Scholar’s Advanced Technological System ระบบปั้นอัจฉริยะ - ตอนที่ 1393 การเริ่มต้นของสมาพันธ์มนุษย์
- Home
- Scholar’s Advanced Technological System ระบบปั้นอัจฉริยะ
- ตอนที่ 1393 การเริ่มต้นของสมาพันธ์มนุษย์
ณ จุดปล่อยยานอวกาศจินหลิง
แคปซูลอาณานิคมชุดที่สองและอุปกรณ์ต่างๆ ที่จะส่งไปยังดาวอังคารกำลังถูกบรรจุและส่งไปยังกระสวยอวกาศ
ยังไม่มีการประกาศรายชื่อทีมสำรวจทางวิทยาศาสตร์ชุดที่สองที่จะถูกส่งไปยังดาวอังคาร และโลกภายนอกก็ยังไม่รู้เรื่องการเดินทางที่กำลังจะมาถึงของลู่โจว ลู่โจวยืนกรานที่จะแผนการนี้ให้สำเร็จ
แม้ว่าถนนฉางอานหวังว่าเขาจะรอบคอบกว่านี้ แต่เมื่อดูจากการยืนกรานของลู่โจวแล้ว สุดท้ายหน่วยงานที่เกี่ยวข้องก็ไม่ได้ตัดสินใจที่จะยื้อให้เขาอยู่บนโลก
แต่งบประมาณสำหรับแผนการปล่อยยานอวกาศในครั้งนี้เพิ่มขึ้นเป็นสองเท่า อุปกรณ์หลายชิ้นที่เดิมทีมีกำหนดการส่งไปยังดาวอังคารในรอบที่สามถูกเลื่อนขึ้นมาให้เร็วขึ้น
แม้ว่าในความคิดของลู่โจว การให้ความสำคัญกับเรื่องของความปลอดภัยของตัวเองเป็นอันดับแรกนับว่าเป็นสิ่งที่ค่อนข้างเสแสร้ง เมื่อเห็นว่าหน่วยงานที่เกี่ยวข้องมีความดื้อรั้นขนาดไหน เขาก็ไม่ได้พูดอะไรมากและยอมรับความเมตตานี้เงียบๆ
ในวันที่สามของการเตรียมตัวสำหรับปล่อยยาน ผู้อำนวยการหลี่พาคนคนหนึ่งมาที่จุดปล่อยยานจินหลิง
ลูโจวมองชูลทซ์ที่อยู่ตรงหน้าเขา เขามีสีหน้าที่สับสน ทั้งคู่จ้องหน้ากันด้วยตาที่เบิกกว้าง พวกเขาไม่ได้ทักทายกันด้วยซ้ำ
ผู้อำนวยการหลี่รู้สึกอึดอัดกับบรรยากาศตอนนี้ เขาไอแห้งๆ และพูดขึ้นหลังจากที่มองลู่โจวด้วยสีหน้าแปลกๆ
“ผมขอแนะนำให้คุณรู้จัก นี่คือตัวแทนจากประเทศเยอรมัน ศาสตราจารย์ชูลทซ์จากแผนกคณิตศาสตร์มหาวิทยาลัยบอนน์…ช่างมันเถอะ ผมเดาว่าพวกคุณคงรู้จักกันแล้ว ผมจะหยุดพูดก็แล้วกัน”
ลู่โจว “ทำไมคุณมาอยู่ที่นี่”
ชูลทซ์ถอนหายใจ “เรื่องมันยาวนะ…ผมไม่ได้อยากจะมาหรอก”
ชูลทซ์ใช้เวลาประมาณห้านาทีในการพูดคุยเกี่ยวกับสิ่งที่เกิดขึ้นในช่วงไม่กี่วันที่ผ่านมา ว่าเกิดอะไรขึ้นกับศาสตราจารย์ฟาลติ้งส์และผู้อำนวยการกระทรวงศึกษาธิการและการวิจัยแห่งสหพันธรัฐมาพบเขาเป็นการส่วนตัว หลังจากนั้นเจ้าหน้าที่จากสหภาพยุโรปคุกคามเขาและหวังว่าเขาจะเป็นตัวแทนของสหภาพยุโรปเพื่อเดินทางไปยังดาวอังคาร
ชูลทซ์เองก็สังเกตดูเหมือนกันว่าประเทศจีนจะสามารถทำตามสัญญาของตัวเองและส่งสารที่ถูกต้องไปยังอารยธรรมนอกโลกแทนอารยธรรมมนุษย์ได้หรือไม่
ลู่โจวลังเลอยู่สักพักและพูด “ถ้าคุณไม่อยากไป คุณก็ไม่จำเป็นต้องฝืนตัวเอง…การเดินทางไปดาวอังคารค่อนข้างอันตราย”
ชูลทซ์ส่ายหัวและพูด
“อย่างแรกเลยคือผมเป็นคนเยอรมัน และเป็นนักคณิตศาสตร์ ถ้าประเทศต้องการผม ผมก็ไม่มีสิทธิ์ปฏิเสธ”
เขายิ้มอย่างช่วยไม่ได้และยักไหล่
“อีกอย่าง คุณเองก็จะไปเหมือนกันไม่ใช่เหรอ ถ้าคุณไม่กลัวอุบัติเหตุ ผมก็ไม่มีเหตุผลที่จะต้องถอยเหมือนกัน”
“ผมมันตัวคนเดียว ไม่มีลูกหรือครอบครัว…”
ลู่โจวเงียบไป
จู่ๆ เขาก็รู้สึกว่าคำพูดนี้มันเห็นแก่ตัวไปหน่อย แม้ว่าเขาจะไม่มีครอบครัว แต่เขาก็ไม่ได้ตัวคนเดียว เขายังมีพ่อแม่ มีเสี่ยวถง และเขายังต้องแต่งงานกับเฉินยู่ซานสิ้นปีนี้…ยังมีคนอีกมากมายและสิ่งต่างๆ ที่เขาไม่สามารถทิ้งไปได้
ถ้าเกิดเขาเกิดเจอเหตุร้ายขึ้นมา คนมากมายจะต้องเสียใจกับเขา
“พอแล้ว พอแล้ว เลิกพูดเรื่องที่เป็นลางไม่ดีได้แล้ว” ผู้อำนวยการหลี่กระแอมและพูด “มาพูดเรื่องเชิงบวกกันดีกว่า ผมบอกว่าทางสหประชาชาติกำลังหารือเกี่ยวกับการจัดตั้งสหพันธ์ทางการเมืองเพื่อจัดการกับอารยธรรมนอกโลกใช่ไหม ในที่สุดอเมริกาก็ยินยอมเข้าร่วมด้วยแล้วนะ”
“ชื่อขององค์กรคือสมาพันธ์เพื่อสหพันธ์มนุษย์หรือสมาพันธ์มนุษย์ ประธานคนแรกของคณะผู้บริหารก็คืออดีตรัฐมนตรีกระทรวงการต่างประเทศ กฎบัตรของสมาพันธ์มนุษย์กำลังถูกร่างขึ้น พวกคุณเดินทางไปยังดาวอังคารเพื่อเป็นตัวแทนสมาพันธ์มนุษย์…”
เมื่อเทียบกับสหประชาชาติ สมาพันธ์มนุษย์เป็นพันธมิตรทางการเมืองที่หลวมกว่า มันเหมือนกับสมาคมเจ้าของบ้านในเขตชานเมืองและมีอำนาจบริหารอยู่จำนวนหนึ่ง
หน้าที่หลักของมันคือการประสานประเทศและองค์กรที่มีระบบการเมือง วัฒนธรรม และศาสนาที่แตกต่างกันทั่วโลก เพื่อสร้างความเป็นหนึ่งเดียว และเพื่อสื่อสารกับอารยธรรมนอกโลกในนามของผลประโยชน์โดยรวมของมนุษยชาติ ตลอดจนการใช้อำนาจดังกล่าว เช่น การประกาศสงคราม การเจรจาสันติภาพ และการค้าแบบเปิด
ท้ายที่สุดมีประเทศและภูมิภาคมากกว่า 230 ประเทศ และกลุ่มชาติพันธุ์มากกว่า 2,000 กลุ่มบนโลก การคาดหวังให้มนุษย์ต่างดาวเข้าใจความแตกต่างระหว่างชาวจีนและชาวอเมริกา ชาวคริสต์และชาวพุทธ ชาวไนจีเรียและชาวอเมริกันเชื้อสายแอฟริกันเป็นเรื่องที่ไม่สมจริง
การมีเสียงที่เป็นหนึ่งเดียวจึงเป็นสิ่งจำเป็น
จากนั้นก็มีคำที่ใช้ในการสื่อสาร การผลิตโปสต์การ์ดที่แสดงให้เห็นถึงอารยธรรม เทคโนโลยี และวัฒนธรรมของโลก ตลอดจนการกำหนดยุทธศาสตร์ทางการทูต
มันเป็นกระบวนการที่ค่อนข้างน่าเบื่อ
หลังจากที่เห็นสีหน้าของลู่โจว ผู้อำนวยการหลี่สัมผัสได้ว่าเขากำลังปวดหัว เขาคิดว่าลู่โจวกำลังกังวลว่าปัญหานี้จะตกไปอยู่ที่เขาเอง ผู้อำนวยการหลี่จึงยิ้มและพยายามปลอบโยนเขา
“ไม่ต้องกังวลไป คุณไม่ต้องรับผิดชอบในเรื่องนี้ เรามีผู้เชี่ยวชาญที่จะจัดการเรื่องเหล่านี้ คุณเพียงแค่ในคำแนะนำในเรื่องที่คุณชำนาญเท่านั้น”
ลู่โจวถอนหายใจแล้วตอบ
“ผมไม่ได้เป็นกังวลเรื่องนั้น…ช่างมันเถอะ ส่งที่คุณกำลังจะบอกว่าการเดินทางไปพบอารยธรรมนอกโลกในครั้งนี้จะมีคนไปด้วยสองสามคนเหรอ”
ผู้อำนวยการหลี่ยิ้มและพูด “ใช่แล้ว ท้ายที่สุดเราได้รับผลประโยชน์มากมายจากการก่อตั้งสมาพันธ์มนุษย์ เราจะต้องแสดงความจริงใจ”
ลู่โจว “โอเค แล้วใครอีก”
ผู้อำนวยการหลี่ “ก็ไม่เยอะหรอก นอกเหนือจากคุณและศาสตราจารย์ชูลทซ์ที่เป็นตัวแทนของสหภาพยุโรปแล้ว ก็ยังมีนักโบราณคดีชาวอังกฤษ นักดาราศาสตร์ฟิสิกส์ชาวอเมริกา และวิศวกรการบินและอวกาศจากมอสโก รวมไปถึงดร.ฟานถง นักวิจัยที่สถานีวิจัยวิทยาศาสตร์บนดาวอังคารที่อยู่ที่นั่นอยู่แล้ว และบอดี้การ์ดอีกหนึ่งคนที่ทำหน้าที่ดูแลความปลอดภัยของคุณ ทั้งหมดมีเจ็ดคนด้วยกัน”
เจ็ดคน…
คิ้วของลู่โจวกระตุกด้วยความโกรธตอนที่เขาได้ยินจำนวนคนที่ไป
มันไม่มากเกินไปหรือไง
หมายความว่าอย่างไรกัน?!
เขาสูดหายใจเข้าลึกและพูดขึ้น
“ผมมีเรื่องจะขอ!”
ผู้อำนวยการหลี่พูดด้วยท่าทีจริงจังทันที “ว่ามาเลยครับ”
ลู่โจวประมวลความคิดในหัวและพูดกับผู้อำนวยการหลี่
“เพื่อป้องกันอุบัติเหตุที่ไม่สามารถแก้ไขได้ ผมหวังว่าผมจะเป็นคนดูแลภารกิจทางการทูตนี้ด้วยตัวเอง
“ผมหวังว่าเบื้องบนจะให้อำนาจในการออกคำสั่งสูงสุดนี้กับผม สมาชิกคนอื่นๆ จะต้องทำตามคำสั่งของผมอย่างเคร่งครัด ส่วนใครก็ตามที่ไม่ทำตามคำสั่งของผม ผมจะไล่ออกจากทีม”
ผู้อำนวยการหลี่ลังเลอยู่สักพักและพูด “คุณมีอำนาจการสั่งการสูงสุด มันแน่นอนอยู่แล้วว่าคุณคือผู้นำทีม แต่การจะไล่ใครออกจากทีม…ผมเกรงว่าผมจะต้องถามเรื่องนี้ก่อน มันอาจจะกลายเป็นปัญหาทางการทูตได้”
“แต่ผมสัญญาว่าผมจะให้คำตอบที่น่าพอใจกับคุณให้เร็วที่สุด!”
ลู่โจวมองสีหน้าที่จริงใจของผู้อำนวยการหลี่
เขาพยักหน้าและจบบทสนทนานั้น
“ขอบคุณครับ”
ชูลทซ์ที่ยืนมองพวกเขาพูดภาษาจีนอยู่ข้างๆ เกาหัวตัวเองด้วยความสับสน
ทำไมฉันรู้สึกเหมือนว่า…
การเดินทางไปดาวอังคารของฉันคงจบไม่สวยแน่ๆ …