Scholar’s Advanced Technological System ระบบปั้นอัจฉริยะ - ตอนที่ 1329 บทสัมภาษณ์กับเนเจอร์
- Home
- Scholar’s Advanced Technological System ระบบปั้นอัจฉริยะ
- ตอนที่ 1329 บทสัมภาษณ์กับเนเจอร์
พิธีเปิดได้จบลงไปแล้ว
ตามที่คาดไว้ ทันทีที่เปิดประตูหลัวเหวินเซวียนก็ได้ถูกรายล้อมไปด้วยนักข่าวมากมาย
“สวัสดีครับ เลขาธิการหลัว ไม่ทราบว่าตอนนี้นักวิชาการลู่อยู่ที่ไหนครับ?”
“ผมก็อยากรู้เหมือนกันว่าเขาอยู่ที่ไหน ขอโทษทีที่เขาเป็นคนเดียวที่รู้คำตอบของคำถามนั้น”
“สวัสดีครับท่านเลขาธิการ! ตามสถิติของนักข่าวของเรา ILHCRC ได้ให้สัญญาว่าจะให้โบนัสทั้งหมดสามร้อยยี่สิบล้านหยวนในวันนี้ โดยมีโบนัสเฉลี่ยสามล้านสองแสนหยวน! มันเป็นเรื่องจริงใช่ไหมครับ?”
“นี่เป็นสมการทางคณิตศาสตร์ที่ทุกคนสามารถคำนวณได้อยู่แล้ว ตราบใดที่คุณคำนวณไม่ผิดมันก็ถูกต้อง”
“ใครจะเป็นคนแบกรับเงินทุนนี้ครับ? ILHCRC จะแบกรับค่าใช้จ่ายทั้งหมดใช่ไหม?”
“ทุนวิจัยที่จัดสรรโดยประเทศต่างๆ คิดเป็นสี่สิบเปอร์เซ็นต์ ส่วนที่เหลืออีกหกสิบมาจากการบริจาคจากทุกสาขาอาชีพ”
“สวัสดี เลขาธิการหลัว จะเกิดอะไรขึ้นหากสมการเหล่านี้ไม่สำเร็จและไม่มีใครได้รับโบนัสเลย”
“ILHCRC จะจัดตั้งมูลนิธิเพื่อดำเนินการเงินรางวัลโบนัสนี้อย่างอิสระ เราจะทำให้การเติบโตอย่างของสินทรัพย์สำเร็จโดยใช้กลยุทธ์การลงทุนที่มั่นคง แม้ว่า ILHCRC จะหายไป แต่โบนัสนี้จะคงอยู่ตลอดไปจนกว่าจะมีคนสมควรได้รับมัน!”
“นอกจากนี้นี่เป็นสมการของศตวรรษที่ยี่สิบเอ็ดอีกด้วย ถ้าไม่มีใครทำมันได้ในศตวรรษนี้ การพิสูจน์สมการในศตวรรษหน้าหรือศตวรรษหลังจากนั้นก็เหมือนเดิม ถ้าคุณทำไม่ได้คนอื่นจะ… ขอโทษนะ ผมต้องขอตัวไปห้องน้ำก่อน ได้โปรดเก็บคำถามไว้สำหรับงานแถลงข่าวพรุ่งนี้ ขอบคุณครับ”
หัวของหลัวเหวินเซวียนมึนงงเพราะสมการมากมายพวกนี้ เขาไม่อยากพูดอะไรนอกจากคำว่า “บ้าชิบ” ในตอนนี้ ผ่านไปหนึ่งชั่วโมงจนในที่สุดเขาก็จัดการกับนักข่าวพวกนี้ออกไปได้
ในช่วงกลางคืน
ผู้จัดประชุมได้จัดงานเลี้ยงอาหารค่ำเพื่อแลกเปลี่ยนทางวิชาการเช่นเคย
เนื่องจากมีผู้เข้าร่วมจำนวนมากจึงไม่สามารถจัดในโรงแรมได้
และเพื่อสร้างความบันเทิงให้กับนักวิชาการให้ได้มากเท่าที่จะทำได้ ILHCRC จึงได้เปลี่ยนชั้นแรกของศูนย์การประชุมและนิทรรศการนานาชาติให้เป็นห้องอาหาร ผู้ที่เข้าร่วมการประชุมได้เลี้ยงอาหารฟรี
สำหรับนักวิชาการที่มีชื่อเสียงคนอื่นๆ และผู้เข้าร่วมประชุมรับเชิญคนอื่นๆ ในห้องประชุมหนึ่ง และสองนั้น พวกเขาได้รับเชิญไปรับประทานอาหารเย็นที่โรงแรมอี้ห่าวที่อยู่ใกล้กันๆ
แม้ว่าลู่โจวจะไม่สนใจงานเลี้ยง แต่ในฐานะประธาน ILHCRC และเป็นหนึ่งในตัวเอกของการประชุมครั้งนี้ เขาจึงต้องไปที่นั่นด้วย
คนส่วนใหญ่มาที่นี่เพื่อเขา
ณ ในงานเลี้ยงที่โรงแรมอี้ห่าว เบลินด้าผู้ได้รับเกียรติให้สัมภาษณ์ลู่โจวระหว่างการฝึกงานที่เซิร์น โชคดีที่ได้รับตั๋วไปงานเลี้ยงและสัมภาษณ์ลู่โจว
เมื่อประมาณเก้าปีที่แล้วเธอเป็นเพียงบรรณาธิการของ ‘เนเจอร์วีคลี่’ เท่านั้น แต่ตอนนี้เธอเป็นหัวบรรณาธิการของนิตยสารเนเจอร์แล้ว
หลังจากผ่านไปหลายปีเธอก็กลายเป็นผู้ใหญ่ที่มีเสน่ห์เป็นคุณแม่ลูกสาม
เมื่อลู่โจวได้ยินว่าสามีของเธอคือศาสตราจารย์เกรเยอร์ที่ช่วยเขาที่เซิร์น เขาก็ทำหน้าประหลาดใจทันที
ในตอนนั้นเขารู้สึกเหมือนมีบางอย่างเกิดขึ้นระหว่างคนสองคนนี้ แต่เขาไม่ได้ถามคำถามใดๆ เขาไม่คิดว่าผ่านมาหลายปีทั้งสองจะกลายเป็นคู่สามีภรรยากัน
หลังจากทราบลู่โจวก็ถอนหายใจอย่างช่วยไม่ได้
เวลาผ่านไปไวมากจริงๆ …
“ฉันอิจฉาคุณจัง หน้าคุณเหมือนเมื่อเก้าปีที่แล้วเลย” คุณเบลินด้ายิ้มและกล่าวว่า “ฉันได้ยินมาว่ามีพลังลึกลับในตะวันออกที่ทำให้คุณคงความอ่อนเยาว์ได้ตลอดกาล มันเป็นเรื่องจริงใช่ไหม?”
ลู่โจวยิ้มประหม่า
เขาจะไม่บอกแน่นอนว่าเป็นเพราะรางวัลที่ดึงมาจากระบบไฮเทค
“บางทีผมอาจจะอายุมากขึ้น… แน่นอนว่าคุณก็เช่นกัน”
“โอ้ ขอบคุณ แต่ฉันรู้ว่าคุณไม่ได้หมายความอย่างนั้น และฉันก็ไม่ได้เด็กแล้ว” เบลินด้าล้อตัวเองและพูดว่า “นี่เป็นโอกาสที่หายากมากๆ ขอฉันสัมภาษณ์คุณสักสองสามคำถามได้ไหม?”
ลู่โจวพูดอย่างมีความสุขว่า “ได้สิ เชิญเลย”
เบลินด้ายิ้มและกล่าวว่า “คำถามแรกอาจฟังดูน่าเบื่อเล็กน้อย แต่หลายคนสงสัย… ทำไมคุณถึงใช้เงินหนึ่งร้อยล้านหยวนเพื่อเสนอเป็นรางวัลให้กับทฤษฎีการรวมแรงครั้งใหญ่ล่ะ?”
หลังจากครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่ง ลู่โจวก็กล่าวว่า “มีเหตุผลสองอย่าง เหตุผลหนึ่งคือผมคิดว่ามันสำคัญ และอีกเหตุผลหนึ่งก็เพราะ…ผมคิดว่ามันจะสามารถพิสูจน์ได้ภายในศตวรรษนี้”
อันที่จริงอีกเหตุผลหนึ่งคือเขามีเงินมากเกินพอแล้ว
อย่างไรก็ตามมันคงจะดูขี้อวดเกินไปที่จะพูดแบบนั้น และเขาไม่ใช่คนที่ชอบอวด
“ชุมชนฟิสิกส์เชื่อว่าคุณเป็นคนที่มีแนวโน้มมากที่สุดในการพิสูจน์สมการนี้”
ลู่โจวยิ้มและพูดว่า “จริงเหรอ? ก็อาจจะนะ แต่น่าเสียดาย…ผมอาจจะไม่เน้นการวิจัยหลักของผมเกี่ยวกับฟิสิกส์ โดยเฉพาะฟิสิกส์เชิงทฤษฎีน่ะ”
ทฤษฎีการรวมตัวของปฏิสัมพันธ์ทางแม่เหล็กไฟฟ้าเปิดประตูสู่ทฤษฎีการรวมแรงครั้งใหญ่ ทฤษฎีความว่างเปล่าได้ขยายขอบฟ้าของอารยธรรมมนุษย์ไปสู่มิติพิเศษเหนือกาลเวลา และทฤษฎีไฮเปอร์สเปซได้เพิ่มความหวังให้เร็วกว่าการเดินทางด้วยแสง
ลู่โจวรู้สึกว่าเขาสามารถภาคภูมิใจในงานของเขาในฐานะนักฟิสิกส์ที่เหลือ หรือแม้กระทั่งตลอดชีวิต
ถ้าเขาต้องการจะทำให้สำเร็จมากกว่านี้ เขาจะต้องสร้างไดรฟ์วาร์ปหรือเอาหัวของเขาเข้าไปในความว่างเปล่าเพื่อดูว่ามีอะไรอยู่ข้างในที่ทำให้อารยธรรมผู้สังเกตการณ์รู้สึกหวาดกลัวอย่างมาก
สำหรับการวิจัยฟิสิกส์อื่นๆ นั้น…
ไม่ใช่ว่าเขาไม่สนใจ แต่ลู่โจวอยากที่จะมอบโอกาสในการเติบโตเหล่านี้ให้กับนักวิชาการที่มีศักยภาพคนอื่นๆ ด้วย
เบลินด้าอ้าปากด้วยความประหลาดใจและถามว่า “เดี๋ยวก่อน คุณหมายความว่ายังไง? คุณ… วางแผนที่จะเกษียณจากฟิสิกส์เหรอ?”
ถ้านี่เป็นเรื่องจริง…
นี่เป็นข่าวใหญ่
“ไม่ใช่หรอก” ลู่โจวส่ายหัวและกล่าวว่า “แค่คิดว่าถ้าผมไม่สำเร็จในด้านนี้มากกว่านี้ก็ควรพิจารณาให้โอกาสผู้อื่น”
“ไม่มีอะไรที่พึ่งพาพลังของคนเพียงคนเดียวเพื่อบรรลุความเจริญรุ่งเรืองได้ แทนที่จะสร้างผลลัพธ์ในด้านนี้มากขึ้นผมหวังว่างานวิจัยของผมสามารถสร้างแรงบันดาลใจให้ผู้คนและปล่อยให้พวกเขาสร้างปาฏิหาริย์มากขึ้นดีกว่า”
เบลินด้าตกใจกับความคิดที่เขาบอกให้ฟัง
หลังจากจ้องมองที่ลู่โจวอย่างตั้งใจชั่วขณะหนึ่ง เบลินด้าก็ถอนหายใจออกเสียงดัง
“นี่คือเหตุผลที่คุณทิ้งโลกคณิตศาสตร์เหรอ?”
“ทิ้งโลกคณิตศาสตร์เหรอ? ไม่ ผมไม่เคยออกจากมันเลย” ลู่โจวส่ายหัวเบาๆ และพูดว่า “แทนที่จะค้นคว้าคณิตศาสตร์เอง ตอนนี้ผมให้ความสำคัญกับวิธีเสริมสร้างความเชื่อมโยงกับสาขาอื่นๆ และวิธีประยุกต์ใช้ในการพิสูจน์สมการให้มากขึ้นแทน นี่คือสิ่งที่นักคณิตศาสตร์ชั้นยอดหลายคนที่เหมือนผมไม่เต็มใจที่จะทำ”
ลู่โจวหยุดครู่หนึ่ง เขายิ้มแล้วพูดต่อ “ผมคิดว่าทัศนคติของฉันที่มีต่อฟิสิกส์…”
“ส่วนใหญ่มันก็เหมือนกันนั่นแหละ”