Scholar’s Advanced Technological System ระบบปั้นอัจฉริยะ - ตอนที่ 1440 ปล่อยให้เธอรอ
ณ ภาคคณิตศาสตร์ มหาวิทยาลัยจินหลิง
ในออฟฟิศที่ตกแต่งอย่างทันสมัย ชายสูงวัยที่มีผมหงอกยืนอยู่หน้าภาพวาดที่เหมือนจริง เขาจ้องตรงไปยังบุคคลในภาพ เขาดูเหมือนจะตกอยู่ในความทรงจำที่แสนห่างไกล
เสียงฝีเท้าดังมาจากนอกออฟฟิศ ตามมาด้วยเสียงเคาะประตูเบาๆ สองครั้ง
ชายสูงวัยที่ไม่ยอมละสายตาจากภาพวาด พูดด้วยน้ำเสียงที่แน่วแน่ที่ซ่อนไปด้วยความผ่าเผย
“เข้ามาสิ”
ประตูถูกผลักเปิดออก
ศาสตราจารย์หนุ่มสวมแว่นเปิดประตูและเดินเข้ามา
“หัวหน้า คุณตามหาผมอยู่เหรอครับ”
คนที่ยืนอยู่ตรงประตูมีชื่อว่าซุนจิ้งเหวิน เขาอายุสามสิบกลางๆ
ในฐานะอัจฉริยะของมหาวิทยาลัยจินหลิงและแม้แต่ในสาขาคณิตศาสตร์พาน-อาเซียน เขาได้รับรางวัลเหรียญฟิลด์ในวัย 31 ปี และได้รับการยกย่องว่าเป็นนักวิชาการรุ่นใหม่ที่มีแนวโน้มว่าจะได้รับรางวัลคณิตศาสตร์ลู่โจวก่อนอายุ 40
ชายสูงวัยที่ยืนอยู่ตรงหน้าเขาที่กำลังจ้องมองภาพวาดยิ่งน่าประทับใจเข้าไปอีก
ชื่อของเขาคือฉินฉวน แม้ว่าเขาจะอายุได้ 80 แล้ว เขาก็ยังอยู่ในตำแหน่งที่สำคัญในโลกคณิตศาสตร์ ตอนที่เขายังหนุ่ม เขาได้รางวัลเหรียญฟิลด์ด้วยวัย 30 และเมื่ออายุได้ 40 ปี เขาได้รับรางวัลสูงสุดในวงการคณิตศาสตร์ รางวัลคณิตศาสตร์ลู่โจว ในฐานะนักวิชาการอันดับต้นๆ ในสาขาคณิตศาสตร์ งานวิจัยของเขาในหัวข้อทฤษฎีจำนวนเหนือกว่าคนอื่นๆ
แม้ว่าเขาจะอุทิศตัวเองให้การศึกษาตั้งแต่ได้รับรางวัลวูล์ฟซึ่งเป็นรางวัลความสำเร็จสูงสุด เขาก็แทบจะไม่ปรากฏตัวในวารสารอันดับต้นๆ ในวงการคณิตศาสตร์เลย แต่คนมากมายยังนับว่าเขาคือผู้นำของชุดความคิดลู่โจว
อีกอย่างเขามีภูมิหลังที่สำคัญ
เขาเป็นหัวหน้าของรุ่นที่สองของโรงเรียนแห่งความคิดลู่โจว หลานชายของฉินเยว่ นักศึกษาของลู่โจว…
ชายสูงวัยไม่ได้ตอบคำถามตรงๆ ดวงตาสีโคลนของเขายังคงจ้องมองไปที่ภาพนั้น และหลังจากนั้นสักพักเขาพูดช้าๆ “คุณรู้ไหมว่าคนคนนี้เป็นใคร”
ซุนจิ้งเหวินมองไปที่คนในรูป เขาอึ้งไปเล็กน้อย ความสับสนปรากฏขึ้นในสายตาของเขา
ความสับสนเล็กน้อยที่เกิดขึ้นไม่ได้มุ่งเป้าไปที่บุคคลในภาพวาด แต่มุ่งไปที่คำถามในตัวมันเอง
“เขาคือปรมาจารย์… ทำไมเหรอ?”
ในดินแดนแห่งสหการพาน-เอเชียน ใบหน้านี้ไม่เพียงแค่เป็นที่ชื่นชอบของสาธารณชนเท่านั้น แต่ยังเป็นชื่อที่ทุกคนรู้จัก นักวิชาการที่ผลักดันกระบวนการทางวิทยาศาสตร์ของโลกทั้งโลกให้ก้าวไปข้างหน้ากว่าหนึ่งร้อยปีด้วยพลังของเขาเองและทิ้งตำนานเกี่ยวกับเขาไว้
อาจไม่ใช่ทุกคนที่ชื่นชอบเขา แต่คนส่วนใหญ่คุ้นเคยกับชื่อและใบหน้านี้
ยังไม่รวมถึงเรื่องที่ว่าพวกเขาต่างก็อยู่ที่มหาวิทยาลัยจินหลิง
กระดานไวท์บอร์ดและกระเบื้องทุกแผ่นที่อยู่ที่นี่ได้สัมผัสถึงตำนานที่เขาทิ้งไว้เบื้องหลัง
แม้กระทั่งตอนนี้ 100 ปีต่อมา นักศึกษาที่สำเร็จการศึกษาจากที่นี่ก็ยังภูมิใจที่มีนักวิชาการลู่เป็นศิษย์เก่า
“ถูกต้อง” ชายสูงวัยพยักหน้า เมื่อมองดูภาพวาดบนผนัง รูม่านตาที่ขุ่นมัวของเขาค่อยๆ ตื่นเต้นขึ้น “นั่นเป็นยุคที่รุ่งโรจน์ที่สุดของมหาวิทยาลัยของเราและเป็นยุคที่รุ่งเรืองที่สุดของวงการวิชาการ”
ปรมาจารย์ที่ไม่มีใครเทียบได้ของศตวรรษที่ 21
ไม่ใช่แค่ในโลกคณิตศาสตร์เท่านั้น แต่เขาเป็นปรมาจารย์ในโลกวิชาการทั้งหมดอย่างฉันทามติในโลกวิชาการทั้งหมด
ความเจริญรุ่งเรืองของยุคไม่สามารถเกิดขึ้นได้โดยพลังอันยิ่งใหญ่ของบุคคลคนหนึ่ง แต่คนในภาพที่แขวนอยู่บนกำแพงได้ยืนอยู่ที่จุดสูงสุดของยุคนั้นอย่างไม่ต้องสงสัย
เขารู้สึกว่าการสร้างวิทยาศาสตร์ได้เสร็จสมบูรณ์แล้ว และส่วนที่เหลือเป็นเพียงงานวิจัยเล็กๆ น้อยๆ เท่านั้น
ในสายตาของคนอื่นๆ เขาได้สร้างผลงานที่โดดเด่นมากมายในช่วง 80 ปีที่ผ่านมาและเกษียณอย่างมีเกียรติ แต่มีเพียงเขาเท่านั้นที่รู้ดีว่างานวิจัยทั้งหมดที่เขาทำตั้งแต่ต้นจนจบไม่ได้เป็นเพียงการต่อเติมและซ่อมแซมมรดกทางวิชาการที่ปรมาจารย์ของสำนักแห่งความคิดลู่โจวทิ้งไว้
หลังจากที่ใช้ชีวิตมา 80 ปีเต็ม เขาไม่ได้สร้างการค้นพบที่ยิ่งใหญ่แม้แต่ครั้งเดียว ความทุกข์ในใจมีแค่เขาเท่านั้นที่รู้
เมื่อหลายปีก่อน เขาได้แลกเปลี่ยนคำถามนี้กับคณบดีคณะแพทยศาสตร์มหาวิทยาลัยจินหลิง และได้รับคำตอบที่ตรงกัน ชายคนนี้ดูเหมือนจะระบายออร่าไปอีก 100 ปีข้างหน้า และวงการวิชาการทั้งวงการก็ดูเหมือนจะตกหลุมพรางของความเจริญรุ่งเรือง
ผลการวิจัยทุกประเภทเกิดขึ้นอย่างรวดเร็ว จำนวนบทความและอัตราการเติบโตของดัชนีผลกระทบทำสถิติสูงสุดใหม่ทุกปีในหมู่พวกเขามีผลการวิจัยที่ยอดเยี่ยม แต่ไม่มีผลงานใดที่มีสูงส่งเทียบเท่ากับทฤษฎีเอกภาพของเรขาคณิตเกี่ยวกับพีชคณิต
เช่นเดียวกับในฟิสิกส์ นับตั้งแต่ทฤษฎีไฮเปอร์สเปซ วงการฟิสิกส์ก็ไม่มีทฤษฎีอะไรที่แหวกแนวมาเกือบร้อยปีแล้ว
แม้ว่าฉินฉวนจะไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้นในสาขาอื่นๆ แต่เขาเชื่อว่านี่ไม่ใช่อุบัติเหตุ
“ปู่ของผมเป็นนักเรียนของเขา…”
“ทุกครั้งที่เขาพูดถึงชื่อเขา ความคิดถึงและความเสียดายจะปรากฏบนใบหน้าของเขา ผมได้ยินเขาพูดอยู่หลายครั้งว่าถ้าเขามีชีวิตอยู่อีกสักสองปี ทุกอย่างก็คงไม่แย่ขนาดนี้”
ซุนจิ้งเหวินขมวดคิ้ว ร่องรอยแห่งความสับสนปรากฏในสายตาของเขา
เขาไม่รู้ว่าอะไรที่ว่าแย่ขนาดนั้น
แม้ว่าความโชติช่วงของสำนักแห่งความคิดของลู่โจวจะไม่โดดเด่นเหมือนในสมัยก่อน แต่ก็ไม่แย่ขนาดนั้นเช่นกัน
มหาวิทยาลัยจินหลิงยังคงเป็นศูนย์กลางของวงจรคณิตศาสตร์โลก ผืนดินใต้เท้าของเขาคือสวรรค์ที่บรรดานักคณิตศาสตร์ทั่วโลกโหยหา
แม้ว่าหัวใจของเขาจะเต็มไปด้วยความคลางแคลงใจ แต่เขาก็ไม่ได้ขัดจังหวะศาสตราจารย์ แต่เขาเลือกที่จะรอให้ชายสูงวัยพูดต่ออย่างเงียบๆ
หลังจากที่ครุ่นคิดอยู่นาน ชายสูงวัยพูดช้าๆ
“ช่วงนี้คุณเก็บตัวอยู่ในห้องสมุดเหรอ”
“ครับ” ซุนจิ้งเหวินพยักหน้า “งานวิจัยของผมเกี่ยวกับฟังก์ชันดีริชเลตเพิ่งเข้าสู่ช่วงวิกฤต ถ้าคุณไม่โทรหาผม ผมก็น่าจะยังอยู่ในห้องสมุด”
“แต่ดูเหมือนว่าคุณจะไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้นเมื่อวาน”
“เมื่อวานเหรอ” ซุนจิ้งเหวินขมวดคิ้ว “เกิดอะไรขึ้นเมื่อวาน”
“ชายคนหนึ่ง…บอกว่าตัวเองมาจากปี 2024”
“2024?” ซุนจิ้งเหวินตกตะลึงอยู่สักพัก “คนที่หลับไปชั่วคราวเหรอ หลับไปนานมากเลยนะ”
ชายสูงวัยถอนหายใจเบาๆ เขาจ้องไปที่ภาพวาดบนฝาผนังและพูดช้าๆ
“ปัญหาไม่ได้อยู่ที่ว่าเขาหลับไปนานแค่ไหน แต่เป็นเรื่องที่ว่าเขามาจากดาวอังคาร”
“จากดาวอังคาร…เดี๋ยวนะ คุณหมายความว่า…จริงเหรอ”
ตาของเขาเบิกกว้างขึ้นทันที ซุนจิ้งเหวินมองไปที่หัวหน้าของเขาด้วยความเหลือเชื่อ ตาของเขาเต็มไปด้วยความประหลาดใจ
เขาจำข่าวลือได้
หรือจะพูดว่ามันคือตำนานก็ได้
แม้ว่าตำนานนี้จะเป็นเพียงส่วนหนึ่งของประวัติศาสตร์คณิตศาสตร์ แต่มันเปลี่ยนแปลงประวัติศาสตร์คณิตศาสตร์ในช่วง 100 ปีต่อมา!
ความประหลาดใจในดวงตาของซุนจิ้งเหวินจางไปเล็กน้อย เขาพยายามตั้งสติ แต่ก็ไม่ได้มีอะไรเปลี่ยนแปลง
เขาไม่รู้เลยว่าเขากำลังประหลาดใจ หรือตื่นเต้น หรือช็อก หรือกังวลหลังจากที่ได้ยินข่าวนี้
“มันเป็นไปได้อย่างไร เขายังไม่ตายเหรอ ไร้สาระสิ้นดี”
“ผมเองก็คิดว่ามันไร้สาระเหมือนกัน แต่เขาอ้างว่าแบบนั้น แถมยังมีการรายงานข่าวอีกด้วย”
ชายสูงวัยเงียบไปสักพัก เขาละสายตาจากภาพวาดและหันมองไปที่นักศึกษาที่ยืนอยู่ข้างๆ แล้วพูดต่อ “คุณกับผมต่างก็เป็นทายาทโดยตรงของสำนักแห่งความคิดลู่โจว ดังนั้นเรื่องนี้จึงเกี่ยวข้องกับเรา
“ความหมายของชื่อนี้เป็นมากกว่าชื่อธรรมดา แต่มันยังเป็นสัญลักษณ์ด้วย
“ไม่สำคัญหรอกว่าเขาคือของจริงหรือของปลอม
“ผมจะต้องไปเจอเขาให้ได้!”
…
แผนกคณิตศาสตร์ทั้งแผนกของมหาวิทยาลัยจินหลิง หรือแม้แต่วงการวิชาการนานาชาติทั้งวงการต่างก็ช็อกกับข่าวที่ว่าลู่โจวยังไม่ตาย ตัวลู่โจวเองที่เป็นศูนย์กลางของความสนใจรู้สึกสับสน
เขาเห็นเส้นดิจิทัลจากดวงตาสีเข้ม เขาคาดเดาในหัว
ลู่โจวถามด้วยน้ำเสียงลังเล “เธอคือ…เสี่ยวไอเหรอ”
“ใช่! เจ้านายฉลาดมากเลย! ฮ่าฮ่า (///ω///)”
ในลูกตาสีดำนั้นเผยให้เห็นแถบดิจิทัลที่เป็นนามธรรมที่เปลี่ยนรูปแบบทันทีเมื่อเกิดความผันผวนทางอารมณ์
ตอนนี้ลู่โจวมั่นใจ 100% ว่าหญิงสาวที่อยู่ตรงหน้าเขาคือเสี่ยวไอ
ใครก็ตามที่ใช้อีโมจิโบราณแบบนี้จะต้องมาจากยุคเดียวกับเขาแน่ๆ
“เจ้านาย เจ้านาย ระหว่างที่คุณหายตัวไปหนึ่งร้อยปี เสี่ยวไอคิดถึงคุณมากเลยนะ…”
“ฉันก็คิดถึงเธอเหมือนกัน” ลู่โจวพูดพร้อมรอยยิ้มบนหน้า เขาพูด “ขอโทษที่ปล่อยให้รอนะ”
“เจ้านายต้องการจะทานอาหารก่อน แช่น้ำก่อน หรือว่าเล่นกับเสี่ยวไอก่อนดี (///ω///)”
“กินก่อน ฉันหิวแล้ว”
“โอเค ได้เลย (๑•̀ᄇ•́)و✧”
อิโมจิในดวงตาของมันเต็มไปด้วยความกระตือรือร้น หลังจากที่ได้ยินว่าเจ้านายของตัวเองหิว เสี่ยวไอจึงรีบลุกขึ้นจากพื้นและวิ่งเข้าไปในครัวทันที
แต่หลังจากที่ควานหาของในตู้ในห้องครัวอยู่สักพัก มันก็โผล่หัวออกมาด้วยความหงุดหงิด
“เจ้านาย…ในตู้เย็นไม่มีอาหารเลย วันนี้ขอสั่งอาหารมาทานได้ไหม”
ลู่โจวถอนหายใจ
“เดี๋ยวฉันสั่งเองก็ได้”
ลู่โจวรู้วิธีสั่งอาหารกลับบ้าน
ท้ายที่สุดแล้วการกินเป็นสิ่งสำคัญที่สุด สิ่งแรกที่หลี่เกาเหลียงสอนเขาคือวิธีใช้ระบบคลาวด์ในเมืองเพื่อโทรสั่งอาหาร
ประมาณ 20 นาที อาหารก็ถูกจัดส่งอย่างรวดเร็ว
อาหารไม่ได้ถูกส่งโดยเด็กชายสวมเสื้อเหลือง แต่เป็นโดรนส่งอาหารที่มีโรเตอร์สองคู่แทน อาหารถูกวางบนขอบหน้าต่างที่เชื่อมกับโดรน
ในยุคนี้บ้านเกือบทุกหลังมีพื้นที่กึ่งเปิดโล่งที่สงวนไว้บนขอบหน้าต่าง พื้นที่ส่วนนี้ไม่ได้มีไว้แค่หยิบของและส่งอาหารเท่านั้นแต่ยังเป็นที่สำหรับรับพัสดุที่ส่งมายังบ้านคนด้วย
ลู่โจวหยิบตะเกียบและลิ้มรสเนื้อย่างจากอนาคต
แม้ว่ารสชาติจะเปลี่ยนไป แต่มันก็ยังอร่อยเหมือนเดิม
โดยเฉพาะข้าว เนื้อที่กรอบด้านนอก ผงขมิ้นที่เกลี่ยจนทั่ว ทุกๆ คำเต็มไปด้วยความสุข
“แล้วตลอดเวลาที่ผ่านมาเธอทำอะไรอยู่เหรอ”
เสี่ยวไอที่นั่งตรงข้ามลู่โจว มองไปที่ลู่โจวอย่างมีความสุขและพูด “เสี่ยวไอทำตัวดีมาตลอดนะ! นอกจากเป็นไกด์ที่ไซต์เดิมของสถาบันจินหลิงเพื่อการศึกษาขั้นสูง เสี่ยวไอก็ไม่ได้ทำอะไรเลย (•̀∀•́)”
สิ่งที่ลู่โจวต้องการจะบ่นก็คือทำไมเสี่ยวไปจึงเพิ่มคุณสมบัติที่ไร้ประโยชน์แบบนี้
ถ้าเขาอยากรู้ว่ามันใช้อีโมจิอะไร เขาก็ต้องจ้องเข้าในดวงตาของเสี่ยวไอ
อย่างไรก็ตามหลังจากที่จ้องมองไปที่ดวงตาของหุ่นยนต์สาวอย่างตั้งใจทำให้ลู่โจวรู้สึกอึดอัดเล็กน้อย
อาจจะเป็นเพราะเขาเป็นสุภาพบุรุษจนเกินไป
แต่ถ้าเขาเพิกเฉยกับอีโมจิเหล่านี้ มันก็รู้สึกเหมือนมีบางอย่างขาดหายไป
ลู่โจว “ไซต์เดิมเหรอ แปลว่า…สถาบันจินหลิงเพื่อการศึกษาขั้นสูงย้ายที่อยู่อย่างนั้นเหรอ”
เสี่ยวไอ “มันย้ายที่ใหม่ตั้งหลายปีแล้วค่ะ และไซต์เดิมก็ถูกเปลี่ยนให้เป็นสถานที่ท่องเที่ยวเพื่อป้องกันไม่ให้เจ้าหน้าที่รู้ว่าเสี่ยวไอแอบใช้ไฟฟ้า เสี่ยวไอก็เลยทำงานอย่างหนักเลย!”
ตอนที่ลู่โจวนึกขึ้นได้ว่าตัวเองหายตัวไปเป็นร้อยปี แต่คำสั่งเดียวที่มอบให้เสี่ยวไอไว้คือให้ซ่อนตัว ลู่โจวก็อดละอายใจไม่ได้
“ขอบคุณนะ”
หลังจากได้ยินแบบนั้น เสี่ยวไอมีรอยยิ้มอายๆ และพอใจบนใบหน้า เธอส่ายหัวเบาๆ
“ฮ่าฮ่า ไม่เป็นไรเลย ตราบใดที่เจ้านายกลับมา (///ω///)”
ขณะนั้นเองก็มีเสียงเคาะประตูดังมาจากทางเดิน
เสี่ยวไอพยุงโต๊ะด้วยมือทั้งสองและลุกขึ้นจากเก้าอี้ทันที
“เสี่ยวไอเปิดประตูให้นะ! (๑•̀ᄇ•́)و✧”
“เดี๋ยวก่อน ฉันจัดการเอง”
เมื่อคิดว่าบุคคลนั้นอาจมาจากมูลนิธิพิทักษ์สิทธิมนุษยชนแช่แข็ง ลู่โจวจึงยกมือขึ้นและขัดจังหวะเสี่ยวไอ
หลังจากที่วางตะเกียบลงบนชามแล้ว เขาก็ผลักเก้าอี้ไปด้านข้างเพื่อลุกขึ้นและเดินตรงไปยังทางเข้า แต่ตอนที่ลู่โจวเปิดประตูออกไปและเห็นคนที่ยืนตรงหน้าประตู เขาอึ้งไป
ริมฝีปากของเธอเปิดและปิดอย่างไม่รู้ตัว
“เสี่ยวถง…”
แต่อย่างไรก็ตาม…
คำพูดที่คนคนนั้นพูดทำให้ลู่โจวมีสติขึ้นทันที
“ยินดีที่ได้รู้จักค่ะ ฉันชื่อลู่เสี่ยวเฉียว ประธานของมูลนิธิพิทักษ์สิทธิมนุษยชนแช่แข็ง”
หญิงสาวในวัยยี่สิบกว่าโค้งคำนับลู่โจวอย่างสุภาพ หลังจากนั้นเธอมองเขาอย่างประหม่า
“ขอโทษนะคะ…คุณใช่พี่ชายของย่าทวดฉันหรือเปล่า”