Scholar’s Advanced Technological System ระบบปั้นอัจฉริยะ - ตอนที่ 1333 คลื่นนับพัน
มันไม่สำคัญว่าศาสตราจารย์วิทเทิลจะเดาเจตนาของลู่โจวถูกต้องหรือไม่
เพราะทั้งชุมชนฟิสิกส์ได้ระเบิดออกแล้ว
ในฟอรั่มแลกเปลี่ยนกองฟิสิกส์
ในฐานะที่เป็นฟอรั่มฟิสิกส์ที่มีชื่อเสียงระดับนานาชาติ เมื่อข่าวการลาออกจากคณะกรรมการบริหารของลู่โจวแพร่ออกไป การสนทนามากมายก็เกิดขึ้นในฟอรัมทันที
ไม่ว่าจะเป็นการแชทหรือด้านวิชาการ แทบทุกคนกำลังพูดถึงเรื่องนี้กัน
พวกเขาตกตะลึงกับข้อมูลจำนวนมหาศาล
“ศาสตราจารย์ลู่ตั้งใจจะถอนตัวจาก ILHCRC จริงเหรอ?”
“เขาน่าจะคิดว่า ILHCRC ตามเขาไม่ทันล่ะมั้ง?”
“เป็นไปไม่ได้ ILHCRC เป็นสถาบันวิจัยฟิสิกส์ที่แข็งแกร่งที่สุด หลังจากที่เขาออกจาก ILHCRC เขาคงกำลังวางแผนที่จะทำการวิจัยทางวิทยาศาสตร์กับมนุษย์ต่างดาวหรือเปล่า?”
“เป็นไปได้ไหม…ที่เขาวางแผนที่จะออกจากฟิสิกส์ไปเลย?”
“มันเป็นไปไม่ได้หรอก! เขาอายุแค่สามสิบปีเอง! ตอนนี้เขาอยู่ในยุคทองของการวิจัยทางวิทยาศาสตร์เชียวนะ! ไม่มีเหตุผลอะไรที่จะหยุดตอนนี้!”
“แต่ถ้า…เขาเบื่อวิชาฟิสิกส์ล่ะ?”
“บ้าเอ๊ย! เขาควรอธิบายว่าทำไมเขาถึงออกไปนะ!”
“นี่จะเป็นช่วงเวลาที่มืดที่สุดในประวัติศาสตร์ฟิสิกส์อย่างแน่นอน!”
…
ไม่ถึงสิบชั่วโมงหลังจากพิธีปิดจบไป ทั้งชุมชนฟิสิกส์ต่างพากันตกตะลึงกับการกระทำของลู่โจว ความขุ่นเคืองได้เริ่มแพร่กระจายออกไปนอกโลกวิชาการแล้ว
จดหมายที่ลงนามโดยนักฟิสิกส์มากกว่าหนึ่งร้อยคนปรากฏอยู่บนโต๊ะเลขาธิการ
กลุ่มนักฟิสิกส์ที่นำโดยศาสตราจารย์วิลกเชคหวังว่าสภา ILHCRC จะหยุดศาสตราจารย์ลู่ไว้ได้ แม้ว่าเขาจะไม่ได้ทำหน้าที่เป็นประธาน แต่อย่างน้อยเขาก็ควรอยู่ในคณะกรรมการต่อไป
หลัวเหวินเซวียนมองดูจดหมายร้องทุกข์เหล่านี้ด้วยความปวดหัว เขารู้สึกถึงแรงกดดันจากลายเซ็นของนักฟิสิกส์ชื่อดังมากมาย
เขาเคยพิจารณาความเป็นไปได้หลายอย่างมาก่อนหน้านี้แล้ว
รวมถึงวิธีรักษาเสถียรภาพตัวแทนประเทศอื่นๆ หลังจากที่ลู่โจวออกจาก ILHCRC และวิธีจัดการกับเหล่าเสียงมากมายที่อาจมาจากสถาบันวิจัยฟิสิกส์อื่นๆ
เพราะที่นี่คือศูนย์กลางของโลกฟิสิกส์
ทุกคนต้องการมีสิทธิที่จะพูดและได้รับผลประโยชน์สำหรับชุมชนวิชาการในประเทศและวัฒนธรรมของตนเองทั้งนั้น
อย่างไรก็ตามหลัวเหวินเซวียนก็ไม่คาดคิดว่าแรงกดดันที่ใหญ่ที่สุดจะมาจาก ILHCRC ไม่ใช่ฝ่ายตรงข้าม
“… ยุ่งยากจริงๆ”
หลัวเหวินเซวียนหยิกคิ้วตัวเอง เขาดูคำร้องแล้วโยนทิ้งไป
ดูเหมือนว่าเขาจะประเมินความนิยมของลู่โจวต่ำเกินไปใน ILHCRC
เขาไม่คิดว่าการประกาศของลู่โจวจะส่งผลกระทบมากต่อ ILHCRC ขนาดนี้!
…
ในความเป็นจริงหลัวเหวินเซวียนนั้นไม่ใช่คนเดียวที่คิดแบบนี้
แม้แต่ตัวลู่โจวเองก็ไม่คิดว่ามันจะมาไกลขนาดนี้
มีอย่างน้อยๆ ห้าคนที่เขารู้จักได้เขียนจดหมายหรือมาหาเขาและเกลี้ยกล่อมเขา นอกจากนักฟิสิกส์ที่ไม่เต็มใจที่จะออกไปจากที่นี่ พวกเขาหวังว่าเขาจะอยู่ในคณะกรรมการ ILHCRC และนำชุมชนฟิสิกส์ไปสู่ปาฏิหาริย์ต่อไปข้างหน้าอีก
ลู่โจวถึงกับอึ้งไป
เพราะเขาแค่อยากจะเปลี่ยนสาขาและไต่อันดับขึ้นสู่จุดสูงสุดของวิชาการก็เท่านั้น เขาไม่คิดว่าการลาออกของเขาจะทำให้เกิดคลื่นลูกใหญ่ในโลกฟิสิกส์ได้ขนาดนี้
ภายในร้านกาแฟที่สำนักงานใหญ่ ณ ILHCRC
ศาสตราจารย์วิทเท็นกำลังจ้องที่ลู่โจวครู่หนึ่งก่อนจะพูดด้วยสีหน้าแปลกๆ ว่า “การตัดสินใจของคุณเหนือความคาดหมายของผมเกินไป… ผมไม่ได้อยากให้คุณเลือกแบบนั้น”
“จริงเหรอ?” หลังจากจิบกาแฟแล้ว ลู่โจวก็พูดอย่างเป็นกันเองว่า “แต่ผมตัดสินใจมานานแล้วล่ะ… หากคุณคิดจะเปลี่ยนใจผมก็อย่าเสียเวลาเลยจะดีกว่า”
ตอนที่ ILHCRC ก่อตั้งขึ้นครั้งแรก จริงๆ แล้วเขาไม่ได้ตั้งใจที่จะทำหน้าที่เป็นประธานของ ILHCRC มาตั้งแต่แรกแล้ว เขาแค่หวังว่าจะใช้พลังของ ILHCRC เพื่อใช้เครื่องชนอนุภาคแฮดรอนเพื่ออธิบายสัญญาณจุดสูงสุดของลักษณะเฉพาะเจ็ดร้อยห้าสิบจิกะอิเล็กตรอนโวลต์เท่านั้น
ผู้อำนวยการหลี่เป็นคนที่พยายามเกลี้ยกล่อมเขา ด้วยเหตุผลมากมายเช่น ‘ประธานสามคนแรกต้องเป็นปราชญ์จีน’ และ ‘คนอื่นๆ อาจจะโน้มน้าวประชาชนได้’ เป็นต้น ดังนั้นผู้อำนวยการหลี่จึงชวนให้เขาเข้ารับตำแหน่งไป
ในตอนนั้นลู่โจวได้ตัดสินใจแล้วว่าจะทำหน้าที่เป็นประธานไม่เกินหนึ่งวาระ
และนี่คือเหตุผลที่เขาเริ่มฝึกหลัวเหวินเซวียนให้เป็นผู้สืบทอดของเขาทันทีหลังจากที่เขาเข้ารับตำแหน่ง
“ผมจะไม่เปลี่ยนใจคุณหรอก ผมรู้ว่าคุณเป็นคนแบบไหน” วิทเทนยักไหล่และพูดว่า “อย่างไงก็ตามผมอยากจะให้คำแนะนำแก่คุณ… หรือมากกว่านั้นนะ หากคุณจะสนใจคำแนะนำของผมสักหน่อย”
ลู่โจว “คำแนะนำอะไรเหรอ?”
วิทเทน “ทั้งชุมชนฟิสิกส์กำลังคิดว่าคุณยอมแพ้ให้ฟิสิกส์แล้วหรือยัง—”
“ไม่มีทาง” ลู่โจวกล่าวต่อทันที “ถ้าคุณอ่านบทสัมภาษณ์ของผมกับเนเจอร์คุณก็ควรจะเข้าใจนะ ผมแค่ต้องการใช้โอกาสนี้เพื่อแยกออกมาจากฟิสิกส์และใช้เวลามากขึ้นในการทำสิ่งที่มีความหมายมากขึ้นกว่าเดิม”
“ใช่ คุณกำลังให้โอกาสกับผู้อื่น แต่คุณก็สูญเสียความหวังไปด้วยเช่นกัน”
วิทเทนมองไปที่ลู่โจวและกล่าวต่อ “ผมไม่รู้ว่าคุณได้คิดถึงเรื่องนี้หรือยัง แต่จนกระทั่งตอนนี้ขนาดของ ILHCRC นั้นยิ่งใหญ่กว่าเซิร์นไปแล้ว มันได้กลายเป็นสิ่งที่ยิ่งใหญ่อย่างไม่เคยปรากฏมาก่อนในฟิสิกส์ ไม่มีใครสามารถรวมคนจำนวนมากนี้เข้าด้วยกันเพื่อให้พวกเขาทำงานในสิ่งเดียวกันได้… ยกเว้นคุณเท่านั้น”
“แม้ว่าจะมีการก่อตั้งกลุ่มนักวิชาการรุ่นเยาว์ที่ค่อนข้างโดดเด่นในช่วงสองปีที่ผ่านมา แต่คุณแน่ใจแล้วเหรอว่าพวกเขาจะรับภาระหนักนี้จากมือของคุณได้? คุณก็รู้ ไม่ใช่ทุกคนที่เติบโตเร็วเหมือนคุณ”
ลู่โจว “ผมมั่นใจในตัวพวกเขามาก”
“แต่ปัญหาคือเห็นได้เลยว่าพวกเขาไม่มีความมั่นใจในตัวเองมากเท่าไหร่” ศาสตราจารย์วิทเทนส่ายหัวและพูดว่า “ผมอยู่ที่เซิร์นมาหลายปีแล้ว และเซิร์นไม่ได้ถูกสร้างขึ้นในหนึ่งหรือสองปี ในสี่ปีหรือไม่ก็แปดปี เมื่อ ILHCRC เติบโตขึ้นเพื่อให้สามารถทำงานได้อย่างเสถียรแล้ว… ตอนนั้นคุณจะลาออกไปก็ไม่เป็นอะไร”
“แต่ตอนนี้ยักษ์ใหญ่ตัวนี้น่าจะพังทันทีถ้าคุณหายไป… ก็เหมือนปราสาททรายที่ชายทะเลนั่นแหละ เว้นแต่ว่าประธานคนต่อไปจะเป็นคนที่มีความสามารถมากจริงๆ”
ลู่โจวเงียบไปครู่หนึ่ง เขามองไปที่ศาสตราจารย์วิทเทนและถามอย่างจริงจังว่า “คุณช่วยบอกข้อเสนอของคุณได้ไหม”
“ก็ไม่ยากมากมาย ไม่ต้องทำอะไรเลย” ศาสตราจารย์วิทเทนกล่าวว่า “อย่างที่บอกไป คุณแค่ตั้งตำแหน่งหัวหน้าที่ปรึกษาในคณะกรรมการบริหาร ถ้าคุณต้องการที่จะทิ้งงานทางโลก ผมก็เข้าใจได้ แต่ผมยังคงหวังเหลือเกินว่าอย่างน้อยคุณก็สามารถจองที่นั่งคณะกรรมการได้ หากคุณวางแผนที่จะปล่อยมือจากพวงมาลัยเมื่อไหร่อย่างน้อยก็ให้ได้เหยียบเบรกก่อนที่คนขับคนต่อไปจะมีความน่าเชื่อถือพอก็พอแล้ว และมันอาจต้องรับผิดชอบเมื่อสถานการณ์วิกฤติขึ้นมา”
ลู่โจวพูดอย่างจริงจังว่า “จริงๆ แล้ว แม้ว่าผมจะไม่มีตำแหน่งหัวหน้าที่ปรึกษา ผมก็ยังทำได้นะ”
ศาสตราจารย์วิทเทนกะพริบตาและพูดด้วยรอยยิ้ม
“ผมรู้ว่าคุณทำได้แน่นอน
“แต่บางครั้งคีย์หลักอาจจะไม่ใช่ว่าคุณจะสามารถควบคุมสถานการณ์ได้หรือเปล่า แต่เป็นคุณสามารถโน้มน้าวให้คนอื่นเชื่อว่าทุกอย่างอยู่ภายใต้การควบคุมได้หรือเปล่าต่างหาก”