Scholar’s Advanced Technological System ระบบปั้นอัจฉริยะ - ตอนที่ 1445 คุณกำลังมีปัญหา
“ที่นี่มหาวิทยาลัยจินหลิง ผู้โดยสารที่ลงจากรถไฟที่สถานีนี้ โปรดอย่าลืมสัมภาระของท่านและลงจากรถไฟด้วยความเป็นระเบียบ…”
เสียงประกาศที่ลอยอยู่เหนือหัวของลู่โจวกระตุ้นเตือนให้เขานึกถึงความทรงจำในอดีต
ในเวลาเดียวกัน ระบบนำทางแบบเรียลไทม์ที่เปิดอยู่ในแว่นตาโฮโลแกรมก็มีหน้าต่างเด้งขึ้นมาเตือนว่าเขาได้มาถึงสถานีแล้ว
ลู่โจวปิดแผงโฮโลแกรมที่ลอยอยู่ตรงหน้าเขา เขาลุกขึ้นจากที่นั่งแล้วลงจากรถไฟพร้อมกับกลุ่มคนที่ไหลออกไป จากนั้นก็ไปยังสถานที่ที่ครั้งหนึ่งเขาใช้พลังในวัยหนุ่มด้วยความตื่นเต้นและความกังวล
อย่างไรก็ตามเมื่อเขาก้าวออกมาจากสถานีและดวงอาทิตย์ส่องแสงเข้าหน้าของเขา ลู่โจวก็ตะลึงงันไป
นี่…คือที่ไหน?
มันต่างไปจากมหาวิทยาลัยจินหลิงในความทรงจำของเขาอย่างสิ้นเชิง ทางเดินต้นไม้ที่คุ้นเคยหายไปแล้ว มีโดรนทำสวนลอยอยู่เหนือสนามหญ้า อาคารสีเงินและสีขาวทั้งสองด้านนั้น แม้แต่รูปทรงของอาคารก็เปลี่ยนไปหมดแล้ว
ลู่โจวดันแว่นตา AR ขึ้นไปบนดั้งจมูกของเขา เขาตั้งค่าการเดินทางไปยังอาคารแผนกคณิตศาสตร์ แต่เคอร์เซอร์ตรงหน้าเขากลับแยกออกเป็นเส้นทางต่างๆ กัน 3 เส้นทาง
อาคารคณิตศาสตร์มี 3 อาคารงั้นเหรอ?
หลังจากที่เห็นการตอบกลับของระบบนำทาง ลู่โจวก็ถึงกับตะลึง
แผนกคณิตศาสตร์ร่ำรวยตั้งแต่เมื่อไรกัน?
ลู่โจวตะลึงอยู่พักหนึ่งและไม่รู้ว่าจะไปที่ไหนดี ทันใดนั้นเขาก็บังเอิญเดินชนกับใครบางคนข้างหลัง
แม้ว่ามันจะเป็นการชนกันแบบไม่คาดคิด ลู่โจวกลับไม่เป็นอะไร แต่คนที่ชนกับเขาแทบจะล้มลงไปที่พื้น
“ขอโทษครับ ขอโทษครับ ผมกำลังรีบ!”
เด็กหนุ่มที่บังเอิญชนกับเขาหยิบแว่นตาขึ้นมาจากพื้นและกำลังจะเดินจากไป
อย่างไรก็ตามลู่โจวไม่ยอมที่จะพลาดโอกาสนี้ เขาต้องการใครสักคนเพื่อจะถามทาง ดังนั้นเขาจึงรีบคว้าแขนเด็กหนุ่มไว้
“เดี๋ยวก่อนหนุ่มน้อย แผนกคณิตศาสตร์ไปทางไหน?”
“แผนกคณิตศาสตร์เหรอ?” เด็กหนุ่มตะลึงงัน เขามองมาที่ลู่โจวแล้วถามว่า “วิชาเอกไหนครับ?”
ลู่โจวพูดโพล่งออกไปตามจิตใต้สำนึกว่า “ทฤษฎีจำนวน…”
เด็กหนุ่มซึ่งสวมแว่นตากรอบสี่เหลี่ยมพูดสวนขึ้นมาเพื่อดึงเขากลับสู่ความจริง เขาจับมือของลู่โจวด้วยท่าทีที่เศร้าสลด
“โอ๊ย บ้าจริง ผมกำลังคิดอยู่เลยว่าใครจะเดินช้าขนาดนี้ ผมไม่คิดว่าคุณจะเป็นหนึ่งในพวกเรา! ถ้าคุณยังเดินโอ้เอ้อยู่แถวนี้ คุณจะพลาดชั้นเรียนอัมพาตใบหน้า!”
อัมพาตใบหน้า?
ลู่โจวรู้สึกตกใจและสับสนมาก ก่อนที่เขาจะรู้ว่าเกิดอะไรขึ้น เด็กหนุ่มก็กำลังจะวิ่งออกไป
“เดี๋ยว เดี๋ยวก่อน”
“เดี๋ยวอะไรอีก เร็วเข้าเถอะ!”
“…ที่นี่ไม่มีวิธีการเดินทางที่สะดวกมากกว่านี้เหรอ?”
“คุณอยากให้มีอะไรในมหาวิทยาลัย เหาะไปด้วยรถเหรอ? แค่กๆ… คุณก็ดูแข็งแรงดี คุณไม่ได้หายใจหอบด้วยซ้ำ ผมนี่โคตรเหนื่อยเลย… แค่ก! หยุดพูดกับผมทีเถอะ”
ลู่โจว “…”
นายไม่ใช่คนที่กำลังพูดอยู่หรอกเหรอ?
เราวิ่งมาเพียงแค่ไม่กี่ก้าว นายสุขภาพไม่ดีขนาดไหนกัน?
เมื่อลู่โจวกลับมารู้ตัวอีกที เขาก็ถูกเด็กหนุ่มหัวดื้อคนนี้พามาที่อาคารเรียนแล้ว พวกเขาก้าวเข้าไปในห้องโถงบรรยายซึ่งจัดที่นั่งไว้เป็นรูปตัว U
หลังจากลู่โจวได้ที่นั่งที่แถวหลัง เขาก็มองไปรอบๆ ห้องเรียน จากนั้นมองไปที่นักศึกษาที่กำลังเหนื่อยและหายใจหอบซึ่งนั่งอยู่ข้างเขา เขาถามขึ้นอย่างเป็นกันเองด้วยความสนอกสนใจว่า “ตอนนี้พวกเขาไม่เช็กชื่อในคลาสใหญ่แบบนี้เหรอ?”
นักศึกษาทุกคนในยุคนี้ตรงเวลามากๆ งั้นเหรอ?
“เช็กชื่อ? มันคืออะไรกัน…”
ทันใดนั้นลู่โจวก็ตระหนักว่าเขากำลังกลายเป็น ‘ไอศกรีมหลงยุคโบราณ’ อีกครั้ง เขาจึงรีบเปลี่ยนคำพูด
“คุณชื่ออะไร”
“จางเถา!”
“แล้วคนที่อยู่บนเวทีล่ะ?”
“ศาสตราจารย์ซุนจิ้งเหวิน…” จางเถาตาค้างไปครู่หนึ่ง เขามองลู่โจวอย่างไม่อยากจะเชื่อแล้วพูดว่า “บ้าจริง คุณไม่รู้จักเขาเหรอเนี่ย?”
ลู่โจวยิ้มอย่างอายๆ
เมื่อเห็นว่าเด็กหนุ่มคนนี้ค่อนข้างน่าสนใจ เขาจึงพูดติดตลกว่า “ทำไมคุณคิดว่าทุกครั้งที่ผมไปเข้าร่วมงานประชุมวิชาการ ผมไม่เคยขอนามบัตรใครเลยงั้นเหรอ?”
จางเถาเหลือบมองเขา
ทุกครั้ง…
คุณไปงานประชุมมากี่ครั้งกัน?
เขาพูดอย่างเรื่อยเฉื่อยว่า
“ทำไม…”
ลู่โจวถอนหายใจเบาๆ
“เพราะผมเป็นโรคลืมหน้าคน”
มีคนมากมายที่เขาไม่รู้จัก แต่ทุกคนรู้จักเขา
อย่างไรก็ตามเห็นได้ชัดว่าเด็กคนนี้คิดว่าเขาพูดเล่น หลังจากที่กุมท้องแล้วหัวเราะอยู่พักหนึ่ง เขาก็ลุกขึ้นนั่งและพูดว่า
“อะแฮ่ม… พี่ชาย คุณนี่ตลกสุดๆ ผมเกือบจะลืมหายใจไปเลย บัญชีชุมชนเสมือนจริงของคุณชื่ออะไร? ถ้าคุณมีเวลา เราเข้าไปในดาวคาลานเอ็มไพร์สีฟ้าด้วยกันได้นะ น่าจะสนุกดี”
ลู่โจวยิ้มอย่างมีเลศนัยและไม่ได้ตอบคำถาม แต่เขากลับชี้ไปทางโพเดียมแล้วพูดว่า
“เริ่มแล้ว ตั้งใจฟังเถอะ ไว้ค่อยคุยเรื่องอื่นหลังเลิกเรียน”
บนเวที
ผู้ชายสวมแว่นตาแบบไร้ขอบคนหนึ่งซึ่งดูเข้มงวดและแต่งกายอย่างเป็นทางการแบบเรียบง่ายเดินตรงไปยังโพเดียม
หลังจากที่เขาใช้นิ้วเคาะบนอุปกรณ์มัลติมีเดียสองครั้ง ไวท์บอร์ดดิจิทัล 4 กระดานก็ปรากฏขึ้นบนกำแพง
ในที่สุดลู่โจวก็ได้รู้ว่าทำไมผู้ชายคนนี้ถึงถูกนักศึกษาเรียกว่า ‘อัมพาตใบหน้า’ ก็เพราะว่าสีหน้าของเขาไม่มีความสมบูรณ์เลยจริงๆ แทบจะดูเหมือนว่ากล้ามเนื้อบนใบหน้าของเขาตกอยู่ในภาวะไม่ขยับเขยื้อนราวกับต้องการจะกักเก็บพลังงาน นับตั้งแต่เขาก้าวเข้ามาในห้องเรียน การแสดงออกทางสีหน้าของเขาก็ไม่เปลี่ยนไปเลยแม้แต่น้อย
“เนื้อหาของวันนี้อาจจะอยู่เหนือมิติไปสักหน่อย มันเกี่ยวกับปัญหาทางคณิตศาสตร์ที่ยากที่สุด นั่นก็คือรากที่ไม่ชัดแจ้งทั้งหมดของฟังก์ชัน L ของดีริชเลตตั้งอยู่บนเส้นตรงของระนาบเชิงซ้อน Re(s)=12 หรือไม่”
“ถ้าคุณได้ศึกษาการบ้านของคุณมาแล้ว คุณก็ไม่น่าที่จะไม่คุ้นกับปัญหานี้ ข้อเสนอนี้คือปัญหาทั่วไปที่เสนอโดยนักวิชาการลู่ที่งานประชุมคณิตศาสตร์นานาชาติ ปี 2022 ที่เซนต์ปีเตอร์สเบิร์ก บ่อยครั้งที่มันถูกอ้างว่าเป็นสมมติฐานทั่วไปของรีมันน์ และมันก็เป็นปัญหาในงานวิจัยของผมด้วย”
“ปรัชญาที่ผมใช้ในการสอนเสมอก็คือคณิตศาสตร์เป็นสาขาวิชาหนึ่งที่ต้องขัดเกลาด้วยการปฏิบัติ ถ้าคุณไม่คิดมันด้วยตัวคุณเอง สิ่งผมสอนคุณก็คงจะไม่มีวันเป็นของคุณได้อย่างแท้จริง”
“ฟังให้มากเท่าที่คุณจะทำได้ บันทึกเสียงไว้ถ้าคุณไม่เข้าใจ จากนั้นกลับไปแล้วค่อยๆ คิดทบทวน”
เขาหันหน้ากลับไปทางไวท์บอร์ดกระดานแรกแล้วเขียนบรรทัดการคำนวณบนนั้น
บรรทัดการคำนวณนี้ทำให้จางเถาซึ่งอยู่ข้างลู่โจวต้องขมวดคิ้วด้วยความทุกข์ใจ แต่ลู่โจวรู้สึกคุ้นเคยกับมันมาก
นี่มันคือ…
สิ่งที่ฉันเขียนบนกระดานดำที่การประชุมที่เซนต์ปีเตอร์สเบิร์กใช่ไหม?
“แทนที่อนุกรมอนันต์ในสูตรของออยเลอร์ด้วยเลขชี้กำลังเชิงซ้อน s แล้วตั้ง Re(s)>1 และเพิ่มฟังก์ชัน L ของดีริชเลต… น่าสนใจ”
เมื่อจางเถาได้ยินเสียงกระซิบจากปากของผู้ชายที่อาวุโสกว่าซึ่งนั่งอยู่ข้างๆ เขา เขาก็สะดุ้งตกใจในทันที
มีคนที่สามารถเข้าใจเรื่องบ้าบอนี่ด้วยเหรอ?
เขาเพิ่งวางแผนที่จะบ่นเรื่องนี้ในฟอรั่มมหาวิทยาลัยแบบนิรนามว่าไม่มีใครจะสามารถเข้าใจเรื่องนี้ได้…
“คุณเข้าใจสิ่งที่เขาเขียนเหรอ?”
ลู่โจวตอบว่า “ทำนองนั้น”
จางเถาถามแบบหยั่งเชิงว่า “กรุป… แนวทางโครงสร้างกรุป?”
“คุณกำลังพูดถึงเรื่องไร้สาระอะไร?” ลู่โจวเหลือบมองเขาแล้วพูดว่า “ส่วนที่อยู่หลังการเพิ่มของฟังก์ชัน L ของดีริชเลตเป็นทฤษฎีการรวมของเรขาคณิตเชิงพีชคณิตแน่นอน คุณเคยเห็นแนวทางโครงสร้างกรุปหรือเปล่า?”
ปัญหาคือฉันก็ไม่เคยเห็นทฤษฎีการรวมของเรขาคณิตเชิงพีชคณิตเหมือนกัน…
เมื่อได้รู้สึกถึงความโง่เขลาของตัวเอง จางเถาก็ปิดปากตัวเองด้วยความอับอาย
ลู่โจวถอนหายใจเบาๆ แล้วพูดต่อว่า “ไม่เป็นไร…เท่าที่ผมจำได้มีคนน้อยมากที่สามารถเข้าใจทฤษฎีนี้ได้ในระดับนี้ และการใช้ก็เข้มงวดนิดหน่อย แนวทางเก่ามักจะไม่สามารถนำไปใช้ได้ ถ้าเพียงแต่มันจะยืดหยุ่นกว่านี้”
ทันทีที่จางเถาได้ยินคำพูดเหล่านี้ เขาก็ยิ่งรู้สึกละอายมากขึ้น
เวรเอ๊ย เขาเพิ่งจะพูดโม้ออกไปด้วย! เขาเจ๋งขนาดนี้และอธิบายเรื่องนี้ได้อย่างหมดจดได้ยังไง ขณะที่ฉันประหม่ามากๆ?
ถ้าเพียงแต่ฉันจะมั่นใจมากกว่านี้
ผู้ชายคนนี้คืออัจฉริยะคนหนึ่งเลย!
ไวท์บอร์ดบนเวทีถูกเขียนจนหมดทุกที่ ศาสตราจารย์ซุนจิ้งเหวินผู้ซึ่งตกอยู่ในภวังค์ความคิด ดูเหมือนจะลืมตัวไปว่าเขาอยู่ในห้องเรียน ความสนใจของเขามุ่งไปที่ปัญหาตรงหน้าเขาอย่างเต็มที่
อย่างไรก็ตามเขาดูเหมือนจะมีปัญหาเล็กน้อยขณะที่เขายืนอยู่ตรงนั้นแล้วขมวดคิ้วราวกับว่ากำลังครุ่นคิดถึงบางอย่าง
ในความเป็นจริงแล้วเขาก็มีปัญหาอยู่จริงๆ อย่างน้อยก็ในความเห็นของลู่โจว
ถ้าไม่มีใครช่วยเขา เขาคงจะไม่สามารถแก้ปัญหานี้ได้ภายในพรุ่งนี้ด้วยซ้ำ
ลู่โจวถอนหายใจเบาๆ เขากำลังลังเลว่าจะช่วยผู้ชายคนนี้ดีไหมในตอนที่ทันใดนั้นเขาสังเกตเห็นปุ่มสีแดงตรงมุมโต๊ะ
ด้วยสายตาที่บอกใบ้ถึงความอยากรู้อยากเห็น ลู่โจวจึงใช้นิ้วสะกิดจางเถาซึ่งนั่งอยู่ข้างๆ แล้วชี้ไปที่ปุ่มนั้น
“นี่คืออะไร?”
“เอาไว้ใช้แทนการยกมือในห้องเรียนใหญ่น่ะ”
“เข้าใจแล้ว…”
ลู่โจวยื่นมือออกไปแล้วกดที่ปุ่มนั้น
เขาคิดว่ามันน่าจะมีแสงไฟกะพริบสีแดงหรือเสียงเอฟเฟ็คท์ แต่มันไม่มีอะไรเลย
อย่างไรก็ตาม ลูโจวก็สังเกตเห็นดวงตาคู่หนึ่งกำลังจ้องมาที่เขาได้อย่างรวดเร็วเหมือนกับว่าเขากำลังตะโกนอยู่ในห้องเรียน
จางเถาจ้องมาที่ลู่โจวด้วยความตกตะลึงและเขาก็รีบดึงแขนเสื้อลู่โจว
“เวรแล้ว… คุณกำลังทำอะไร?!”
ในแผนกคณิตศาสตร์ของมหาวิทยาลัยจินหลิง ทุกคนรู้ว่ามิสเตอร์อัมพาตใบหน้านั้นเกลียดคนที่ขัดจังหวะการคิดของเขา
โดยเฉพาะตอนที่งานวิจัยของเขาอยู่ในขั้นตอนสำคัญ…
การขัดจังหวะเขาในตอนนี้เพื่อถามคำถามไม่ต่างจากการฆ่าตัวตาย
เสียงของจางเถาเริ่มแผ่วลงเรื่อยๆ สายตาพิฆาตจากโพเดียมยิงตรงมาแล้ว…
ศาสตราจารย์ซุนจิ้งเหวินจ้องมองลู่โจวด้วยใบหน้าที่เฉยเมย
“คุณมีคำถามเหรอ?”
“เปล่าครับ” ลู่โจวลุกขึ้นจากที่นั่งแล้วส่ายหัวเบาๆ เขายิ้มและพูดว่า “แต่คุณกำลังมีปัญหา”
เสียงเซ็งแซ่ดังไปทั่วห้องเรียน
นักศึกษาทุกคนรู้สึกไม่อยากเชื่อ พวกเขามองไปที่ลู่โจว จากนั้นก็มองไปที่ซุนจิ้งเหวินซึ่งกำลังยืนอยู่ตรงหน้าโพเดียม
ผู้ชายคนนี้ไม่อยากจะมีชีวิตอยู่ต่อไปใช่ไหม?
หลายคนถึงกับแสดงสีหน้าพึงพอใจ รอดูปฏิกิริยาต่อไปของศาสตราจารย์ซุน
แต่เหตุการณ์ที่ไม่น่าเชื่อก็เกิดขึ้น
ศาสตราจารย์ซุนซึ่งอยู่บนเวทีไม่ได้โกรธอย่างที่คนส่วนใหญ่คาดไว้ แต่เขากลับขมวดคิ้วแล้วถามว่า “ปัญหาอยู่ตรงไหน?”
ลู่โจวตอบว่า “การอนุมานที่ 4 ในบรรทัดที่ 24 ตรงนี้ไอเดียการเพิ่มแมนิโฟลด์เชิงอนุพันธ์ไม่มีอะไรผิด แต่ผมคิดว่า แอลแมนิโฟลด์… ตอนที่นักวิชาการลู่กำลังออกแบบมัน เขาน่าจะไม่เคยคิดมาก่อนว่ามันจะถูกนำมาใช้แก้ปัญหาฟังก์ชัน L ของดีริชเลต”
“ผมรู้เรื่องนั้นอยู่แล้ว” ซุนจิ้งเหวินจ้องหน้าลู่โจว พยายามจะมองให้ชัดมากขึ้น แต่เขาก็ยังจำลู่โจวไม่ได้อยู่ดี ซุนจิ้งเหวินพูดว่าแอลแมนิโฟลด์เป็นวิธีแก้ปัญหาสมการ NS ของเขา มันไม่ได้ถูกนำมาใช้แก้ปัญหาฟังก์ชัน L ของดีริชเลต แต่มันเป็นหนึ่งในองค์ประกอบสำคัญในการแก้สมมติฐานของรีมันน์ มันปฏิเสธไม่ได้ด้วยว่ามันทำหน้าที่เป็นเครื่องมือหลักของทฤษฎีการรวมของเรขาคณิตเชิงพีชคณิต
“งานวิจัยของคุณเรื่องประวัติศาสตร์คณิตศาสตร์ดีทีเดียว แต่อย่างไรก็ตามงานวิจัยคณิตศาสตร์ก็ไม่ใช่โบราณคดี” ลู่โจวพูดพร้อมกับยิ้มอย่างสุภาพ “ผมขอยืมไวท์บอร์ดหน่อยได้ไหมครับ?”
ศาสตราจารย์ซุนจิ้งเหวินดูเหมือนจะตกตะลึงไป เขาไม่คาดคิดมาก่อนว่านักศึกษาคนนี้จะทำแบบนี้
แต่เขาก็ไม่ได้พูดอะไรมาก เขาแค่พยักหน้าด้วยสมองที่ว่างเปล่าและทำท่าทางเชื้อเชิญอย่างกันเอง
“เชิญได้เลย”