Scholar’s Advanced Technological System ระบบปั้นอัจฉริยะ - ตอนที่ 1397 ดูแลตัวเองด้วย
เกิดความโกลาหลที่การแถลงข่าว
ผู้ชมที่นั่งตรงหน้าโทรทัศน์ คอมพิวเตอร์ และโทรศัพท์มือถือที่กำลังรับชมการถ่ายทอดสดการแถลงข่าวต่างก็ตกใจหลังจากที่ได้ยินว่าลู่โจวประกาศว่าเขาจะไปดาวอังคารด้วยตัวเอง
เขาจะไปดาวอังคารเหรอ?!
นี่มันเกิดอะไรขึ้น?!
“นักวิชาการลู่จะไปดาวอังคารเองเหรอ”
“บ้าเอ๊ย ไม่มีทางหรอก เขาไปจริงๆ เหรอ?!”
“ผมคิดว่า…นักวิชาการลู่น่าจะพูดเล่นนะ แม้ว่าเขาจะอายุไม่ได้เยอะ แต่ไปดาวอังคารก็ยังเป็นเรื่องเหลวไหลอยู่ดี ผมจำได้ว่ามีเพียงนักบินอวกาศมืออาชีพเท่านั้นที่สามารถปรับตัวให้เข้ากับชีวิตที่นั่นได้”
“ขอร้องล่ะ ท่านเทพลู่ อยู่บนโลกเถอะนะ!”
การถกเถียงกันเว่ยป๋อเป็นไปอย่างดุเดือด
หัวข้อนี้เป็นที่นิยมมากขึ้นเรื่อยๆ มากกว่าเรื่องการแถลงข่าวแผนการเหยียบดาวอังคาร และหัวข้ออื่นๆ ที่เป็นที่สนใจอยู่ตอนนี้
สถานการณ์ในทวิตเตอร์และเฟซบุ๊กก็เป็นเหมือนกัน รวมไปถึงยูทูบแล้วเว็บไซต์ไลฟ์สดที่กำลังถ่ายทอดการแถลงข่าวอยู่ในขณะนี้ ผู้คนแสดงความตกใจผ่านกล่องแสดงความเห็น
แม้ว่าจะมีบางคนคาดเดาไว้อยู่แล้วว่าชื่อของลู่โจวอาจอยู่ในรายชื่อ แต่ความคิดเหล่านี้นับเป็นการคาดเดาที่แปลกประหลาด
ไม่มีใครคิดว่าลู่โจวจะวางแผนที่จะไปดาวอังคารด้วยตัวเอง
ไม่มีใครคิดว่าทางรัฐบาลจะเห็นด้วยกับความต้องการของเขา
ณ งานแถลงข่าว ฮอลล์ประชุมหมายเลข 1 ทั้งฮอลล์ถูกปกคลุมไปด้วยเสียงวุ่นวาย
เจ้าหน้าที่ต้องการรักษาระเบียบ แต่นักข่าวที่งานประหลาดใจกับข่าวด่วนมากเกินไป พวกเขากรูไปที่เวทีด้วยความตื่นเต้น
“ศาสตราจารย์ลู่โจว นี่คือการตัดสินใจชั่วคราวของคุณใช่ไหมคะ หรือว่าคุณวางแผนเรื่องนี้มานานแล้ว”
“ถ้านักบินอวกาศที่ไม่ผ่านการอบรมอย่างมืออาชีพไปดาวอังคาร คนเหล่านั้นจะเป็นภาระของนักวิจัยด้านหน้าหรือเปล่า”
“คุณได้นึกถึงอันตรายของการติดต่ออารยธรรมนอกโลกบ้างไหมคะ ถ้าพวกเขาแสดงพฤติกรรมก้าวร้าวหลังจากที่เห็นคุณ คุณวางแผนว่าจะปกป้องชีวิตของคุณอย่างไร”
“ผมได้ยินมาว่าคุณหมั้นแล้ว คุณได้นึกถึงความรู้สึกของคู่หมั้นของคุณหรือเปล่า”
“คุณจะกลับมาแต่งงานบนโลกไหม หรือวางแผนว่าจะแต่งงานบนดาวอังคาร”
ลู่โจวเริ่มรู้สึกปวดหัว หลังจากที่เผชิญกับไมโครโฟนและคำถามที่หลั่งไหลเข้ามา
เป็นไปไม่ได้เลยที่จะตอบคำถามทั้งหมดนี้
กว่านักข่าวจะถามคำถามหมดทุกข้อก็คงมืดค่ำพอดี
ลู่โจวมองเลขาที่ยืนใกล้ๆ ผู้อำนวยการหลี่ ที่ส่งสัญญาณว่าพร้อมจะรับช่วงต่อแล้ว เลขาเข้าใจทันทีว่าลู่โจวหมายถึงอะไร หลังจากที่กระซิบกับผู้อำนวยการหลี่ เขาก็รีบเดินไปด้านหลังเวที
ลู่โจวกระแอมและแสดงท่าทางให้นักข่าวที่อยู่ตรงหน้าเขาเงียบลง
เขาใช้โอกาสนี้ในการเพิ่มเสียงและพูดดังขึ้น
“การเดินทางไปอวกาศไม่มีอะไรที่น่ากลัวหรอกครับ พวกคุณไม่ต้องเป็นห่วงผมเลยสักนิด”
“แม้แต่คนทั่วไปที่ไม่มีพื้นฐานอะไรและมีร่างกายที่ปกติก็สามารถไปทำงานและใช้ชีวิตบนอวกาศได้หลังจากที่ผ่านการอบรมพื้นฐานแล้ว มันไม่ได้ยากไปกว่าการสอบขับรถขนาดนั้น จริงๆ แล้วผมอบรมเพียงแค่เดือนเดียวเท่านั้น”
“ผมจะพิสูจน์ด้วยการกระทำของผมเอง”
“ต่อไปจะมีโฆษกมาประกาศรายชื่อของเจ้าหน้าที่ในกลุ่มที่สอง..”
ลู่โจวกลับเข้าไปหลังเวทีต่อหน้าต่อตานักข่าว เลขาของผู้อำนวยการหลี่เข้ารับหน้าที่ต่อและดำเนินการแถลงข่าวต่อไป
สถานการณ์ระหว่างการแถลงข่าวอยู่ภายใต้การควบคุม
นักข่าวก็ใจเย็นลงแล้ว
แต่ทุกคนรู้ดีว่าความตึงเครียดที่เกิดจากการประกาศของลู่โจวจะไม่จางหายไป จนกว่าภารกิจการปล่อยยานอวกาศจะเริ่มขึ้น
บางคนคิดว่าการตัดสินใจของเขาสะเพร่าเกินไป บางคนคิดว่าเขาเป็นนักวิชาการที่ไม่เห็นแก่ตัวที่เลือกทางเดินระหว่างโชคชะตาของตัวเองกับโชคชะตาของมนุษยชาติ
บางคนบอกว่ามันเป็นเพียงแค่การแสดงเพื่อปูทางสำหรับอาชีพทางการเมืองในอนาคต บางคนยังคิดว่านักวิชาการลู่อาจจะรำคาญนักข่าวในตอนนั้นก็เลยตัดสินใจพูดอะไรแปลกๆ ออกไป
บางทีเดือนหน้าทางองค์การอวกาศแห่งสาธารณรัฐประชาชนจีนอาจจะให้โอกาสลู่โจวได้ถอนคำพูด
เวลาผ่านไปอย่างรวดเร็วในขณะที่ผู้คนต่างถกเถียงกันว่านักวิชาการลู่จะเสี่ยงไปดาวอังคารด้วยตัวเองหรือไม่ ในที่สุด วันออกเดินทางก็มาถึง
คนมากมายต่างประหลาดใจที่เห็นว่านักวิชาการลู่จริงจังกับการเดินทางของเขา…
…
จุดปล่อยยานอวกาศจินหลิง
ยานอวกาศสตาร์ไลท์จอดอยู่ตรงศูนย์กลางของลานจอด
ข้างๆ ลานจอดเต็มไปด้วยผู้คนมากมาย
มีทั้งเจ้าหน้าที่ที่จุดปล่อยยาน บางคนก็เป็นญาติและเพื่อนของผู้เดินทางและนักวิจัยที่กำลังจะไปดาวอังคารและเมืองก่วงฮั่น บางคนได้รับคำเชิญหรือสมัครเป็นอาสาสมัครมาที่นี่เพื่อส่งวีรบุรุษแห่งอารยธรรมมนุษย์
บรรยากาศที่จุดปล่อยยานเงียบเป็นพิเศษ
ราวกับว่าพวกเขากำลังกลัวว่าความเศร้าในหัวใจของพวกเขาจะแปรเปลี่ยนเป็นอย่างอื่น พวกเขากอดเพื่อนและกล่าวลากันอย่างเงียบๆ
หลัวเหวินเซวียน ประธานของ ILHCRC พูดกับลู่โจวด้วยความโศกเศร้า
“ฉันไม่เคยคิดเลยนะว่าวันหนึ่งนายจะไปไกลขนาดนี้”
ลู่โจวยิ้มขณะที่กอดและตบบ่าเพื่อนของเขา
“ก็แค่ไม่กี่ล้านกิโลเมตรเอง ไม่ได้ไกลหรอก”
หลัวเหวินเซวียนสูดลมหายใจเข้า มองไปที่เขาและพูดด้วยท่าทีจริงจัง
“ดูแลตัวเองด้วย”
“แน่นอน”
ประโยคแค่ประโยคเดียวก็เพียงพอสำหรับเพื่อนชาย
ถ้าพูดมากเกินไปก็จะดูไม่แมน
ลู่โจวเดินออกมาจากหลัวเหวินเซวียน เขามองไปที่ผู้ช่วยและนักศึกษาที่มารอเจอเขา เขายิ้มให้คนเหล่านั้นและพูด
“น่าละอายใจจริงๆ น่าเสียดายที่ผมไม่ค่อยได้ช่วยพวกคุณวิชาทฤษฎีจำนวน ผมไม่มีเวลาจะสอนด้วยซ้ำ สิ่งที่ดีที่สุดที่ผมให้พวกคุณได้คือคำอวยพร”
ลู่โจวมองไปที่หลี่โม่ที่ยืนอยู่ในกลุ่มนักศึกษา เขาคือผู้ชนะการแข่งขันจาก IMO ที่ลู่โจวชิงตัวมาจากมหาวิทยาลัยเหยียน ลู่โจวพูดต่อพร้อมรอยยิ้ม
“คุณเป็นคนที่มีพรสวรรค์ทางคณิตศาสตร์นะ แต่พรสวรรค์อย่างเดียวก็คงไม่พอ ความอุตสาหะคือรากฐานสำคัญของคณิตศาสตร์ พรสวรรค์อาจจะบ่งบอกว่าเส้นทางข้างหน้าของคุณราบรื่นหรือเปล่า แต่ความพยายามเป็นตัวบ่งชี้ว่าคุณจะไปได้ไกลแค่ไหน…ทำให้เต็มที่และในอนาคตคณิตศาสตร์จะมีที่ที่รอคุณอยู่ ถ้าคุณมีปัญหาอะไรก็ไปหาศาสตราจารย์เพเรลมาน เขาดูเหมือนจะเก็บตัวก็จริง แต่จริงๆ แล้วเขาเป็นคนที่คุยง่ายนะ แม้แต่คำถามง่ายๆ เขาก็จะอธิบายรายละเอียดทุกอย่างให้คุณฟัง”
“ศาสตราจารย์…”
“พอแล้ว ไม่ต้องพูดอะไรซึ้งๆ แล้ว”
ลู่โจวยิ้มและตบไหล่ชายหนุ่ม จากนั้นเขาก็มองมาที่หานเมิ่งฉี
ตอนที่เขามองเธอ เธอก็กำลังจ้องมองมาที่เขา
“มาสเตอร์…”
หลังจากที่จ้องมองลู่โจวอยู่นาน เธอตัดสินใจเรียกเขาว่าพี่เขย
แต่ดวงตาของหลี่โม่แทบจะหลุดออกมาจากเบ้า
อะไรวะเนี่ย?!
บอกเองไม่ใช่เหรอว่าไม่ให้เรียกเขาว่ามาสเตอร์
แล้วทำไมเธอถึงเรียกเขาแบบนั้น
ลู่โจวชินกับการที่ถูกเรียกแบบนี้แล้ว เขาจึงไม่ได้แสดงท่าทีอะไร เขายิ้มและพูด
“เธอเป็นนักเรียนที่มีพรสวรรค์นะ จนถึงตอนนี้ผมก็ยังจำตอนที่ฉันสอนคณิตศาสตร์ให้กับเธอครั้งแรกได้ เธอแทบจะคำนวณสมการรูปไข่ไม่ได้เลยด้วยซ้ำ แต่ในเวลาแค่สองถึงสามเดือน เธอก็ทำได้ทุกอย่างแล้ว”
“เส้นทางทางวิชาการของเธออยู่เหนือความคาดหมายของผม และเธอก็พิสูจน์ตัวเองด้วยการกระทำของเธอแล้ว เธอคือนักวิทยาศาสตร์ที่แท้จริง”
“ผมคงไม่มีอะไรจะสอนเธอแล้วล่ะในเรื่องของวิชาการ เธอคือผู้หญิงที่มีความคิดที่ชัดเจน เดินตามเส้นทางที่เธอเลือกและลุยไปข้างหน้า”
ลู่โจวมองเธอด้วยสายตาให้กำลังใจ หลังจากนั้นเขาก็เดินไปข้างๆ คู่หมั้นของเขาเฉินยู่ซาน
ริมฝีปากของเฉินยู่ซานสั่นเล็กน้อยขณะที่มองไปที่ลู่โจว
แม้ว่าพวกเขาจะนั่งคุยกันตรงระเบียงตลอดทั้งคืน แต่พวกเขาก็ยังรู้สึกว่ามีเวลาไม่มากพอ
ลู่โจวมองไปหน้าที่สวยงามนั้นและเงียบไปสักพัก เขาไม่ได้พูดอะไรเลย เขาหลับตาและจูบริมฝีปากเธอต่อหน้าทุกคน
“ฉันมีเรื่องที่อยากจะบอกเธออีกเยอะเลย ฉันเชื่อว่าเธอเองก็รู้สึกเหมือนกัน แต่ฉันเกรงว่าเราคงไม่มีเวลาขนาดนั้น
“แค่ครึ่งปีเอง
“เราค่อยคุยกันตอนฉันกลับมาก็ได้”
“ได้…” หัวใจของเธอเต้นรัวขณะที่จ้องไปที่ลู่โจวอยู่นาน เธอกลืนน้ำลายและพูด “ฉันจะคิดถึงนายนะ…”
ลู่โจวปัดผมหน้าม้าของเธอด้วยความอ่อนโยนและชายตามองเธอเป็นครั้งสุดท้าย หลังจากนั้นเขารับหมวกจากเจ้าหน้าที่ที่อยู่ใกล้ๆ และสวมมัน
เขาแสดงท่าทางบอกลาทุกคนที่มาหาเขาแต่ไม่ได้คุยกับเขา ลู่โจวพยายามไม่หันกลับไปมองและก้าวไปตรงทางเดิน
ประตูของยานอวกาศปิดลง
เจ้าหน้าที่ภาคพื้นดินเคลื่อนย้ายคนที่อยู่บริเวณนั้น
พลาสมาสีฟ้าเผาไหม้ทำให้ซีเมนต์ละลาย กลุ่มควันที่แผดเผาพวยพุ่งบนท้องฟ้า ยานอวกาศสีเงินขาวบินขึ้นไปและหายลับไปกับเส้นขอบฟ้า
หานเมิ่งฉีมองไปยังทิศทางของยานอวกาศ
ในขณะที่เธอจ้องมองก้อนเมฆบนท้องฟ้า เธอพูด “ฉันรู้สึกว่า…มาสเตอร์กำลังไปในที่ที่ไกลแสนไกล”
“…”
ในใจของเฉินยู่ซานก็มีความคิดแบบเดียวกัน
หัวใจที่เต้นแรงทำให้เธอเลือกที่จะไม่พูดออกไป เธอรู้สึกถึงความเจ็บปวดตรงหน้าอก
เฉินยู่ซานกำหมัดและภาวนา
“ดูแลตัวเองด้วยนะ”