Scholar’s Advanced Technological System ระบบปั้นอัจฉริยะ - ตอนที่ 1451 เราต้องการมาสคอต
- Home
- Scholar’s Advanced Technological System ระบบปั้นอัจฉริยะ
- ตอนที่ 1451 เราต้องการมาสคอต
ณ ดาวอังคาร
ในหุบเขาทรุดใกล้กับเดอะเกตส์ออฟเฮลล์ ท้องฟ้าถูกปกคลุมไปด้วยเมฆหมอกที่หนักอึ้ง
จากการพยากรณ์อากาศ จะมีพายุทรายพัดผ่านเข้าพื้นที่ในอีกไม่นาน
ในสภาพอากาศที่รุนแรงและอันตรายเช่นนี้ แม้แต่อาชญากรที่ซ่อนตัวอยู่ในทะเลทรายก็คงเลือกที่จะนั่งอยู่ที่บ้านและรอจนกว่าสภาพอากาศจะดีขึ้นก่อนค่อยออกมาเดินทอดน่อง
อย่างไรก็ตามขณะนี้ที่ด้านนอกเหมืองของบริษัทฮิดเดลล์มายนิ่งมีรถสำรวจดาวอังคารสีเหมือนทะเลทรายคันหนึ่งจอดอยู่อย่างผิดปกติ
ผู้ชายสองคนในชุดอวกาศยืนอยู่ใกล้กับทางเข้าถ้ำโดยถืออุปกรณ์การทำงานไว้ในมือ ราวกับว่าพวกเขากำลังสำรวจอะไรบางอย่าง
“ถังออกซิเจน ถูกอัดด้วยรอยล้อรถและรอยขูด… เวลาการเดินทางคาดว่าเป็นภายในหนึ่งเดือน” ด้วยการใช้ระบบ AR ภาพเหตุการณ์จากเมื่อหนึ่งเดือนก่อนจึงถูกกู้คืนมา ชายหนุ่มที่อ่อนกว่าซึ่งกำลังนั่งยองๆ อยู่บนพื้น ได้ลุกขึ้นยืนแล้วมองไปยังคนที่อยู่ด้านหลังเขาและพูดว่า “พวกเขาน่าจะเข้ามาจากจุดนี้… หลิวดุ้ย คุณคิดว่าไง?”
ผู้ชายที่ตัวสูงกว่าเล็กน้อย พูดขึ้นหลังจากครุ่นคิดอยู่
“ความเห็นของผมหลักๆ ก็เหมือนกับคุณ แต่มีข้อสงสัยอย่างหนึ่งก็คือพวกเขาดูเหมือนจะเป็นพวกมือสมัครเล่น”
ชายหนุ่มที่อ่อนวัยกว่ายักไหล่และพูดว่า
“เป็นมือสมัครเล่นจริงๆ… ไม่เช่นนั้นพวกเขาคงจะไม่ทิ้งของพวกนี้ไว้ในที่เกิดเหตุ”
เขาแบมือขวาออก
แผ่นโลหะชิ้นยาวสีเงินยวงขนาดประมาณหมากฝรั่งวางอยู่บนฝ่ามือของเขา
เมื่อเขามองดูตัวอักษรที่อยู่บนพื้นผิว เขาถึงกับขมวดคิ้ว
“… บริษัทแมมมอธมายนิ่ง?”
แมมมอธขุดหลุมเหรอ?
นี่ไม่ใช่ประเด็นสำคัญ
เขามีลางสังหรณ์ว่าเขาจะสามารถขุดคุ้ยบางสิ่งที่ผิดปกติจาก ‘บริษัทแมมมอธมายนิ่ง’ นี้ได้
เขาเก็บแผ่นโลหะไป เขากำลังจะสำรวจเหมืองแต่แล้วเสียงที่ดังมาจากช่องการสื่อสารก็หยุดเขาไว้เสียก่อน
“เดี๋ยวก่อน”
ผู้ชายที่ยืนอยู่ตรงทางเข้าถ้ำหันหน้ามา
“มีอะไร?”
หลิวดุ้ยเหลือบมองท้องฟ้าแล้วพูดด้วยเสียงต่ำๆ ว่า
“การเก็บรวบรวมหลักฐานทางวัตถุเกือบเสร็จเรียบร้อยแล้ว พอก่อนสำหรับวันนี้”
ขณะที่มีแววแห่งความสับสนปรากฏบนใบหน้า ชายหนุ่มก็ถามขึ้นอย่างไม่รู้จะอธิบายอย่างไรว่า “แต่… เราก็อยู่ที่นี่แล้ว คุณแน่ใจเหรอว่าคุณไม่อยากจะเข้าไปดูข้างในสักหน่อย?”
“ก็เพราะเราทั้งหมดอยู่ที่นี่ไง เราจึงควรต้องระวังให้มากขึ้น”
หลิวดุ้ยมองไปยังเหมืองที่ลึกจนไม่อาจจะหยั่งได้ เขากำลังยืนอยู่ข้างรถสำรวจ แล้วเขาก็หรี่ตาลงเล็กน้อยและพูดต่อไปว่า “คำสั่งที่เราได้รับมอบหมายคือการรายงานความคืบหน้าของภารกิจแบบเรียลไทม์และรายงานทุกรายละเอียด เห็นๆ อยู่ว่าพวกเขามีความเห็นของพวกเขาเองในเรื่องนี้โดยเฉพาะอยู่แล้ว
“ถ้าเป็นเช่นนั้น เราก็แค่ต้องทำในสิ่งที่เราควรจะทำ
“ในส่วนที่ว่าจะดำเนินการสำรวจต่อไปหรือไม่ ปล่อยให้พวกเขาเป็นคนตัดสิน”
…
บนโลก
ที่ศูนย์กลางของกลุ่มเมืองปักกิ่ง-เทียนจิน-เหอเป่ย ภายในห้องประชุมประจำสำนักงานใหญ่ของสหการพาน-เอเชียน มีโต๊ะกลมโต๊ะหนึ่งวางอยู่ตรงกลางห้อง มีคนเพียงแค่สองคนนั่งอยู่ที่โต๊ะประชุม หนึ่งในนั้นคือเลขาธิการอู๋ชูฮวา ส่วนอีกคนคือประธานคนปัจจุบัน หลี่กวงหยา
ในฐานะที่เป็นองค์กรระดับภูมิภาคและสมาคมธุรกิจที่ใหญ่ที่สุดในโลก หน้าที่หลักของเลขาธิการคือการประสานความสัมพันธ์ระหว่างประเทศสมาชิกต่างๆ และแสดงการมีส่วนร่วมกันของสหการพาน-เอเชียนในกิจกรรมทางการเมืองระดับโลก หน้าที่ของประธานคือการจัดการกับกิจการภายในของสหการพาน-เอเชียนมากกว่า
“สถานการณ์กับสหประชาชาติเป็นยังไงบ้าง? มีความคืบหน้าอะไรใหม่ๆ ไหม?”
“มีการประชุม 3 ครั้ง แต่ไม่มีอันไหนที่มีข่าวดีเลยค่ะ”
อู๋ชูฮวา เลขาธิการของสหการพาน-เอเชียนซึ่งนั่งอยู่อีกฝั่งของโต๊ะประชุม ดูเหนื่อยล้าเล็กน้อย เธอกล่าวต่อไปขณะที่ใช้มือบีบคิ้วตัวเองไปด้วย “ผู้แทนจำนวน 55% สนับสนุนข้อเสนอของเราในเรื่องลิฟต์อวกาศ แต่ยังมีผู้คัดค้าน 45% ซึ่งรวมถึงพันธมิตรของเราและวงในของพันธมิตรของเราด้วย”
“ข้อเรียกร้องของพวกเขาคืออะไร?”
“สิ่งแวดล้อม ความเสี่ยงด้านความปลอดภัย ค่าใช้จ่าย และผลประโยชน์ รวมถึงการแบ่งสันกำไร… พูดง่ายๆ ก็คือเหล่านี้คือปัญหาทั้งหมดที่ยังไม่ได้มีการหารือ”
ประมาณห้าปีก่อน แผน ‘เส้นทางใหม่’ ที่ถูกเสนอโดยสหการพาน-เอเชียนได้ผลักดันให้เกิดกระแสคลื่นแห่งยุคในการนำทางไปอวกาศไปสู่จุดสูงสุด
จากผลการลงคะแนนเสียงของผู้แทนจากประเทศสมาชิกต่างๆ ในสหการพาน-เอเชียน สหการพาน-เอเชียนจะสร้างระบบการผลิต “อุตสาหกรรมอวกาศใหม่” จากระบบระหว่างโลกกับดวงจันทร์ไปยังแถบไคเปอร์ขึ้นภายใน 100 ปี เส้นทางที่สร้างขึ้นด้วยระบบนี้คาดว่าจะแผ่ขยายเชื้อเพลิงแห่งอารยธรรมไปยังสถานที่ที่อยู่ห่างไกลมากขึ้น
เพื่อที่จะบรรลุเป้าหมายทางยุทธศาสตร์นี้ สหการพาน-เอเชียนจึงไม่เพียงแต่กำหนดแผนการพัฒนาอาณานิคมสำหรับดวงจันทร์ยูโรปาและดวงจันทร์ไททัน แต่ยังส่งกองทัพที่ทรงพลังไปปราบโจรสลัดอวกาศในแถบดาวเคราะห์น้อยอีกด้วย
ข้อเสนอในการสร้างลิฟต์อวกาศบนเส้นศูนย์สูตรยังถูกนำไปเสนอในหอประชุมใหญ่สหประชาชาติโดยผู้แทนต่างๆ ของสหการพาน-เอเชียนอีกด้วยเพื่อทำการปรึกษาหารือกับเหล่าพันธมิตรจากภูมิภาคต่างๆ
อย่างไรก็ตามผลลัพธ์ที่ออกมาก็พอที่จะคาดเดาได้
ข้อเสนอนี้ซึ่งเกือบจะฟังดู ‘เลวร้าย’ เผชิญกับการต่อต้านมากมายนับตั้งแต่ถูกเสนอ
การต่อต้านนั้นไม่เพียงมาจากพันธมิตรจากภูมิภาคอื่นๆ แต่ยังมาจากองค์กรปกป้องสิ่งแวดล้อมนอกภาครัฐและแม้แต่เสียงจากคนภายในสหการพาน-เอเชียนเองด้วย
อย่างไรก็ตามการสร้างหลุมในชั้นโอโซนและการสอดท่อเข้าไปในวงโคจรพ้องคาบโลกก็ฟังดูไม่ใช่ความคิดที่ดีสักเท่าไร แต่ถ้าโปรเจกต์นี้ประสบความสำเร็จ มวลมนุษยชาติทั้งหมดก็อาจจะได้รับประโยชน์จากมัน
ถ้าโปรเจกต์นี้ล้มเหลว โลกทั้งมวลก็อาจจะต้องชดใช้ผลลัพธ์ที่ตามมาจากพฤติกรรมอันประมาทเลินเล่อนี้…
แม้ว่าสหการพาน-เอเชียนมีความคิดที่จะหลบหลีกพันธมิตรจากภูมิภาคอื่นๆ และสร้างลิฟต์อวกาศนี้เพียงลำพัง และถึงแม้สหการพาน-เอเชียนจะมีที่ดินอยู่บนเส้นศูนย์สูตร มันก็ยังอยู่ในพื้นที่กลุ่มประเทศแถบมหาสมุทรแปซิฟิกที่เกิดแผ่นดินไหวซึ่งตามมาด้วยการเคลื่อนไหวของลมมรสุมที่รุนแรง
ยังไม่ต้องพูดถึงความเสี่ยงด้านการทูต อันตรายแอบแฝงต่อการป้องกันราชอาณาจักร เป็นต้น
มีจุดก่อสร้างที่สมบูรณ์แบบอยู่เพียง 3 แห่ง ที่แรกคือบนทวีปแอฟริกา ที่ต่อมาคืออยู่ในตอนกลางของมหาสมุทรแอตแลนติก และที่สุดท้ายก็คือมหาสมุทรแปซิฟิกที่เปิดโล่ง
จากมุมมองในความเป็นจริง ทางหลวงระยะทาง 36,000 กิโลเมตรจะแขวนอยู่กับวงโคจรพ้องคาบโลกโดยตรง นี่จึงไม่ใช่โปรเจกต์ที่จะสามารถทำสำเร็จได้โดยพันธมิตรจากภูมิภาคเดียวเพียงลำพัง
แม้ว่าจะเป็นภูมิภาคที่แข็งแกร่งที่สุดในโลกก็ตาม
หลังจากที่เห็นสีหน้าอันอ่อนล้าของเลขาธิการอู๋ หลี่กวงหยาก็ยิ้มนิดๆ แล้วพูดด้วยน้ำเสียงที่ผ่อนคลายว่า
“มาพูดถึงเรื่องดีๆ กันเถอะ ผมเพิ่งได้รับสายจากหน่วยงานความมั่นคง สายสืบของเราที่เคลื่อนไหวอยู่ในเมืองเทียนกงได้ค้นพบทางเข้าเมืองที่บริษัทฮิดเดลล์มายนิ่งได้ทิ้งไว้ใกล้กับแนวเทือกเขาเดอะเกตส์ออฟเฮลล์ มีการพบสัญญาณการเคลื่อนไหวของรถสำรวจ จากการวิเคราะห์เหตุการณ์ที่กู้คืนมาได้ ทีมขุดค้นทางโบราณคดีได้อยู่ที่นั่นเป็นเวลาประมาณสองสัปดาห์เมื่อหนึ่งเดือนก่อน เป็นไปได้ว่าทีมนั้นน่าจะนำโดยศาสตราจารย์ลีโอนาร์ด”
อู๋ชูฮวาเลิกคิ้ว “ถ้าอย่างนั้นก็เป็นไปได้ว่าศาสตราจารย์ลู่มีตัวตนจริงใช่ไหมคะ?”
“อาจจะใช่ และก็อาจจะไม่ใช่ มันเหมือนกับแมวของชเรอดิงเงอร์”
หลังจากวางถ้วยชาในมือลง สีหน้าของประธานหลี่กวงหยาก็ไม่ได้เปลี่ยนไปมากนัก เขาพูดต่อด้วยน้ำเสียงที่ผ่อนคลายว่า “ถ้าเราติดตามร่องรอยนี้ต่อไป เราอาจจะพบแคปซูลหลับชั่วคราวที่ถูกฝังมาหลายพันล้านปีก็ได้ นี่อาจจะเป็นการเปิดเผยเรื่องราวอันยิ่งใหญ่ที่ว่า แคปซูลหลับชั่วคราวที่ยังสามารถใช้งานได้ตามปกติเป็นเวลาหลายพันล้านปีหรือศาสตราจารย์ลู่ที่ฟื้นคืนชีพกลับมาหลังจากเสียชีวิตไปหนึ่งศตวรรษ คุณคิดว่าเรื่องไหนเป็นไปได้มากกว่ากันล่ะ?”
อู๋ชูฮวาขมวดคิ้วเล็กน้อย
“ฉันไม่เข้าใจว่าเรื่องไหนที่ควรค่าต่อการหารือ… เมื่อเทียบกับเรื่องที่ว่าคนคนหนึ่งที่เสียชีวิตไปแล้วร้อยปียังมีชีวิตอยู่หรือไม่ ฉันกังวลมากกว่าว่าข้อเสนอเรื่องลิฟต์อวกาศจะผ่านการอนุมัติหรือเปล่า เราจำเป็นต้องเปิดเส้นทางจากพื้นดินไปสู่อวกาศขึ้นมา ถ้าเราทำไม่ได้ เราก็จะไม่สามารถพัฒนาดวงจันทร์ยูโรปากับดวงจันทร์ไททันได้ และเราก็อาจจะติดอยู่บนดาวอังคารตลอดกาล”
ไม่ว่านักวิชาการลู่จะยังมีชีวิตอยู่หรือไม่ นั่นเป็นเรื่องราวสุดท้ายของศตวรรษ
เธอยอมรับว่าเขาสร้างความสำเร็จที่โดดเด่นมากมายในยุคนั้น แต่ตอนนี้อยู่ในศตวรรษที่ 22 แล้ว หนึ่งร้อยปีนั้นได้ผ่านไปแล้วนับแต่ยุคที่ลู่โจวเป็นที่รู้จัก
กาลเวลาโหดร้ายเสมอ
นี่เหมือนกับว่าคนเก่าคนแก่ที่ถูกแช่แข็งถูกส่งมายังโลกอนาคตในนามของ ‘การสนับสนุนอนาคต’ แต่ไม่สามารถจะหาตำแหน่งที่จะแต่งตั้งให้พวกเขาได้และไม่สามารถจะแก้ปัญหาใดๆ ในอนาคตได้ เธอไม่คิดว่านักวิชาการคนหนึ่งจากศตวรรษที่ 21 จะสามารถนำประโยชน์ที่ใช้การได้มาสู่สหการพาน-เอเชียน เว้นเสียจาก ‘ความสำคัญเชิงสัญลักษณ์’
ว่ากันตามตรง ถ้าไม่ใช่เพราะเหตุผลที่ว่าเขาได้ช่วยเหลือการบินเอาไว้ เธอคงไม่สนใจที่จะเจอตัวเขาด้วยซ้ำ อย่างไรก็ตาม งานปัจจุบันของเธอก็ยุ่งพออยู่แล้ว
ในส่วนเรื่องต่างๆ อย่างเรื่องเงินและทรัพย์สิน…
สหการพาน-เอเชียนไม่ได้สนใจเรื่องเล็กน้อยพวกนั้น
หลี่กวงหยายิ้มนิดๆ
“สองเรื่องนั้นไม่ได้ขัดแย้งกันเลย มันขึ้นอยู่กับว่าคุณมองประเด็นนี้อย่างไรเท่านั้น”
“หมายความว่ายังไงคะ?”
“ผู้คนต้องการความเชื่อมั่น การอนุมัติแผนของเราไม่ได้ขึ้นอยู่กับเรื่องลิฟต์อวกาศ สิ่งสำคัญมันอยู่ที่ว่าผู้คนจะสามารถเชื่อได้หรือไม่ว่ามันปลอดภัย เชื่อถือได้ และสามารถนำเราไปสู่อนาคตที่สดใสได้”
หลี่กวงหยาหยุดไปครู่หนึ่งก่อนจะกล่าวต่อไปว่า “ถ้าเป็นเช่นนั้น เราก็แค่ต้องให้ในสิ่งที่พวกเขาต้องการ”
อู๋ชูฮวาชะงักไปนิดหน่อย
“คุณหมายความว่า…”
หลี่กวงหยาพยักหน้าเบาๆ
“เราต้องการมาสคอต และบังเอิญว่าเขาก็เหมาะสมพอดี”
“มีช่องโหว่ชัดเจนหลายช่องในแผนของคุณ” อู๋ชูฮวาถามว่า “แล้วถ้าเขาไม่เห็นด้วยกับเราล่ะคะ? สมมุติว่าเขามีอยู่จริง ไม่ว่ายังไงเขาก็มาจากเมื่อร้อยปีที่แล้ว ถึงแม้เราจะอยู่บนเส้นทางเดียวกัน แต่มันก็ยากที่จะเห็นพ้องกันทั้งหมด สิ่งที่คล้ายๆ กันก็เกือบจะทำลายความสำเร็จของเรามาแล้วตลอดครึ่งศตวรรษที่ผ่านมา!”
หลี่กวงหยาพูดโพล่งออกมาตรงๆ “เมื่อถึงเวลา เราก็จะสามารถขุดต่อไปได้ ซากปรักหักพังอยู่ที่นั่น ดังนั้นเราก็สามารถจะขุดต่อตอนไหนก็ได้ เราสามารถทำให้เขามีจริงขึ้นมาได้ และเราก็สามารถทำให้เขาเป็นเรื่องลวงได้”
“คนที่มาจากดาวอังคารซึ่งหลอกลวงทุกคนได้สำเร็จ นั่นจะกลายเป็นเรื่องตลกที่ยิ่งใหญ่ที่สุดของศตวรรษนี้เลย”
ประธานหลี่กวงหยายิ้มจางๆ แล้วพูดว่า “ถ้าเรื่องตลกนี่สามารถช่วยแก้ไขเหตุของเราได้ ผมก็ยินดีที่จะยอมรับความช่วยเหลือจากเขา”
อู๋ชูฮวาเงียบไปพักหนึ่ง สักพักไหล่ของเธอก็ผ่อนคลายลงเล็กน้อย
“ในเมื่อคุณพูดแบบนั้น ฉันก็ไม่มีอะไรจะโต้แย้งค่ะ นี่ก็เป็นแค่ความเห็นของฉัน ฉันยังเอนเอียงไปทางการเลือกยุทธวิธีแบบอนุรักษนิยม นี่เป็นปัจจัยที่ไม่สามารถควบคุมได้ มันคือระเบิดเวลา”
“ยุทธวิธีแบบอนุรักษนิยม? ฮ่าฮ่า นี่เป็นสิ่งที่น่าสนใจที่สุดที่ผมได้ยินมาในวันนี้เลย ลองคิดดูสิ มียุทธวิธีที่รุนแรงยิ่งกว่าลิฟต์อวกาศอีกเหรอ?” หลี่กวงหยายิ้มแล้วพูดต่อด้วยน้ำเสียงที่ผ่อนคลาย “อันที่จริง คุณไม่ต้องมีอคติต่อต้านคนที่หลับไปชั่วคราวมากขนาดนั้น ผมเคยเรียนประวัติศาสตร์สมัยใหม่เป็นวิชาเลือกตอนมหาวิทยาลัยและก็เคยทำวิจัยเชิงลึกเกี่ยวกับเขา
“คนคนหนึ่งที่สามารถยกไฟฉายขึ้นมาในความมืดได้จะต้องมีหัวใจที่สดใส ไม่ว่าตัวเขาและความคิดของเขาจะสอดคล้องกันทั้งหมดหรือไม่ อย่างน้อยผมก็เชื่อว่าจุดเริ่มต้นของเราเป็นจุดเดียวกัน เราอยากให้ทุกคนมีอนาคตที่สดใสกว่านี้
“ผมเชื่อว่าการเดินทางครั้งนี้อาจเต็มไปด้วยจุดหักมุมและจุดพลิกผัน แต่เขาจะต้องตัดสินใจเลือกทางที่ถูกต้องแน่”
อู๋ชูฮวาไม่ได้พูดอะไร เธอเพียงแต่ถอนหายใจออกมา
“ฉันไม่อยากจะเถียงกับคุณเรื่องคนที่หลับไปชั่วคราว ฉันไม่อยากจะเข้าไปแทรกแซงงานของแผนกทะเบียนบ้าน… ถ้าคุณพบว่าเขามีประโยชน์ คุณก็จัดการมันด้วยตัวเองได้เลย”
ประธานหลี่กวงหยามองไปที่ภาพโฮโลแกรมที่ค่อยๆ หายไปจากโต๊ะประชุม แล้วเขาก็พยักหน้าอย่างนุ่มนวล
“โอเค ปล่อยให้เป็นหน้าที่ของผมเอง”
นี่เป็นแผนของเขาตั้งแต่ต้น