฟ้า
บุคคลที่ยืนอยู่บนผืนหญ้านี้นิ่งไม่ขยับตัวราวกับว่ากำลังรอคอยอะไรบางอย่าง ชายคนนั้นมองดูทุกอย่างเงียบๆ ราวกับว่ากำลังจารึกความสวยงามของภาพที่เห็นไว้ในสมอง…
เขาไม่อาจขยับแขนขาได้ แต่ประสาทสัมผัสของเขายังปกติอยู่ ลู่โจวรู้สึกผูกติดกับร่างกายนี้เหมือนกับวิญญาณ เขารู้ในทันทีว่ากำลังเกิดอะไรขึ้น
ดาวเคราะห์คล้ายโลกภายใต้เท้าของเขาน่าจะเป็นดวงจันทร์ของดาวเคราะห์ก๊าซดวงนี้
เมื่อดูจากภูมิประเทศ กิจกรรมทางธรณีวิทยาของดาวเคราะห์ทั้งดวงดูเหมือนว่าจะเสถียร นอกจากนี้ระบบนิเวศของดาวนี้น่าจะเรียบง่ายกว่าโลก และมันไม่มีร่องรอยการพัฒนาของสิ่งมีชีวิตที่มีสติปัญญา
ทันใดนั้นลมเริ่มจะมีเสียงดัง
เมื่อลู่โจวรู้สึกถึงลมแรง เขาอดไม่ได้ที่จะหลับตาลง
เมื่อเขาหลับตาลง ความทรงจำที่ไม่ใช่ของเขาหลั่งไหลเข้ามาในหัวเหมือนน้ำท่วม
เขายืนอยู่ในสนามรบวงแหวนยุคโรมันและเขาได้เอาชนะคู่แข่งด้วยดาบเหล็กในมือ
เลือดเปรอะเปื้อนไปทุกที่
ชายที่ดูเหมือนกรรมการยืนอยู่ตรงหน้าเขา กรรมการยกมือขึ้นท่ามกลางเสียงเชียร์ของผู้ชมและประกาศชัยชนะของเขา
หลังจากนั้นฉากเปลี่ยนไปอีกครั้ง ครั้งนี้เขาไม่ได้อยู่ในสนามรบแล้ว เขาอยู่ในห้องโถงขนาดกว้างขวาง
ผู้ชายในชุดผู้รับใช้พระเป็นเจ้าวางหินที่ส่องแสงสีเขียวบนหน้าผากของเขาและพึมพำภาษาที่แม้แต่อารยธรรมของผู้สังเกตการณ์ไม่สามารถแปลได้ จากนั้นเขาวางหินไว้บนฝ่ามือ
จากชิ้นส่วนความทรงจำ ลู่โจวนึกออกอย่างคร่าวๆ ว่าใครเป็นเจ้าของความทรงจำนี้และอะไรเกิดขึ้นก่อนความทรงจำนี้
เริ่มจากจุดที่สำคัญที่สุด ความทรงจำนี้มาจากอารยธรรมคาลาน มันเป็นของกลุ่มที่ดูคล้ายแมว ซึ่งมีชื่อว่าอารยธรรมพัค
ร่างกายของพวกมันถูกปกคลุมด้วยขนเฟอร์และมีส่วนสูงระหว่างหนึ่งเมตรถึงหนึ่งเมตรห้าสิบเซนติเมตร พวกนั้นมีกรงเล็บที่ยืดหยุ่น เท้าแข็งแกร่ง และหูสัตว์ที่ลุกตั้ง พวกมันดูเหมือนแมวตัวใหญ่ที่เดินตัวตั้งตรงและไม่มีหาง
พวกนี้ใช้เวลานานเพื่อเข้ายุคอุตสาหกรรมเนื่องจากขาดแร่ธาตุเหล็กบนดาวแม่ อารยธรรมของพวกนี้ถูกสร้างขึ้นระหว่างยุคเหล็ก
การเข้าสู่ยุคอุตสาหกรรมในฐานะอารยธรรมเดี่ยวมีทั้งข้อดีและข้อเสีย
ข้อดีคือความขัดแย้งภายในอารยธรรมจบลงในยุคสงครามเย็น ถึงแม้ว่ามีการเปลี่ยนแปลงการปกครองและการรุ่งเรืองระหว่างยุค การวิวัฒนาการสามารถแก้ไขปัญหาท้องถิ่นขนาดเล็กได้อย่างราบรื่น
เครื่องกลอุตสาหกรรมของอารยธรรมพัคไม่เคยเข้าสู่ด้านการทหารอย่างจริงจัง
แม้ว่าจะมีความขัดแย้งในอารยธรรม ความขัดแย้งของพวกเขาต่างไปจากอารยธรรมมนุษย์
ยกตัวอย่างเช่น พวกเขามีแนวโน้มแก้ไขปัญหาผ่านการปะทะด้วยอาวุธโบราณแทนที่จะใช้การเจรจา
พวกนั้นมีแนวโน้มที่จะสนับสนุนเกียรติยศมากกว่ามองว่าศีลธรรมเป็นเครื่องจำกัดพฤติกรรม
วงจรชีวิตระยะสั้นทำให้พวกมันดูถูกความเป็นและความตาย และพวกนี้เชื่อในการกลับมาเกิดและชีวิตหลังความตาย… ถึงแม้ว่าวิทยาศาสตร์ของพวกนี้ไม่ได้พิสูจน์สองเรื่องนี้จริงๆ
ลู่โจวสังเกตเมื่อประสบเศษเสี้ยวความทรงจำได้ว่ามีชนชั้นนักบวชและขุนนางจำนวนมากในอารยธรรมพัค
ผู้นำด้านจิตวิญญาณของนักบวช ซึ่งเป็นอาชีพที่ถูกเรียกว่าผู้พยากรณ์ได้มีบทบาทที่สำคัญมากกว่ากษัตริย์ในความรุ่งเรืองและการล่มสลายของทั้งอารยธรรม
พวกนี้เต็มไปด้วยอุดมคติและความเผด็จการ ระดับวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีน่าจะอยู่ในยุคอินเตอร์สเตลลาร์ช่วงต้นและช่วงกลาง ไอเดียการพัฒนาของพวกนี้แตกต่างไปจากจักรวรรดิคาลานโดยสิ้นเชิง
พวกมันดูเหมือนจะไม่มีแนวคิดของการตัดสินประหารชีวิต ซึ่งได้รับการสนับสนุนจากอัตลักษณ์ที่มีวัฒนธรรมสูงและความเป็นเอกภาพ ก่อนที่พวกนั้นได้ช่ำชองในการสื่อสารความเร็วกว่าแสง อาณานิคมและดาวแม่ได้คงรักษาเอกภาพที่คาดไม่ถึง
แทนที่จะสร้างบ้านเรือน คนเหล่านี้มักอาศัยอย่างสันโดษ พวกนั้นมีแนวโน้มที่จะอพยพไปดาวเคราะห์ที่ห่างไกลและว่างเปล่าและทำทุกอย่างเท่าที่เป็นไปได้เพื่อครอบครองที่ดินมากขึ้น ถึงแม้ว่ามันจะเป็นที่รกร้างที่ไม่ได้รับการพัฒนา
ชาวพักที่สันโดษเหมือนกับแมวสามารถใช้เวลาบนทุ่งหญ้าได้ทั้งวัน เหมือนกับชาวคาลานที่ชอบสูดอากาศกลิ่นโลหะรอบโลก
ดาวผืนหญ้าภายใต้เท้าของเขาเป็นหนึ่งในดาวเคราะห์อาณานิคมหลายร้อยดวงในอาณานิคมพัค
ร่างกายที่ลู่โจวอยู่เป็นร่างของนักรบที่มีชื่อว่า ‘นัวร์’ เมื่อไม่กี่วันก่อนเขาพึ่งเอาชนะคู่ต่อสู้ในการดวงในนามของบัญชาพระเจ้าและกลายเป็นผู้ถูกเลือก
ผู้พยากรณ์มีบทบาทสำคัญในกระบวนการทางประวัติศาสตร์ของอารยธรรมพัค ผู้ถูกเลือกเป็นมือขวาของผู้พยากรณ์
ผู้พยากรณ์เห็นอนาคตผ่านพิธีกรรมพลังจิต ผู้พยากรณ์บอกผู้ถูกเลือกว่า ‘พิธานในอนาคต’ คืออะไร และสั่งให้ผู้ถูกเลือกทำตามภารกิจ
ในความเป็นจริงระหว่างการประสบกับความทรงจำนี้ลู่โจวคลางแคลงใจในความเคร่งครัดของพิธีกรรมและอนาคตสามารถถูกทำนายโดยวิธีการที่ไม่น่าเชื่อถือนี้ได้จริงเหรอ
แต่อารยธรรมพัคดูเหมือนว่าจะเชื่อในสิ่งนี้
แม้ว่ามีเพียงไม่กี่ครั้งในประวัติศาสตร์ที่ผู้ถูกเลือกทำใน ‘สิ่งที่ถูกต้อง’ ซึ่งเป็นประโยชน์ต่ออารยธรรม…
จากมุมมองนี้ เอเลี่ยนขนนุ่มพวกนี้ดูเหมือนจะเพิกเฉยต่อประวัติศาสตร์
แต่ในแง่ของด้านเทคโนโลยี เอเลี่ยนขนฟูดูจะล้ำหน้ามากกว่าอารยธรรมมนุษย์ ลู่โจวไม่ได้อยู่ในตำแหน่งที่จะดูถูกเอเลี่ยนพวกนี้…
เขาได้ยินเสียงฝีเท้ามาจากด้านหลัง
พัคลืมตาขึ้นและหันไปมอง เขาเห็นลำแสงฟุ้งตกลงมาจากกลุ่มเมฆในระหว่างที่มีร่างหนึ่งค่อยๆ ปรากฏตัวขึ้น
รังสีแรงโน้มถ่วง?
ต้านแรงโน้มถ่วง?
หรือ… เทคโนโลยีสักประเภท?
ลู่โจวไม่รู้ว่าเทคโนโลยีมหัศจรรย์ที่พัคพวกนี้ใช้เดินทางระหว่างวงโคจรสูงและพื้นผิวดวงดาวคืออะไร ลู่โจวมองดูพัคชราที่ปรากฏขึ้นจากลำแสง เขาพยายามหาเบาะแสจากเศษเสี้ยวความทรงจำที่กระจัดกระจาย
แต่ก็มีบางอย่างแปลกๆ เกิดขึ้น
ถึงแม้ว่ามีความทรงจำเกี่ยวกับพัคชราในความทรงจำของนัวร์ ชื่อของเขาไม่ปรากฏขึ้น
ลู่โจวรู้สึกเซอร์ไพรส์กับสถานการณ์ประหลาดนี้ ‘ชายแมว’ ชราก็พูดขึ้นกะทันหัน
“ขอแสดงความยินดีด้วย นักรบนามว่านัวร์”
นัวร์ก้มหัวอย่างถ่อมตนและพูดว่า
“ขอบคุณนะครับ”
“ไม่ต้องขอบคุณข้าหรอก ทุกสรรพสิ่งเป็นไปตามจิตวิญญาณแห่งจักรวาล”
พัคชรายิ้มและสำรวจใบหน้าพัคอายุน้อยตรงหน้าด้วยความตั้งใจ เขาพยักหน้าเบาๆ และพูดว่า “จากการนำทาง ผู้ที่กล้าที่สุดของอารยธรรมได้มาอยู่ต่อหน้าข้า เมื่อนานมาแล้วข้ารู้สึกตื่นกลัวกับพิธีกรรมทางจิตและคำทำนาย แต่ตอนนี้ข้าเชื่อแล้วว่าทั้งหมดนี้เป็นการจัดการที่ดีที่สุด”
นัวร์ไม่ได้พูดอะไรตอบ เขายังคงมีทัศนคติถ่อมตน เขารอคอยให้ชายชราตรงหน้าบอกคำพยากรณ์ที่เป็นของผู้ถูกคัดเลือก
นี่เป็นบทสนทนาทั่วไป
แต่ครั้งนี้ชายชราไม่ได้ตั้งใจจะพูดอะไรมาก หลังจากจ้องมองเขาเป็นเวลานานเขาก็ได้พูดสรุปคำพยากรณ์ทั้งหมดอย่างคร่าวๆ
“ภัยพิบัติธรรมชาติกำลังคืบคลานเข้ามาและไม่มีใครรอด มันมีเปลวไฟจากอาณาเขตดินแดนศักดิ์สิทธิ์… หน้าที่ของเจ้าคือไปศูนย์กลางของกาแล็กซี่นี้และหาทางรอดให้อารยธรรมของเรา”
เขารู้สึกเซอร์ไพรส์กับคำทำนาย นัวร์รีบถาม “ข้าจะหามันได้อย่าง—”
“ชู่ว”
ชายชราใช้อุ้งมือแห้งแตะที่ปากของนัวร์ขัดคำถามของนัวร์ เขามองหน้านัวร์และพูดว่า “เมื่อเจ้าไปถึงที่นั่น เจ้าจะรู้เองว่าต้องทำอย่างไร… มันเป็นโชคชะตาของเจ้า”
นัวร์พยักหน้าเงียบๆ และไม่พูดอะไรออกมา
เมื่อเห็นว่าชายหนุ่มตรงหน้าฟังที่เขาพูด ชายชรามีรอยยิ้มชอบใจ
“ยานอวกาศและสัมภาระพร้อมแล้ว”
“ขอให้เจ้าพบกับแสงสว่างแห่งความหวังที่จุดกึ่งกลางของจักรวาลนี้”
อยู่ดีๆ ชายชราหยุดพูด
หลังจากเงียบไปสักพักเขาก็พูดด้วยน้ำเสียงโล่งอก
“ถึงแม้ว่าเจ้าหามันไม่เจอ เจ้าไม่จำเป็นต้องโทษตัวเอง”
“กรรมพันธุ์ เลือดเนื้อ กระดูก วัฒนธรรม และภาษาของเจ้า ทุกอย่างเป็นหลักฐานว่าเรามีอยู่ ถึงแม้ว่าดินแดนศักดิ์สิทธิ์ได้ถูกภัยพิบัติแห่งจักรวาลกวาดล้างไปในที่สุด เราจะไม่ถูกลืมเลือน”
“ดินแดนศักดิ์สิทธิ์ถูกกวาดล้าง? มันจะเป็นไปได้อย่างไร! ภัยธรรมชาติ… ท่านเห็นอะไรงั้นเหรอ? ไม่… ข้าไม่ควรถามอะไรแบบนี้”
นัวร์เงยหน้าขึ้นทันทีและวางหมัดขวาไว้บนหน้าอกอย่างแผ่วเบา เขามองชายชราตรงหน้าเขาอย่างแน่วแน่และให้คำสัญญา “ข้าจะไปถึงจุดศูนย์กลางของกาแล็กซี่นี้และหาวิธีจัดการวิกฤตให้ได้!”
ชายชราเพียงแค่ยิ้มเบาๆ
“อย่ามั่นใจเกินไป มันเป็นแค่การเดินทางหลายแสนปีแสง มันไม่ใช่อันตรายจากจักรวาลเอง เจ้าอาจจะพบนักเดินทางหลายคนที่ได้รับแรงบันดาลใจจากจักรวาล ซึ่งท่ามกลางคนพวกนั้นมีหลายคนที่แข็งแกร่งกว่าเรา ไม่ใช่นักท่องเที่ยวทุกคนที่มีเจตนาดี การเอาตัวรอดไม่ใช่เรื่องง่าย”
“แต่ข้าเชื่อในตัวเจ้า”
นัยน์ตาของเขาเต็มไปด้วยความเมตตา
ราวกับว่าเขามองดูลูกตัวเอง ชายชรามองเขาอย่างระมัดระวัง เหมือนว่าเขาอยากจำช่วงเวลาครั้งสุดท้ายนี้ไปตลอด
นัวร์ก็เช่นกัน ทั้งสองจ้องหน้ากันและปล่อยให้ลมที่ผืนหญ้าพัดบอกอย่างแผ่วเบา
พวกเขาไม่รู้ว่าการเดินทางแค่นี้จะยาวนานแค่ไหน
ถึงแม้ว่าจะถึงปลายทางแล้ว มันอาจจะไม่มีโอกาสกลับมาที่นี่อีกครั้ง
แต่ลู่โจวไม่ได้ใส่ใจกับช่วงเวลากินใจนี้
เนื่องจากความสนใจของเขาทั้งหมดโฟกัสอยู่ที่การคาดการณ์เกี่ยวกับภัยพิบัติธรรมชาติ
แต่เมื่อลู่โจวกำลังคิดถึงเบาะแสของภัยพิบัติธรรมชาติ ทันใดนั้นเขาเห็นประกายความแหลมคมจากสายตาชายชรา
ความแหลมคมนี้ไม่สามารถสังเกตได้ง่ายแต่การมีอยู่ของมันเด่นชัดและเต็มไปด้วยอำนาจ
สายตาของเขาเป็นดั่งใบมืดแหลมคม มันทะลุทะลวงเข้าไปถึงกระดูก
ลู่โจวรู้สึกงงเล็กน้อยกับการเปลี่ยนแปลงในเนื้อเรื่องนี้
ลู่โจวครุ่นคิดว่าทำไมชายชราคนนี้ถึงจู่ๆ ก็มอง ‘ผู้ถูกเลือก’ ด้วยสายตาแหลมคม ความรู้สึกแปลกก็คืบคลานเข้ากะโหลกของเขากะทันหัน
การอธิบายที่มาและความรู้สึกนี้อย่างชัดเจนเป็นเรื่องยาก
ลู่โจวพยายามอ่านเบาะแสจากสายตาของชายชรา อยู่ดีๆ มีความคิดน่ากลัวเกิดขึ้น
ชายชรา…กำลังจ้องฉันอยู่!