Scholar’s Advanced Technological System ระบบปั้นอัจฉริยะ - ตอนที่ 1384 การค้นพบครั้งสำคัญ
- Home
- Scholar’s Advanced Technological System ระบบปั้นอัจฉริยะ
- ตอนที่ 1384 การค้นพบครั้งสำคัญ
โฮชิ ยูอิชิโร่ ยามะชิตะ และคนอื่นๆ ในออฟฟิศต่างก็อึ้งไป
ไม่เพียงแค่นั้น แต่ไม่นานหลังจากที่วิดีโอถูกอัปโหลดผ่านบล็อกส่วนตัวของเขา วงการวิชาการญี่ปุ่นเกิดความวุ่นวายขึ้นทันที
เป็นอย่างที่ทุกคนคาดคิด ชินอิจิ โมจิซูกิยืนขึ้นและตอบโต้ต่อเรื่องที่บทความของเขาถูกลบจากบล็อกส่วนตัวและเว็บไซต์ของแผนกคณิตศาสตร์
แต่คำตอบที่ได้ไม่ใช่สิ่งที่คนอยากได้ยิน
ในแง่หนึ่งวงการวิชาการญี่ปุ่นค่อนข้างที่จะปิดกั้นเมื่อเทียบกับวงการวิชาการนานาชาติ
มันไม่เพียงแค่สะท้อนให้เห็นถึงแค่การแลกเปลี่ยนทางวิชาการเท่านั้น แต่วงการวิชาการญี่ปุ่นทั้งวงการถูกแทรกซึมด้วยบรรยากาศที่เกลียดชังชาติพันธุ์ที่ต่างจากตนเองที่ครอบงำโดยความมั่นใจสูงสุด
พูดง่ายๆ ก็คือพวกเขาไม่ได้พุ่งเป้าที่ใครทั้งนั้น แต่พวกเขารู้สึกว่านักวิชาการต่างชาติทั้งหมดคือขยะ และไม่มีประเทศไหนที่พิเศษ
วัฒนธรรมที่เกลียดชังชาวต่างชาติที่ฝังแน่นอย่างไม่รู้ตัวทำให้นักวิชาการต่างชาติเข้าถึงพวกเขาได้ยาก นักวิชาการญี่ปุ่นแทบจะไม่ยินดีที่จะปรับตัวเข้ากับโลก ผู้ชนะรางวัลโนเบลญี่ปุ่นทั้ง 22 คนในสาขาวัสดุศาสตร์ เคมีและฟิสิกส์ ไม่มีใครที่ทำงานต่างประเทศเลย
ถ้านักวิชาการต่างชาติเกิดสงสัยในตัวนักวิชาการญี่ปุ่น เว้นเสียแต่ว่าจะมีหลักฐานที่แน่ชัดอยู่ตรงหน้า ในสายตาของวงการวิชาการญี่ปุ่นแล้วคนทั้งโลกคือฝ่ายที่ผิด
พวกเขาแทบจะไม่เคยขอโทษเลย
เพราะแบบนี้ ถ้าไม่ใช่เรื่องการฉ้อฉลทางวิชาการหรือเรื่องอื้อฉาว วงการวิชาการญี่ปุ่นจะรู้สึกเสียเกียรติเพราะความผิดพลาดที่ถูกพบในตอนแรก
เห็นได้ชัดจากรายชื่อสิบอันดับต้นๆ ในที่ลงในบล็อก Retraction Watch
จากนักวิชาการทั้งหมดสิบคน มีสี่คนที่เป็นนักวิชาการญี่ปุ่น
โดยเฉพาะโยชิทากะ ฟูจิอิที่ถูกจัดให้เป็นอันดับที่หนึ่ง เขามีชื่อเสียงที่เสื่อมเสียในโลกวิชาการตั้งแต่ใบปริญญาเอกของเขาในปี 1991 ไปจนถึงเหตุการณ์ที่ตงชวนในปี 2012 เขาตีพิมพ์บทความทั้งหมด 212 บทความ และ 183 บทความในนั้นประกอบไปด้วยข้อมูลที่บิดเบือน
ซึ่งหมายความว่าเฉพาะบทความของเขาที่ถูกถอดถอนตั้งแต่ปี 1980 จนถึงปี 2011 ก็ปาเข้าไป 7% แล้ว ซึ่งเหตุการณ์นี้ก่อให้เกิดความวุ่นวายในตอนนั้น
แม้แต่คณะกรรมการสืบสวนของกระทรวงศึกษาธิการที่ทำหน้าที่ตรวจสอบเขาก็ยังรับไม่ได้ พวกเขาเขียนในรายงานฉบับย่อว่า ‘มันเทียบเท่ากับการนั่งแต่งนิยายไซไฟอยู่ที่โต๊ะ’
แน่นอนว่างานของโมจิซูกิไม่ใช่ของปลอม
นักวิชาการยอมรับกับความผิดพลาดที่บริสุทธิ์ นอกจากถูกตีพิมพ์ในเว็บไซต์ของแผนกคณิตศาสตร์มหาวิทยาลัยเกียวโตและบล็อกส่วนตัวของเขา บทความ 500 หน้านี้ก็ไม่เคยได้ตีพิมพ์ในวารสารไหนอีกเลย ดังนั้นจึงไม่มีอะไรให้ถอดถอน
แต่ทางแผนกคณิตศาสตร์มหาวิทยาลัยเกียวโตจะรับภาระทั้งหมด
ตั้งแต่ที่นักวิชาการคนนี้อ้างว่าตนได้พิสูจน์ข้อคาดการณ์ ABC แผนกคณิตศาสตร์ของมหาวิทยาลัยเกียวโตได้เผยแพร่บทความของเขาลงในเว็บไซต์หลักราวกับเป็นรางวัล พวกเขาอ้างอยู่ฝ่ายเดียวว่าข้อคาดการณ์ได้รับการพิสูจน์แล้ว
แต่เนื่องจากจู่ๆ ชินอิจิ โมจิซูกิก็เปลี่ยนความคิด ทำให้เขาไม่ใช่คนที่เสียหน้าที่สุด แต่เป็นคนที่สนับสนุนเขาต่างหาก…
ไม่ใช่แค่โฮชิ ยูอิชิโร่ และยามะชิตะเท่านั้นที่อึ้งกับเรื่องนี้ แต่นักศึกษาทุกคนและผู้ช่วยที่อยู่ในออฟฟิศของเขาก็ยอมรับความจริงของเรื่องนี้ไม่ได้
จากคนทั้งหมดที่รู้จักเขา มีเพียงแค่ที่ปรึกษาของเขาคนเดียวเท่านั้นนั่นก็คือฟาลติ้งส์ที่อยู่ไกลถึงประเทศเยอรมันและไม่ได้รู้สึกแปลกใจกับเรื่องนี้ขนาดนั้น
ณ เมืองอัมสเตอร์ดัม
ศาสตราจารย์ฟาลติ้งส์ที่เข้าร่วมประชุมสมาคมนักคณิตศาสตร์แห่งยุโรปกำลังพูดคุยกับศาสตราจารย์ชิเงะฟุมิ โมริเกี่ยวกับเหตุการณ์ที่เพิ่งเกิดขึ้นในโลกคณิตศาสตร์ หัวข้อในการสนทนาของพวกเขามีตั้งแต่ข้อคาดการณ์ ABC ไปจนถึงกลุ่มวิจัยที่เรียกว่า LSPM
ศาสตราจารย์ฟาลติ้งส์ยิ้มเบาๆ และพูดด้วยน้ำเสียงที่ไม่ประหลาดใจเลย
“คู่แข่งของเขาคือลู่โจว แน่นอนอยู่แล้วว่าเขาต้องเป็นฝ่ายแพ้ โมจิซูกิเป็นนักวิชาการที่ซื่อตรง คนที่ซื่อตรงจะทำเรื่องผิดพลาดที่บริสุทธิ์เท่านั้น ไหนๆ เขาก็ยอมรับความผิดพลาดของตัวเองแล้ว เขาก็คงเข้าใจแล้วว่าเขาผิดตรงไหน เรื่องนี้นับเป็นสิ่งที่ดีสำหรับเขาและเรขาคณิตอนาบีเลียน”
การที่จมอยู่ในโลกของตัวเองเป็นเวลานานเกินไปจะทำให้คนคนนั้นขาดการติดต่อกับโลกภายนอกอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ ถ้าเกิดมีปัญหาเล็กๆ ที่ไม่มีใครสังเกตเห็น มันก็เป็นเรื่องง่ายที่จะก่อให้เกิดปัญหาที่ใหญ่ขึ้นและติดอยู่กับปัญหานั้น
นี่คือหนึ่งในเหตุผลที่ทำไมคนเราจึงจัดลำดับความสำคัญในการสื่อสารและการโต้แย้งเวลาที่แก้ไขประพจน์ทางคณิตศาสตร์ใหญ่ๆ …
แม้ว่ามุมมองของศาสตราจารย์ฟาลติ้งส์แทบจะไม่ค่อยเกี่ยวข้องกับปัญหานี้ แต่ศาสตราจารย์ชิเงะฟุมิ โมริก็ยังขมวดคิ้วเล็กน้อยและแก้ไขคำพูดของเขาด้วยน้ำเสียงที่ไม่ค่อยพอใจ
“ผมไม่ชอบคำว่าแพ้ ในความคิดของผมมันไม่มีคำว่าแพ้หรือชนะ มันมีแค่ความเป็นจริง”
“ดูเหมือนว่าคุณยังไม่ค่อยมั่นใจเท่าไหร่เลยนะครับ” ศาสตราจารย์ฟาลติ้งส์พูดพลางยิ้มมุมปาก
ศาสตราจารย์ชิเงะฟุมิ โมริยักไหล่และทิ้งคำตอบที่คลุมเครือไว้
“ผมไม่ได้ไม่มั่นใจ ผมก็แค่คิดว่ามันน่าจะมีอะไรอยู่เบื้องหลังเรื่องนี้…โอเค พอแค่นี้เถอะ มาคุยเรื่องที่สนุกกว่านี้กันดีกว่า”
…
ตั้งแต่มีการก่อตั้ง LSPM และการประกาศข้อคาดการณ์ ABC ในฐานะเป้าหมาย มหาวิทยาลัยจินหลิงก็กลายเป็นจุดสนใจของนักคณิตศาสตร์จากทั่วทุกมุมโลก
ไม่ใช่แค่เพราะรายชื่อของนักคณิตศาสตร์ที่ต่อคิวเข้ามา แต่ยังเป็นเพราะข้อความที่ชินอิจิ โมจิซูกิได้โพสต์ในบล็อกส่วนตัวของเขา
ไม่มีใครคิดว่านักวิชาการคนนี้ที่จมอยู่แค่ในโลกของตัวเองจะเลือกที่จะก้าวออกมาจากพื้นที่ปลอดภัยของตัวเอง
และสิ่งที่เหนือความคาดหมายยิ่งไปกว่านั้นก็คือความขัดแย้งนี้ที่ยาวนานกว่าสิบปี ในที่สุดก็จบลงเสียที
บรรยากาศในวงจรคณิตศาสตร์ญี่ปุ่นค่อนข้างหดหู่และเศร้าหมอง
ชาวเน็ตยังแสดงความประหลาดใจและเสียใจกับผลลัพธ์นี้ นอกเหนือจากนี้ คนมากมายถือว่าชินอิจิ โมจิซูกิและความสำเร็จของเขาคือความภาคภูมิใจ พวกเขาไม่คาดคิดว่าทุกอย่างจะเป็นไปตามที่พวกเขาหวังไว้
คนบางคนที่มีความเห็นรุนแรงยังเชื่อว่าชูลทซ์และลู่โจวลักพาตัวโมจิซูกิของพวกเขาและบังคับให้เขาพูดอะไรแบบนั้นออกไป
ชินอิจิ โมจิซูกิทำเป็นหูทวนลมต่อการถกเถียงกันในอินเทอร์เน็ต เขาเก็บตัวเงียบๆ และแยกตัวออกจากวงการคณิตศาสตร์ เวลาเกือบทั้งหมดของเขาถูกใช้ไปกับการศึกษาข้อคาดการณ์ ABC
มหาวิทยาลัยจินหลิงยังหยุดนักข่าวที่พยายามจะสัมภาษณ์เขาอีกด้วย
ลู่โจวรู้สึกว่าชายคนนี้กำลังใช้มหาวิทยาลัยจินหลิงเป็นหลุมหลบภัยชั่วคราว
เขาอดสงสัยไม่ได้ว่าชายคนนี้อาจจะจงใจหาสถานที่ที่ไม่มีใครรู้จักและใช้ลู่โจวเป็นพื้นที่ในการซ่อนตัว
แน่นอนว่าไม่ใช่ลู่โจวคนเดียวที่คิดแบบนี้ คนอื่นๆ ในโปรเจกต์งานวิจัยก็คิดเหมือนกัน
ในระหว่างการประชุม โมจิซูกิมองไปที่ชินอิจิผ่านโต๊ะประชุมและจู่ๆ ก็ถามขึ้น
“เอาตรงๆ นะ คุณตั้งใจให้เป็นแบบนี้ใช่ไหม”
ชินอิจิ โมจิซูกิดันแว่นขึ้นและถาม “เรื่องอะไร”
“ก็หาสถานที่ที่ไม่มีใครรู้จักคุณ หลังจากนั้นก็รอจนกว่าความสนใจจะซาลงแล้วค่อยกลับเข้าสู่วงการใหม่…ตอนที่คุณพบว่าวิธีการพิสูจน์ของคุณไม่ได้ผล”
ชินอิจิ โมจิซูกิอึ้งไปสักพัก หลังจากนั้นเขาเงยหน้าขึ้นมองชูลทซ์
“มันสำคัญสำหรับผมด้วยเหรอ”
“อย่าท้อไปเลยพวก ผมก็แค่เป็นห่วงคุณ” ชูลทซ์พูดพร้อมรอยยิ้ม “ผมอยากเลี้ยงเครื่องดื่มคุณ คุณจะได้…”
หลังจากที่เห็นว่าคนสองคนที่เลิกทะเลาะกันแล้วกำลังจะทะเลาะกันอีกรอบ ลู่โจวกระแอมและพูดทันที
“พอแล้ว มาคุยกันเรื่องธุรกิจดีกว่า…กลับมาคุยกันถึงปัญหาที่เราเพิ่งปรึกษากันดีกว่า”
ลู่โจวมองสีหน้าที่จริงจังของเพื่อนร่วมทีมอีกสามคน หลังจากนั้นเขากระแอมและพูดต่อ “ความคืบหน้าของวิจัยในช่วงนี้ค่อนข้างราบรื่นดี เมื่อเทียบกับสถานการณ์ยากลำบากที่เราเผชิญตอนที่เริ่มโปรเจกต์ เราได้ผลลัพธ์ที่สำคัญเกี่ยวกับปัญหาของกุญแจ”
“เริ่มจากขัดเกลาทฤษฎีบทของเบเกอร์ ไอเดียที่เข้าใกล้ข้อคาดการณ์ ABC ขึ้นเรื่อยๆ ถูกต้อง”
“กุญแจสำคัญของปัญหาตอนนี้ก็คือเราจะต้องหาวิธีในการหาผลลัพธ์ที่แม่นยำกว่านี้เพื่อขอบเขตบนของ L(a, b, c) และ…”
ลู่โจวเลื่อนเก้าอี้ไปทางไวท์บอร์ด เขาหยิบปากกาและเขียนการคำนวณ
[C
เขาเคาะไวท์บอร์ด้วยฝาปากกาและพูดต่อ
“และเราจะขยายผลลัพธ์ต่อไปได้อย่างไร…
“ในส่วนนี้ของการวิจัยจะไม่มีทางลัด เราสามารถหาคำตอบได้จากความพยายามอย่างต่อเนื่อง”
ลู่โจวนิ่งไปสักพัก เขาเหลือบไปมองเพื่อนร่วมทีมอีกสามคนและพูดด้วยน้ำเสียงจริงจัง “ในช่วงสองสามวันต่อจากนี้ ความตึงเครียดของงานเราจะสูงขึ้นมากๆ ผมหวังว่าเราทุกคนจะอดทนกับมัน”
“ต่อไปผมจะเป็นคนมอบหมายงานให้แต่ละคน”
“เดี๋ยวนะ” จู่ๆ ชูลทซ์ก็แสดงความสนใจและตื่นเต้นบนใบหน้า เขายกมือขวาขึ้นและพูด “เรากำลังจะพักผ่อนกันเหรอ”
ลู่โจวพยักหน้า
“ทำนองนั้น”
แม้ว่ามันจะเป็นเพียงนิสัยของเขาเวลาที่ทำวิจัย แต่เขาก็ไม่แนะนำให้คนอื่นทำตาม
แต่สีหน้าของชูลทซ์เปลี่ยนเป็นความประหลาดใจแทน เขาดีดนิ้วและพูดขึ้น
“เยี่ยม ผมอยากจะถามคุณมานานแล้วเกี่ยวกับเทคนิควิจัยที่ลึกลับนั่น!”
ชินอิจิ โมจิซูกิและเพเรลมานมองหน้ากัน ดูเหมือนพวกเขาจะสนใจมากเหมือนกัน นักศึกษาคนอื่นที่นั่งอยู่ในออฟฟิศยกมือขึ้นเบาๆ และเหลือบไปมองศาสตราจารย์ที่มีชื่อเสียงด้วยสายตาแปลกๆ
ไปพักผ่อนกับศาสตราจารย์ลู่…
คนพวกนี้บ้าหรือเปล่า
ส่วนลู่โจว เขายิ้มเจื่อนๆ
“ไม่มีปัญหา”
“แต่กระบวนการนี้อาจจะยากหน่อย”
“ถ้าคุณรับไม่ได้ก็บอกผมด้วย”