Scholar’s Advanced Technological System ระบบปั้นอัจฉริยะ - ตอนที่ 1458 กลุ่มผู้ถือหุ้นอีสต์เอเชียเอเนอร์จี้
- Home
- Scholar’s Advanced Technological System ระบบปั้นอัจฉริยะ
- ตอนที่ 1458 กลุ่มผู้ถือหุ้นอีสต์เอเชียเอเนอร์จี้
ฤดูหนาวอันหนาวเย็นในเดือนมกราคมยังไม่สิ้นสุด ถนนในกลุ่มเมืองสามเหลี่ยมปากแม่น้ำแยงซีเกียงยังคงมีอากาศเย็น อย่างไรก็ตามบรรยากาศของตึกอีสต์เอเนอร์จี้ซึ่งตั้งอยู่ที่แม่น้ำจูเจียงนั้นร้อนและชุ่มไปด้วยเหงื่อ
ภายในออฟฟิศของคณะกรรมการบริหาร ชายชาวจีนคนหนึ่งปลดคอเสื้อของชุดสูทแบบทางการของเขาออกราวกับว่าจะผ่อนคลายความตึงเครียดในจิตใจของเขา เขาพึมพำกับตัวเองว่า “นี่เปิดแอร์อยู่หรือเปล่า?”
เลขานุการที่ยืนอยู่ด้านหลังเขาได้ยินประโยคนี้เข้า
จู่ๆ ชายคนนั้นก็ยืนขึ้นราวกับเป็นปฏิกิริยาที่ตอบโต้ต่อสภาวะ และเขาเกือบจะกระแทกเก้าอี้กับพื้น
“ผมจะออกไปถาม—”
“ไม่ต้อง” ชายชาวจีนมองไปที่นาฬิกาดิจิทัลที่กะพริบอยู่บนโต๊ะประชุมแล้วพูดต่อว่า “การประชุมกำลังจะเริ่มแล้ว”
หลิวเจิ้งซิง ประธานของอีสต์เอเชียเอเนอร์จี้
ด้วยหุ้นส่วน 1.3% เขาจึงเป็นผู้ถือหุ้นที่ใหญ่ที่สุดของอีสต์เอเชียเอเนอร์จี้และดำรงตำแหน่งประธานมาเป็นเวลา 5 ปีแล้ว นอกจากเขาแล้ว กลุ่มคนที่นั่งอยู่ที่โต๊ะประชุมในตอนนี้ก็คือสมาชิกหลักของคณะกรรมการบริหารหรือผู้แทนที่ผู้ถือหุ้นรายใหญ่ส่งมา อย่างเช่น เอไอไอบี และธนาคารแห่งประเทศจีน
ส่วนเรื่องที่ว่าทำไมพวกเขาจึงมานั่งอยู่ที่นี่เพื่อการประชุมในครั้งนี้…
มันต้องเริ่มจากเจ้าไอศกรีมหลงยุคที่ตื่นขึ้นมากะทันหันและมรดกก้อนใหญ่ที่อยู่ในมือของเขา
การประชุมเริ่มต้นขึ้น
ก่อนที่หลิวเจิ้งซิงจะได้เวลาพูด ชายร่างอ้วนนิดๆ ที่นั่งอยู่ไม่ไกลจากเขาก็พูดขึ้นมาเสียก่อน
“ผมแค่อยากจะรู้ว่าหนังสือรับรองพวกนั้นเป็นของจริงหรือเปล่า?”
ราวหนึ่งชั่วโมงก่อน พวกเขาได้รับโทรศัพท์จากฝ่ายที่เกี่ยวข้องซึ่งแจ้งว่าหุ้นส่วนที่ถูกแช่แข็งไว้จะถูกถอนในอนาคตอันใกล้นี้ พวกเขาหวังว่าพวกเขาจะเผยแพร่ข้อมูลต่อสาธารณชนและทำการเตรียมการในส่วนที่เกี่ยวข้องเพื่อหลีกเลี่ยงการสร้างผลกระทบต่อการดำเนินการโดยปกติของบริษัท
ทันทีที่ข่าวออกมา มันก็ก่อคลื่นลมทำให้เกิดพายุขึ้นในฉับพลัน
เมื่อศตวรรษที่ผ่านมา โดยพื้นฐานแล้วโครงสร้างการถือหุ้นของอีสต์เอเชียเอเนอร์จี้ค่อนข้างมีเสถียรภาพ และไม่มีการเปลี่ยนแปลงการถือหุ้นใหญ่ที่มากกว่า 5% เกิดขึ้นเลยในระยะเวลาเกือบครึ่งศตวรรษ
ดังนั้นเรื่องนี้จึงทำให้พวกเขาวิตกกังวลอย่างสุดขีด
นี่เป็นเรื่องของผลประโยชน์ที่สำคัญอย่างยิ่ง และไม่มีใครรู้ว่าเรื่องนี้จะส่งผลกระทบอะไรต่อกิจการของอีสต์เอเชียเอเนอร์จี้
“มีการรับรองจากธนาคารแห่งประเทศจีน ฉะนั้นมันปลอมไม่ได้หรอกครับ”
ผู้ชายที่สวมแว่นตากรอบทองดันแว่นแล้วถอนหายใจเบาๆ ก่อนจะพูดว่า “อันที่จริงเมื่อนานมาแล้ว ตอนที่ผมยังศึกษาด้านธุรกิจอยู่ที่มหาวิทยาลัยเซี่ยงไฮ้ ผมก็ครุ่นคิดถึงคำถามข้อนี้ ตอนที่สตาร์สกายเทคโนโลยีชำระบัญชีทรัพย์สิน ทำไมถึงไม่มีความเกี่ยวข้องกับหุ้นของอีสต์เอเชียเอเนอร์จี้เลย…”
ชื่อของเขาคือจงจื้ออวี่ เป็นหนึ่งในกรรมการผู้จัดการของอีสต์เอเชียเอเนอร์จี้และสมาชิกของคณะกรรมการยุทธศาสตร์การลงทุนของคณะกรรมการบริหาร ซึ่งต่างจากหลิวเจิ้งซิงตรงที่เขาไม่ได้นั่งอยู่ที่นี่ในฐานะผู้ถือหุ้นส่วนบุคคล เขาได้รับมอบหมายจากเอไอไอบี และเขาก็เป็นผู้บริหารที่เชี่ยวชาญซึ่งมีพื้นความรู้ในด้านวิทยาศาสตร์
เขาเคาะนิ้วชี้ของเขาลงที่โต๊ะเบาๆ หลังจากมองไปรอบๆ ที่เหล่าคณะกรรมการที่กำลังมองเขาอยู่ เขาก็ค่อยๆ ดันแว่นตากรองทองของเขาขึ้นไปที่ดั้งจมูกแล้วพูดต่อไปว่า
“สิทธิบัตรอายุ 20 ปีหมดอายุลงแล้ว และหลังจากมีการอัพเกรดเทคโนโลยีมาหลายครั้ง อีสต์เอเชียเอเนอร์จี้ก็ไม่ต้องจ่ายค่าธรรมเนียมสิทธิบัตรให้กับสตาร์สกายเทคโนโลยีอีกต่อไป หุ้นของอีสต์เอเชียเอเนอร์จี้เหล่านั้นซึ่งสตาร์สกายเทคโนโลยีถืออยู่จะยังคงได้รับเงินปันผลประจำปีแบบเป็นเงินก้อน ด้วยการสนับสนุนเงินทุนนี้ ถึงแม้สถาบันจินหลิงเพื่อการศึกษาขั้นสูงจะเป็นธุรกิจที่ทำให้สูญเงิน มันก็คงจะไม่เกิดการล้มละลาย…”
“แต่ในตอนนี้ทุกอย่างก็ดูสมเหตุสมผล”
หลิวเจิ้งซิงพูดด้วยสีหน้าเศร้าสร้อย
“อะไรที่สมเหตุสมผล?”
“ทุกอย่างถูกจัดเตรียมไว้ก่อนแล้ว” มีนัยของความชื่นชมอยู่ในดวงตาที่อยู่เบื้องหลังแว่นตากรอบทองคู่นั้น หลังจากหยุดพูดไปชั่วครู่ จงจื้ออวี่ก็พูดต่อไปว่า “เขาเป็นนักธุรกิจที่ชาญฉลาด คนผู้นี้ฉลาดเสียยิ่งกว่าคุณเฉิน ซีอีโอคนแรกของสตาร์สกายเทคโนโลยีเสียอีก”
“คนคนนั้นอาจจะไม่เข้าใจงานวิจัยวิทยาศาสตร์ แต่เขาก็รู้จักธุรกิจของสตาร์สกายเทคโนโลยีพอตัวเลย มีบริษัทไม่กี่แห่งที่อาศัยความสามารถส่วนตัวมากกว่ารูปแบบธุรกิจเพื่อที่จะประสบความสำเร็จในการติด 100 อันดับหรือแม้แต่ 10 อันดับสุดยอดบริษัทของโลก เห็นได้ชัดว่าสตาร์สกายเทคโนโลยีเป็นปีศาจดีๆ นี่เอง ความสามารถในการแข่งขันหลักของพวกเขาไม่ใช่สถาบันวิจัย แต่เป็นตัวนักวิชาการลู่เองต่างหาก”
“คนคนนั้นมีลางสังหรณ์ว่าหลังจากการสูญเสียนักวิชาการลู่ รูปแบบธุรกิจของสตาร์สกายเทคโนโลยีจะไม่ประสบผลสำเร็จไม่ช้าก็เร็ว ดังนั้นเขาจึงทำการเตรียมการสองอย่างไว้ล่วงหน้าและได้ถ่ายโอนทรัพย์สินสำคัญจากสตาร์สกายเทคโนโลยีไป”
“ต่อมาความจริงก็ได้พิสูจน์ว่ารูปแบบที่เป็นอุดมคติเช่นนั้นไม่สามารถคงอยู่ได้ แผนกการวิจัยและการพัฒนาหลักของบริษัทไฮเทคให้ความสำคัญกับผลประโยชน์มาเป็นลำดับแรก ถ้าเพียงแต่พวกเขาจะมีเงินเพียงพอมากกว่านี้”
ผู้ชายคนหนึ่งถามขึ้นด้วยความอยากรู้ว่า “คุณคิดว่าคนคนนั้นน่าจะเป็นใคร?”
“ถ้าผมเดาไม่ผิดน่าจะเป็นน้องสาวของลู่โจว ลู่เสี่ยวถง
“ในฐานะทายาทของสตาร์สกายเทคโนโลยี มีเธอเพียงคนเดียวที่มีความสามารถที่จะทำเช่นนี้ได้ อาจารย์ของเธอคือศาสตราจารย์ครุกแมนผู้โด่งดัง ผมเชื่อว่าใครก็ตามที่เรียนด้านเศรษฐศาสตร์มาก่อนจะต้องคุ้นกับการคาดการณ์วิกฤติเศรษฐกิจในช่วงกลางศตวรรษที่ 21… ไม่ต้องพูดถึงว่าตัวเธอเองนั้นได้รับรางวัลโนเบลสาขาเศรษฐศาสตร์”
จากคำพูดนั้น ชายสวมแว่นตาก็ยิ้มจางๆ แล้วพูดต่อไปว่า “อย่างไรก็ตามมันก็ไม่มีเหตุผลเท่าไรนักที่จะมาพูดถึงเรื่องนี้ มันจะดีกว่าถ้าเรามาพูดถึงปัญหาในปัจจุบันกัน”
เกิดความเงียบขึ้นชั่วคราวในห้องประชุม
กรรมการของคณะกรรมการการบริหารการเงินซึ่งยังไม่ได้พูด ได้พูดขึ้นด้วยความระมัดระวังว่า
“จริงๆ แล้วผมรู้สึกว่าการกลับมาของนักวิชาการลู่ไม่จำเป็นจะต้องเป็นเรื่องแย่ อย่างน้อยจากการตอบรับของตลาด หน่วยงานจัดอันดับส่วนใหญ่ก็ให้การตอบรับในทางบวกต่อเรื่องนี้…”
ระหว่างที่เขากำลังพูด จู่ๆ กรรมการของคณะกรรมการการบริหารการเงินก็สังเกตเห็นว่าสีหน้าของประธานหลิวนั้นผิดปกติเล็กน้อย
ทันใดนั้นเขาก็ตระหนักถึงอะไรบางอย่างแล้วรีบเปลี่ยนคำพูดของเขา
“แน่นอนว่านี่เป็นแค่การอนุมานของผมจากปฏิกิริยาของตลาด ส่วนเรื่องที่ว่าการกลับมาของนักวิชาการลู่จะสามารถนำผลกระทบในทางบวกมาสู่อีสต์เอเชียเอเนอร์จี้ได้หรือไม่ เราต้องทำการวิเคราะห์สถานการณ์โดยเฉพาะ คำแนะนำของผมคือให้ทำการติดต่อเขาเป็นอันดับแรกเพื่อดูว่าเขามีความคิดที่จะเข้าร่วมในคณะกรรมการบริหารหรือเปล่า ถ้าเขาไม่สนใจกิจการของบริษัท เราก็ไม่จำเป็นต้องกังวลมากเกินไป”
“หุ้น 7% ถ้าผมคำนวณถูกต้อง เขาน่าจะมีหุ้นเยอะประมาณนั้นในมือของเขา” กรรมการคนหนึ่งซึ่งนั่งอยู่ในโต๊ะประชุมพูดขึ้นด้วยน้ำเสียงที่อิจฉา “ทรัพย์สินทั้งหมดนี่อยู่ในมือของคนคนเดียว บ้าเอ๊ย… ผมเกรงว่าจะไม่มีใครที่มีเงินเยอะกว่าเขาหรอก”
หลังจากผ่านเวลามามากกว่าร้อยปี ผู้ถือหุ้นส่วนบุคคลที่ใหญ่ที่สุดของอีสต์เอเชียเอเนอร์จี้ก็ถือหุ้นไว้เพียง 1.3%
หากไม่นับรวมหุ้นส่วนที่ครอบครองโดยสถาบันใหญ่ๆ อย่างเช่น ธนาคารเพื่อการลงทุนโครงสร้างพื้นฐานแห่งเอเชีย และธนาคารแห่งประเทศจีน นักวิชาการลู่ซึ่งถือหุ้นไว้ 7% หรือมากกว่านั้นก็จะกลายเป็นผู้ถือหุ้นส่วนบุคคลที่ใหญ่ที่สุดของอีสต์เอเชียเอเนอร์จี้
ไม่ได้เป็นการกล่าวเกินจริงเลยว่าหุ้นที่เขาถือไว้ในมือนั้นมากเสียยิ่งกว่าจำนวนหุ้นทั้งหมดที่หมุนเวียนอยู่ในตลาด ชายผู้ร่ำรวยที่สุดในโลกถึงกับกล่าวคำนอบน้อมต่อเขา
“คุณยังนับแค่ส่วนของอีสต์เอเชียเอเนอร์จี้” กรรมการอีกคนหนึ่งพูดด้วยสีหน้าที่อิจฉา “ถ้าผมจำไม่ผิดสตาร์สกายเทคโนโลยีถือหุ้น 20% ในอีสต์เอเชียคอมมิวนิเคชั่น… แม้ว่าเคเบิลออปติกใต้น้ำจะไม่ได้สร้างกำไรเท่ากับการผลิตพลังงาน แต่มูลค่าทางการตลาดของพวกเขาก็ไม่ได้น้อยเลย”
บรรยากาศบนโต๊ะประชุมเริ่มควบคุมไม่ได้
เหล่ากรรมการต่างตกอยู่ในความสับสนวุ่นวาย
เว้นแต่สมาชิกหลักของคณะกรรมการบริหารไม่กี่คน ส่วนกรรมการคนอื่นทั้งหมดล้วนกำลังเกิดความอิจฉา หนึ่งในกรรมการซึ่งยังไม่ได้กล่าวอะไรเลยนับตั้งแต่เริ่มการประชุมก็อดที่จะพูดโวยวายออกมาไม่ได้
“หุ้น 20% ตกอยู่ในมือของไอศกรีมหลงยุคนั่น… นี่มันเป็นไปได้ยังไงกัน?”
“ตามกฎหมายหลักทรัพย์ฉบับใหม่ ระหว่างที่อยู่ในช่วงแช่แข็ง สิทธิการครอบครองทรัพย์สินของผู้ที่หลับไปชั่วคราวจะถูกแช่แข็งเอาไว้ พูดง่ายๆ ก็คือในศตวรรษที่ผ่านมาพวกเขาไม่จำเป็นต้องพิจารณาทรัพย์สินในส่วนที่เป็นของนักวิชาการลู่… แน่นอนว่านับจากนี้ไป พวกเขาต้องนำมันมาพิจารณาด้วย”
“โธ่เอ๊ย ก็แค่ควบรวมกิจการกับอีสต์เอเชียกรุ๊ปเข้าไป! ด้วยการรวมของพลังงาน การสื่อสาร และอุตสาหกรรม เราก็จะได้เป็นผู้มีอำนาจของโลกใหม่”
“นี่เป็นความคิดที่ดีจริงๆ” ดวงตาของชายร่างอ้วนนิดๆ เป็นประกายขึ้นมาแล้วเขาก็พูดขึ้นในทันทีว่า “ถ้าเขามาเป็นผู้นำ ก็น่าจะมีความหวังจริงๆ”
เมื่อเห็นว่าหัวข้อบนโต๊ะประชุมเริ่มออกนอกประเด็น จงจื้ออวี่กระแอมเล็กน้อยเพื่อขัดจังหวะพวกเขา และพูดว่า “ฝันไปเถอะ… เอไอไอบีคงจะไม่มีทางอนุมัติ”
ในฐานะที่เป็นวาณิชธนกิจที่ใหญ่ที่สุดในเอเชีย นอกจากการพิจารณาผลประโยชน์ทางเศรษฐกิจ พวกเขายังต้องพิจารณาผลกระทบที่เป็นไปได้ของการตัดสินใจแต่ละอย่างบนสภาพแวดล้อมทางเศรษฐกิจและสังคมด้วย
การผูกขาดอย่างมหาศาลเป็นภัยต่อระบบเศรษฐกิจของสหการพาน-เอเชียนและอาจจะเป็นอันตรายต่อผลประโยชน์ของพวกเขาในระยะยาว เห็นได้ชัดเลยว่าพวกเขาจะไม่เห็นด้วยกับเรื่องนั้น
แน่นอนว่าเขาไม่ได้ปฏิเสธว่าลู่โจวมีอำนาจนี้
ไม่ว่าความน่าจะเป็นของความสำเร็จจะต่ำแค่ไหน…
ไกปืนก็อยู่ในมือของเขา…
จงจื้ออวี่ดันแว่นตาขึ้นไปบนดั้งจมูกแล้วพูดต่อด้วยน้ำเสียงที่จริงจังว่า “ไม่ว่าจะยังไงผมขอแนะนำให้ติดต่อลู่โจวก่อนเพื่อโยนหินถามทาง ถ้าเขามีจุดมุ่งหมายเพียงแค่จะรับเงินปันผล มันก็ไม่น่าจะมีผลกระทบใดๆ ต่อการดำเนินกิจการของอีสต์เอเชียเอเนอร์จี้…”
“แต่ถ้าเขาสนใจจะมาเป็นคณะกรรมการ…”
ตอนที่เขาเพ่งมองไปทั่วโต๊ะประชุม ใบหน้าของประธานหลิวก็ตึงเครียดขึ้น
จู่ๆ สีหน้าของเขาก็กลายเป็นอยากรู้อยากเห็นขึ้นมา และเขาได้พูดขึ้นด้วยความระมัดระวังว่า “บางทีเรื่องพวกนี้ก็ชักจะดูน่าสนใจขึ้นมาไหม?”
…
การประชุมจบลง
แสงโฮโลแกรมต่างๆ ค่อยๆ จางหายไปและโต๊ะประชุมก็ว่างเปล่าในทันที
คนไม่กี่คนที่มาประชุมด้วยตัวเองเก็บของต่างๆ บนโต๊ะ พวกเขาพยักหน้าให้ประธานหลิวซึ่งกำลังนั่งอยู่ จากนั้นก็รีบออกจากห้องประชุมไป
ในห้องประชุมขนาดใหญ่ เหลือเพียงแต่หลิวเจิ้งซิงและเลขานุการของเขา
“ออกไปซะ”
“รับทราบครับ”
เลขานุการมีสีหน้าที่โล่งอกและรีบออกจากห้องประชุม
หลังจากประตูห้องประชุมปิดลง ทันใดนั้นหลิวเจิ้งซิงก็คว้าแก้วชาบนโต๊ะมาแล้วขว้างมันลงบนพื้น
“ไอ้คนโง่เง่าพวกนี้!”
“ใครกันที่ทำงานหนักเพื่ออีสต์เอเชียเอเนอร์จี้! ไอ้งูพิษพวกนี้มันกล้าทำแบบนี้ได้ยังไง!”
เมื่อเขานึกถึงสิ่งที่ชายสวมแว่นตาพูด เขาก็รู้สึกโกรธจัด
ภายใต้การนำของเขา อีสต์เอเชียเอเนอร์จี้ยังรักษาการเติบโตที่มั่นคงมาได้เป็นเวลา 5 ปีติดต่อกัน แต่ในตอนนี้เจ้าโบราณวัตถุนั่นกำลังจะยึดอำนาจของเขาไป
ตลกสิ้นดี!
หลังจากสูดลมหายใจเข้าไปลึก เขาก็สงบลงอย่างรวดเร็ว
เขาเคาะนิ้วที่โต๊ะประชุมเบาๆ ลำแสงสีฟ้าส่องสว่างขึ้นมาจากเก้าอี้ที่อยู่ตรงข้ามเขาโดยตรง
หลังจากรอคอยอยู่เงียบๆ ครู่หนึ่ง ภาพคนเสมือนจริงที่ดูคล้ายหุ่นนายแบบค่อยๆ ปรากฏขึ้นจากลำแสงโฮโลแกรม
หลิวเจิ้งซิงสูดลมหายใจลึก ความบึ้งตึงบนใบหน้าของเขาค่อยๆ หายไปทีละน้อย
จากนั้นเขาก็พูดด้วยน้ำเสียงที่นิ่งว่า “มีเรื่องหนึ่งที่ผมต้องให้คุณช่วย”