Scholar’s Advanced Technological System ระบบปั้นอัจฉริยะ - ตอนที่ 1414 แผนการที่เลวร้ายที่สุด
- Home
- Scholar’s Advanced Technological System ระบบปั้นอัจฉริยะ
- ตอนที่ 1414 แผนการที่เลวร้ายที่สุด
48 ชั่วโมงผ่านไปหลังจากเกิดเหตุการณ์พังทลายของเดอะเกตส์ออฟเฮลล์ พายุทรายที่เกิดขึ้นจากแผ่นดินไหวยังคงรุนแรงต่อเนื่องด้านนอกฐาน
ท้องฟ้าที่มืดสนิทไม่เพียงส่งผลต่อแสงในพื้นที่เพาะปลูกแต่ยังส่งผลกับขวัญกำลังใจของนักบินอวกาศในฐานวิจัยวิทยาศาสตร์บนดาวอังคาร ในช่วงสองวันที่ผ่านมานี้บรรยากาศที่สถานีฐานค่อนข้างหดหู่ ไม่มีใครมีรอยยิ้มบนใบหน้า แม้แต่รอยยิ้มอย่างสุภาพก็ตาม
ดูเหมือนว่าโลโมนอฟจะยังไม่ฟื้นตัวจากภัยพิบัติที่น่ากลัว เขาเก็บตัวเองในห้องอยู่หลายวัน ศาสตราจารย์ออเบรย์สนิทกับชูลทซ์มากขึ้นในขณะที่ทั้งคู่ถกกันเรื่องทอพอโลยี การวิเคราะห์เชิงฟังก์ชันและทฤษฎีซูเปอร์สตริง
ส่วนศาสตราจารย์เวอร์นัล…
เขาอาจจะเป็นคนที่มีความมั่นคงทางอารมณ์ที่สุดจากคนทั้งหมดที่กลับมาจากเดอะเกตส์ออฟเฮลล์
ตัวอย่างที่เก็บได้จากซากปรักหักพังมีค่าเป็นล้านล้านดอลลาร์ในสายตาของเขา ข้อมูลที่ซ่อนอยู่ในนั้นสามารถเปิดเผยความลับจากเมื่อหลายพันล้านปีก่อน
จากคำพูดของเขา เขาได้เขียนบทความวิเคราะห์อารยธรรมที่ปกป้องดาวเคราะห์เมื่อประมาณ 3 ถึง 3.5 พันล้านปีก่อนจากมุมมองทางชีววิทยา รวมไปถึงปัญหาร้ายแรงที่พวกเขาเผชิญในตอนนั้น
แต่ไม่มีใครสนใจเรื่องนี้ยกเว้นตัวเขาเอง
ไม่ว่าพวกเขาจะเจออะไรก็ตามในซากปรักหักพังนั้น แต่มันก็ไม่สามารถทดแทนสิ่งที่พวกเขาเสียไปได้…
“สถานการณ์ในพื้นที่เพาะปลูกเป็นอย่างไรบ้าง”
ภายในออฟฟิศ เหลียงโย่วเฉิงเห็นหมิงเหวินเจ๋อเดินเข้ามาในห้อง
“ก็แค่ปัญหาเล็กๆ ชิปจากระบบควบคุมสำหรับหลอดรังสียูวีซีในส่วน A1 ไหม้ ผมเปลี่ยนอันใหม่ไปแล้ว” หมิงเหวินเจ๋อนั่งลงบนเก้าอี้ เขาเหลือบไปมองเอกสารที่อยู่บนโต๊ะและพูด “รายงานสภาพจิตใจของเหรอ”
“อ่า” เหลียงโย่วเฉิงพยักหน้า “โปรเจกต์ 128 ทำลายสภาพจิตใจของ ดร.ฟานเป็นอย่างมากและไม่มีจิตแพทย์คนไหนช่วยเขา เขาไม่เหมาะสมที่จะทำงานบนดาวอังคารได้ต่อไปแล้ว ผมตั้งใจว่าจะขอศูนย์บัญชาการพาตัวเขากลับไปยังโลกพร้อมเที่ยวบินถัดไปเพื่อพักฟื้น”
“โปรเจกต์ 128…”
เหตุการณ์นี้นับเป็นการสูญเสียที่หนักหนาที่สุดในประวัติศาสตร์อุตสาหกรรมการบินและอวกาศจีน
ยังไม่สามารถระบุตำแหน่งของสมาชิกอีกสองคนในทีมได้ หนึ่งในนั้นคือนักวิชาการลู่ หัวหน้านักออกแบบแผนการเดินทางบนดาวอังคารและคณะกรรมการวงโคจรรอบดวงจันทร์ จริงๆ แล้วหมิงเหวินเจ๋อไม่เชื่อว่ามันเป็นเรื่องจริง ราวกับว่าเรื่องทั้งหมดเป็นเพียงฝันร้ายและนักวิชาการลู่กำลังล้อเล่นกับพวกเขา
เสียงเคาะประตูดังขึ้น รองหัวหน้าสถานีหานคังยู่เดินมาจากด้านนอก
เหลียงโย่วเฉิงเห็นสายตาเป็นกังวลบนหน้าเขา เขาถามขึ้นทันที “เกิดอะไรขึ้น”
“เราเห็นใครบางคนอยู่ด้านนอกสถานีฐาน”
เหลียงโย่วเฉิงผลักเก้าอี้ออกและยืนขึ้นด้วยสีหน้าเหลือเชื่อ
“เร็ว ขอผมดูด้วยหน่อย!”
…
เมื่อเผชิญหน้าต่อธรรมชาติ พลังของมนุษย์กลับเล็กนิดเดียว
แม้ว่าหวังเผิงจะพยายามอย่างถึงที่สุดแล้ว เขาไม่สามารถพึ่งพาเครื่องมือบนชุดอวกาศในการขุดดินลึกหลายกิโลเมตรและหินก้อนใหญ่ที่ขวางทางเขาได้
หวังเผิงกำลังคิดจะใช้พลั่วอเนกประสงค์ในมือขุด เขาจะพยายามหาลู่โจวให้ถึงที่สุด แต่เขาก็ต้องยอมรับกับความจริงหลังจากที่มีการแจ้งเตือนว่าออกซิเจนกำลังจะหมด
นี่ไม่ใช่ปัญหาที่สามารถแก้ไขได้ด้วยความมุ่งมั่น
แม้ว่าเขาจะขุดโดยที่ไม่กินไม่นอน แต่ออกซิเจนที่ลู่โจวมีอยู่คงอยู่ได้ไม่นาน
หลังจากที่ล้มเลิกขุดแล้ว เขาพยายามค้นหารอบๆ เขาเจอกระบอกออกซิเจนและเครื่องใช้ที่ฟานถงทำหล่นไว้ โชคยังดีที่เขาพบคอมพิวเตอร์ข้อมือที่พิกัดตำแหน่งเปิดอยู่อยู่ใต้กองทราย…
แม้ว่าหน้าจอจะแตกไปแล้ว แต่ชิปก็ยังอยู่ด้านใน
ตรงด้านข้างคอมพิวเตอร์ข้อมือ มีข้อความเล็กๆ แต่ชัดเจนถูกเขียนขึ้น
[ถ้ามีใครพบคอมพิวเตอร์นี้ คุณไม่จำเป็นต้องตามหาผม ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้น ช่วยนำมันกลับไปโลกให้ผมด้วย ได้โปรด]
หลังจากที่อ่านแล้ว หวังเผิงเปลี่ยนใจ
เหลียงโย่วเฉิงมองหน้าจอ เขาเห็นคนคนหนึ่งกำลังเดินฝ่าพายุทรายตรงมายังสถานีฐาน สีหน้าของเขาเต็มไปด้วยความตกใจ
“ชายคนนี้…เดินกลับมาที่นี่เหรอ”
เขาไม่มีสัญญาณ
ไม่มีเครื่องนำทาง
ไม่มีพาหนะอะไรเลย
เขาแค่พึ่งพาขาทั้งสองข้างและสัญชาตญาณของตัวเอง…
เป็นไปได้อย่างไรกัน?!
หานคังยู่เองก็ตกใจ เขาพยักหน้าและพูด
“ดูเหมือนจะเป็นแบบนั้นนะ…”
“เปิดประตู”
“ครับ!”
ประตูโลหะผสมเปิดอย่างช้าๆ
หวังเผิงมองประตูที่เปิดอยู่ตรงหน้าเขา เขาไม่ได้พูดอะไรทั้งนั้น เขาไม่แม้แต่จะเหลือบมองกล้องวงจรปิด
น้ำยาทำความสะอาดถูกฉีดพ่นมาจากทุกทิศทาง ชำระล้างทรายและเชื้อโรคทั้งหมดออกจากชุดอวกาศ
หลังจากถอดชุดอวกาศออก หวังเผิงมองนายสถานีเหลียงและรองหัวหน้าสถานีหานที่เดินออกมาจากประตูที่เปิดอยู่ เขาพยักหน้า
“ผมกลับมาแล้ว”
เหลียงโย่วเฉิงถอนหายใจเบาๆ และพูด
“ผมได้ยินแล้วว่าเกิดอะไรขึ้นใต้ซากปรักหักพัง เราเสียใจด้วยจริงๆ เรื่องนักวิชาการลู่…เราดีใจนะที่คุณกลับมา”
หวังเผิงเหลือบไปมองเขาและไม่ตอบอะไร เขายื่นคอมพิวเตอร์ข้อมูลหน้าจอแตกๆ ให้เหลียงโย่วเฉิง
“ส่งมันกลับไปยังโลก”
ใจของเหลียงโย่วเฉิงหล่นฮวบตอนที่ได้รับคอมพิวเตอร์ข้อมือ
ไม่จำเป็นต้องถามด้วยซ้ำว่ามันเป็นของใคร
หานคังยู่ที่ยืนอยู่ข้างๆ เขา กลืนน้ำลายและพูด
“ลู่โจว…”
หวังเผิงไม่ได้พูดอะไร เขาเดินผ่านทั้งคู่ไป…
…
บนโลก
ณ ถนนฉางอาน
มีการประชุมคณะรัฐมนตรี
ชายสูงวัยผมเทาที่มีสีหน้าเศร้าโศกและขุ่นเคืองกำลังตำหนิคนที่นั่งอยู่ตรงโต๊ะประชุม
“การส่งเขาไปเป็นการตัดสินใจที่ผิดมาก! ภารกิจล้มเหลวและเขาก็ตายไปแล้ว เราจะอธิบายกับคนในประเทศว่าอย่างไร?! เราจะอธิบายเรื่องที่เกิดขึ้นให้พ่อแม่เขาฟังว่าอย่างไร?!”
ชายวัยกลางคนรูปร่างผอมกระแอมและพูด “เอิ่ม รัฐมนตรีหวัง เราไม่ได้ส่งเขาไปนะ เขายืนกรานที่จะไปเอง! เราพยายามโน้มน้าวญาติและเพื่อนๆ ให้ห้ามเขาแล้ว แต่เขาก็ยืนยันว่าจะไป ใครจะไปหยุดเขาได้ นอกจากตัวเขาเอง”
ลู่โจวคือผู้บังคับบัญชาสูงสุดของออฟฟิศการเดินทางบนดาวอังคาร
เว้นเสียแต่ว่าจะมีคำสั่งโดยตรงจากผู้มีอำนาจสูงสุดของถนนฉางอาน ไม่อย่างนั้นก็ไม่มีใครหยุดเขาได้ และคำสั่งจากผู้บริหารประเภทนี้ก็ไม่สามารถเขียนขึ้นมาตามอำเภอใจได้ มันคงเป็นเรื่องน่าอายสำหรับคนนอกที่จะออกคำสั่งหัวหน้านักออกแบบ
รัฐมนตรีหวังถอนหายใจและกลับมานั่งที่ของเขา เขารู้ดีว่าไม่มีเหตุผลอะไรที่จะต้องระเบิดอารมณ์ออกไป
บรรยากาศที่โต๊ะประชุมช่างหนักหน่วง
ทุกคนดูแย่ไปกันหมด
ประธานาธิบดีเหลือบมองไปที่คนรอบๆ โต๊ะประชุม เขาเงียบไปสักพัก แล้วพูดขึ้นอย่างช้าๆ
“นี่คือจุดที่เราอยู่ตอนนี้ ไม่มีเหตุผลอะไรที่จะต้องมาเถียงกัน”
“จากข่าวล่าสุดจากฐานวิจัยวิทยาศาสตร์บนดาวอังคาร บุคลากรทางการวิจัยวิทยาศาสตร์ที่นั่นพบคอมพิวเตอร์ข้อมือของนักวิชาการลู่ที่เขาทำหายระหว่างปฏิบัติหน้าที่…นอกจากการไว้ทุกข์ให้กับหายนะที่เกิดขึ้น สิ่งที่เราทำได้ก็คือดำเนินการเดินทางของเขาต่อไป”
ประธานาธิบดีถอนหายใจเบาๆ และทำสีหน้าจริงจัง
“อีกอย่าง ยังมีเรื่องที่เร่งด่วนกว่านั้นที่เราจะต้องอภิปรายกันอยู่”
“นั่นก็คือสิ่งที่นักวิชาการลู่เห็นในซากปรักหักพังก่อนที่จะเกิดอุบัติเหตุ”
เสียงกระซิบดังขึ้นในห้องประชุม คนที่นั่งอยู่ตรงโต๊ะประชุมต่างพากันมองหน้ากันอย่างประหลาดใจพร้อมสายตาที่สับสน
จริงๆ แล้วข้อมูลของพวกเขามีจำกัด แม้ว่าพวกเขาอยากจะอภิปรายเรื่องนี้กันขนาดไหน พวกเขาก็ไม่มีอะไรให้อภิปรายกันอยู่ดี
ส่วนสิ่งที่นักวิชาการลู่ได้เผชิญในซากปรักหักพัง แม้แต่คนที่รอดชีวิตออกมาได้ก็ไม่รู้เรื่องนี้เหมือนกัน
ประธานาธิบดีมองห้องประชุมที่เงียบสนิทและพูดต่อ “ดูเหมือนว่าทุกคนกำลังลังเลอยู่ ดังนั้นผมจะขอพูดเลยก็แล้วกัน
“จากการวิเคราะห์จากผู้เชี่ยวชาญทางดาราศาสตร์ของเรา แกนของดาวอังคารที่เย็นตัวแล้วเป็นข้อเท็จจริงที่ไม่สามารถโต้แย้งได้ แผ่นดินไหวที่รุนแรงขนาดนี้ไม่ได้เกิดขึ้นจากการเคลื่อนไหวของโครงสร้างผิวโลกธรรมดาแน่นอน สิ่งที่นักวิชาการลู่ได้เผชิญเป็นสิ่งที่เราควรให้ความสนใจ”
“ถ้าอุบัติเหตุในครั้งนี้เกี่ยวข้องกับอารยธรรมนอกโลกจริงๆ มันก็แสดงให้เห็นถึงพฤติกรรมที่ซึ่งเป็นปรปักษ์ ผมคิดว่าพวกคุณทั้งหมดน่าจะรู้นะว่ามันหมายถึงอะไร”
ทั้งห้องประชุมตกอยู่ในความเงียบ
ประธานาธิบดีหยุดพูด เขาให้เวลาคนในห้องประชุมได้คิด
เวลาผ่านไปอย่างช้าๆ
ในที่สุดชายวัยกลางคนสวมเครื่องแบบทหารยืนขึ้นและทำลายความเงียบในห้องประชุม เขาพูดด้วยเสียงที่ดังกึกก้อง
“ถ้าการเสียชีวิตของนักวิชาการลู่เกี่ยวข้องกับอารยธรรมนอกโลกจริงๆ การฆ่าคนของเราอย่างโหดเหี้ยมก็คือการก่อสงคราม! เราควรจะสู้กลับ”
จู่ๆ สีหน้าของคนที่นั่งอยู่ในห้องประชุมก็เปลี่ยนเป็นความหวาดกลัว
สู้กลับ…
กับอารยธรรมนอกโลก…
มันฟังดูน่าหัวเราะจนคนส่วนใหญ่ไม่รู้ว่าควรจะคิดอย่างไร
ประธานาธิบดีพยักหน้าช้าๆ
“นั่นคือสิ่งที่ผมต้องการจะพูด”
สายตาของเขาแสดงความจริงจัง ประธานาธิบดีมองไปรอบๆ และพูด
“ผมรู้ว่ามันฟังดูน่าเหลือเชื่อ แต่เราไม่สามารถหาคำอธิบายไหนที่เหมาะสมมากไปกว่านี้แล้วกับความบังเอิญที่นักวิทยาศาสตร์ที่ดีที่สุดของอารยธรรมเราต้องเผชิญกับภัยพิบัติทันทีที่เขาก้าวเข้าไปในเดอะเกตส์ออฟเฮลล์”
“สันติภาพขึ้นอยู่กับมิตรภาพและการพึ่งพาอาศัยกัน”
“ในเมื่ออุบัติเหตุที่เลวร้ายที่เกิดขึ้น เราก็ต้องเตรียมพร้อมรับมือกับสิ่งที่เลวร้ายที่สุด”