Scholar’s Advanced Technological System ระบบปั้นอัจฉริยะ - ตอนที่ 1446 ครั้งหนึ่งนักวิชาการลู่เคยพูดไว้
- Home
- Scholar’s Advanced Technological System ระบบปั้นอัจฉริยะ
- ตอนที่ 1446 ครั้งหนึ่งนักวิชาการลู่เคยพูดไว้
ณ อาคารทดลองของมหาวิทยาลัยจินหลิง
ฉินฉวนซึ่งกำลังนั่งอยู่ในห้องทำงานของคณบดีจ้องไปที่หน้าต่างโฮโลแกรมบนโต๊ะ เขาพูดอย่างมีอารมณ์กับบุคคลที่อยู่ปลายสายวิดีโอคอล
“ลู่โจวเป็นศาสตราจารย์จากมหาวิทยาลัยจินหลิง! เราเก็บตำแหน่งของเขามาร้อยปีแล้ว! แล้วตอนนี้มีคนคนหนึ่งที่ดูเหมือนกันเป๊ะโผล่ขึ้นมาและอ้างตัวว่าเป็นลู่โจว เราถูกบังคับให้รักษาเกียรติของศาสตราจารย์ลู่ไว้! เรื่องนี้มันจะไม่เกี่ยวกับเราได้ยังไง!”
“อย่างไรก็ตามเราก็ต้องกังวลในเรื่องความเป็นส่วนตัวของพลเมืองด้วย”
ผู้ชายอีกคนที่สวมเสื้อผ้าอย่างเป็นทางการซึ่งนั่งอยู่อีกฝั่งของหน้าต่างโฮโลแกรมถอนหายใจออกมาแล้วพูดว่า “ในแง่ของขั้นตอนการดำเนินการ นี่เป็นภารกิจของแผนกบริหารจัดการทะเบียนบ้าน พวกเขาจะใช้แหล่งข้อมูลหลายแหล่งเพื่อยืนยันความถูกต้องของตัวตนของเขา หากจำเป็นพวกเขาจะใช้อำนาจของแผนกรักษาความปลอดภัย ถ้าพวกเขาคิดว่าพวกเขาต้องการความช่วยเหลือของคุณพวกเขาจะติดต่อคุณมา ถ้าพวกเขาคิดว่าความเห็นของคุณไม่เกี่ยวข้องหรือไม่สามารถจะหาหลักฐานที่มีเหตุผลได้…”
ผู้ชายในวิดีโอยักไหล่
“ถ้าอย่างนั้นผมก็เชื่อการตัดสินใจของพวกเขา”
ฉินฉวนยังคงพูดอย่างอึกอักว่า
“งั้นอย่างน้อยก็ช่วยจัดการให้ผมได้เจอกับเขา ให้ผมคุยกับเขาด้วยตัวเอง!”
“โปรดเชื่อในความยุติธรรมของกฎหมายเถอะครับ คุณฉิน การพิสูจน์ยืนยันตัวตนของคนที่หลับไปชั่วคราวเป็นหนึ่งในปัญหาที่ยากที่สุดในการตัดสินคดี ที่นี่เราก็เจออุปสรรคของเราเองเช่นกัน
“100 ปีนะไม่ใช่ 100 วัน ไม่มีโรงพยาบาลไหนจะเก็บตัวอย่างดีเอ็นเอของเขาไว้นานขนาดนั้นหรอก และเขาเองก็ไม่เคยบริจาคหลักฐานอะไรที่มีข้อมูลทางพันธุกรรมของเขาอยู่ด้วย เราต้องการห่วงโซ่หลักฐานที่ถูกต้องแม่นยำเพื่อจัดการกับเรื่องนี้ หลักฐานส่วนใหญ่ถูกทำลายไปได้ง่ายๆ เนื่องจากเวลาที่ผ่านไป มันมีหลายสิ่งหลายอย่างที่สามารถเปลี่ยนแปลงได้ในหนึ่งศตวรรษ ถ้าคุณเป็นนักวิชาการ คุณก็ควรจะเข้าใจว่าที่ผมพูดนี้หมายถึงอะไร”
“ดังนั้นคำแนะนำของผมก็ยังเหมือนเดิม เพราะคุณคือมหาวิทยาลัย ทำสิ่งที่มหาวิทยาลัยควรจะทำ เว้นแต่คุณจะบอกผมว่าคุณเป็นญาติสนิทของเขา… แต่นั่นก็เห็นได้ชัดว่ามันเป็นไปไม่ได้”
การเผชิญหน้ากับผู้ชายในหน้าต่างโฮโลแกรมทำให้ฉินฉวนเงียบไปครู่หนึ่ง บ่าที่ตึงแน่นของเขาคลายลงเล็กน้อย
“โอเคครับ ตามนั้น…
“ถ้าคุณยืนยันแบบนั้น”
การโทรสิ้นสุดลง
ฉินฉวนลุกขึ้นจากเก้าอี้ทำงานแล้วพูดอย่างฉุนเฉียวว่า “คนพวกนี้… จริงๆ ก็พูดไปแล้วนี่ว่าเรื่องนี้ไม่เกี่ยวกับเรา! ฉันไม่เคยได้ยินคำตอบที่เหลวไหลขนาดนี้มาก่อน!”
ผู้ช่วยมองดูอยู่ว่าคณบดีฉินกำลังโกรธขนาดไหน แต่เขาก็ไม่รู้จะพูดอย่างไรดี
อันที่จริงในความคิดของเขา จริงๆ คณบดีฉินเป็นคนวิตกจริตนิดหน่อย
ถึงแม้มหาวิทยาลัยจินหลิงเก็บรักษาตำแหน่งศาสตราจารย์ของลู่โจวไว้ด้วยความเคารพและเพื่อระลึกถึง แต่การเก็บรักษานี้ก็เป็นการกระทำเพียงฝ่ายเดียว มันเป็นไปไม่ได้สำหรับศาลที่จะอ้างถึงความเห็นของพวกเขาและเลือกทางเลือกที่กระทบต่อการพิพากษา
เขาเชื่อในการพิพากษาของศาลและแผนกบริหารจัดการทะเบียนบ้าน
แต่ก็อีกนั่นแหละ แม้เขาจะคิดว่าคณบดีฉินจะผิด แต่เขาก็ยังเข้าใจปฏิกิริยาของสุภาพบุรุษสูงวัยผู้นี้ต่อเรื่องนี้และเหตุที่ว่าทำไมเขาถึงเสียสติ
อย่างไรก็ตามอัจฉริยะก็ได้กลับมาแล้ว
มันคงจะแปลกที่ยังคงสงบนิ่งได้อยู่
“เสี่ยวหยาง”
เลขานุการซึ่งยืนอยู่ข้างเขาตอบรับอย่างรวดเร็ว “ครับ?”
“อีกครู่หนึ่งผมมีสอน คุณช่วยดูแลการประชุมตอนบ่ายด้วย”
เลขานุการที่ชื่อเสี่ยวหยางพยักหน้าทันทีและพูดพร้อมกับยิ้มอย่างสุภาพ
“โอเคครับ ท่านคณบดี”
ฉินฉวนใช้แผงโฮโลแกรมโหลดคอร์สแวร์ แล้วออกจากออฟฟิศไปโดยไม่ได้พูดอะไรก่อนจะเดินไปยังอาคารเรียน
ขณะที่เขาเดินไป เขาก็ยิ่งโกรธมากขึ้นเรื่อยๆ
ในความเห็นของเขา ผู้ชายคนนั้นกำลังพูดเรื่องเหลวไหลทั้งเพ ใช้คำศัพท์ทางการและขั้นตอนที่เรียกๆ กันเพื่อปฏิบัติต่อเรื่องร้ายแรงของ ‘การคืนชีพของนักวิชาการลู่’ ในทางลบ
เมื่อฉินฉวนกำลังจะเข้าไปในห้องเรียนหลังจากที่เขามาถึงอาคารเรียน นักศึกษาสองคนก็รีบเดินผ่านเขาไป
ทั้งสองคนกำลังคุยกันอย่างตื่นเต้นขณะที่เดินไป
“บ้าไปแล้ว นายได้ยินไหม? มิสเตอร์อัมพาตใบหน้าถูกนักศึกษาที่ไหนไม่รู้สั่งสอน!”
“ไม่มีใครรู้เลยว่าคนคนนี้เป็นใคร!”
“บางทีอาจจะเป็นคนดังจากสถาบันวิจัยหรือเปล่า?”
“ไม่มีทาง เขาดูน่าจะอายุยี่สิบกลางๆ อยู่เลย จะเป็นไปได้ยังไงที่จะเข้าสถาบันได้ตั้งแต่อายุยังน้อยขนาดนั้น!”
“ทำไมเราไม่ไปสืบหาเรื่องนี้ล่ะ?”
“เหตุผลก็คือเรายังมีคลาสต้องไปเรียนไง คอยดูไปว่าคนอื่นๆ จะว่ายังไงบ้าง!”
เมื่อฉินฉวนได้ยินบทสนทนาระหว่างนักศึกษาทั้งสองโดยไม่ได้ตั้งใจ เขาก็เลิกคิ้วโดยไม่รู้ตัว
เรื่องนี้เกี่ยวกับศาสตราจารย์ซุนจิ้งเหวินใช่ไหม?
ทำไมฉันรู้สึกเหมือนว่า…
มีบางเรื่องที่น่าสนใจเพิ่งจะเกิดขึ้น?
…
ภายในห้องโถงบรรยาย
ใช้เวลาแค่เพียงครึ่งชั่วโมงห้องเรียนที่เสียงดังเซ็งแซ่ก็เงียบสนิทลง
ในช่วงระหว่างครึ่งชั่วโมงนั้น ไวท์บอร์ดที่ถูกสร้างขึ้นด้วยภาพโฮโลแกรมซึ่งวางอยู่ทางซ้ายของโพเดียมก็เต็มไปด้วยบรรทัดการคำนวณที่แน่นเอียด
ศาสตราจารย์ซุนจิ้งเหวินมองดูไวท์บอร์ดที่เต็มไปด้วยการคำนวณด้วยความประหลาดใจ เขาไม่ได้แสดงออกทางสีหน้าแต่อย่างใด ปากของเขาอ้าเล็กน้อย แต่เขาก็ไม่สามารถจะกล่าวคำใดออกมาได้
[L(π)=∫dt/lnt+O(s^1/2x+ε)…]
“…รูปแบบเชิงวิวัฒนาการของวิธีของฮาดามาร์ด”
ใช่แล้ว…
ทำไมฉันไม่คิดถึงเรื่องนี้มาก่อนนะ
“สรุปว่ามีปัญหาที่ชัดเจนอยู่ในการอนุมานที่ 4 ในบรรทัดที่ 24”
ลู่โจวเอามือออกจากไวท์บอร์ด เขาไม่คุ้นกับการใช้ไวท์บอร์ดโฮโลแกรม เขาเขย่าแขนที่ปวดเบาๆ
จากนั้นเขาก็มองไปที่ศาสตราจารย์ซุนจิ้งเหวินซึ่งกำลังยืนอยู่ข้างโพเดียม เขายิ้มนิดๆ แล้วพูดต่อไปว่า “ถ้าคุณกำลังอ่านสิ่งที่ผมเขียน คุณก็น่าจะเข้าใจแล้วว่าสิ่งที่ผมต้องการจะบอกคืออะไร ไม่จำเป็นต้องหมกมุ่นอยู่กับการเพิ่มแมนิโฟลด์เชิงอนุพันธ์และบังคับให้เพิ่มทฤษฎีการรวมของเรขาคณิตเชิงพีชคณิต ไม่จำเป็นต้องยึดติดอยู่กับแอลแมนิโฟลด์”
“เอ่อ…ถ้าผมจำไม่ผิด นักวิชาการลู่น่าจะพูดไว้ที่การประชุมที่เซนต์ปีเตอร์สเบิร์กว่าทฤษฎีการรวมของเรขาคณิตเชิงพีชคณิตไม่ใช่ทฤษฎีที่สมบูรณ์แบบ มันเป็นแค่บทนำไปสู่ฟังก์ชันซีตาของรีมันเท่านั้น มันอาจจะไม่มีประสิทธิภาพตอนที่นำมาประยุกต์ใช้กับฟังก์ชัน L ของดีริชเลต”
“ถ้าคุณสามารถหาวิธีที่จะปรับปรุงเครื่องมือนี้ได้ ผมคิดว่าคุณก็อยู่ไม่ไกลจากคำตอบสุดท้ายแล้ว”
นักวิชาการลู่เคยพูดไว้อย่างนั้นเหรอ?
แต่นี่ไม่ใช่เรื่องสำคัญ
ศาสตราจารย์ซุนจิ้งเหวินกลืนน้ำลายลงคอ เขารู้สึกว่าโลกทัศน์ของเขาถูกทำลายลง
“แต่…”
เมื่อลู่โจวเห็นอารมณ์ที่สับสนอยู่เบื้องหลังใบหน้าที่ไร้ความรู้สึก เขาก็ครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่งแล้วพูดว่า “ผมได้อ่านประวัติศาสตร์คณิตศาสตร์แล้ว โดยเฉพาะในส่วนยุคสมัยใหม่ ถ้าผมจำไม่ผิด…
“นักวิชาการลู่ไม่เคยเคารพบูชาอำนาจในชีวิตของเขา เขามักจะสอนนักศึกษาของเขาไม่ให้เชื่อตัวเขามากเกินไป ดังนั้นเราก็ไม่ควรจะบูชาเขาเหมือนเป็นพลังอำนาจหนึ่ง”
“ผมหวังว่าคุณจะกำลังค้นหาความจริง ไม่ใช่เสียงจากเมื่อร้อยปีก่อน ถ้าเขาได้ทำบางสิ่งที่ไม่ถูกต้อง คุณไม่ต้องปกป้องเขา แค่ลบบรรทัดนั้นแล้วเขียนคำตอบที่ถูกต้องลงไปใหม่”
คำพูดเหล่านั้นสะท้อนก้องอยู่ในหูของซุนจิ้งเหวิน
“นักวิชาการลู่ไม่เคยเคารพบูชาอำนาจในชีวิตของเขา ดังนั้นเราก็ไม่ควรจะบูชาเขาเหมือนเป็นพลังอำนาจหนึ่ง…”
ทันใดนั้นเหมือนราวกับเขาตื่นขึ้นมาจากความฝัน พวกลูกศิษย์ดื้อรั้นของเขาก็ค่อยๆ เปลี่ยนไป
ลู่โจวพยักหน้าด้วยความพอใจอยู่ในใจ
ในที่สุดเขาก็ถูกสอนจนได้…
ถึงแม้ผู้ชายคนนี้จะหัวรั้นนิดหน่อย แต่เขาก็ยังมีพรสวรรค์อยู่บ้าง สิ่งที่น่ายกย่องที่สุดคือความดื้อรั้นของเขาแก้ไขได้
อย่างน้อยเขาก็ฟังคำพูดของฉัน
เพราะสิ่งที่ควรจะพูดก็ได้พูดแล้ว ลู่โจวคาดไว้ว่าเขาควรจะออกไปได้แล้ว
ในส่วนที่ว่าชายคนนี้จะสามารถทำบางสิ่งบางอย่างกับเรื่องนี้ได้หรือไม่ มันก็คงจะขึ้นอยู่กับตัวเขาเอง…
บางทีอาจเป็นเพราะเขามีชีวิตอยู่มานานเกินไป และนี่ก็เป็นมหาวิทยาลัยที่เขาเคยทำงาน ไม่ว่าจะเป็นนักศึกษาที่นั่งอยู่ที่นี่หรือศาสตราจารย์ที่ยืนอยู่บนโพเดียม ลู่โจวก็รู้สึกเสมอว่าพวกเขาเป็นเหมือนลูกหลานของเขาเอง
ถ้าเขาสามารถจะช่วยพวกเขาได้ เขาก็จะทำ
อย่างไรก็ตามขณะที่ลู่โจวกำลังจะเดินจากไป จู่ๆ ก็มีภาพแปลกๆ ปรากฏขึ้น
กุญแจสีทองซีดค่อยๆ ปรากฏออกมาจากกำแพงที่ปกคลุมด้วยแสงโฮโลแกรมจากที่ไหนก็ไม่ทราบได้
ในวินาทีที่ลู่โจวเห็นกุญแจดอกนี้เขาก็ชะงักไป แล้วเขาก็เหลือบมองไปด้านข้างตรงกลุ่มนักศึกษาที่นั่งอยู่ที่แถวหน้า
หลายคนมีท่าทีประหลาดใจ
แต่ความประหลาดใจของพวกเขานั้นเห็นได้ชัดว่าไม่ได้เป็นเพราะกุญแจบนกำแพง แต่เป็นเพราะบรรทัดการคำนวณที่ทำให้ศาสตราจารย์ซุนตกตะลึง
ดูเหมือนไม่มีใครสังเกตเห็นกุญแจ
ราวกับว่ามันไม่ได้มีอยู่ในโลกนี้ เหมือนกับมันมีอยู่แค่ในจักรวาลของเขาเองเท่านั้น
ลู่โจวยกมือขวาของเขาขึ้นแล้วสัมผัสกุญแจ วินาทีที่นิ้วชี้ของเขาสัมผัสกุญแจ กุญแจก็เปลี่ยนเป็นลูกบอลแสงสีทองในทันที แสงพุ่งเข้าไปในปลายนิ้วของเขาและดูเหมือนจะถูกร่างกายของเขาซึมซับไว้
เขาไม่ได้รู้สึกพิเศษแต่อย่างใด
อย่างไรก็ตาม หลังจากได้เห็นทั้งหมดนี้ ลู่โจวก็รู้สึกถึงความรู้สึกของความสมปรารถนาในใจของเขา
“ฉันเข้าใจแล้ว…”
ลู่โจวพูดพึมพำกับตัวเองเบาๆ “การได้บรรลุความรู้สึกของเป้าหมายที่ตั้งใจด้วยความทรงจำในอดีตของฉัน…”
“นี่คือเทคนิคในการหากุญแจใช่ไหม?”
ดังนั้นนี่ก็คือที่ตั้งของดินแดนศักดิ์สิทธิ์…
ในฐานะศาสตราจารย์คนหนึ่ง เขาเคยเทศนาและสั่งสอนลูกศิษย์ของเขาที่นี่ แต่ในตอนนี้เขาก็ได้ทำสิ่งเดียวกันอีกครั้งเมื่อเขาได้กลับมาเยี่ยมบ้านเกิดของเขาอีกรอบ ดังนั้นแทนที่จะมองหากุญแจ กุญแจกำลังมองหาเขาเหรอ?
ลู่โจวไม่รู้ว่าจะหัวเราะหรือร้องไห้ดี
เขาไม่คาดคิดว่า 100 ปีหลังจากที่เขาได้ฟื้นขึ้นมา ระบบจะมอบภารกิจที่เป็นปรัชญาลึกซึ้งขนาดนี้ให้เขาจริงๆ
แต่กุญแจดอกถัดไปจะอยู่ที่ไหนกันล่ะ?
ลู่โจวมองไปยังศาสตราจารย์ซุนจิ้งเหวินซึ่งยืนอยู่ข้างโพเดียม เขาลังเลว่าจะบอกลาเขาก่อนจากไปดีไหม
แต่เมื่อได้เห็นว่าเขายังอยู่ในภวังค์ความคิดอันลึกซึ้ง ลู่โจวก็รู้สึกว่ามันคงจะดีกว่าที่จะไม่ขัดจังหวะเขาในช่วงเวลาสำคัญนี้
จากนั้นเขาก็เดินจากไปโดยที่ไม่ได้พูดคำใดภายใต้การจ้องมองของเหล่าผู้คนที่ล้วนรู้สึกประหลาดใจและตกตะลึง…