Scholar’s Advanced Technological System ระบบปั้นอัจฉริยะ - ตอนที่ 1431 คุณจะฆ่าเราให้ตายกันหมด
- Home
- Scholar’s Advanced Technological System ระบบปั้นอัจฉริยะ
- ตอนที่ 1431 คุณจะฆ่าเราให้ตายกันหมด
บนเที่ยวบิน N-177
ลู่โจวเมินหน้าจากหน้าต่างและถอนหายใจเบาๆ
“ดูเหมือนว่าพวกเขาจะไม่ปล่อยให้เรากลับบ้าน”
ลู่โจวเหลือบไปมองทางศาสตราจารย์ลีโอนาร์ดที่ซ่อนตัวอยู่ใต้เก้าอี้ เขาเงียบไปสักพัก หลังจากนั้นก็พูดกับเขาอย่างเงียบๆ
“เราจะต้องหาวิธีหนีออกจากที่นี่”
“หนีเหรอ คุณจะหนีได้อย่างไร” ศาสตราจารย์ลีโอนาร์ดพูดเบาๆ และถาม “อย่าทำอะไรโง่ๆ พวกเขาก็แค่พยายามหาเงิน โดยปกติแล้วโจรสลัดอวกาศเหล่านี้จะปล่อยคนไปถ้าพวกเขาได้ค่าไถ่ไปแล้ว”
ลู่โจวมองศาสตราจารย์ลีโอนาร์ดที่กำลังหวาดกลัว ลู่โจวดูอึ้งไป
“…ผมก็ไม่รู้ว่ายานอวกาศในศตวรรษที่ 22 เป็นอย่างไร แต่เท่าที่ดูจากใบพัดแล้วน่าจะใช้เครื่องขับดันพลังไอออน เส้นทางการบินอาจจะแตกต่างกัน แต่ตรระกะของการเดินเรือไม่น่าจะมีอะไรเปลี่ยนแปลง จากความเร็วปัจจุบันและสถานะของเที่ยวบิน พวกเขาพยายามเร่งความเร็วเหนือความหน่วง…ผมไม่รู้เลยว่ามีเชื้อเพลิงเหลืออยู่เท่าไหร่ แต่ถ้าให้ลดความเร็วตอนนี้คงเป็นเรื่องที่ยากมากๆ ”
เท่าที่ดูจากแรงผลักแล้ว เรือบินขนส่งลำนี้อาจจะกำลังเคลื่อนที่ในตอนนี้ด้วยความเร็วเต็มที่อยู่ก็ได้ แต่ไม่มีใครรู้ว่ามีพลังงานเรือจะอยู่ได้แค่ไหน
ลู่โจวอดรู้สึกปวดหัวไม่ได้
เขารู้สึกว่าเขาเป็นคนที่พยายามหลีกเลี่ยงปัญหา แต่ด้วยเหตุผลอะไรก็ตาม เขากลับติดอยู่กับปัญหาเหล่านี้ในศตวรรษที่ 22
ถ้าหวังเผิงอยู่ด้วยที่นี่ละก็…
ลู่โจวมองศาสตราจารย์ตัวสั่นเทาข้างๆ เขา เขาถอนหายใจเบาๆ ในใจ
เขารู้ว่าเขาอาจจะหวังพึ่งชายคนนี้ไม่ได้ เขาใช้นิ้วมือข้างซ้ายถอดกุญแจมือออกจากมือขวาอย่างใจเย็น เผยให้เห็นสายรัดข้อมือเล็กๆ เขาสังเกตบรรยากาศในห้องโดยสารและพยายามมองหาโอกาส
มีเพียงของสองสิ่งเท่านั้นที่สามารถนำมาใช้ได้
สลิงช็อตแม่เหล็กที่เสียหายและเกราะไนโตรเจนที่เขาไม่เคยใช้มาก่อน
หุ่นยนต์ที่เสี่ยวไอส่งมาก็นับเป็นตัวช่วยหนึ่ง แต่ในเมื่อมันเป็นสิ่งของไม่ใช่คน มันจึงนั่งอยู่ในที่เก็บสัมภาระ
อีกอย่างหุ่นยนต์นั่นก็เป็นเพียงบอดี้การ์ดที่เสี่ยวไอส่งมา เสี่ยวไอไม่สามารถควบคุมทางไกลได้ด้วยซ้ำ มันก็อาจจะไม่มีโอกาสเอาชนะโจรติดอาวุธพวกนี้ได้…
ขณะที่ลู่โจวกำลังคิดหาทางหนี จู่ๆ เสียงเด็กร้องก็ดังมาจากห้องโดยสาร
เขารู้สึกเหมือนหัวใจหล่นฮวบลงมาที่ท้อง
“ทำให้มันหุบปากที”
โจรสวมเกราะเอ็กโซสเกลเลตันที่ยืนอยู่ในห้องผู้โดยสารจับจ้องไปที่หญิงสาวที่กำลังอุ้มเด็กน้อยด้วยสายตาเยือกเย็น
สีหน้าของหญิงสาวซีดเผือด
“ฉัน…ฉันขอโทษนะคะ ลูกของฉัน…อาจจะหิว ฉัน ฉัน…”
หญิงสาวมองไปที่โจรขณะกำลังขอร้องอ้อนวอน
แต่เสียงขอร้องไม่ได้ทำให้ความเป็นมนุษย์ในดวงตาที่เย็นชาของผู้โจมตีกลับมาเลย
เขากลับจ้องไปที่เธออย่างโหดเหี้ยมแทน
“ฉันให้เวลาแก 10 วินาทีในการทำให้มันหุบปาก” ชายคนนั้นยกปืนขึ้นและเล็กไปทางเด็กน้อยในอ้อมแขนของเธอ “หรือจะให้ฉันช่วยแก”
หญิงสาวตกใจกลัวในทันทีและขอร้อง “ไม่…ฉันขอร้องล่ะ อย่าทำแบบนี้เลยนะ…”
“9″
เขาเริ่มนับถอยหลัง
ภายใต้แรงกดดันของโจร หญิงสาวที่กำลังอุ้มลูกสติหลุด
เธอพยายามเอามือปิดปากลูกของเธอและพยายามทำให้เด็กหยุดร้อง แต่เสียงร้องของเด็กน้อยก็เหนือการควบคุมมากขึ้นเรื่อยๆ
หน้าของลีโอนาร์ดซีดเผือด ปากของเขาสั่นเทา
แต่หลังจากที่ลังเลอยู่สักพัก ในที่สุดความกลัวต่อความตายก็เอาชนะความยุติธรรมในหัวใจตัวเอง สุดท้ายเขาก็ไม่ได้ทำอะไรเหมือนคนอื่นๆ
“เดี๋ยวก่อน”
จู่ๆ เสียงเสียงหนึ่งก็ดังขึ้น เด็กผู้หญิงผมสั้นที่ดูเหมือนจะมาจากครอบครัวชาวจีนยกมือและลุกขึ้นอย่างสั่นเทา
ทันทีที่เธอยืนขึ้น โจรก็เล็งปืนไปที่เธอแทน
การกระทำนี้ดึงดูดสายตาของทุกคนในห้องโดยสาร พวกเขากลัวว่าเขาจะเหนี่ยวไกและเลือดจะสาดกระจายไปทั่ว
โชคดีที่โจรไม่ได้ยิง แต่เขาพูดราวกับว่าเขากำลังจะยิง
“แกขัดจังหวะการนับถอยหลังของฉัน ฉันหวังว่าแกจะมีเหตุผลที่ดีพอนะ”
“เขายังเป็นเด็ก ทำแบบนี้ก็เอาแต่จะทำให้ร้องหนักขึ้นกว่าเดิม…” แม้ว่าเด็กหญิงจะกลัวสักแค่ไหน แต่เธอก็ยังพูดต่อ “หนูขอปลอบแกได้ไหม”
โจรเลิกคิ้วขึ้น เขาดูเหมือนจะนึกถึงสิ่งที่น่าสนใจเขาจึงวางปืนลง
เด็กหญิงถอนหายใจด้วยความโล่งใจและพิงกับที่นั่งใกล้ๆ เธอ เธอเดินตรงไปที่หญิงสาวที่กำลังอุ้มลูกอย่างระมัดระวังและมองเธอเพื่อปลอบใจ หลังจากนั้นเด็กสาวคนนั้นก็อุ้มเด็กออกจากมาอ้อมแขนแม่
เธอพยายามเอาชนะความกลัวและสงบสติอารมณ์ เด็กหญิงกอดเด็กน้อยไว้ในอ้อมแขนและฮัมเพลงกล่อมเด็กเบาๆ หลังจากนั้นก็ใช้มือลูบเด็กน้อย
หลังจากนั้นไม่นานเสียงเล็กๆ ของเด็กน้อยค่อยๆ เบาลงเรื่อยๆ เด็กน้อยหายใจเป็นปกติอีกครั้ง และกำลังจะเผลอหลับ
“นี่ค่ะ”
เธอส่งเด็กน้อยให้กับแม่และฝืนยิ้มเพื่อปลอบโยน
“ลูกของคุณ…น่ารัก”
หญิงสาวมองเธอด้วยความขอบคุณและพูด
“ขอบคุณนะ”
“ไม่เป็นไรค่ะ หนูแค่…”
เสียงกระแอมดังขัดจังหวะฉากสุดซึ้ง
“พอแล้ว”
เด็กหญิงตัวแข็ง
เธอหันกลับไปมองที่โจรและปืนที่จ่อมาที่เธอ เธอยกมือขึ้นและพูดด้วยน้ำเสียงที่สั่นเครือ
“หนูไม่ได้ตั้งใจจะทำให้คุณโกรธนะคะ…หนูจะกลับไปเดี๋ยวนี้เลยค่ะ”
“ใครบอกให้แกกลับไป” รอยยิ้มโหดเหี้ยมปรากฏบนใบหน้าของโจร เขาพูด “แกขัดจังหวะฉันและแกก็ยังไม่ได้ชดใช้กับสิ่งที่แกทำเลย”
ริมฝีปากของเด็กสาวสั่นเทา เธอพูดอะไรไม่ออก
หญิงสาวที่นั่งข้างๆ เธอที่กำลังอุ้มลูกน้อยอยู่อยากจะช่วย แต่เมื่อเธอได้เห็นสีหน้าแห่งความกระหายเลือดของโจร เธอก็พูดอะไรไม่ออก
โจรยิ้มอย่างโหดเหี้ยม เขายกปืนขึ้นมาและเล็งไปที่เด็กสาวผมสั้น
“ฉันจะให้โอกาสแก ถ้าแกสามารถบอกฉันได้ว่าเวลาผ่านไปกี่วินาทีหลังจากที่ฉันนับถอยหลัง ฉันจะไว้ชีวิตแก”
แล้วฉันจะไปรู้ได้อย่างไร?!
เด็กหญิงตัวสั่น เหงื่อของเธอเริ่มไหลออกมาจากหน้าผาก
ศาสตราจารย์ลีโอนาร์ดที่แอบมาตั้งแต่ตอนแรกหลับตาด้วยความกลัวฉากนองเลือดที่กำลังจะเกิดขึ้น
แต่ขณะที่ทุกคนคิดว่าอย่างไรเสียเด็กหญิงคนนี้ก็ต้องตายแน่ๆ จู่ๆ ก็มีเสียงสั่นเบาๆ ดังขึ้น
พวกเขาไม่มีเวลาป้องกันตัวเอง
ไม่มีเวลาตอบสนองเลยด้วยซ้ำ
หมวกของโจรมีเสียงแตกดังขึ้น
หมวกของเขาแตกเป็นเสี่ยงๆ
โจรเอียงคอและล้มลงบนพื้นเบาๆ
เด็กหญิงเอามือปิดปากเพื่อไม่ให้ตัวเองกรีดร้องออกมา
เธอไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้นกันแน่
ชายหน้าตาหล่อเหลาลุกขึ้นจากที่นั่งที่ห่างออกไปไม่มากนัก
เหนือข้อมือขวาของเขามีลูกบอลโลหะลูกเล็กๆ ที่มีขนาดประมาณเม็ดถั่วหมุนไปในทิศทางที่ไม่เป็นระเบียบ ราวกับว่าลูกบอลเหล่านั้นถูกยกด้วยแรงที่มองไม่เห็น
ลู่โจวมองไปที่ผู้โดยสารที่อยู่ในห้องโดยสารและยิ้มเพื่อให้พวกเขาอุ่นใจขึ้น หลังจากนั้นเขาก็เดินมาที่ศพและหยิบปืนไรเฟิลที่หล่นลงพื้นขึ้นมา
หลังจากที่ถืออยู่ครู่หนึ่ง ลู่โจวหันมามองศาสตราจารย์ลีโอนาร์ดและถาม “คุณใช้เป็นหรือเปล่า”
ศาสตราจารย์ลีโอนาร์ดเค้นคำพูดออกมาจากคอหอย
“ตัวล็อกถูกเปิดแล้ว สามารถเหนี่ยวไกได้เลย”
“ดูเหมือนว่าอาวุธจะไม่ได้เปลี่ยนไปมากเลยนะ”
“คุณจะทำอะไร”
“จะอะไรล่ะ ก็ควบคุมยานอวกาศยังไงล่ะ”
“คุณบ้าไปแล้วเหรอ คุณรู้ไหมว่ามีโจรกี่คนบนเที่ยวบินนี้” ศาสตราจารย์ลีโอนาร์ดจ้องเขาด้วยดวงตาที่เบิกกว้าง “คุณจะฆ่าทุกคนนะ!”
ลู่โจวยิ้มเบาๆ
“คุณคิดว่าถ้าเราไม่ทำอะไรเลยแล้วเราจะรอดเหรอ”
เท่าที่ดูจากความเร็วของยานอวกาศแล้ว โจรพวกนี้ก็ไม่ได้ตั้งใจจะไว้ชีวิตใครอยู่แล้ว
เขาเลือกที่จะตายอย่างกล้าหาญดีกว่า
ขณะที่ลู่โจวกำลังตรงไปที่ห้องเก็บกระเป๋าเดินทางเพื่อตั้งใจจะไปปลุกหุ่นยนต์ที่เสี่ยวไอส่งมา รัสที่อยู่ในห้องขับเครื่องบินจู่ๆ ก็มีสายตาที่โกรธเกรี้ยว
บนหน้าจอ ไอคอนของคนหมายเลขสามกลายเป็นสีเทา
เสียงของผู้ร่วมทีมดังมาจากช่องทางสื่อสาร
“หมายเลขสามขาดการเชื่อมต่อไปแล้ว…การทำงานของหัวใจล้มเหลว”
“เข้าใจแล้ว” มือขวาของรูซาสค่อยๆ ปลดล็อก เขาวางนิ้วบนไกปืนพร้อมรอยยิ้มที่โหดเหี้ยมบนใบหน้า
“มาดูกันสิว่าใครอยากมีปัญหา…”