Scholar’s Advanced Technological System ระบบปั้นอัจฉริยะ - ตอนที่ 1447 นั่นคือเขา!
ณ ตึกอพาร์ทเมนท์ใกล้กับถนนวงแหวนที่สองของเมืองจินหลิง
ผู้อำนวยการหลี่ซึ่งยืนอยู่ที่ประตูกับหวังเผิงได้ยืนยันที่อยู่ที่ทำสัญลักษณ์ไว้บนระบบนำทาง AR จากนั้นเขาก็เอื้อมมือออกไปกดกริ่งประตู
หลังจากนั้นสักพักก็มีเสียงดังขึ้นด้านในประตู และเสียงที่ไม่คุ้นเคยก็ดังมาจากอินเตอร์คอม
“นั่นใครน่ะ?”
“ผมเอง ผู้อำนวยการหลี่ กับหวังเผิง… นักวิชาการลู่อยู่บ้านไหมครับ?”
เกิดความเงียบขึ้นครู่หนึ่งที่ด้านหลังประตู
เสียงนั้นตอบมาว่า “นักวิชาการลู่ไม่อยู่ เขาไม่ได้อยู่ที่บ้าน คุณอยากจะกลับมาอีกครั้งวันอื่นไหม?”
“ไม่อยู่ที่บ้าน…”
ผู้อำนวยการหลี่เกาหัว เห็นได้ชัดว่าเขาไม่ได้คาดไว้ว่าลู่โจวจะออกไปข้างนอก เขาไม่รู้ว่าจะทำอย่างไรต่ออยู่สักพัก
หวังเผิงซึ่งยืนอยู่ข้างเขา ก้าวมาข้างหน้าแล้วถามว่า “ขอโทษนะครับ คุณเป็นใคร?”
“หืม? คำถามนี้น่าอายมาก ฉันไม่รู้จะตอบยังไง…”
หวังเผิงกับผู้อำนวยการหลี่: “…?”
นี่มันบ้าอะไรกัน “ไม่รู้จะตอบยังไง”?
เมื่อไม่แน่ใจว่าเกิดอะไรขึ้นด้านใน ผู้อำนวยการหลี่กับหวังเผิงต่างชำเลืองมองกันและกันอย่างแปลกๆ
ในท้ายที่สุด ผู้อำนวยการหลี่ก็เป็นคนแรกที่ทำลายความเงียบ เขาพูดพร้อมกับไอแห้งๆ
“ทำไมเราไม่กลับมาพรุ่งนี้น่ะเหรอ? เป็นความผิดของผมเองที่ผมไม่ให้หลี่เกาเหลียงนัดหมายไว้ล่วงหน้า”
หวังเผิงพยักหน้า
“เราสามารถกลับมาอีกครั้งได้แค่วันพรุ่งนี้”
เสี่ยวไอมองไปที่คนสองคนที่กำลังเดินออกไปจากกล้องที่ประตู เธอพึมพำว่า “อืม… ในฐานะเจ้าบ้าน ฉันควรจะเชิญแขกเข้ามาดื่มชาก่อนจะไปหรือเปล่า? แต่เจ้านายไม่อนุญาตให้เสี่ยวไอโชว์หน้าของเธอ… นายคิดว่ายังไง? ( ́◔‸◔’ ‘)”
ลูกตาสีม่วงของ ‘ไพรเวท-1’ ยามมนุษย์อัจฉริยะที่ยืนอยู่ไม่ไกลนักส่องแสงวาบขึ้นมา
“หลิงไม่ใช่หลิงโอเค… ไม่ค่อยเข้าใจว่าเธอกำลังพูดเรื่องอะไร”
เสี่ยวไอ: “ฉันก็ไม่ค่อยเข้าใจว่านายกำลังพูดอะไรเหมือนกัน”
…
ณ แผนกรักษาความปลอดภัยของมหาวิทยาลัยจินหลิง
คณบดีของแผนกคณิตศาสตร์และศาสตราจารย์ซุนจิ้งเหวินซึ่งอยู่ในห้องบรรยายก่อนหน้านี้ ณ ตอนนี้ทั้งหมดกำลังยืนอยู่ที่นี่
นอกจากนี้ยังมีวิศวกรที่รับผิดชอบเรื่องการรักษาความปลอดภัยอยู่อีกสองคน
บุคคลคนหนึ่งที่ไม่รู้แหล่งที่มาเข้ามาในห้องเรียนและได้สร้างความสับสนวุ่นวายครั้งใหญ่ทีเดียว มหาวิทยาลัยไม่รู้เรื่องอะไรเลย ซึ่งทำให้มันดูไร้เหตุผลไปสักหน่อย
คณบดีฉินฉวนมองดูที่หน้าจอมอนิเตอร์ เขาจ้องไปที่ชายแปลกหน้าที่ยืนอยู่ตรงหน้าไวท์บอร์ดและพูดถึงเรื่องประวัติศาสตร์ของทฤษฎีจำนวน คณบดีฉินฉวนพูดพึมพำอย่างรู้สึกสงสัยว่า “…นักวิชาการลู่เคยพูดเรื่องนี้ไว้เหรอ?”
เขาจำบรรทัดนั้นในประวัติศาสตร์คณิตศาสตร์ไม่ได้
ขณะที่ยืนอยู่ข้างคณบดีฉิน ซุนจิ้งเหวินก็มองดูภาพจากกล้องวงจรปิดตั้งแต่ต้นจนจบ
หลังจากเงียบอยู่สักพัก จู่ๆ เขาก็พูดขึ้นว่า
“ผมอยากจะหลบออกไปสักพัก”
ฉินฉวนเมินหน้าจากหน้าจอโฮโลแกรมแล้วมองมาที่เขาด้วยความสงสัย
“เพราะว่าคนคนนั้นพูดอะไรบางอย่างกับคุณงั้นเหรอ?”
ซุนจิ้งเหวินพยักหน้าและยอมรับเรื่องนี้แบบตรงๆ
“จากคำแนะนำของเขา ผมเกิดความคิดใหม่… เกี่ยวกับฟังก์ชัน L ของดีริชเลต”
เมื่อเห็นว่าลูกศิษย์ของเขาดูเหมือนจะไม่ได้พูดเล่น ฉินฉวนก็ทำทีเป็นเคร่งขรึมขึ้นมาทันที
“ก็เอาเลยสิ”
ซุนจิ้งเหวินพยักหน้าและไม่ได้พูดอะไร เขาหันกลับไปแล้วเดินออกจากห้องมอนิเตอร์
ห้องมอนิเตอร์เงียบสนิท
ขณะที่ยืนอยู่ข้างวิศวกร ฉินฉวนจ้องไปที่จอโฮโลแกรมซึ่งมีรายการภาพจากกล้องวงจรปิดแล้วเขาก็ครุ่นคิด
จากมุมมองของนักคณิตศาสตร์ การเขียนของบุคคลนั้นบนไวท์บอร์ดน่าจะเรียกได้ว่าชาญฉลาดทีเดียว
โดยเฉพาะอย่างยิ่งสำหรับความเข้าใจของเขาในเรื่องทฤษฎีการรวมของเรขาคณิตเชิงพีชคณิต มันน่าจะดียิ่งกว่าของเขาเองเสียอีก
การที่สามารถเอาชนะศาสตราจารย์ซุนด้วยคำพูดไม่กี่คำไม่ใช่สิ่งที่คนธรรมดาทั่วไปจะสามารถทำได้แน่ๆ
แม้ว่าคณิตศาสตร์จะถูกนำไปใช้อย่างแพร่หลาย แต่วงการนักคณิตศาสตร์ก็ไม่ได้ใหญ่มากนัก ไม่มีทางที่เขาจะไม่เคยได้ยินเรื่องของนักคณิตศาสตร์ที่เก่งกาจขนาดนี้ แม้ว่าเขาจะไม่เคยเห็นหน้าของคนคนนี้มาก่อน แต่อย่างน้อยเขาก็ควรจะเคยได้ยินชื่อหรือข่าวลือเกี่ยวกับเขาบ้าง
อย่างไรก็ตามผู้ชายที่ดูน่าจะอายุยี่สิบกลางๆ ที่เก่งเสียยิ่งกว่าศาสตราจารย์ซุน ผู้ได้รับเหรียญฟิลด์วัย 31 ปี…
มันเป็นไปได้เหรอที่คนแบบนี้จะมีอยู่จริง?
ในตอนที่ฉินฉวนรู้สึกว่าหัวของเขากำลังยุ่งเหยิง วิศวกรกำลังเปรียบเทียบภาพอย่างละเอียด เขาพยายามที่จะหาตำแหน่งว่าคนคนนี้มาจากแผนกไหน
หรืออย่างน้อยที่สุดก็เก็บรวบรวมร่องรอยเกี่ยวกับแรงจูงใจของเขาสำหรับการปรากฏตัวอย่างกะทันหันในการบรรยาย
แต่แล้วจู่ๆ วิศวกรที่ยืนอยู่ข้างหน้าจอโฮโลแกรมก็ถอนหายใจออกมา
ฉินฉวนหันมองเขาอย่างรวดเร็วและถามว่า “คุณเจออะไรบ้างไหม?”
“มันไม่ใช่ว่าผมเจออะไรหรอกครับ… ผมแค่คิดว่ามันแปลกไปหน่อยไหม?” วิศวกรที่สวมแว่นตาจ้องไปที่บุคคลบนหน้าจอกล้องวงจรปิดและพูดด้วยท่าทีประหลาดใจว่า “คุณไม่เห็นเหรอครับ? มีพิกเซลแปลกๆ ฉีกขาดรอบๆ ใบหน้าของเขา…”
“ตอนนี้คุณบอกว่า…มันดูเป็นอย่างนั้นจริงๆ” วิศวกรอีกคนขมวดคิ้วและพูดว่า “มันเหมือนระบบการฉายภาพโฮโลแกรม 2 ชุดที่ไม่เข้ากันซ้อนทับกันอยู่ ทำให้เค้าโครงของภาพที่ปรากฏบิดเบือนไป”
“เดี๋ยวก่อน…”
“มีอะไร?” ฉินฉวนพูดอย่างร้อนรน มองไปที่วิศวกรทั้งสองคนที่กำลังพูดพึมพำกันอยู่
“เขาน่าจะใช้ระบบวาดเส้นโครงร่างใบหน้าบางประเภทโดยใช้เทคโนโลยีโฮโลแกรม…” วิศวกรที่สวมแว่นตาพูดต่อไปพร้อมทำสีหน้าแปลกๆ ว่า “ถึงผมจะไม่รู้จุดประสงค์ในการทำแบบนี้… แต่ใบหน้าก็ไม่น่าจะเป็นหน้าของเขา”
ไม่ใช่หน้าของเขาเหรอ?
ถ้างั้นเขากำลังสวมหน้ากากลวงตาเหรอ?
ฉินฉวนตกตะลึงไป เขามีสีหน้าที่สับสน
เขาคิดแรงจูงใจของบุคคลผู้นี้ในการทำเช่นนี้ไม่ออกจริงๆ
จู่ๆ ร่องรอยของความเป็นไปได้ก็ผ่านเข้ามาในใจเขาอย่างฉับพลัน
เป็นไปได้ว่า…
นั่นคือเขา!
นักวิชาการลู่?!
“คุณแกะรอยได้ไหมว่าเขาไปที่ไหน!” ฉินฉวนพูดโพล่งออกไปใส่วิศวกรที่อยู่ข้างเขา
“กล้องวงจรปิดของมหาวิทยาลัยของเราสามารถแกะรอยไปถึงตรงทางเข้าของสถานีรถไฟใต้ดินเท่านั้นครับ… หลังออกจากห้องเรียนไป เขาไปที่ห้องสมุด หอพักเก่า และอาคารวิจัยคณิตศาสตร์ด้วยครับ เขาไปทุกที่ สถานที่สุดท้ายดูเหมือนจะเป็นห้องสมุด จากนั้นผมก็ไม่รู้ว่าเขาไปที่ไหน”
“มั่นใจว่าเป็นเขาแน่…”
ศาสตราจารย์ลู่ไม่ได้ซ่อนตัวจากใครทั้งนั้น
ใครก็ตามที่ตื่นขึ้นมาหลังจากผ่านไปร้อยปีก็น่าจะอยากไปเยี่ยมสถานที่ที่ครั้งหนึ่งพวกเขาเคยทำงาน
ฉินฉวนอดที่จะกลั้นหายใจไม่ได้ ขณะที่เขารู้สึกมั่นใจในการคาดเดาของตัวเขาเอง ความตื่นเต้นถึงขีดสุดก็ลอยอยู่ในลูกตาที่ขุ่นหมองของเขา
อย่างไรก็ตามความรู้สึกอันแรงกล้าก็คงอยู่ได้แค่เพียงไม่กี่วินาที มันได้เปลี่ยนเป็นการโทษตัวเองและความละอายใจอย่างลึกซึ้งในฉับพลัน
ถ้าลู่โจวไม่ได้รู้สึกผิดหวังกับพวกเรา ทำไมเขาถึงหันกลับไปแล้วจากไปโดยไม่พูดอะไรเลย?
ฉินฉวนมองไปที่ร่างที่หันออกไปและหายตัวไปจากประตูห้องเรียนบนหน้าจอมอนิเตอร์ เขาถอนหายใจอย่างเงียบๆ ในใจและพูดพึมพำเบาๆ ว่า “น่าละอาย!
“ผมรู้สึกละอายใจจริงๆ…”
ระหว่างที่นักศึกษาทั้งมหาวิทยาลัยจินหลิงกำลังถกเถียงกันถึงเหตุการณ์นี้ ขณะนั้นลู่โจวบุคคลที่เกี่ยวข้องกำลังนั่งอยู่ในห้องสมุด หลังจากถอนหายใจออกมาเบาๆ เขาก็วางหนังสือในมือลง
“งั้นมันก็ไม่ได้อยู่ที่นี่”
นอกจากจะเป็นศาสตราจารย์แล้ว เขายังเคยเป็นนักศึกษาที่นี่อยู่เกือบสามปี ดังนั้นลู่โจวจึงสงสัยว่ากุญแจดอกที่สองอาจจะอยู่ในห้องสมุด
อย่างไรก็ตามที่นี่เป็นสถานที่ที่เขาใช้เวลาในช่วงวัยรุ่นมากที่สุด
“ดูเหมือนว่ามหาวิทยาลัยจินน่าจะมีกุญแจแค่ดอกเดียวที่นี่ อีกสองดอกที่เหลืออาจจะอยู่ที่บ้านหรือสถาบันเพื่อการศึกษาขั้นสูง…”
ลู่โจวเอาหนังสือที่ยืมมากลับไปคืนที่ชั้นหนังสือ ระหว่างที่ก้าวออกมาจากประตูห้องสมุด เขาก็ใช้นิ้วแตะไปสร้อยคอที่อยู่บนคอ
ไม่นานคลื่นดิจิทัลก็ปกคลุมไปที่เส้นกรอบใบหน้าของเขา
ภายในไม่กี่วินาทีภาพโฮโลแกรมบนใบหน้าของเขาได้อัพเดทไปเป็นหน้าตาที่ต่างออกไปโดยสิ้นเชิง แล้วเขาก็หายตัวไปท่ามกลางฝูงชน…