Scholar’s Advanced Technological System ระบบปั้นอัจฉริยะ - ตอนที่ 132 ตรุษจีนที่บ้าน
เรียลลิตี้โชว์แนววิทยาศาสตร์? ฟังดูน่าเบื่อ
คุณอยากให้ฉันลุกจากเตียงเพื่อห้าหมื่นหยวนงั้นเหรอ?
บางทีถ้าเพิ่มศูนย์อีกตัว ฉันอาจเก็บไปพิจารณาดู
สุดท้ายลู่โจวก็ทิ้งนักข่าวสายแล้วขึ้นรถไฟใต้ดิน
ทุกครั้งที่เขากลับมาบ้าน เขาก็อดชื่นชมความสะดวกสบายของจีนไม่ได้ จากเครื่องบินก็ไปขึ้นรถไฟใต้ดิน จากรถไฟใต้ดินก็ไปขึ้นรถไฟความเร็วสูง เขาสามารถขึ้นรถไฟความเร็วสูงกลับบ้านได้โดยตรง
ระบบขนส่งสาธารณะของจีนหาที่ไหนไม่ได้อีกแล้ว
ระบบขนส่งแบบนี้เป็นไปไม่ได้เลยในอเมริกา
เมื่อลู่โจวลงจากรถไฟความเร็วสูง เขาก็ขี้เกียจเกินกว่าจะไปนั่งรถบัส ดังนั้นเขาจึงเรียกแท็กซี่นอกสถานี
พอเขากลับมาถึงบ้าน เขาก็มองดูต้นหลิวที่คุ้นเคยนอกบ้าน มันเป็นเหมือนตอนที่เขาจากไปไม่เคยเปลี่ยน
เมื่อลู่โจวลากกระเป๋าเดินทางไปที่หน้าประตู เขาก็รู้สึกตื่นเต้นระคนกังวล เขาสูดหายใจเข้าลึกๆก่อนจะกดกริ่ง
ติ๊ง หน่อง…
แทบจะทันใดก็มีเสียงฝีเท้าดังมาจากด้านหลังบานประตู
ไม่นานประตูก็เปิดออก และใบหน้าที่คุ้นเคยก็ปรากฏอยู่เบื้องหน้า
“ใครคะ…ลูก?”
เมื่อฟางเหมยเห็นหน้าลูกชาย ใบหน้าของเธอก็สว่างวาบ เธอกล่าว “ลูกกลับมาแล้ว? เข้ามาสิ! ทำไมลูกไม่บอกแม่ล่ะว่าลูกจะกลับมา?”
“ผมอยากเซอร์ไพรส์แม่!”
ลู่โจวยิ้มแล้วลากกระเป๋าเดินทางเข้าบ้าน
ฟางเหมยคว้ากระเป๋าเดินทางแล้วตะโกนไปทางห้องน้ำ “ที่รัก รีบออกไปซื้อปลามาหน่อย คืนนี้เราจะทำปลาให้ลูกชายกิน”
“ห๊ะ? ลูกกลับมาแล้ว?”
เสียงพ่อดังทะลุห้องน้ำมาแล้วตามมาด้วยเสียงชักโครก
ลู่โจวรีบส่ายหัว “แม่ ไม่เป็นไรครับ ผมกินอะไรก็ได้ แม่ไม่ต้องเหนื่อยหรอก”
ฟางเหมยยิ้ม “ลูกหมายความว่าไง แม่แข็งแรงมาก! แม่อยากทำอาหาร!”
พ่อของลู่โจวกำลังล้างมือ เมื่อเขาออกมาจากห้องน้ำ เขาก็ตะโกน “ลูก! มาให้พ่อดูหน่อยว่าสูงขึ้นแค่ไหนแล้ว!”
“สูงขึ้น สูงขึ้น…พ่อมาดูนี่สิ ผมซื้อของฝากมาด้วย ผมซื้อให้น้องกับแม่ด้วยเหมือนกัน” ลู่โจวกล่าว จากนั้นเขาก็เปิดกระเป๋าเดินทางแล้วหยิบเอาไวน์แดงสองขวดกับครีมบำรุงผิวสองกล่องให้พ่อกับแม่
พ่อกล่าว “…ลูกซื้อไวน์? พ่อไม่ได้บอกหรอกเหรอว่าอย่าใช้เงินเสียเปล่า? ไวน์นี่เท่าไหร่?”
“มันไม่แพงเลย มันไม่กี่ร้อยเหรียญเอง มันไม่ใช่ของแบรนด์หรู แถมนี่ก็ไม่ใช่เงินผม มันเป็นเงินเหลือจากเงินทุนเดินทาง” ลู่โจวกล่าวด้วยรอยยิ้ม
เขาไม่อาจเก็บเงินที่ได้จากมหาวิทยาลัยไว้ได้ เขาจึงต้องใช้มันทั้งหมด
“เหรียญดอลลาร์?” เฒ่าลู่ถาม “ลูก…ซื้อมาจากอเมริกา?”
“ครับ” ลู่โจวกล่าวด้วยรอยยิ้ม “ผมไปเข้าร่วมงานประชุมที่พรินซ์ตันมาใช่มั้ยล่ะครับ? ผมเลยซื้อของฝากมาด้วย”
เฒ่าลู่กับฟางเหมยมองหน้ากันเอง จากนั้นก็ยิ้มอย่างเก้ๆกังๆแล้วกระแอม “พ่อคิดว่าพรินซ์ตันที่ลูกพูดถึงทางโทรศัพท์มันเหมือนกับแชงกรีล่าที่จินหลิง…ลูกไปอเมริกา? ทำไมไม่บอกพ่อล่ะ?”
ลู่โจว “???”
…
ช่วงปิดเทอมฤดูหนาวไม่มีเรียนพิเศษตอนเย็น เสี่ยวถงจึงกลับบ้านมาตอนหกโมงครึ่ง
เมื่อเธอเห็นลู่โจวนั่งอยู่ในห้องนั่งเล่น แววตาของเธอก็เปล่งประกาย เธอร้องตะโกน “พี่ชาย!” ก่อนจะรีบเข้ามาหาด้วยความตื่นเต้น
เธอไม่ได้เห็นเขามานานมาก
ลู่โจวจำไม่ได้เลยว่าเธอจะติดเขาขนาดนี้
อย่างไรก็ตามพวกเขาไม่ได้เจอกันเป็นปีแล้ว
คืนนี้ฟางเหมยทำอาหารเต็มโต๊ะราวกับว่ามีงานตรุษจีน
เฒ่าลู่หยิบเหล้าออกมาจากตู้แล้วรินให้ลูกชายกับตัวเอง
“มาดื่มกับพ่อมา”
“ดื่ม!”
เมื่อเสี่ยวถงเห็นพวกผู้ชายกำลังดื่มกัน เธอก็กล่าว “พ่อ อย่าดื่มมากนะ พี่ก็เหมือนกัน พ่ออุตส่าห์เลิกดื่มได้แล้ว แต่พี่ดันซื้อไวน์สองขวดกลับมา”
“ไม่เป็นไร วันหยุดทั้งที มากินกันเถอะ” ฟางเหมยกล่าวด้วยรอยยิ้มแล้วตักอาหารใส่จานลูกชาย
“แม่ ไม่เป็นไรครับ แม่ไม่ต้องดูแลผมก็ได้” ลู่โจวตอบ
ครอบครัวเขากระตือรือร้นมากจนเขาเขินหน่อยๆ
เสี่ยวถงกล่าว “โอ้ หนูเข้าใจแล้ว พอพี่กลับมา หนูก็ตกกระป๋อง ไม่สิ หนูต้องเข้ามหาวิทยาลัยดีๆได้เหมือนกัน”
ลู่โจวรู้นิสัยชอบแข่งขันของน้อง เขาจึงไม่ได้ตอบอะไร เขาตักปลามาใส่จานเธอแทน
“พี่หวังว่าน้องจะทำดีที่สุด เอ้ากินปลานี่สิ มันช่วยบำรุงสมอง”
“ฮิฮิ พี่ดีกับหนูเกินไปแล้ว”
“ฮ่าๆ ด้วยความยินดี”
“…”
มื้อเย็นมีชีวิตชีวามาก
ความสุขของการได้พบกันอีกครั้งหลังไม่ได้เจอกันนานเปล่งประกายที่โต๊ะอาหาร
คืนนี้ลู่ปังกั๋วดื่มเข้าไปมากเลยทีเดียว
มันหาได้ยากมากที่เขาจะเมา
หลังมื้อเย็น ลู่ปังกั๋วก็นั่งดูข่าวอยู่บนโซฟา เขาตบไหล่ลูกชายแล้วทอดถอนใจ
“ลูก สิ่งที่พ่อหวังที่สุดก็คือการได้เห็นลูกได้ดีกว่าพ่อ พ่อไม่จบมัธยมปลายด้วยซ้ำ พ่อมันคนไร้การศึกษา แต่ลูกก็ทำสำเร็จแล้ว! จากนี้ไปชีวิตของลูกเป็นของลูกแล้ว ลูกต้องตัดสินใจทุกอย่างด้วยตนเอง!”
ลู่โจวไม่ได้ดื่มมากนัก แต่เขาเมาเล็กน้อยเช่นกัน เขายิ้มแล้วตอบ “ไร้การศึกษาหมายความว่าไง! พ่อเป็นพ่อของนักคณิตศาสตร์ นั่นหมายความว่าพ่อมีการศึกษาเหมือนกัน”
“เฮ้ พอลูกพูดแบบนี้…มันก็สมเหตุสมผล? นั่นก็หมายความว่าพ่อมีการศึกษาเหมือนกันเหรอ?”
ไม่นานลู่ปังกั๋วก็นอนกรนคาโซฟา
ลู่โจวหยิบรีโมทแล้วลดเสียงทีวี
เมื่อเสี่ยวถงช่วยแม่ทำความสะอาดเสร็จ เธอก็วิ่งมาที่โซฟาแล้วถามพี่ชายเธอด้วยความกระตือรือร้น
“พี่ไปอเมริกามาจริงเหรอ!”
ลู่โจวกรอกตามองบน “จริงสิ อย่าบอกพี่นะว่าน้องไม่รู้จักพรินซ์ตันเหมือนกัน?”
เสี่ยวถงพลันคว้าแขนของเขาแล้วถามด้วยรอยยิ้ม “พี่ แล้วของฝากหนูล่ะ?”
ลู่โจวก็รู้กลเม็ดของเธอเป็นอย่างดี เขาถอนหายใจแล้วกล่าว “ของขวัญน้องอยู่ในกระเป๋าเดินทาง แต่พี่ควรให้เรามั้ย?”
เสี่ยวถงกล่าวอย่างน่าสงสาร “ควรให้ยังไง? หนูเป็นน้องสาวสุดที่รักของพี่นะ!”
ลู่โจวตอบ “เพราะพี่กลัวว่าหลังจากได้โทรศัพท์เครื่องใหม่ น้องจะไม่ตั้งใจเรียน”
แววตาของเสี่ยวถงเปล่งประกาย “โทรศัพท์ใหม่? ของแอปเปิลงั้นเหรอ?”
ลู่โจวตอบ “น้องสอบคณิตได้เท่าไหร่?”
“ร้อยสี่สิบห้า!” เสี่ยวถงตอบอย่างรวดเร็ว เธอเสริม “หนูไม่ได้โกหกนะ!”
ลู่โจวตอบ “แน่ใจเหรอ?”
เสี่ยวถง “แน่สิ หนูได้ร้อยสี่สิบห้าจริงๆ!”
ลู่โจวโบกไม้โบกมือแล้วกล่าว “เอาล่ะ มันอยู่ในกระเป๋า ไปเอาเองเลย”
“ว้าว! หนูรักพี่ที่สุด!”
เสี่ยวถงหอมแก้มลู่โจวแล้วลุกจากโซฟาอย่างรวดเร็ว
เมื่อลู่โจวเห็นน้องสาวกระโดดโลดเต้น เขาก็ยิ้ม
ไม่ว่ายังไง บ้านก็ดีที่สุด
……………………………………..