Scholar’s Advanced Technological System ระบบปั้นอัจฉริยะ - ตอนที่ 1405 สุสานของอารยธรรม
- Home
- Scholar’s Advanced Technological System ระบบปั้นอัจฉริยะ
- ตอนที่ 1405 สุสานของอารยธรรม
เวอร์นัลสบถ แม้ว่าเขาค้นพบปาฏิหาริย์มากมายในโลกแห่งอารยะนี้ เขาไม่เคยช็อกขนาดนี้มาก่อนเลย
ตรงหน้าเขาคือพื้นที่โล่งกว้างที่มีขนาดพอๆ กับสนามฟุตบอล เพดานของมันสูงประมาณหนึ่งร้อยเมตร แผ่นศิลาจารึกสี่เหลี่ยมดูเหมือนหมากรุกบนกระดานหมากรุกมีต้นไม้อยู่เต็มไปหมด พื้นผิวมีความเรียบและแบบราบเหมือนกระจก มุมของมันคมเหมือนถูกตัดด้วยมีด
สิ่งที่น่าประหลาดใจไม่ใช่ผลงานมากมายที่เหมือนกับทหารดินเผา แต่เป็นเพราะพื้นผิวของหินไม่มีรอยขีดข่วนใดๆ แม้จะผ่านมาหลายพันปีแล้วก็ตาม
“พระเจ้า…สุดยอดไปเลย”
ศาสตราจารย์เวอร์นัลก้าวไปข้างหน้าอย่างสั่นๆ เขาเดินผ่านชูลทซ์ ที่กำลังงุนงงอยู่และเดินไปที่อนุสาวรีย์หินที่ใกล้ที่สุด ศาสตราจารย์สูงวัยเอื้อมมือขวาที่สั่นเทาออกไปและวางฝ่ามือลงบนพื้นผิวที่ราบและเรียบ
“นี่คือสุสาน…”
มือของศาสตราจารย์เวอร์นัลอยู่บนศิลาหน้าหลุมฝังศพที่ใกล้ที่สุด เขาพูดกับตัวเอง “สุสานของอารยธรรม…จินตนาการไม่ออกเลยว่าพวกมันยังอยู่ในสภาพที่ดีแบบนี้ได้อย่างไรหลังจากที่ผ่านมาแล้วตั้งหลายปี แล้วพวกเขาสร้างปาฏิหาริย์นี้ขึ้นมาเพื่ออะไรกัน…”
ในที่สุดชูลทซ์ก็ได้สติหลังจากที่ตกตะลึง เขากลืนน้ำลายและเดินไปยืนข้างๆ ศาสตราจารย์เวอร์นัล ชูลทซ์มองไปที่เขาและพูดแกมถาม
“สุสาน…?”
“ใช่”
ศาสตราจารย์เวอร์นัลพยักหน้า หลังจากที่ลังเลอยู่สักพัก ในที่สุดเขาก็หยิบพลั่วอเนกประสงค์ที่เขาเพิ่งเก็บว่าก่อนหน้านี้และทุบลงบนหินด้วยแรงทั้งหมดที่มี
หลังจากที่เกิดเสียงร้าว หินที่ราบเรียบราวกับกระจกก็ทนต่อแรงทุบไม่ไหว มันพังลงมาราวกับเต้าหู้ เกิดรอยแตกขึ้นตรงจุดที่พลั่วตีไปโดน
เศษหินร่วงลงมาพร้อมรอยแตก ศาสตราจารย์เวอร์นัลหยิบขึ้นมาตรวจสอบ เขาเริ่มวิเคราะห์
“สามพันปีก่อน สะเก็ดที่อยู่ในมือผมน่าจะมาจากวัสดุโลหะผสมอะไรสักอย่าง หลังจากที่ผ่านการผุพังสลายตัวมาหลายพันปีมันก็กลายเป็นฮีมาไทต์ แร่โลหะหายากที่กระจายอยู่ในโลหะผสมไม่ได้รวมตัวกับออกซิเจนทั้งหมดเพราะชั้นที่โดนออกซิเจนถูกรักษาเป็นอย่างดีและโลหะผสมกับไอเอิร์นออกไซด์เป็นส่วนประกอบหลักก็เกิดขึ้น มันน่าจะประกอบด้วยแคดเมียม นิกเกิล และคาร์บอน ส่วนประกอบที่เฉพาะเจาะจงของมันจะต้องใช้เครื่องมือเฉพาะทางในการวิเคราะห์”
หลังจากที่นิ่งไปเขาก็พูดต่อ “นี่ไม่ใช่สิ่งเดียวที่ทำผมประหลาดใจ งานศิลปะชินนี้ทำมาจากโละกล้าผสมที่ถูกปกคลุมด้วยเศษซากอะไรบางอย่างที่มีแร่แคลเซียมคาร์บอเนตเป็นส่วนประกอบ”
“มันเหมือนโลงศพ…ไม่ จริงๆ แล้วมันคือโลงศพ”
ศาสตราจารย์เวอร์นัลค่อยๆ ใส่ตัวอย่างลงถุงตัวอย่างที่เขาพกมาด้วยอย่างระมัดระวัง เขาเขียนพิกัดของตัวอย่างและข้อมูลอื่นๆ บนถุง
ชูลทซ์กลืนน้ำลาย เขาใช้เวลาสักพักก่อนที่จะพูดออกมา
“แต่…พวกเขาส่งโลงศพไปยังก้นทะเลลึกหลายกิโลเมตรเพื่ออะไรกัน ผมจำที่คุณบอกได้ว่าสถานที่แห่งนี้คือทะเลเมื่อหลายพันปีก่อน”
การขนย้ายโปรเจกต์ขนาดใหญ่ลงสู่ก้นทะเลไม่ใช่เรื่องง่าย
ชูลทซ์ค่อนข้างสงสัยเพราะขนาดเทคโนโลยีบนโลกในปัจจุบัน มันก็อาจจะเป็นไปไม่ได้ด้วยซ้ำที่จะขุดพื้นที่กว้างใหญ่ขนาดนั้นตรงก้นทะเลที่อยู่ลึกว่าพื้นผิวหลายกิโลเมตร
ศาสตราจารย์เวอร์นัลพยักหน้าให้กับคำพูดของชูลทซ์
“ใช่แล้วล่ะ ผมพูดแบบนั้นจริง ที่นี่ค่อนข้างลึกเลย ก็อย่างที่คุณบอกว่ามันน่าจะลึกหลายกิโลเมตรหรืออาจจะหลายสิบกิโลเมตร”
เขามองหินสี่เหลี่ยมที่อยู่จัดวางอย่างประณีตที่เกือบจะใช้ไม้บรรทัดในการวัด เขาอดไม่ได้ที่จะขมวดคิ้วและจมดิ่งไปกับความคิดของตัวเอง
“บางทีมันอาจจะเป็นพิธีกรรมทางศาสนาบางอย่างก็ได้นะ บางทีมันอาจจะเป็นการบวงสรวงต่อโบราณวัตถุศักดิ์สิทธิ์…
“หรือ…จริงๆ แล้วที่นี่ไม่ใช่สุสาน
“แต่เป็นหลุมหลบภัย”
เวอร์นัลรู้สึกสับสนเล็กน้อย
…
ขณะที่ศาสตราจารย์เวอร์นัลและชูลทซ์ช็อกที่พวกเขาเกือบลืมจุดประสงค์ในการเดินทางครั้งนี้ ลู่โจวกำลังยืนอยู่ในถ้ำที่ว่างเปล่า ในที่สุดเขาก็ได้ยินเสียงจากอารยธรรมอื่น
“ผมคิดว่ามันอาจจะต้องใช้เวลาอย่างน้อยสองสามร้อยปีกว่าที่ผมจะได้เจอพวกคุณอีก ผมไม่คาดคิดเลยว่าวันนี้จะมาถึงเร็วขนาดนี้” เสียงนั้นมีความยินดีซ่อนอยู่ “ยินดีด้วย ผู้ที่ถูกเลือก ผมเชื่อว่าคุณมีคำตอบที่ผมต้องการแล้วใช่ไหม”
“ใช่” ลู่โจวพยักหน้าและพูด “ผมได้เปิดระบบโอนถ่ายแล้ว ถ้าคุณได้รับข้อมูล คุณก็น่าจะเห็นข้อพิสูจน์ของผม ถ้าคุณไม่เข้าใจอะไร ผมสามารถอธิบายให้คุณฟังได้”
“ไม่จำเป็นหรอก มันมีวิธีมากมายที่จะตรวจสอบข้อพิสูจน์ของคุณ อีกอย่างปัญหาทางคณิตศาสตร์ในระดับนี้ไม่ได้เป็นเรื่องยากสำหรับเรา”
ไม่ยาก…
ปัญหาระดับโลกที่เป็นอุปสรรคต่อเขาและเพื่อนร่วมโครงการอยู่เป็นเดือนกลับเป็นเรื่องไม่ยากในสายตาของชายคนนี้
ลู่โจวแสดงสีหน้าตกตะลึง
ลู่โจวพยายามไม่หงุดหงิดในตอนนี้ เขาสูดลมหายใจเข้าและพูดด้วยน้ำเสียงที่ชัดเจนภายในถ้ำที่ว่างเปล่า
“ผมขอถามคำถามได้ไหม”
“ว่ามาเลย”
“จริงๆ แล้วนี่ไม่ใช่วิธีเดียวที่จะมาที่นี่”
“ใช่แต่มันเป็นวิธีที่เร็วที่สุด” เสียงนั้นพูดด้วยเสียงที่มีความยินดีปนอยู่ “การจะแก้ปัญหาก็มีมากกว่าหนึ่งวิธี การได้หาผลลัพธ์ทั้งหมดผ่านความเป็นไปได้ที่ไม่สิ้นสุดยังเป็นหนึ่งในเรื่องที่น่ายินดีของการค้นหา แน่นอนว่าคุณยังสามารถเก็บเกี่ยวโอกาสในตอนนี้และปล่อยตัวให้ล่องลอยในปริภูมิสี่มิติ แต่ผมจะต้องบอกว่ามันไม่ใช่แค่ต้องใช้ความกล้าหาญและสติปัญญาเท่านั้นแต่ยังต้องมีความยึดมั่นด้วย”
น่ายินดีเหรอ
ลู่โจวแสดงสีหน้าแปลกๆ
เขาไม่รู้ว่ามันน่ายินดีตรงไหน
“ผมไม่เข้าใจเหตุผลของการทดสอบนี้”
“มีคนเคยถามผมเมื่อนานมาแล้ว…ก่อนที่มนุษย์จะถือกำเนิดขึ้น”
เสียงนั้นมีความคิดถึงซ่อนอยู่
“เหตุผลของการทดสอบก็เพื่อให้คนที่ใช่ได้รับสิ่งที่เป็นของพวกเขา”
“คุณต้องรู้ว่าอารยธรรมคือแนวคิดนามธรรม แค่บรรจุของขวัญแล้วโยนให้อารยธรรมยังไม่เพียงพอ เราได้คัดกรองโดยใช้วิธีการพิเศษและหาคนที่เหมาะสมและฝึกฝนคนที่ผ่านการทดสอบและแนะนำพวกเขาในการหาและรับของขวัญที่ได้มา วิธีนี้เท่านั้นที่จะทำให้ของขวัญนั้นถูกใช้ในทางที่เหมาะสม…”
ลู่โจว “แปลว่าคุณไม่ได้มาจากอารยธรรมผู้สังเกตการณ์”
“ไม่…แต่ดูเหมือนว่าคุณจะเจอพวกเขาแล้วใช่ไหม”
เสียงของเขามีความสนใจซ่อนอยู่
ลู่โจวพยักหน้าและพูดรวบรัด
“โชคดีมากพอที่ได้เจอครั้งหนึ่ง”
“การได้พบกับวอยด์ไม่ใช่เรื่องโชคดีที่คนทั่วไปมี บางครั้งการที่โชคดีเกินไปก็ไม่ใช่เรื่องที่น่าปรารถนา”
ลู่โจวไม่ได้พูดอะไร เขารอให้เสียงนั้นพูดต่อ
“ไหนๆ คุณก็ได้เจอกับผู้สังเกตการณ์ไปแล้ว มันคงเล่าเรื่องมรดกให้คุณฟังแล้วสินะ คุณอาจจะรู้ความลับมากกว่าผมก็ได้”
“ว่ามาเลย”
“ของขวัญจากวอยด์เป็นเพียงสิ่งที่อยู่เบื้องหน้า
“ไหนๆ คุณก็มาอยู่ที่นี่แล้ว คุณคงสามารถผ่านการทดสอบสุดท้ายได้ไม่ยาก”
ลู่โจวพยักหน้า
“แน่นอน”
หลังจากนั้นเขาก้าวไปข้างหน้าและตรงไปที่กำแพงล่องหน เขาค่อยๆ เอื้อมมือขวาออกไป
ตอนที่มือขวาของเขาสัมผัสกับกำแพงใส ลู่โจวสัมผัสได้ถึงแรงต้านที่ดันไม่ให้มือของเขาเข้าไปได้ไกลกว่านี้
แต่เขาก็ยังสัมผัสได้อีกว่าตรงนั้นไม่มีอะไรเลย
ราวกับว่าสิ่งที่กำลังขัดขวางเขาไม่ใช่สิ่งที่สามารถมองเห็นได้ แต่เป็นสิ่งที่คล้ายกับกฎฟิสิกส์
หลังจากที่ครุ่นคิดอยู่นาน จู่ๆ สายตาของลู่โจวก็แสดงความสนใจขึ้นมา เขาพูดกับตัวเอง “ฉันไม่คิดเลยว่ารอยแตกในปริภูมิสี่มิติจะกลายมาเป็นแบบนี้”
เสียงของเขามีความเห็นชอบซ่อนอยู่
“ไม่เลวนี่ คุณคือมนุษย์คนแรกที่ค้นพบมัน”
“แล้วชาวดาวอังคารล่ะ”
“พวกเขาใช้เวลา 20,000 ปี”
“20,000 ปี…ยาวนานมากนะ”
“ตั้งแต่สมัยชนเผ่าไปจนถึงยุคของข้อมูล พวกเขาเกือบจะรู้ความจริงแล้วด้วยซ้ำ แต่น่าเสียดายที่คนพวกนั้นภูมิใจกับอำนาจของตัวเองมากเกินไป ในที่สุดความจริงนี้ก็ทำลายพวกเขา”
มือของลู่โจวยังคงคลำอยู่บนกำแพงล่องหน เขาถาม “เกิดอะไรขึ้นกับพวกเขา”
“หายนะ ส่วนหนึ่งมาจากฝีมือของมนุษย์ ส่วนหนึ่งก็มาจากธรรมชาติ…ถ้าคุณอยากรู้ คุณก็จะรู้คำตอบตอนที่คุณผ่านกำแพงที่อยู่ตรงหน้าไปได้แล้ว ข้อมูลบางอย่างยังคงถูกเก็บรักษาอยู่ ถ้าคุณสนใจล่ะก็ คุณสามารถนำติดตัวไปได้นะ”
“มันไม่น่าจะใช้เวลานาน”
ในขณะที่พูด ลู่โจวก้าวถอยหลังออกมาสองก้าว
“คุณจะทำอะไร”
เสียงนั้นมีความสงสัยซ่อนอยู่ ราวกับมันกำลังรอดูว่าลู่โจวจะทำอะไรต่อ
ลู่โจวยิ้มเบาๆ
“คุณจำเป็นต้องถามด้วยเหรอ
“ผมจะทำงานที่ยังค้างคาอยู่จากหลายพันปีก่อนไง”
หลังจากนั้นเขาเอื้อมมือออกไปและกดปุ่มบางอย่างบนคอมพิวเตอร์ข้อมือ
หลังจากนั้นไม่นานเส้นที่ทำด้วยสีต่างๆ ฉายขึ้นมาบนหน้าจอด้านในหน้ากากของเขา เงาสะท้อนของมันสามารถมองเห็นได้ในลูกตาของลู่โจว
เส้นฟันปลามีความสัมพันธ์กับข้อความในซากปรักหักพังเป็นภาพเดียวกันกับที่เขาแสดงในห้องประชุมก่อนหน้านี้
แม้ว่าการสำรวจและแผนที่ของซากปรักหักพังจะสมบูรณ์แค่ส่วนเล็กๆ แต่เพราะระยะทางสำรวจที่ไกลที่สุดที่รถควบคุมระยะไกลของฟานถงทำได้มีระยะเพียงหนึ่งกิโลเมตรเท่านั้น มันก็เพียงพอสำหรับลู่โจว
เศษปริภูมิสี่มิติมีปฏิกิริยาต่อปริภูมิสามมิติโดยกฎบางอย่าง
แม้ว่าเขาจะไม่มีแผนที่ที่สมบูรณ์ก็ไม่สำคัญอะไร
เสียงเบาๆ ของความเห็นชอบดังมาจากช่องทางสื่อสาร
“ผมประเมินคุณต่ำเกินไป…
“แต่น่าเสียดายที่คุณมีเวลาแค่สองชั่วโมง”
“ไม่เป็นไรหรอก มันก็แค่ปัญหาทอพอโลยีและปัญหาเรขาคณิต ถึงจะซับซ้อนนิดหน่อยก็ตาม…” ลู่โจวปิดโมดูลสื่อสาร เขาสูดลมหายใจเข้าและพูด “แต่สองชั่วโมงก็เพียงพอสำหรับผม”