Scholar’s Advanced Technological System ระบบปั้นอัจฉริยะ - ตอนที่ 1441 คำเดียว
ลู่เสี่ยวเฉียว…
แม้ว่าจะมีคำหนึ่งที่หายไป แต่คำนี้ก็มีค่าเทียบเท่ากับ 100 ปี
ลู่โจวไม่เคยคิดมาก่อนเลยว่าเขาจะได้เจอเหลนของตัวเองในสถานการณ์แบบนี้
หลังจากที่ชวนลู่เสี่ยวเฉียวเข้ามาในบ้าน ลู่โจวขอให้เสี่ยวไอช่วยย้ายจานเข้าไปในครัวแล้วเทน้ำในแก้วให้เขาและแขกของเขา
หลังจากที่ชวนให้เธอนั่งลงบนโซฟา ลู่โจวมองเธออย่างพินิจพิจารณา
คล้ายกันมาก
ไม่สิ คล้ายกันเกินไปด้วยซ้ำ
โดยเฉพาะด้านข้างและหน้าผากของเธอ เธอดูเหมือนเสี่ยวถงไม่มีผิด
เสี่ยวเฉียวไม่ทันสังเกตว่าบรรพบุรุษของเธอที่นั่งอยู่ตรงข้ามกำลังสำรวจเธออยู่ จู่ๆ รอยยิ้มบางๆ ก็ปรากฏตรงมุมปากของเธอ
เธอมองไปที่ลู่โจวและพูด
“ดูเหมือนว่าคุณเริ่มจะปรับตัวเข้ากับยุคสมัยนี้ได้แล้วนะคะ”
ลู่โจวตอบอย่างระวัง “ทำไมเธอถึงพูดแบบนั้น”
ลู่เสี่ยวเฉียว “เด็กคนนี้คือหุ่นยนต์ใช่ไหม”
ลู่โจวพยักหน้า
“ประมาณนั้น มีปัญหาอะไรเหรอ”
“อืม เปล่าค่ะ”
เสี่ยวเฉียวส่ายหัวเบาๆ และมองไปที่บรรพบุรุษที่นั่งอยู่ตรงหน้าเธอที่อายุมากกว่าตัวเธอถึงหนึ่งร้อยปี เธอยิ้มมุมปากและพูดเย้าแหย่ “ฉันเริ่มจะเชื่อแล้วว่าคุณคือนักวิชาการลู่จริงๆ ”
ลู่โจวถอนหายใจ
“ฉันคือเขา”
“ฉันเชื่อคุณค่ะ ความรู้สึกในสายเลือดไม่โกหกหรอก แม้ว่าทั้งสองคนจะไม่เคยเจอกันก็ตาม”
ลู่โจวรู้สึกว่าเธออยากจะเรียกเขาว่าปู่หรืออะไรทำนองนั้น แต่บางทีอาจเป็นเพราะเขายังหนุ่มเกินไป คำว่าปู่จึงอาจฟังดูแปลกๆ
ขณะที่ลู่โจวกำลังคิดอยู่ว่าเขาควรพูดว่าอะไรดี ลู่เสี่ยวเฉียวที่นั่งอยู่ตรงข้ามเขา จู่ๆ ก็เปลี่ยนเป็นสีหน้าที่จริงจัง เธอสูดลมหายใจเข้าและลุกขึ้นจากโซฟา
“ก่อนอื่นเลย
“ก่อนที่จะทำตามขั้นตอนของมูลนิธิพิทักษ์สิทธิมนุษยชนแช่แข็งและอธิบายสถานการณ์ปัจจุบันให้คุณฟัง ฉันต้องขอโทษคุณแทนตัวฉันเองและครอบครัวของฉัน!”
ลู่เสี่ยวเฉียวลุกขึ้นจากโซฟาและโค้งคำนับลู่โจว
ลู่โจวงุนงงและถามด้วยความสับสน “ขอโทษเหรอ เดี๋ยวนะ ฉันไม่ค่อยเข้าใจว่าเธอหมายความว่าอย่างไร”
“เรื่องของเรื่องก็คือ…”
ลู่เสี่ยวเฉียวกัดริมฝีปากตัวเอง เธอก้มหัวเล็กน้อยและบอกความจริงกับเขาด้วยน้ำเสียงที่ละอายใจ
ตั้งแต่ลู่โจวจากไป ในที่สุดสถาบันจินหลิงเพื่อการศึกษาขั้นสูงก็ค่อยๆ แย่ลงจากจุดสูงสุด
แม้ว่ายางสวี่ที่รับตำแหน่งผู้อำนวยการในตอนนั้นจะพยายามเป็นอย่างมากในช่วงที่เขาเป็นผู้อำนวยการ แต่หลังจากที่เขาเกษียณ ในที่สุดสถาบันจินหลิงเพื่อการศึกษาขั้นสูงก็เจอกับภาวะวิกฤตที่ไม่ยั่งยืน
โดยเฉพาะในช่วงปี 2050 ตอนที่สิทธิบัตรของสตาร์สกายเทคโนโลยีหมดอายุหลายต่อหลายครั้ง สมรรถนะหลักขององค์กรก็ค่อยๆ หายไป จุดสนใจของธุรกิจถูกบีบคั้นให้เปลี่ยนจากวิจัยเทคโนโลยีและการพัฒนาให้เป็นการลงทุนในเทคโนโลยีอุบัติใหม่ แม้ว่าธุรกิจในส่วนนี้จะประสบความสำเร็จอยู่บ้าง แต่ก็ไม่ได้ดีเท่ากับยุคสมัยของลู่โจว
การจัดการที่แย่ รวมไปถึงการสูญเสียสมรรถนะหลักขององค์กรยาวนานกว่าครึ่งศตวรรษ
ประมาณปี 2060 และ 2070 ประธานผู้บริหารในขณะนั้นคือปู่ของลู่เสี่ยวเฉียว เขาได้ตัดสินใจทำในสิ่งที่กล้าหาญ
ตอนที่สตาร์สกายเทคโนโลยีอยู่ในภาวะล้มละลายเพราะการจัดการที่แย่ เขารับข้อเสนอ M&A ของธนาคารกลางพาน-เอเชียและแยกธุรกิจของสตาร์สกายเทคโนโลยีเพื่อรักษาแบรนด์ของสตาร์สกายเทคโนโลยี เขาจึงเหมาบริษัททั้งบริษัทให้ขายให้กับสหการพาน-เอเชียน
ในที่สุดการสูญเสียและหนี้สินของสตาร์สกายเทคโนโลยีก็ได้รับการจัดการ สถาบันวิจัยที่โดดเด่นอย่างสถาบันจินหลิงเพื่อการศึกษาขั้นสูงถูกรักษาในรูปแบบของสถาบันวิจัยภาครัฐ
ในเวลาเดียวกันหลังจากที่ประธานบริหารได้รับเงินจำนวนมากมายจากการขายสมบัติของบรรพบุรุษ ปู่ของลู่เสี่ยวเฉียวได้ทำตามความปรารถนาครั้งสุดท้ายของลู่เสี่ยวถงในการอุทิศตัวเองเพื่อประชาสงเคราะห์และใช้เงินนั้นในการก่อตั้งกองทุนเพื่อการศึกษาลู่โจว โรงเรียนประถมและโรงเรียนมัธยมต้นมากกว่า 2,000 แห่งถูกก่อตั้งในที่ดินของสหการพาน-เอเชียน และพวกเขาได้บริจาคเงินจำนวนมากมายเพื่อการพัฒนาการศึกษาขั้นพื้นฐาน
หลังจากศตวรรษที่ลุ่มๆ ดอนๆ ในที่สุดสถาบันจินหลิงเพื่อการศึกษาขั้นสูงก็เกิดใหม่หลังจากที่ถูกเผยแพร่และกลายเป็นสถาบันวิจัยชั้นนำของสหการพาน-เอเชียน มหาวิทยาลัยจินหลิงก็เช่นเดียวกัน มันกลายเป็นหนึ่งในหอคอยงาช้างที่ดูแลกันและกันและคอยดูแลความเจริญทางวิชาการของแผ่นดินนี้
จริงๆ แล้วหลังจากที่ได้ยินเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในอดีต แม้ว่าลู่โจวจะรู้สึกเสียดายอยู่ในใจ แต่เขาก็รู้สึกยินดี
ขณะที่เผชิญหน้ากับความจริงของจักรวาล เงินเป็นเพียงแค่ตัวเลขที่ไม่สามารถนำพาความสุขมาให้เขาได้ และการหาเงินก็ไม่เคยเป็นเป้าหมายของเขาในการทำวิจัยวิทยาศาสตร์ เขามีเงินมากพอที่สามารถใช้ได้หลายชาติ ถ้าเป้าหมายของเขาคือความมั่งคั่ง เขาก็ไม่จำเป็นต้องทำงานหนักขนาดนั้น
ในทางกลับกัน เขาก็ค่อนข้างพอใจถ้าเขาสามารถรักษาชื่อของสถาบันจินหลิงเพื่อการศึกษาขั้นสูงและได้เห็นมรดกทางวิชาการยังคงดำเนินต่อไป
ความตั้งใจเดิมของเขาที่ก่อตั้งสตาร์สกายเทคโนโลยีขึ้นมาก็เพื่อจัดการกับความยุ่งยากเกี่ยวกับปัญหากฎหมายทรัพย์สินทางปัญญา
แต่ถึงแม้ว่าลู่โจวจะไม่ได้สนใจเรื่องพวกนั้นเท่าไหร่นัก แต่ลู่เสี่ยวเฉียวก็ยังไม่สบายใจอยู่ดี
เพราะท้ายที่สุดในแง่ของผลลัพธ์แล้ว ธุรกิจที่ยิ่งใหญ่ของครอบครัวต้องพังในมือของลูกหลานของพวกเขาเอง
ปู่ของเธอยังตั้งใจที่จะขอโทษลู่โจวด้วยตัวเองหลังจากที่เขาเสียไป แต่ไม่มีใครคาดคิดว่าบรรพบุรุษคนนี้ยังมีชีวิตอยู่
“ฉันต้องขอโทษจริงๆ ฉันจะพยายามให้ถึงที่สุดเพื่อชดเชยให้กับสิ่งที่คุณเสียไป…อีกอย่าง ในเรื่องของกองทุนเพื่อการศึกษาลู่โจว นอกเหนือจากการบริจาคของคนทุกคนแล้ว กองทุนเพื่อการศึกษานี้ยังมีสินทรัพย์ที่มีค่าที่เป็นของคุณด้วย ถ้าคุณต้องการ ฉันสามารถทำเรื่องขอชำระบัญชีให้กับสินทรัพย์นี้และโอนให้กับคุณ”
“ไม่จำเป็นหรอก” ลู่โจวขัดจังหวะลู่เสี่ยวเฉียว เขายิ้มและพูดด้วยน้ำเสียงที่เป็นกลาง “ฉันเข้าใจสิ่งที่ปู่ของเธอเลือกทำในตอนนั้น ฉันไม่โทษใครทั้งนั้นแหละ พวกคุณทำในสิ่งที่ฉันต้องการทำ แต่ฉันก็ไม่เคยมีโอกาสได้ทำมัน”
ลู่เสี่ยวเฉียวอ้าปากเล็กน้อย เธอมองลู่โจวด้วยสายตาประหลาดใจ
เห็นได้ชัดว่าเธอไม่คาดคิดว่าลู่โจวจะไร้กังวลขนาดนี้
ลู่โจวไม่ได้อธิบายอะไร หลังจากที่นิ่งไปเขาก็พูดต่อ “ฉันไม่ได้ต้องการสิ่งที่ฉันได้ให้ไปแล้วกลับคืนมา ไม่ว่าจะเป็นมูลนิธิพิทักษ์สิทธิมนุษยชนแช่แข็งหรือกองทุนการศึกษาลู่โจว ไหนๆ เธอก็หาวิธีในการควบคุมความมั่งคั่งนี้ได้แล้วก็ขอให้ทำดีต่อไป”
“แล้วส่วนเรื่องเงิน มันไม่ได้สำคัญกับฉันเลยแม้แต่น้อย
“เมื่อเทียบกับเรื่องเล็กน้อยพวกนี้แล้ว ฉันอยากจะรู้…”
คำพูดอยู่เพียงแค่ปลายลิ้นของเขา แต่จู่ๆ ลู่โจวก็รู้สึกประหม่าอยู่ครู่หนึ่ง
แต่สุดท้ายเขาก็สูดลมหายใจเข้าเต็มปอดและตัดสินใจพูดมันออกมา
“…พวกเขามีความสุขดีไหม”
ลู่เสี่ยวเฉียวอึ้งไปเล็กน้อย หลังจากนั้นเธอพูดด้วยรอยยิ้ม “ฉันรับรองได้เลยค่ะ แม้ว่าฉันจะไม่เคยเจอคุณย่าทวดของฉันก็ตาม แต่ฉันได้ยินมาจากคุณปู่ของฉันว่าเธอเป็นคนใจดีและถ่อมตัว”
ลู่โจวอึ้งไปครู่หนึ่งและไม่เห็นด้วยเล็กน้อย แต่รอยยิ้มที่โล่งใจก็ปรากฏบนหน้าของเขา
“จริงเหรอ? ฉันค่อยสบายใจหน่อย”
ในที่สุดบรรยากาศที่ตึงเครียดผ่อนคลายลงเล็กน้อย
แม้ว่าลู่เสี่ยวเฉียวที่นั่งอยู่ตรงข้ามเขา ยังรู้สึกระวังตัวก็ตาม แต่เธอก็ไม่ได้ทำตัวเป็นทางการเหมือนตอนแรกที่พบเขา
ในระหว่างการสนทนากับเธอ ลู่โจวเรียนรู้ว่าญาติๆ ของเขามีชีวิตที่มีความสุขในยุคสมัยนั้น
สำหรับลู่โจวแล้ว นี่คือสิ่งที่เขาสนใจที่สุด
ส่วนคู่หมั้นของเขา ซีอีโอของสตาร์สกายเทคโนโลยี ลู่เสี่ยวเฉียวไม่ค่อยมีข่าวคราวเกี่ยวกับเธอเท่าไหร่นัก แต่พอจะจำได้ว่าเธอลาออกในปี 2025
ส่วนชีวิตส่วนตัวของเธอนั้น…
ใครจะไปบันทึกชีวิตของซีอีโอของบริษัทเมื่อร้อยปีก่อน
ท้ายที่สุดพวกเขาทั้งคู่ก็ไม่ได้เข้าสู่ประตูวิวาห์อย่างเป็นทางการ…
“จริงๆ แล้วพ่อแม่ของคุณทิ้งรูปโฮโลแกรมของพวกเขาไว้ให้คุณด้วยนะคะ ตอนนี้ถูกเก็บรักษาอยู่ที่มูลนิธิพิทักษ์สิทธิมนุษยชนแช่แข็ง แต่ฉันคงนำมันมาให้คุณตอนนี้ไม่ได้ เราจะต้องรอจนกว่าสหการพาน-เอเชียนรับรองตัวตนของคุณก่อนที่จะส่งมอบของที่เป็นของคุณให้คุณ”
“ไม่เป็นไร” สีหน้าของลู่โจวซับซ้อนเล็กน้อยในขณะที่ยิ้ม “จริงๆ แล้วฉันก็ยังไม่พร้อมที่จะเจอพวกเขาตอนนี้ ก่อนที่ฉันจะเปิดเผยตัวตน เธอช่วยดูแลมันให้ฉันด้วยนะ”
ลู่เสี่ยวเฉียวส่ายหัวและพูด “แน่นอนค่ะ มันคือหน้าที่ของเราอยู่แล้ว ฉันจะพยายามอย่างเต็มที่เพื่อให้คุณได้ตัวตนของตัวเองกลับคืนมาให้เร็วที่สุด…อีกอย่างฉันมาที่นี่เพื่อเหตุผลอื่น”
“อะไรเหรอ”
“ประธานหลี่กวงหยาน่าจะบอกคุณเกี่ยวกับปัญหาเรื่องเงินชดเชยของสายการบินพาน-เอเชีย
ลู่เสี่ยวเฉียวยื่นนิ้วชี้ออกไปกดบนข้อมือซ้ายเบาๆ ตอนที่แผงโฮโลแกรมเด้งขึ้น เธอเลือกสัญญาทางอิเล็กทรอนิกส์ยาวประมาณ 12 หน้าและค่อยๆ เลื่อนไปอยู่ตรงหน้าลู่โจว
“สัญญานี้ถูกทำขึ้นร่วมกันระหว่างบริษัทประกันพาน-เอเชียและสายการบินพาน-เอเชีย จากกฎหมายสหการพาน-เอเชียน บริษัทประกันพาน-เอเชียจะทำตามสองมาตรฐานของข้อผิดพลาดในการเดินเรือและสิ่งคุกคามทางความปลอดภัย โดยการให้เงินชดเชยกับผู้โดยสารบนเที่ยวบิน”
“หลังจากที่สัญญาบรรลุข้อตกลงแล้ว พวกเขาจะจ่ายเงินชดเชยให้คุณทันทีก่อน 10% แล้วหลังจากที่ผลการสอบสวนออกมาแล้ว เงินส่วนที่เหลือจะถูกโอนไปยังบัญชีส่วนตัวของคุณ”
ลู่โจว “เงินจำนวนเท่าไหร่เหรอ”
“หนึ่งล้านเครดิต”
ลู่โจวไม่ได้มีความรู้สึกที่ดีต่อจำนวนเงินก้อนนั้น หลังจากที่อ่านสัญญาดูแล้ว เขาพิมพ์รหัสไอดีของเขาออกมา
หลังจากที่เซ็นสัญญาแล้ว ลู่เสี่ยวเฉียวเห็นว่ามันเริ่มดึกแล้ว เธอก็เลยไม่ได้อยู่ต่อ เธอบอกว่าเธอจะมาเยี่ยมเขาอีก หลังจากนั้นเธอก็ลุกขึ้นและกลับไป
หลังจากที่ส่งเหลนของน้องสาวแล้ว ลู่โจวกำลังจะเข้าพื้นที่ระบบเพื่อดูรางวัลภารกิจที่เขายังไม่ได้รับ
แต่จู่ๆ เครื่องเทอร์มินัลส่วนตัวที่เขาสวมอยู่บนข้อมือซ้ายก็ได้รับการแจ้งเตือน
ลู่โจวเปิดวินโดว์โฮโลแกรมที่เด้งขึ้นมา เขาจ้องไปที่เลขศูนย์หลายตัวบนกล่องข้อความอยู่สักพัก
“…หนึ่งล้านเหรอ”
เดิมทีเขาคิดว่าหนึ่งล้านในสัญญาคือจำนวนเงินตอบแทน เขาไม่คาดคิดว่ามันจะถูกจ่ายมาล่วงหน้าแบบนี้
ตอนที่ลู่โจวคิดถึงเรื่องที่จะซื้ออำนาจของเครดิตพอยท์นี้ เขาก็อดที่จะแสดงสีหน้าแปลกๆ ออกมา
แม้ว่าเขาจะไม่เคยคิดว่าการหาเงินจะเป็นเรื่องยากสำหรับเขา…
แต่เขาก็ไม่ได้คาดคิดว่าตัวเขาที่เพิ่งกลับมายังโลกจะได้เงินก้อนแรกในศตวรรษที่ 22 กับสถานการณ์แบบนี้…