Scholar’s Advanced Technological System ระบบปั้นอัจฉริยะ - ตอนที่ 1418 งานประชุมคณิตศาสตร์นานาชาติจินหลิง
- Home
- Scholar’s Advanced Technological System ระบบปั้นอัจฉริยะ
- ตอนที่ 1418 งานประชุมคณิตศาสตร์นานาชาติจินหลิง
ฤดูร้อนปี 2026
วิทยาเขตเก่ามหาวิทยาลัยจินหลิง
เงาไม้กระดำกระด่างสะท้อนบนกำแพงหินเก่า จักจั่นบนยอดไม้มะเดื่อดูเหมือนจะอยู่แบบนั้นตั้งแต่สมัยโบราณ ในเมืองที่พลุกพล่านแห่งนี้ ความสงบของกลิ่นอายหนังสือยังคงอยู่
แต่วันนี้กลับไม่เหมือนเดิมสำหรับวิทยาเขตเก่าแห่งนี้
นักวิชาการในชุดทางการเดินผ่านถนนอิฐหน้าทางเข้า ชาวต่างชาติเข้าไปในอาคารเก่าแก่ที่สร้างขึ้นในสมัยสาธารณรัฐจีน
ในชั่วข้ามคืน พวกเขารู้สึกราวกับได้กลับไปเมื่อสองสามทศวรรษก่อน วิทยาเขตเก่าแก่ที่แปลกตาดูเหมือนจะเดินทางผ่านกาลเวลา ฟื้นฟูความรุ่งโรจน์ของมหาวิทยาลัยในปีที่ผ่านมา
ไม่เลย ในทางเทคนิคแล้ว มันรุ่งโรจน์กว่าที่เคย
ก่อนหน้านั้น ถึงแม้ว่าชาวต่างชาติบางคนมาที่นี่เพื่อทำการบรรยาย พวกเขาส่วนใหญ่มาพร้อมกับความภาคภูมิใจและโบกมือทักทาย แต่ตอนนี้ไม่ว่าสีผิว อายุ หรือเพศไหนก็ตาม ใบหน้าของผู้คนส่วนใหญ่เต็มไปด้วยการแสดงออกที่อ่อนน้อมถ่อมตน
ไม่มีใครสูงส่งไปกว่าใคร
ทุกคนเท่าเทียมกันนอกเหนือจากเรื่องของความรู้
ไม่มีใครรู้สึกด้อยกว่า ไม่ว่าจะเป็นเรื่องของสีผิวหรือวัฒนธรรมของพวกเขาก็ตาม
การที่บอกว่าจินหลิงเป็นที่แรกของเอเชียก็คงฟังดูด้อยค่าเกินไป
ราวกับจะเฉลิมฉลองการฟื้นฟูมหาวิทยาลัย แม้แต่เถาวัลย์ที่เหี่ยวแห้งบนกำแพงลานบ้านก็ดูเหมือนจะงอกขึ้นใหม่พร้อมดอกตูม
“ศาสตราจารย์ฉิน”
ฉินเยว่ที่กำลังยืนอยู่ใต้ต้นหวู่ถง ได้สติกลับมาสู่โลกแห่งความจริงอีกครั้งหลังจากที่ได้ยินเสียงใครบางคนกำลังเรียกเขาอยู่
เขาค่อยๆ ดันแว่นตาขอบทองขึ้นไปที่สันจมูกและชำเลืองมองผู้ช่วยที่อยู่ข้างๆ
“เริ่มหรือยัง”
ผู้ช่วยพยักหน้าและพูดด้วยความตื่นเต้น
“เหลือเวลาอีกหนึ่งชั่วโมง! คณะกรรมการจัดงานประชุมเพิ่งเรียกเมื่อครู่นี้เอง พวกเขาอยากคุณจะกลับไปหลังเวทีและเตรียมตัวได้แล้ว”
เมื่อ 4 ปีที่แล้ว ที่การประชุมนักคณิตศาสตร์นานาชาติแห่งเซนต์ปีเตอร์สเบิร์ก ผู้นำสหภาพคณิตศาสตร์ระหว่างประเทศประกาศว่าจะมีการจัดการประชุมนักคณิตศาสตร์ระหว่างประเทศปี 2026 ที่จินหลิง
ข่าวนี้เป็นแรงบันดาลใจให้กับนักคณิตศาสตร์ชาวจีนทุกคน ทำให้ภาควิชาคณิตศาสตร์ของมหาวิทยาลัยจีนทุกแห่งต่างพากันตื่นเต้น
ตามที่คาดไว้ มหาวิทยาลัยจินหลิงได้เป็นเจ้าภาพในการประชุมนักคณิตศาสตร์ระดับนานาชาตินี้ และจัดสถานที่ประชุมไว้ที่วิทยาเขตเดิมของพวกเขา
เพื่อที่จะจัดงานที่มีชื่อเสียงระดับโลกนี้ พวกเขาได้เตรียมการมาเป็นเวลาสี่ปี!
ในที่สุดก็ถึงเวลาที่จะได้เห็นผลลัพธ์ของพวกเขา
“เข้าใจแล้ว โทรกลับไปหาพวกเขา ผมจะไปเดี๋ยวนี้”
ฉินเยว่ละสายตาจากวิทยาเขตเก่าในรูปแบบของสาธารณรัฐจีนและมองไปที่นักวิชาการต่างชาติที่กำลังถ่ายรูปอยู่ใต้กำแพงหินเก่า เขาก็อดไม่ได้ที่จะยิ้มออกมา
“ครั้งสุดท้ายที่คนมากมายขนาดนี้มารวมตัวกันที่นี่ที่วิทยาเขตเก่าคือเมื่อไหร่กันนะ”
ผู้ช่วยที่ยืนอยู่ข้างๆ รู้สึกแปลกใจเล็กน้อย จากนั้นเขาก็พูดด้วยรอยยิ้มว่า “ดูเหมือนว่าจะนานมาแล้วนะครับ ถ้าผมจำไม่ผิด ประมาณสองหรือสามปีที่ตอนที่นักวิชาการลู่จัดการรายงานที่นี่”
สองหรือสามปีที่แล้ว…
ดวงตาของฉินเยว่หรี่ลงเล็กน้อย น้ำเสียงของเขาเคล้าความเศร้าและความคิดถึง
“มันผ่านมาสองปีแล้ว…”
เวลาผ่านไปอย่างรวดเร็ว
ทุกสิ่งที่นี่ทำให้ฉันนึกถึงเขา แต่เขาไม่อยู่ที่นี่แล้ว
ด้านหลังเวที
เจ้าหน้าที่ช่วยจัดแจงเรื่องรูปลักษณ์และจัดเนกไทของฉินเยว่
ประมาณสองปีที่แล้ว ไม่นานหลังจากข่าวการเสียชีวิตของลู่โจวได้แพร่ออกไป เขาลาออกจากงานที่พรินซ์ตันและขึ้นเครื่องบินกลับประเทศจีน เขามาที่มหาวิทยาลัยจินหลิง ซึ่งเป็นที่ที่ศาสตราจารย์ที่เขาเคารพนับถือที่สุดเคยทำงาน
ก่อนลาออกจากตำแหน่ง ศาสตราจารย์เฟฟเฟอร์แมนตั้งใจฝึกฝนให้เขาเป็นรับช่วงต่อ โดยต้องการให้เขารับช่วงต่อในตำแหน่งคณบดีภาควิชาคณิตศาสตร์ของมหาวิทยาลัยพรินซ์ตัน
แต่ถึงแม้ว่าจะมีกับข้อเสนอของศาสตราจารย์เฟฟเฟอร์แมนเข้ามา การตัดสินใจของเขายังคงไม่เปลี่ยนแปลง
ลู่โจวบอกเขาหลายครั้งว่าต้องการสร้างมหาวิทยาลัยจินหลิงให้เป็นศูนย์คณิตศาสตร์ชั้นนำของโลก
แม้ว่าลู่โจวจะไม่ได้อยู่ที่นั่นแล้ว แต่ความปรารถนาของเขายังคงอยู่
มันขึ้นอยู่กับเขาที่ต้องทำงานนี้ให้สำเร็จ!
ฉินเยว่ยังจำได้ว่าตอนที่เขากลับมาประเทศจีน บรรยากาศของมหาวิทยาลัยจินหลิงช่างเศร้าสลด โดยเฉพาะในภาควิชาคณิตศาสตร์
ในแง่หนึ่ง การกลับมาของเขาถือได้ว่าเป็นการฟื้นคืนขวัญกำลังใจของภาควิชาคณิตศาสตร์ของมหาวิทยาลัย
ในฐานะที่เป็นหนึ่งในนักเรียนที่นักวิชาการลู่ชื่นชอบที่สุดในช่วงที่เขามีชีวิต และเป็นนักวิชาการด้านทฤษฎีจำนวนมีชื่อเสียงระดับนานาชาติ เขารับช่วงต่อและกลายเป็นคณบดีภาควิชาคณิตศาสตร์แทนที่คณบดีฉินที่เกษียณอายุแล้ว
ในระยะเวลาสองปี ต้องขอบคุณความพยายามของเขา ภาควิชาคณิตศาสตร์ของมหาวิทยาลัยจินหลิงกลายเป็นภาควิชาระดับโลกโดยได้ทิ้งคู่แข่งภายในประเทศไว้เบื้องหลัง
ในฐานะมาตรฐานใหม่ของโรงเรียนแห่งความคิดลู่โจว เขาจะยืนอยู่บนเวทีระดับนานาชาตินี้และพูดออกมาในฐานะนักวิชาการชาวจีนในนามของวงการคณิตศาสตร์จีน!
ในที่สุดพิธีเปิดการประชุมนักคณิตศาสตร์นานาชาติก็ได้เริ่มขึ้น
เช่นเดียวกับการประชุมก่อนหน้านี้ หลังจากที่เลขาธิการทั่วไปของสมาพันธ์คณิตศาสตร์ระหว่างประเทศกล่าวสุนทรพจน์ ฉินเยว่ซึ่งเป็นตัวแทนของวงการคณิตศาสตร์จีน เขาเดินไปที่เวทีและกล่าวเปิดงาน
หลังจากนั้นก็มีรางวัลเกียรติยศและรางวัลมากมายในสาขาคณิตศาสตร์ เช่น รางวัลคาร์ล ฟรีดริช เกาส์และเหรียญฟิลด์
ผู้ชนะหลายคนขึ้นเวทีและรีบเหรียญรางวัลจากเลขาธิการสหพันธ์คณิตศาสตร์ระหว่างประเทศ โดยมีการแสดงดนตรีจีนเล่นอยู่เบื้องหลัง
การแสดงละครที่ยิ่งใหญ่นี้เปิดม่านอย่างเป็นทางการสำหรับงานที่มีชื่อเสียงระดับโลกนี้
“นี่เป็นการประชุมที่น่าตื่นเต้นที่สุดที่ผมเคยเข้าร่วม!” ศาสตราจารย์วิทเทนแสดงสีหน้าที่ตื่นเต้น ศาสตราจารย์เดอลีงย์พูดกับเขา “ผมเองก็ไม่แน่ใจว่าความรู้สึกนี้มันคืออะไรกันแน่ แต่มันน่าตื่นเต้นกว่าการแสดงบัลเลต์ที่เซนต์ปีเตอร์สเบิร์กเยอะเลย และโชว์ที่รีโอเดจาเนโรด้วย”
อันที่จริงแล้วการแสดงบัลเลต์ในการประชุมที่เซนต์ปีเตอร์สเบิร์กก็ดี แต่ขาดเงินทุน สำหรับการแสดงช่วงหลังแม้จะดูมีชีวิตชีวามาก แต่ก็ค่อนข้างเข้มข้นเกินไป นอกจากนี้เนื่องจากปัญหาด้านความปลอดภัยที่ร้ายแรงของรีโอเดจาเนโร หากไม่ใช่เพราะการบรรยายที่ยอดเยี่ยมของลู่โจว การประชุมนั้นคงจะเป็นหายนะ
“ผมอยากรู้ว่าจะได้เห็นสิ่งที่น่าสนใจในการประชุมครั้งนี้หรือเปล่า” ดวงตาของเดอลีงย์เลื่อนไปที่พื้นที่แสดงโปสเตอร์นอกห้องโถง ทันใดนั้นดวงตาของเขาก็แสดงอารมณ์ที่ไม่คาดคิดออกมา
วิทเทนสังเกตเห็นสีหน้าที่เปลี่ยนไปของเพื่อนเก่าทันที เขาเลิกคิ้วด้วยความสนใจ “ดูเหมือนว่าคุณจะเจอกับอะไรบางอย่างนะ”
“ใช่”
ศาสตราจารย์เดอลีงย์ไม่ได้อธิบายอะไร เขาเดินตรงไปยังพื้นที่แสดงโปสเตอร์ทันที
วิทเทนเดินตามเพื่อนเก่าของเขาผ่านฝูงชนที่หนาแน่นด้วยความอยากรู้ พวกเขาหยุดตรงหน้าไวท์บอร์ดที่ดูธรรมดา
ศาสตราจารย์เดอลีงย์ขมวดคิ้วเล็กน้อยขณะที่กำลังมองการคำนวณที่อยู่บนไวท์บอร์ด
“สมการโคชี-รีมันน์เหรอ”
ชายหนุ่มที่ยืนอยู่หน้ากระดานไวท์บอร์ดก็แสดงสีหน้าที่ไม่คาดคิดเช่นกัน
“ใช่แล้วครับ ผมไม่อยากจะเชื่อเลย คุณเองก็ทำวิจัยในสาขานี้ด้วยเหรอครับ”
เห็นได้ชัดว่าชายหนุ่มคนนั้นจำเดอลีงย์ไม่ได้
ศาสตราจารย์เดอลีงย์ยิ้มอย่างแผ่วเบาและพูด “ผมไม่ได้วิจัยในทิศทางนี้หรอก ผมก็แค่คิดว่าวิธีทางคณิตศาสตร์ที่คุณใช้นั้นค่อนข้างคุ้นเคย หากผมจำไม่ผิด ส่วนที่ 3 ของสมการของคุณควรจะเป็นแอลแมนิโฟลด์ โปรเจกต์วิจัยที่คุณกำลังศึกษาเป็นผลพวงของข้อคาดการณ์ของฮอดจ์”
สีหน้าตกใจปรากฏขึ้นบนใบหน้าของชายหนุ่ม เขาจ้องไปที่ชายสูงวัยราวกับว่าเขากำลังเห็นสัตว์ประหลาด
“คุณเป็นใครเหรอครับ”
“มันไม่สำคัญว่าผมเป็นใคร ผมก็แค่อยากรู้” ศาสตราจารย์เดอลีงย์มองดูโปสเตอร์ที่แขวนอยู่ถัดจากกระดานไวท์บอร์ดและพูด “ในเมื่อคุณกำลังค้นคว้าเรื่องข้อคาดการณ์ของฮอดจ์ ทำไมไม่ลองปฏิบัติกับมันอย่างตรงไปตรงมาล่ะ เขียนไว้บนโปสเตอร์เลย”
ใบหน้าของชายหนุ่มเผยให้เห็นร่องรอยแห่งความอับอาย เขาเกาหัวอย่างเขินอายและตอบว่า “ผมก็อยากทำแบบนั้นนะครับ แต่ผมรู้สึกว่ามันคงไม่ใช่ความคิดที่ดี”
ถ้าเขาอายุน้อยกว่านี้สักหน่อยก็คงจะดี แต่เนื่องจากรูปร่างหน้าตาที่อ่อนเยาว์ของเขา แม้ว่าเขาจะค้นคว้าปัญหาระดับโลกนี้อย่างจริงจัง เขาก็คงถูกหัวเราะเยาะ
ศาสตราจารย์เดอลีงย์ยิ้มเบาๆ และพูดอย่างใจเย็น “สิ่งที่คุณกำลังเป็นกังวลไม่ใช่เรื่องที่สำคัญอะไรเลย วงการวิชาการไม่ตัดสินคนด้วยอายุหรอก ผมมีนักเรียนที่เป็นนักคณิตศาสตร์ที่มีชื่อเสียงระดับโลกที่อายุเท่าคุณ”
“ว้าว จริงเหรอครับ” ใบหน้าของชายหนุ่มเต็มไปด้วยความตกใจ ปากของเขาเปิดกว้างด้วยความประหลาดใจ
“คุณชื่ออะไร?
“หลี่โม่ครับ”
ศาสตราจารย์เดอลีงย์พยักหน้า
“หลี่โม่… เป็นชื่อที่น่าสนใจดีจัง คุณควรมีความมั่นใจในผลการวิจัยของคุณมากกว่านี้ ระดับของคุณ คุณเก่งกว่า 90% ของศาสตราจารย์ที่พรินซ์ตันเสียอีก”
ศาสตราจารย์เดอลีงย์มองไปที่ชายหนุ่มและถามต่อ “แล้วศาสตราจารย์ของคุณคือใครเหรอ ผมอยากคุยกับเขา”
ร่องรอยของความภาคภูมิใจปรากฏขึ้นบนใบหน้าของหลี่โม่ทันที
อย่างไรก็ตาม สีหน้าที่ภาคภูมิใจไม่ได้อยู่บนใบหน้าของเขาเป็นเวลานาน มันถูกแทนที่ด้วยความเศร้าและความเหงา
“คุณคงไม่ได้คุยกับเขาแล้วครับ”
ศาสตราจารย์เดอลีงย์ขมวดคิ้ว
“ทำไมล่ะ”
หลี่โม่ส่ายหัวและยิ้มอย่างขออภัย “ศาสตราจารย์ของผมคือลู่โจว”
ลู่โจว
ทันทีที่เขาได้ยินชื่อนั้น ลูกตาของศาสตราจารย์เดอลีงย์หดตัว
มันเหมือนกับการเปิดประตูที่ปิดลงแล้ว ความทรงจำของเขาหลั่งออกมาจากก้นบึ้งของหัวใจ ทำให้เขารู้สึกเศร้า
เขาจงใจที่จะไม่จำชื่อนั้นในช่วงสองปีที่ผ่านมา
“คุณคือนักเรียนของลู่โจวเหรอ” วิทเทนยิ้มและพูด “ผมมีความรู้สึกว่าคงอีกไม่นานคุณก็จะได้รับรางวัลเหรียญฟิลด์”
หลี่โม่ยิ้มอายๆ พลางเกาหลังหัวตัวเอง
“ผมตั้งใจเป็นอย่างมาก ศาสตราจารย์ของผมบอกผมก่อนหน้านี้ว่าผมควรมองการณ์ไกล และไม่หมกมุ่นกับผล IMO จริงจังเกินไป และผมควรตั้งเป้าหมายของตัวเองไว้ที่รางวัลเหรียญฟิลด์”
“ฮ่าฮ่าฮ่าฮ่า จริงเหรอ มันน่าตื่นเต้นจริงๆ”
เดอลีงย์พูดอย่างเป็นกันเอง “คุณแน่ใจเหรอว่าคุณจะยังมีชีวิตอยู่จนถึงวันนั้น”
วิทเทนกระแอมและพูด “คุณน่าจะมั่นใจในตัวผมมากกว่านี้นะ ผมยังเหลือเวลาอีกสิบปี นอกจากนี้ยุคอันงดงามเพิ่งเริ่มต้นขึ้นเอง ถ้าผมเป็นอะไรไปตั้งแต่เริ่ม จะไม่โชคร้ายไปหน่อยเหรอ”
ขณะที่ชายสูงวัยสองคนโต้เถียงกันเรื่องอายุของพวกเขา เสียงอุทานก็ดังขึ้นจากห้องบรรยายหมายเลข 1 ซึ่งอยู่ไม่ไกล
บนเวที หานเมิ่งฉีได้จดบรรทัดสุดท้ายของการคำนวณไว้บนไวท์บอร์ด เธอค่อยๆ วางปากกาในมือลง
การอยู่เหนือของฟังก์ชันรีมันน์-เซตาที่จุดจำนวนเต็มบวกคี่
นี่เป็นโปรเจกต์งานวิจัยที่ลู่โจวทิ้งไว้ให้เธอ หลังจากที่เธอยืนกรานที่จะหันมามุ่งกับการวิจัยทางคณิตศาสตร์ล้วนๆ
เธอยังคงจำสิ่งที่เขาพูดในเวลานั้นได้ เขาไม่ได้ขอให้เธอพิสูจน์ประพจน์ทั้งหมด เขาเพียงขอให้เธอสร้างความก้าวหน้าเล็กน้อยในสาขานี้ แม้ว่าเธอจะพบจำนวนอดิศัยที่ยังไม่ถูกค้นพบแค่จำนวนเดียว เธอก็สามารถสำเร็จการศึกษาได้
และตอนนี้ เห็นได้ชัดว่าเธอทำได้เกินความคาดหมายของลู่โจว ที่มีต่อเธอในขณะนั้น
เธอไม่เพียงแต่พบจำนวนอดิศัยในฟังก์ชันซีตาเท่านั้น แต่เธอยังพิสูจน์ความถูกต้องของประพจน์ทั้งหมดด้วย
นั่นคือ สำหรับ n≥1 ใดๆ ζ(2n+1) ก็เป็นจำนวนอดิศัย!
แม้ว่าจะใช้เวลานาน…
แต่ในที่สุดเธอก็ทำได้!
“เหลือเชื่อ… เธอเชี่ยวชาญอย่างมากในการใช้วิธีการทางคณิตศาสตร์ โดยเฉพาะอย่างยิ่งส่วนหนึ่งของทฤษฎีรวมของเรขาคณิตเกี่ยวกับพีชคณิต… นี่ไม่ใช่สิ่งที่นักคณิตศาสตร์รุ่นเยาว์สามารถทำได้”
สีหน้าของชูลทซ์เต็มไปด้วยความตกใจ
สิ่งที่ได้รับการพิสูจน์โดยเด็กหญิงตัวเล็กๆ บนเวทีคือสมมติฐานที่มีชื่อเสียงอย่างสมมติฐานเสมือนของรีมันน์ ในวิชาคณิตศาสตร์ แม้ว่าเขาจะไม่ได้ค้นคว้าเรื่องนี้ แต่หากพิจารณาจากระยะเวลาของปัญหานี้ มันคงเป็นเรื่องยาก
ศาสตราจารย์ฟาลติ้งส์เหลือบมองชูลทซ์
“ล้อเล่นไปแล้วเหรอ มือใหม่แบบไหนกันที่เพิ่งเริ่มเรียนคณิตศาสตร์แต่ก็สามารถใช้คำถามระดับนี้เป็นหัวข้อวิจัย”
ชายสูงวัยจ้องมองไปที่เวที ดวงตาที่ขุ่นมัวของเขาหรี่ลงเล็กน้อย
“แต่เธอดูไม่คุ้นหน้าเลย”
“ดูเหมือนว่าเธอจะเป็นนักเรียนของลู่โจวนะ” ชูลทซ์พูด “ผมคิดว่า… ผมเคยเห็นออฟฟิศของเขาแล้ว”
“นักเรียนของเขา”
ดูเหมือนว่าเรื่องนี้ไม่ใช่เรื่องแปลกอะไรอีกแล้ว ศาสตราจารย์ฟาลติ้งส์เอนตัวไปกับเก้าอี้และพูดด้วยความมั่นอกมั่นใจ
“ปีนี้มันสายไปแล้ว แต่รางวัลเหรียญฟิลด์ครั้งต่อไปจะต้องมีชื่อของเธออยู่บนนั้นอย่างแน่นอน”
ชูลทซ์ชำเลืองมองศาสตราจารย์ฟาลติ้งส์อย่างประหลาดใจ แต่ก็ไม่ได้พูดอะไร
ถ้าพูดตามหลักเหตุผล มันก็ควรจะเป็นอย่างนั้นจริงๆ
ทฤษฎีจำนวนเองก็เป็นหนึ่งในสาขาที่ซับซ้อนที่สุดในคณิตศาสตร์บริสุทธิ์ ความก้าวหน้าครั้งสำคัญในสาขานี้สมควรได้รับเหรียญฟิลด์
นอกจากนี้เธอก็เป็นนักเรียนของลู่โจว ดังนั้นไม่มีใครควรคัดค้าน
“เลิกพูดถึงคนอื่นได้แล้ว” ศาสตราจารย์ฟาลติ้งส์พูดต่อหลังจากที่เหลือบไปมองชูลทซ์ “ผมอยากจะหาโอกาสถามคุณอยู่พอดีว่างานวิจัยของคุณเป็นยังไงบ้าง”
“คุณหมายความแบบนั้นเหรอ” รอยยิ้มที่มีเสน่ห์ปรากฏบนใบหน้าของชูลทซ์ “แน่นอน โปรเจกต์วิจัยนั้นกำลังจะสิ้นสุด หรือพูดอีกอย่างก็คือเกือบจะถึงเวลาตีพิมพ์บทความแล้ว”
ฟาลติ้งส์ “มีวารสารที่ไหนที่ยินดีรับงานวิจัยของคุณมั้ย”
“ยังไม่มีเลยครับ แต่มันก็ไม่ใช่เรื่องง่ายในการแยกโปรเจกต์การวิจัยนี้” ชูลทซ์ยิ้มกระอักกระอ่วนและสุภาพ เขาพูดต่อ “ถ้าเป็นไปไม่ได้ เราวางแผนที่จะเผยแพร่ในวารสารอะไรก็ได้ เพราะอย่างไรผมก็ไม่สนใจเรื่องดัชนีผลกระทบการอ้างอิงอยู่แล้ว”
ศาสตราจารย์ฟาลติงส์ไม่ได้พูดอะไรมาก เขามองขึ้นไปที่เวทีและพูด “ยุคทองของนักวิชาการมีอายุเพียงสิบปีหรือประมาณนั้น มันใช้เวลาสองปีเพื่อผลลัพธ์แบบนั้น มันคุ้มค่าเหรอครับ”
ชูลทซ์เงียบไปสักพัก
หลังจากที่ผ่านไปนาน เขามองดูหญิงสาวโค้งคำนับและขอบคุณผู้ฟัง จากนั้นเขาก็ยักไหล่และพูดว่า “สำหรับผมนี่หมายถึงจุดจบ และเป็นการสิ้นสุดการเดินทางเมื่อสองปีที่แล้ว”
“ดังนั้นมันควรจะคุ้มค่า”
…
บางทีอาจเป็นเพราะชื่อเสียงของลู่โจว การประชุมนักคณิตศาสตร์ระหว่างประเทศประจำปีนี้จึงมีชีวิตชีวาเป็นพิเศษ
สมมติฐานเสมือนของรีมันน์ ได้รับการพิสูจน์โดยนักเรียนของลู่โจว!
หลังจากการประชุมรายงานครั้งแรกในวันแรกสิ้นสุดลง บรรยากาศของการประชุมทั้งหมดก็ขึ้นไปอยู่จุดสูงสุด
แต่เท่าที่หานเมิ่งฉีรู้สึก ไม่มีอะไรควรค่าแก่การเฉลิมฉลองเลยสักนิด
เธอรู้ดีว่างานที่เธอทำเสร็จนั้นไม่มีอะไรมากไปกว่าความสำเร็จเล็กๆ น้อยๆ จากศาสตราจารย์ของเธอ มันยังห่างไกลจากคำว่าการค้นพบที่ยิ่งใหญ่
เธอเดินกลับมาที่เลานจ์หลังเวที และกำลังจะเปลี่ยนเสื้อผ้า แต่จู่ๆ ประตูเลานจ์เปิดออก คนที่เธอรู้จักเดินเข้ามา
“…ดอกเตอร์เหยียน?”
หานเมิ่งฉีมองเธอด้วยความงุนงง ไม่แน่ใจว่าทำไมเธอถึงมาปรากฏตัวอยู่ที่นี่
เธอเดินเข้าไปหาหานเมิ่งฉีและถามด้วยสีหน้าที่จริงจัง “ฉันขอถามอะไรสักอย่างได้ไหม”
“อะไรเหรอคะ” แม้ว่าหานเมิ่งฉีจะไม่คิดว่าตัวเองจะสามารถช่วยอะไรเธอได้ แต่ยังคงตอบอย่างสุภาพ
เหยียนเหยียน “พี่สาวของคุณหายตัวไป ฉันอยากรู้ว่าเธออยู่ที่ไหน! คุณพอจะมีเบาะแสอะไรบ้างไหมคะ”
หลังจากไปปักกิ่ง เฉินยู่ซานดูเหมือนจะหายตัวไปจากโลก เธอหายตัวไปจากสายตาของทุกคน
เบาะแสเดียวคือเธอเคยไปโรงพยาบาล 301 ครั้งหนึ่งและไปพบแพทย์หลายคน แพทย์ทั้งหมดได้รับทุนจากสตาร์สกายเทคโนโลยี
หลังจากนั้นก็ไม่มีใครรู้ว่าเธอไปที่ไหน
อันที่จริงเหตุการณ์นี้ไม่ได้ดึงดูดความสนใจของใครเลยตั้งแต่แรก รวมถึงการลาออกจากสตาร์สกายเทคโนโลยีอีกด้วย เพราะคนส่วนใหญ่แค่แสดงความเสียใจ และคิดว่าเธอรู้สึกหนักใจและต้องการที่จะพักผ่อนสักระยะ
หลังจากที่เธอหายตัวไปเป็นเวลานาน ผู้คนรอบๆ ตัวเธอก็ตระหนักถึงความร้ายแรงของปัญหา
เนื่องจากนี่ไม่ใช่คดีอาญา และดูเหมือนกองกำลังต่างชาติจะไม่ได้ทำอะไร เรื่องนี้จึงถูกโอนไปยังแผนกข่าวกรองของกรมเสนาธิการกองทัพปลดปล่อยประชาชนแทน
เหยียนเหยียนผู้เพิ่งถูกย้ายไปยังแผนกข่าวกรองมีทรัพยากรที่จำกัดมาก เธอทำได้เพียงใช้วิธีการพื้นฐานที่สุดในการสัมภาษณ์และการสอบสวนเพื่อถามผู้คน
หลังจากที่ได้ยินคำถามของเหยียนเหยียน หานเมิ่งฉีส่ายหัวด้วยความว่างเปล่า
“ฉันก็ไม่รู้…”
หลังจากที่เห็นว่าหานเมิ่งฉีเองก็ไม่รู้อะไรเหมือนกัน จู่ๆ เหยียนเหยียนก็รู้สึกร้อนใจและพูดขึ้น
“คุณเป็นน้องสาวของเธอ แต่คุณเองก็ไม่รู้หรอกเหรอ เธอเคยบอกหรือเปล่าคะ ว่าเธอต้องการไปที่ไหน”
“ต้องการไปที่…” หานเมิ่งฉีอ้าปากค้าง เมื่อความทรงจำเรื่องหนึ่งปรากฏขึ้นในใจของเธอ สัมผัสที่น่าประหลาดใจก็ปรากฏขึ้นในดวงตาของเธอ
เหยียนเหยียนถามทันที “คุณคิดอะไรอยู่เหรอคะ”
“ที่ที่อยากจะไปจริงๆ มันก็มีอยู่นะคะ แต่มันไม่น่าจะเป็นไปได้”
สีหน้าแปลกๆ ปรากฏบนใบหน้าของหานเมิ่งฉี
เธอไปได้ไกลขนาดนั้นจริงๆ เหรอ
ท้ายที่สุดด้วยเทคโนโลยีปัจจุบันบนโลก ลืมเรื่องที่จะไปถึงระบบดาวนอกระบบสุริยะได้เลย แม้แต่แถบไคเปอร์ก็อาจไม่สามารถไปถึง