Scholar’s Advanced Technological System ระบบปั้นอัจฉริยะ - ตอนที่ 1413 ความมั่งคั่งของโลก
- Home
- Scholar’s Advanced Technological System ระบบปั้นอัจฉริยะ
- ตอนที่ 1413 ความมั่งคั่งของโลก
ณ นครนิวยอร์ก
รถคันดำที่มีธงสีแดงจอดอยู่ด้านนอกสำนักงานใหญ่สหประชาชาติ
เจ้าหน้าที่ดูแลแขกที่รออยู่ข้างทางเดินเข้ามาเปิดประตู ชายวัยกลางคนสวมสูทดำและเลขาก้าวออกจากรถ
“การประชุมจะเริ่มขึ้นตอนไหน”
“ในอีกยี่สิบนาทีครับ”
“โอเค”
ชื่อของเขาคือหลิวจุน เขาคือท่านทูตจีนที่สหประชาชาติ
ในการประชุมที่กำลังจะเกิดขึ้นสำหรับตัวแทนจาก 20 ชาติ ทางสหประชาชาติจะทบทวนสนธิสัญญาอวกาศในปี 1966 พวกเขาจะสร้างประชาคมที่มีอนาคตร่วมกันของมนุษยชาติและเริ่มกฎหมายร่วมกันพัฒนาทรัพยากรอวกาศ
แม้ว่าจะดูเหมือนว่ามีสนธิสัญญาเพียงไม่กี่ฉบับเท่านั้นที่ได้รับการพัฒนา แต่เรื่องนี้ไม่ใช่เรื่องเล็กๆ มันเทียบเท่ากับการสร้างรากฐานทางกฎหมายเพื่อการตั้งอาณานิคมนอกโลกของประเทศจีนในระดับอนุสัญญาระหว่างประเทศ
ก่อนหน้านี้เรื่องนี้เป็นเรื่องโต้แย้งในชุมชนนานาชาติ
นอกเหนือจากสมาพันธ์มนุษย์ นักวิชาการลู่ยังประสบความสำเร็จทางการเมืองเพื่อประเทศจีนผ่านโครงการเดินทางบนดาวอังคาร แม้ว่านักวิชาการลู่จะไม่ใช่สมาชิกของระบบทางการทูต แต่นักการทูตจีนทุกคนก็ชอบเขาไม่น้อย
เพราะลู่โจวทำให้ภูมิรัฐศาสตร์ การปกครองและปัญหาประวัติศาสตร์ที่ยากและซับซ้อนเป็นเรื่องที่ง่ายขึ้น
ถ้าสถานการณ์เหมาะสม การประชุมวันนี้อาจจะเป็นเหตุการณ์สำคัญของอาชีพของหลิวจุน ในฐานะตัวแทนของประเทศจีนและของโลก เขาจะเซ็นสัญญาเพื่อท้าทายอิทธิพลของอดีต และชื่อของเขาจะถูกบันทึกในประวัติศาสตร์
แต่สีหน้าของเขากลับไม่ได้ตื่นเต้นขนาดนั้น เขายังมีสีหน้าที่หนักหน่วงบนใบหน้าด้วยซ้ำ
ไม่มีใครคิดว่าในวันเฉลิมฉลองสากลแบบนี้ นักวิชาการลู่ ผู้ที่ทำให้เรื่องทั้งหมดเป็นไปได้ กลับไม่ได้เห็นสิ่งนี้เกิดขึ้นด้วยตัวเอง
และความสำเร็จของเขากลายเป็นตำนาน….
พวกเขาเดินตรงไปที่อาคารสำนักงานใหญ่สหประชาชาติ ในขณะที่พวกเขากำลังจะเข้าไปในอาคาร จู่ๆ เจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยสองคนที่ยืนอยู่ตรงประตูก็ยืนตัวตรงและทำความเคารพพวกเขา
หลิวจุนไม่พูดอะไร เขาพยักหน้าให้พวกเขาก่อนที่จะเดินต่อไปยังอาคาร
ขณะที่พวกเขากำลังเดินผ่านพลาซ่าสหประชาชาติ ก็มีกลุ่มคนหนุ่มสาวยืนอยู่ พวกเขาสวมเครื่องแบบและมีหน้าสีที่สงบนิ่ง
หลังจากสังเกตเห็นสิ่งที่เกิดขึ้น หลิวจุนมองเลขาที่อยู่ข้างๆ เขาและชี้ไปที่ตรงนั้นพร้อมถาม “พวกเขากำลังทำอะไรอยู่”
“คนเหล่านั้นดูเหมือนจะเป็นนักศึกษาจากพรินซ์ตันและมหาวิทยาลัยโคลัมเบีย…” เลขาลังเลอยู่สักพักในขณะกำลังดูข่าวในโทรศัพท์ “ดูเหมือนว่าพวกเขาจะมาที่นี่เพื่อไว้ทุกข์ให้กับศาสตราจารย์ลู่”
ไว้ทุกข์…
หลิวจุนยังคงเดินต่อไปพร้อมความรู้สึกที่ซับซ้อนในหัวใจ
เขาเจอคนมากมายระหว่างทาง
หญิงชาวลาตินอเมริกาสองคนที่ทำงานสภาความมั่นคงอยู่ใกล้ๆ ห้องประชุม
พวกเขามาที่นี่เพื่อมารอตัวแทนชาวจีนและเพื่อแสดงความเสียใจต่อการตายของนักวิชาการลู่ในฐานะชาวลาตินอเมริกา
“เขาคือวีรบุรุษ เขากำลังต่อสู้เพื่อความเจริญของอารยธรรมจวบจนช่วงเวลาสุดท้ายของชีวิต แม้ว่าเขาจะไม่เคยมาลาตินอเมริกาก็ตาม แต่คนของพวกเรายังให้ความเคารพเขามากๆ ”
หลิวจุนและคณะผู้ติดตามของเขายังได้เจอสุภาพบุรุษและสุภาพสตรีมากมายตรงทางเดิน
พวกเขาต่างโบกมือทักทายกัน พูดกันอย่างอ่อนโยน หรือมองอย่างเห็นอกเห็นใจในขณะที่เขาเดินเข้าไปในห้องประชุมและนั่งลง
เวลาผ่านไปอย่างเงียบๆ
เลขาธิการสหประชาชาติประกาศเริ่มการประชุม
บรรยากาศในห้องประชุมตอนนี้จริงจังและเคร่งขรึมไม่เหมือนกับการประชุมทั่วๆ ไป
ตอนที่กำลังอภิปรายการเตรียมการสนธิสัญญาอวกาศ การเตรียมการที่หลิวจุนใช้ความพยายามอย่างมากในการโน้มน้าวคนส่วนใหญ่กลับผ่านไปอย่างง่ายดาย
บางทีอาจจะเป็นเพราะความเคารพ
หรือบางทีทุกคนอาจรู้สึกสงสารประเทศจีนก็ได้
คนจะมีแนวโน้มที่จะทำเรื่องที่ไร้เหตุผลในเวลาที่อารมณ์ของพวกเขาคุกรุ่น กฎข้อนี้ยังเห็นได้ชัดในการเมือง มีข่าวลือมากมายแพร่กระจายไปทั่ว มันคือเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นที่ซากปรักหักพังหรือซีไอเออยู่เบื้องหลังเรื่องนี้
คนที่ฉลาดรู้ดีว่ามันเป็นไปไม่ได้
แต่ถ้าเกิดมติมหาชนยังเกินที่จะควบคุมแบบนี้ต่อไปเรื่อยๆ เรื่องนี้อาจจะกลายเป็นการปลดปล่อยอารมณ์ที่รุนแรงได้
การประชุมผ่านไปด้วยความราบรื่น และสิ้นสุดหนึ่งชั่วโมงก่อนกำหนดการเดิมด้วยซ้ำ
เลขาธิการแอลคอตต์จากสหประชาชาติยืนขึ้นและเสนอให้สงวนชั่วโมงสุดท้ายของการประชุมให้กับบุคคลที่เปิดทางสู่ยุคอวกาศและนักวิชาการที่มีอิทธิพลต่อโลก
หลังจากนั้นตัวแทนจากกว่า 20 ประเทศพูดแสดงความอาลัยต่อการจากไปของนักวิชาการลู่ พวกเขาแสดงความเสียใจต่อประเทศจีนและประชาชนชาวจีน ในช่วงสุดท้ายคือช่วงเวลาแห่งความสงบ
การประชุมสิ้นสุดลง
ยามบ่าย
ธงสหประชาชาติบนพลาซ่าสหประชาชาติถูกชักลงโดยกลุ่มทหารกองเกียรติยศสวมสูทดำ
การไว้ทุกข์ให้ชายที่ยิ่งใหญ่แบบนี้เป็นเรื่องที่แทบจะไม่เกิดขึ้นกับสหประชาชาติ และมันเคยเกิดขึ้นทั้งหมดเพียง 17 ครั้งเท่านั้น
หลิวจุนมองธงที่ต่ำลง เขาเงียบอยู่นาน
ในที่สุดเขาก็ถอนหายใจและหันหลังกลับ
…
ณ เขตพื้นที่ไฮเทค เมืองจินหลิง
ภายในอพาร์ตเมนต์ใกล้สำนักงานใหญ่สตาร์สกายเทคโนโลยี ม่านในห้องถูกปิดอยู่
เฉินยู่ซานนอนกอดเข่าอยู่บนโซฟา ไหล่ของเธอถูกห่อหุ้มด้วยผ้าห่ม เธอจ้องมองกำแพงด้วยสายตาที่ว่างเปล่า
เธอยังจำวันที่หิมะตกได้
เขาเพิ่งทำวิจัยทฤษฎีไฮเปอร์สเปซสำเร็จ เขาไม่ได้มีความใจเย็นเหมือนผู้ใหญ่ เขาตื่นเต้นเหมือนวัยรุ่น และดึงเธอเพื่อแบ่งปันความสุขในหัวใจเขา
เธอยังจำทุกคำพูดของเขาได้ดี
“ผมอยากให้ของขวัญกับคุณในวันวาเลนไทน์
“แต่ถ้าผมบอกคุณตอนนี้ก็ไม่เซอร์ไพรส์สิ
“เดี๋ยววันวาเลนไทน์คุณก็รู้เอง”
จู่ๆ น้ำตาของเธอก็ไหลออกมา
น้ำตาเริ่มไหลริน
ริมฝีปากของเธอสั่นเทาขณะกระซิบเบาๆ “คนโกหก…”
คุณบอกฉันเองว่าเราจะแต่งงานกันปีนี้
คุณบอกฉันว่าคุณจะกลับมา
คุณบอกฉันว่าเทาเซติจะเล่าเรื่องของเรา…
“พี่คะ กินอะไรหน่อยเถอะ”
“…”
หานเมิ่งฉีมองคนที่อยู่ใต้ผ้าห่มแล้วถอนหายใจ
หลังจากได้ยินข่าวร้ายจากดาวอังคาร ใจของเธอแตกสลาย โดยเฉพาะตอนที่เธอเห็นสิ่งที่เกิดขึ้นกับพี่สาวที่เธอสนิทที่สุด เธอเกือบจะหวังว่าเธอน่าจะเป็นคนที่ไปดาวอังคารแทน…
“ฉันเปิดหน้าต่างนะ ถ้าพี่เอาแต่เก็บตัวแบบนี้ พี่จะป่วยเอาได้นะ”
ร่างที่ขดตัวบนโซฟายังไม่ตอบอะไร
แต่เธอก็ไม่ได้ทักท้วงอะไรเช่นกัน
หานเมิ่งฉีเดินไปที่หน้าต่างและเปิดผ้าม่าน
แสงอาทิตย์ยามบ่ายแก่ๆ ส่องเข้ามาในบ้าน แม้ว่ามันจะไม่ได้จ้า แต่ก็สามารถทำลายความมืดในห้องได้ หานเมิ่งฉีอดที่จะรู้สึกเสียใจไม่ได้ขณะที่มองดูพระอาทิตย์ค่อยๆ ลับขอบฟ้า
เธอมาที่นี่ทุกเช้า
ใกล้ค่ำแล้ว
บทท้องถนนแทบจะไม่มีรถสักคัน
วันนี้น่าจะมีการไว้ทุกข์ เมืองทั้งเมืองไม่อนุญาตให้บีบแตรในวันนี้ ทุกส่วนของมหาวิทยาลัยและสวนไฮเทคห้ามรถเข้าออก
เธอเห็นกลุ่มคนสวมชุดดำและถือเทียนอยู่เดินช้าๆ บนถนนที่กว้างใหญ่
มีกลุ่มชายและหญิง เด็กและแก่ ตำรวจจราจรและตำรวจสวมเสื้อกั๊กสีเหลืองและสีเขียวเดินสองข้างถนน คนมากมายจับมือกันในขณะที่เดินนำทีมไปอย่างเงียบๆ
ทุกอย่างช่างเป็นอันหนึ่งอันเดียวกัน
แต่บรรยากาศที่เศร้าโศกช่างบีบหัวใจเหลือเกิน
ตอนที่เฉินยู่ซานเห็นแสงอาทิตย์ เธอหรี่ตาโดยไม่รู้ตัว
เธอมองเห็นประกายไฟจากนอกหน้าต่าง
เธออ้าปากและพูดด้วยน้ำเสียงที่สั่นเครือ
“นั่นมันอะไร…”
“ดูเหมือนว่าจะเป็นงานไว้ทุกข์ที่จัดขึ้นโดยมหาวิทยาลัยจินหลิง…” หานเมิ่งฉีมองออกไปนอกหน้าต่าง เธอพูดเบาๆ “พวกเขาเดินตั้งแต่ห้องสมุดมหาวิทยาลัยจินหลิงไปจนถึงจุดปล่อยยาน”
ความเงียบนั้นกินเวลาอยู่นาน
ครั้งนี้สีหน้าที่ไร้ชีวิตชีวาจู่ๆ ก็ยิ้มบางๆ
“ดูเหมือนว่าเขาจะเป็นคนดังมากเลยนะ…”
หานเมิ่งฉียิ้มอายๆ
“แน่นอน…ฉันได้ยินว่าสหประชาชาติถึงขนาดชักธงครึ่งเสาด้วยเมื่อวาน”
ถ้าไม่มีเขาก็คงไม่มีฟิวชั่นที่ควบคุมได้ คงไม่มีย่านไฮเทคนี้ คงไม่มีสิ่งที่ประเทศจีนและโลกมีอย่างตอนนี้
อย่างที่บางคนบอกไว้ว่าปัญญาของเขาคือความมั่งคั่งของชาวจีน
และเป็นความมั่งคั่งของโลก
ระยะห่างระหว่างอารยธรรมมนุษย์และอนาคตไม่เคยใกล้กันขนาดนี้มาก่อน เขาต่อสู้เพื่อเหตุผลที่ดีมาตลอดทั้งชีวิตและคนจะจดจำชื่อของเขาไปตลอด…
หลังจากที่เช็ดน้ำตา เฉินยู่ซานก็สูดลมหายใจเข้า
ผ้าห่มที่ห่อหุ้มไหล่ของเธอร่วงลงพื้น ผิวหน้าที่โทรมและเศร้าหมองหายออกไปจากหน้าที่ซูบผอมของเธอ
“…พี่น่าจะร่าเริงขึ้นเหมือนกัน”
ตอนนี้เธอไม่ควรเศร้าหมอง ลู่โจวยังมีเรื่องมากมายที่เขายังทำไม่สำเร็จ
และตำนานที่งดงามนั่น…
มันคือเรื่องราวเดิมที่ควรถูกเขียนจากคนสองคน มันอยู่ที่เธอแล้วว่าเธอจะทำเพื่อเขาได้ไหม
เฉินยู่ซานตัดสินใจแล้ว
ฉันทำให้เขาผิดหวังไม่ได้…