Scholar’s Advanced Technological System ระบบปั้นอัจฉริยะ - ตอนที่ 1448 การนัดหมายสำหรับบ้านของฉันเอง?
- Home
- Scholar’s Advanced Technological System ระบบปั้นอัจฉริยะ
- ตอนที่ 1448 การนัดหมายสำหรับบ้านของฉันเอง?
ณ ไหล่เขาของเพอร์เพิล เมาน์เทน
ที่นี่ไม่มีถนนแม็กเลฟ ดังนั้นลู่โจวจึงเดินทางมาที่ตีนเขาด้วยรถโดยสารประจำทาง
ภูมิประเทศตลอดทางไม่ได้เปลี่ยนแปลงไปมากมายเป็นพิเศษ โดยพื้นฐานแล้วมันยังคงรักษารูปลักษณ์จากเมื่อศตวรรษที่แล้วเอาไว้
ป้ายจงซาน อินเตอร์เนชั่นแนลนั้นหายไป แต่กลับมีป้าย ‘ที่อยู่ในอดีตของลู่โจว’ มาแทนซึ่งเป็นจุดชมวิวในการท่องเที่ยวเชิงวัฒนธรรมที่เป็น ‘สไตล์โมเดิร์น’
พวกคนที่มาที่นี่ทั้งหมดเป็นคนสูงวัย ผู้ใหญ่ที่มากับเด็กๆ หรือนักเรียนกลุ่มเล็กๆ ที่มาทัศนศึกษากับโรงเรียน
หากกล่าวถึงโดยทั่วไปแล้ว บรรยากาศรอบๆ ก็ค่อนข้างมีชีวิตชีวา นอกจากคนขายงานศิลปะและร้านรวงริมถนนแล้ว ยังมีร้านอาหารชนบทเล็กๆ ที่ขายเมนูอาหารโปรดของลู่โจวในช่วงชีวิตของเขาด้วย
ยกตัวอย่างเช่น ข้าวหน้าเนื้อบาร์บีคิวหลายรส
สิ่งเดียวที่ทำให้ลู่โจวงุนงงก็คือร้านขายข้าวหมูตุ๋นใกล้บ้านของเขา
เขาจำไม่ได้เลยว่าชอบกินหมูตุ๋น…
ด้วยการใช้เส้นทางการนำทางของแว่นตา AR ลู่โจวเดินมาตามเส้นทางที่ขนาบไปด้วยต้นไม้และรีบตรงมาที่ประตูบ้านของเขา
โดยหลักการแล้วนี่ไม่ใช่บ้านของเขาอีกต่อไป มันคือพิพิธภัณฑ์ที่ได้รับการปรับปรุงใหม่อยู่หลายครั้ง เนื่องด้วยประธานของสหการพาน-เอเชียน ปัจจุบันพิพิธภัณฑ์แห่งนี้ได้รับการบริหารและดำเนินการโดยรัฐบาลท้องถิ่นของจินหลิง มันได้กลายมาเป็นส่วนหนึ่งของแหล่งให้บริการสาธารณะของเมือง
อิฐและกระเบื้องไม่ได้ต่างไปจากที่เขาจดจำได้เลย สิ่งเดียวที่เปลี่ยนคือต้นไม้สองต้นในสนามหน้าบ้านถูกโค่นไปแล้วและถูกแทนที่ด้วยอนุสาวรีย์อันสวยงาม
ขณะที่ลู่โจวกำลังมองบ้านเหมือนจะคุ้นเคยแต่ก็ไม่คุ้นอยู่นั้น เขาก็อดที่จะรู้สึกคิดถึงความหลังไม่ได้
เขายังจำครั้งแรกตอนที่เขาซื้อบ้านหลังนี้ได้ หวังเผิงพูดกับเขาว่าต้นไม้สองต้นที่อยู่หน้าหน้าต่างอาจจะทำให้เกิดจุดบอดในการมองเห็นของเขาและแนะนำให้เขาโค่นมันออก แต่ในท้ายที่สุดเขาก็ยืนยันที่จะเก็บพวกมันไว้
100 ปีต่อมา ต้นไม้สองต้นนั้นก็ถูกโค่นออกไปอยู่ดี
ลู่โจวยิ้มด้วยความรู้สึกคิดถึงบ้าน เขาเดินผ่านประตูตรงสนามของบ้านและเดินไปตามแผ่นหินที่มีมอสปกคลุมเพื่อตรงไปยังบ้านของเขา
แต่แล้วตอนที่เขาเพิ่งจะข้ามประตูตรงสนามของบ้านมา ใครคนหนึ่งก็ตะโกนมาจากด้านหลังของเขา
“นี่! เดี๋ยวก่อน!”
ชายคนหนึ่งในชุดเครื่องแบบของพิพิธภัณฑ์วิ่งตามเขามาและพูดว่า
“ที่พักในอดีตของนักวิชาการลู่ไม่ได้เปิดให้บุคคลทั่วไปเข้าชมนะครับ ถ้าคุณต้องการจะเข้าชม คุณต้องทำการนัดหมายทางออนไลน์ล่วงหน้า!”
ลู่โจวยืนแข็งทื่อไปชั่วครู่ ทันใดนั้นเขาก็รู้สึกไม่พอใจ เขาต้องไปที่เจ้าหน้าที่พิพิธภัณฑ์แล้วถามว่า “ผมต้องทำการนัดหมายล่วงหน้าเพื่อจะกลับมายังบ้านของผมเองเนี่ยนะ?”
เจ้าหน้าที่พิพิธภัณฑ์ชะงักไป เขามองมาที่ลู่โจวด้วยสายตาแปลกๆ สงสัยว่าชายคนนี้กำลังพูดถึงเรื่องอะไรกัน
จู่ๆ ลู่โจวก็นึกได้ว่าเขายังสวมใบหน้าของคนแปลกหน้าอยู่ เขายื่นมือออกไปแล้วปิดสร้อยคอบนคอของเขาทันที จากนั้นก็เอามันเก็บไว้ในกระเป๋ากางเกง
“คุณรู้ไหมว่าผมเป็นใคร?”
เจ้าหน้าที่พิพิธภัณฑ์จ้องมาที่ใบหน้าของลู่โจวแบบตรงๆ แล้วเขาก็ทำหน้าราวกับว่าเขาเพิ่งจะเห็นผี
เขาเคยตกตะลึงมาก่อนแล้ว แต่ตอนนี้เขาถึงกับตกอกตกใจเอามากๆ
ทันใดนั้นก็มีเสียงหนึ่งดังมาจากทางประตูสนามหน้าบ้าน
“เกิดอะไรขึ้น?”
ลู่โจวมองไปยังทางเข้าสนาม เขาเห็นชายวัยกลางคนร่างผอมสูงสวมแว่นตาคนหนึ่งกำลังรีบวิ่งตรงมายังเขา
วินาทีที่เขาเห็นลู่โจว ชายคนนั้นถึงกับชะงักไป และเขาก็เข้าใจได้อย่างรวดเร็วว่าเกิดอะไรขึ้นที่นี่
“ภัณฑารักษ์…”
ภัณฑารักษ์พูดขึ้นในทันทีว่า “เอาล่ะ ผมเข้าใจแล้ว กลับไปที่ห้องทำงานของคุณได้”
“ครับท่าน…”
ภัณฑารักษ์จ้องมองลู่โจวอยู่พักหนึ่ง เขาดันแว่นตาขึ้นไปบนดั้งจมูกแล้วถามว่า “คุณคือ…ลู่โจวจริงๆ ใช่ไหมครับ?”
“จริงสิครับ” ลู่โจวพูดพร้อมกับถอนหายใจ “ผมตอบคำถามนี้มาหลายรอบมาก ผมไม่อยากจะตอบอีกต่อไปแล้ว”
“ผมอ่านเจอในข่าว แต่เหตุผลหลักก็คือ… คุณมาจากดาวอังคาร ชื่อเสียงของที่นั่นไม่ค่อยดีนัก หนังสือประวัติศาสตร์บอกว่าคุณโชคไม่ดีที่ถูกฆ่า” ภัณฑารักษ์ยิ้มอย่างกระอักกระอ่วนใจแล้วยื่นมือขวาออกไป “ยังไงก็แล้วแต่ครับ ขอผมได้แนะนำตัวเอง ผมชื่อคิงคอง เป็นภัณฑารักษ์ของพิพิธภัณฑ์ลู่โจว—”
“ฮ่า…”
เมื่อจู่ๆ เห็นลู่โจวหัวเราะออกมา คิงคองก็ประหลาดใจเล็กน้อย แล้วเขาก็ถามออกไปด้วยความสับสนว่า “เอ่อ… มีอะไรผิดหรือเปล่าครับ?”
ลู่โจวกระแอมและพูดว่า “โทษที ไม่มีอะไรหรอก… บางอย่างจากเมื่อศตวรรษที่แล้วน่ะ ไม่คุ้มที่จะพูดถึงมันหรอก”
คิงคองจ้องมองลู่โจวด้วยความงุนงงก่อนที่เขาจะตัดสินใจได้ในที่สุดว่าเขาจะไม่สนใจรายละเอียดพวกนี้
เขาพูดต่อไปว่า “พูดสั้นๆ ก็คือ ผมเห็นคุณในข่าว แม้ว่านี่จะเป็นอาชีพของผม แต่จริงๆ ผมก็อยากจะตัดสิน… แคปซูลหลับชั่วคราวของอารยธรรมดาวอังคารฟังดูเหลือเชื่อ มันเป็นยังไงเหรอครับ? ทำไมมันถึงยังมีพลังงานอยู่?”
“ถ้าจะพูดตามหลักเหตุผล จริงๆ ผมก็ไม่เชื่อว่าคุณจะมีอยู่จริง… แต่ผมก็ไม่คิดว่าใครจะแต่งตัวเหมือนนักวิชาการลู่เพียงเพื่อจะหลบเลี่ยงไม่ซื้อตั๋ว”
ถึงแม้เขาจะไม่ได้กล่าวอ้างอะไร แต่ความไม่ไว้ใจในดวงตาของเขาก็ชัดเจน
แต่ลู่โจวก็ไม่ได้สนใจ เขาแค่พูดออกไปอย่างเฉยๆ ว่า “ผมเข้าใจในความสงสัยของคุณมันเป็นเรื่องปกติ เหตุผลมากกว่า 90% ในโลกนี้มันไม่สมเหตุสมผล มันก็แค่เป็นการโน้มน้าวตัวคุณเองให้เชื่อในสามัญสำนึก”
“อย่างไรก็ตามคุณไม่ต้องคอยเฝ้าระวังผมหรอก ผมไม่มีแผนที่จะกลับเข้ามาที่บ้านหลังเก่านี่ ไม่ว่ายังไงมันก็ผ่านมาร้อยปีแล้ว และมันก็ถูกซ่อมแซมมาหลายครั้งมาก ผมคิดว่าบ้านหลังนี้ก็ยังคงอยู่ที่นี่ แต่มันก็ไม่เหมือนบ้านหลังเดิมแล้ว”
ลู่โจวยักไหล่
“มันก็แค่ผมไม่ได้กลับมาบ้านมาหลายปีแล้ว ผมก็เลยอยากจะกลับมาที่บ้านของผม”
“ผมรู้สึกขอบคุณมากๆ เลยครับที่คุณเข้าใจ!” ภัณฑารักษ์คองพยักหน้านิดๆ แล้วในที่สุดก็แสดงความเคารพออกมา “ไม่ว่าคุณจะเป็นนักวิชาการลู่ตัวจริงหรือไม่ ผมก็ยินดีที่จะทำหน้าที่เป็นภัณฑารักษ์ของพิพิธภัณฑ์ในการพาคุณกลับมาทัวร์ที่บ้าน”
…
ประตูเปิดออก
ลู่โจวเดินตามรอยเท้าของภัณฑารักษ์คอง ในที่สุดเขาก็ได้กลับมายังบ้านของเขาหลังจากผ่านไปหนึ่งศตวรรษ
ขณะที่เขามองดูผังบ้านที่เหมือนจะคุ้นแต่ก็ไม่คุ้น เขาก็อดที่จะรู้สึกคิดถึงวันเก่าๆ ไม่ได้
ภัณฑารักษ์คองถามขึ้นพร้อมกับยิ้มนิดๆ “คุณรู้สึกยังไงบ้างครับ?”
“คุ้นเคย” ลู่โจวพยักหน้า เขาชี้สิ่งต่างๆ ในห้องไปเรื่อย “ก็แค่ที่วางตู้รองเท้าไม่เหมือนกับที่ผมจำได้ แล้วก็ที่แขวนเสื้อคลุมตรงประตูนั่นไม่ใช่ของผมแน่ๆ”
“นี่… ยังไงก็แล้วแต่ หลังจากผ่านมานานหลายปี มันก็เป็นเรื่องปกติที่จะต้องมีความคลาดเคลื่อนไปบ้าง แต่โดยหลักๆ แล้วมันก็ยังเหมือนเดิม รวมทั้งตู้รองเท้าที่ผมพูดถึง เฟอร์นิเจอร์หลายชิ้นที่นี่จริงๆ ก็เป็นของเลียนแบบ” ภัณฑารักษ์คองแตะดั้งจมูกของเขาพร้อมกับพูดขึ้นด้วยเสียงที่มีแววแห่งความพึงพอใจ “อันที่จริงนอกจากผมจะเป็นภัณฑารักษ์ของพิพิธภัณฑ์ลู่โจวแล้ว ผมยังเป็นศาสตราจารย์ด้านประวัติศาสตร์สมัยใหม่อยู่ที่วิทยาลัยศิลปะและวิทยาศาสตร์จินหลิงด้วยครับ และหัวข้อในงานวิจัยของผม…ก็เกี่ยวข้องกับคุณ”
ลู่โจวอึ้งไปเล็กน้อย เขาถามด้วยความอยากรู้ “ผมเนี่ยนะ?”
“ใช่ครับ ประวัติศาสตร์นิพนธ์สมัยใหม่เกี่ยวกับคุณเป็นหัวข้อการวิจัยที่มาแรง มีการก้าวกระโดดทางเทคโนโลยีในจีนในยุคสมัยใหม่อยู่สองครั้ง และการก้าวกระโดดทางเทคโนโลยีทั้งสองครั้งนี้ก็เป็นการวางรากฐานให้จีนโดยตรงในการควบคุมพาน-เอเชีย และวางรากฐานให้พาน-เอเชียควบคุมภูมิทัศน์ทางการเมืองสากลของโลก”
“การก้าวกระโดดทางเทคโนโลยีทั้งสองครั้งนี้สัมพันธ์กับเหตุการณ์ที่เป็นที่รู้จักกันดี 2 เหตุการณ์ หนึ่งก็คือการประสบความสำเร็จในการอิกนิชั่นของฟิวชั่นที่ควบคุมได้และอีกเหตุการณ์ก็คือการก่อตั้งคณะกรรมการการโคจรของดวงจันทร์… ทั้งสองเหตุการณ์ คุณล้วนแต่มีบทบาทในการเป็นหัวหน้านักออกแบบ”
หลังจากได้ยินว่าประวัติศาสตร์ได้ประเมินเขาไว้สูงขนาดนั้น ลู่โจวก็อดจะยิ้มออกมาไม่ได้ เขายังถามต่อด้วยความสนใจว่า “ไม่เลวนะ มีอย่างอื่นอีกไหม? คุณทำงานวิจัยอย่างอื่นอีกไหม?”
“หลายอย่างครับ” ภัณฑารักษ์คิงยิ้มอย่างขัดเขิน “ก็มีทั้งอาชีพทางวิชาการของคุณ ประสบการณ์ส่วนตัว และข่าวลือต่างๆ เกี่ยวกับความสัมพันธ์ของคุณ…”
ลู่โจวรู้สึกว่ารอยยิ้มของเขาออกจากแปลกๆ ไปเล็กน้อย
เขาได้ยินเสียงฝีเท้ามาจากชั้นบน ดังนั้นเขาจึงมองไปที่ภัณฑารักษ์คิงแล้วถามว่า “มีคนอื่นอยู่ที่นี่ด้วยเหรอ?”
“กิจกรรมการท่องเที่ยวเชิงวัฒนธรรมจัดขึ้นโดยโรงเรียนมัธยมแถวนี้ครับ โดยปกติพิพิธภัณฑ์นี้มีกลุ่มเป้าหมายคือนักเรียนประถมกับมัธยม ผู้เยี่ยมชมทั่วไปส่วนใหญ่หลังจากถ่ายรูปด้านนอกแล้วก็จะออกไปครับ มีน้อยคนที่จะอยากเข้ามาด้านใน”
ลู่โจวพยักหน้าและไม่ได้ตอบอะไร เขามองไปรอบห้องนั่งเล่นแล้วพูดว่า
“ห้องหนังสือของผมอยู่ชั้นบน ผมอยากจะไปดูสักหน่อย… และก็ห้องนอนของผมด้วย คงจะไม่มีปัญหาใช่ไหม?”
“ไม่มีแน่นอนครับ ทางนี้เลย!”
เมื่อเดินตามฝีเท้าของภัณฑารักษ์คิงมา ลู่โจวก็ได้ขึ้นบันไดมาที่ชั้นสอง
หลังจากที่เขาก้าวขึ้นมาถึงชั้นสอง เขาก็ได้เห็นไกด์นำทัวร์พร้อมกับเด็กๆ อีกสิบสองคนอัดแน่นกันอยู่ตรงทางเดิน พูดคุยกันอยู่รอบๆ รูปภาพที่แขวนอยู่
แม้ว่าเขาจะจำไม่ได้ว่ามีภาพวาดอะไรอยู่ตรงทางเดิน แต่ลู่โจวก็ไม่ได้คร้านที่จะสนใจรายละเอียดเหล่านี้ อย่างไรก็ตามนี่คือพิพิธภัณฑ์และก็เป็นเรื่องปกติที่จะมีภาพคนแขวนอยู่บ้าง
เขากำลังจะเลี้ยวตรงมุมและไปยังห้องหนังสือพร้อมกับภัณฑารักษ์คิง แต่เสียงของไกด์ด้านหลังเขาก็แทบจะทำให้เขาสำลักน้ำลายตัวเองออกมา
“ภาพบุคคลผู้นี้คือคู่หมั้นสาวของนักวิชาการลู่ คุณเฉินยู่ซาน เมื่อพูดถึงคุณเฉินยู่ซาน เรื่องราวของทั้งสองคนนั้นนับว่าเป็นเรื่องราวความรักที่น่าขมขื่น”
เมื่อพวกเขาได้ยินว่านี่เป็นเรื่องราวความรัก เด็กๆ แถวนั้นก็รู้สึกตื่นเต้น
เด็กคนหนึ่งที่ยืนอยู่แถวหน้าก็ถามขึ้นอย่างกระตือรือร้นทันทีว่า “เรื่องเป็นยังไงคะ?”
“เรื่องมันยาวน่ะ” ไกด์นำทัวร์ยิ้มและพูดว่า “อย่างที่เห็นก็คือก่อนที่นักวิชาการลู่จะไปดาวอังคาร ทั้งสองคนได้สัญญาว่าจะแต่งงานกัน เพื่อเป็นพยานแห่งรัก นักวิชาการลู่ได้มอบดาวให้เธอดวงหนึ่งและสัญญาว่าจะสร้างตำนานความรักของพวกเขาที่นั่น”
“แต่ความโชคร้ายก็บังเกิดขึ้น ไม่มีอะไรจะให้คำมั่นได้ เทือกเขาเกตส์ออฟเฮลล์ถล่มในเหตุแผ่นดินไหว นักวิชาการลู่ไม่สามารถจะกลับมาจากดาวอังคารได้อย่างปลอดภัย คุณเฉินยู่ซานใจสลายและใช้เวลาหนึ่งปีในการพัฒนาโอเอซิสในทะเลทรายทางตะวันตกเฉียงเหนือ จากนั้นเธอก็ลาออกจากตำแหน่งซีอีโอของสตาร์สกายเทคโนโลยีและหายไปจากสายตาผู้คน ไม่มีใครเห็นเธออีกเลยตั้งแต่ตอนนั้น…”
“บางคนบอกว่าเธอเสียชีวิตแล้วหลังจากใช้ชีวิตอยู่ลำพังในโอเอซิสตลอดชีวิตที่เหลือของเธอ บางคนก็บอกว่าเธอยังไม่ตาย แต่ไปสถานที่หนึ่งที่อยู่ไกล ไกลมากๆ เพื่อที่จะทำความปรารถนาของเธอให้สมบูรณ์เพื่อคนรักของเธอ เพื่อที่จะเขียนตำนานของพวกเขาบนดาวดวงนั้น”
เด็กๆ ฟังเรื่องราวความรักอันโรแมนติกด้วยสีหน้าที่แสดงถึงความปรารถนาเฝ้าฝัน ทันใดนั้นเด็กอ้วนคนหนึ่งก็กระโดดออกมาแล้วพูดว่า
“แต่ทำไมนักวิชาการลู่ถึงให้ดาวกับเธอล่ะ? ดาวนั่นไม่ใช่ของเขาสักหน่อย!”
“อืม…”
ไกด์นำทัวร์ดูมีท่าทีที่อับอาย ในตอนที่เขากำลังจะอธิบาย เสียงของคนแปลกหน้าก็ดังมาจากทางด้านข้าง
“ก็เพราะนักวิชาการลู่รวยมากน่ะสิ เขาใช้เงิน 1 หมื่นล้านจดทะเบียนทุนในการสำรวจดวงดาว” ลู่โจวต้องยับยั้งแรงกระตุ้นไม่ให้ตัวเองคว้าคอเสื้อเด็กอ้วนคนนั้น เขาชี้ไปที่ภาพวาดแล้วพูดว่า “ใครแขวนภาพนี้ขึ้นมา?”
เมื่อเห็นลู่โจวโกรธขึ้นมากะทันหัน ไกด์นำทัวร์กับภัณฑารักษ์คิงต่างก็พูดไม่ออก
คนแรกที่ตอบสนองคือภัณฑารักษ์คิง เขาทำท่าบุ้ยใบ้ไปทางไกด์ที่อยู่ข้างๆ เขาแล้วรีบดึงลู่โจวออกมาขณะเดียวกันก็พูดขึ้นว่า
“เอ่อ… ผมรู้ว่าเดิมแล้วภาพนี้ไม่ได้อยู่ที่นี่ แต่เราเป็นพิพิธภัณฑ์ ไม่ว่ายังไงก็ตามเราจำเป็นต้องนำมาเสนอให้นักท่องเที่ยวที่มาที่นี่—”
“ปัญหาก็คือเธอไม่ใช่คู่หมั้นของผมสักหน่อย!” ลู่โจวพูดอย่างฉุนเฉียว “นี่คือลูกศิษย์ของผม! ลูกพี่ลูกน้องของคู่หมั้นของผม! หานเมิ่งฉี!”
อะไรกันวะเนี่ย?!
ภัณฑารักษ์คิงตะลึงงันไปทันที เขาแทบจะสำลักน้ำลายตัวเองตาย
“หาน… หานอะไรนะครับ? เดี๋ยวก่อนนะ มันผิดเหรอครับ? ไม่สิ? ภาพวาดนี้แขวนอยู่ที่นี่มากกว่า 20 ปีแล้ว… ตอนที่ผมมาที่พิพิธภัณฑ์นี้ มันก็อยู่ที่นี่แล้ว”
ลู่โจวพูดอย่างโมโห
“คุณคิดว่าใครถูกกันล่ะ!”
เขามั่นใจถึง 80% ว่าคนพวกนี้ใช้รูปจากภาพยนตร์สารคดี ‘นักวิชาการ’ ถ้าเขาจำไม่ผิด หานเมิ่งฉีแสดงเป็นเฉินยู่ซานในสารคดี
ลู่โจวอยากจะอัดชายคนนี้ให้ถึงตายเลยทีเดียว
ถ้ามันเป็นนักแสดงที่สุ่มเลือกมา มันก็คงจะไม่เป็นอะไร แต่นี่เป็นลูกศิษย์ของเขา!
ในที่สุดเด็กๆ ที่ยืนอยู่ก็จำหน้าเขาได้
หลังจากจ้องลู่โจวอยู่สักพัก เด็กน้อยตัวอ้วนก็เบิกตากว้างแล้วกระโดดโลดเต้น เขาชี้มาที่ลู่โจวแล้วพูดขึ้นอย่างตื่นเต้นว่า “อ้า คุณคือนักวิชาการลู่!”
“ไม่ เดี๋ยวสิ ครูบอกไม่ใช่เหรอว่าคุณตายแล้ว?”
“ไม่ตาย แค่จากไป! เธอช่วยพูดให้มันสุภาพหน่อยสิ!”
“อี๋ แหวะ เธอนั่นแหละที่ไม่สุภาพ! มันจะเป็นอะไรกับคำว่าตายเหรอ?”
ลู่โจวรู้สึกรำคาญมากขึ้นเรื่อยๆ
ให้ตายสิพับผ่า!
เจ้าเด็กบ้าพวกนี้…
ฉันยังมีชีวิตอยู่!
ภัณฑารักษ์คิงและไกด์นำทัวร์มองหน้ากันด้วยความอับอาย
การบังเอิญแขวนภาพวาดลูกศิษย์ของใครสักคนแล้วบอกว่าเป็นคู่หมั้นของพวกเขาเป็นสิ่งที่โง่เง่าจริงๆ
“เราจะทำยังไงดี?”
“เราควรจะ… เอามันลงมาก่อนไหม?”
“แต่…”
ภัณฑารักษ์คิงขบฟันกรอดๆ แล้วตัดสินใจ
“ไม่เกี่ยวกับว่านักวิชาการลู่จะมีชีวิตอยู่หรือเปล่า เอาภาพวาดนี่ลงมาเดี๋ยวนี้เลย!”