Scholar’s Advanced Technological System ระบบปั้นอัจฉริยะ - ตอนที่ 1460 ตื่นตระหนก
หลี่กวงหยากำลังตื่นตระหนก
เขาเพิ่งกลับจากเซี่ยงไฮ้เมื่อวานนี้ ก่อนที่เขาจะได้นั่งลงบนเก้าอี้ทำงาน สายจากเอไอไอบีก็ทำให้เขาต้องออกจากปักกิ่งไปอีกครั้ง
“โมรินากะจากซอฟต์แบงก์กำลังสรุปสั้นๆ ให้คณะกรรมการบริหารฟังและเจตนาที่จะเอาชนะนักวิชาการลู่ในการก่อตั้งอีสต์เอเชียกรุ๊ป ผมไม่คิดว่าเขากำลังล้อเล่นหรอกนะ ไปคิดเอาเองเถอะ”
บุคคลในสายคือ จงจื้ออวี่ กรรมการผู้จัดการของอีสต์เอเชียเอเนอร์จี้ซึ่งได้รับการแต่งตั้งโดยเอไอไอบี
หลี่กวงหยาจำภาพของชายที่สวมแว่นตากรอบทองได้ แม้เขาจะยังไม่ทราบตำแหน่งปัจจุบันของชายผู้นั้น แต่เขาต้องเป็นบุคคลสำคัญที่มีอิทธิพล
ด้วยเหตุนี้สายดังกล่าวจึงทำให้หลี่กวงหยาตื่นตระหนก
ถ้านี่เป็นคนอื่น เขาก็คงจะคิดว่ามันเป็นเรื่องตลก แต่นี่เป็นลู่โจว ผู้ซึ่งครั้งหนึ่งได้จุดประกายแสงแห่งฟิวชั่นที่ควบคุมได้และแผ่ขยายสายเคเบิลควอนตัมไปทั่วมหาสมุทร…
หุ้นจำนวนเท่ากันที่ถืออยู่ในมือของคนธรรมดาคนหนึ่งอาจจะเป็นแค่เงินก้อนใหญ่ก้อนหนึ่ง
แต่เมื่อมันอยู่ในมือของลู่โจว มันก็เท่ากับเป็นปุ่มนิวเคลียร์ หรือสุดยอดอาวุธอีกอันหนึ่ง
ด้วยชื่อเสียงของเขาในสหการพาน-เอเชียน เรื่องนี้จึงอาจจะเป็นไปได้
ระหว่างทางจากสถานีมายังมหาวิทยาลัยจินหลิง หลี่กวงหยาผู้ซึ่งกำลังนั่งอยู่บนรถไฟแม็กเลฟได้สั่งให้ผู้ช่วยที่ออฟฟิศของเขาแจ้งไปยังมหาวิทยาลัยจินหลิงถึงเรื่องการมาเยือนของเขา เขายังโทรไปหาเลขาธิการอู๋ชูฮวา ซึ่งกำลังอยู่ที่ต่างประเทศ และได้บอกเธอถึงเรื่องสถานการณ์ของที่นี่
“นี่มันเป็นเรื่องยุ่งที่คุณเป็นต้นเหตุ คุณน่าจะคิดหาทางออกมากกว่านะ!”
ไม่น่าแปลกใจที่หลังจากได้ยินข่าว อู๋ชูฮวาถึงกับสติแตก
หลี่กวงหยาใช้นิ้วชี้กับนิ้วโป้งบีบหัวคิ้วของเขาระหว่างที่เขาพูดขึ้นด้วยความปวดหัวว่า “ผมจะทำอะไรได้? ใครจะไปคิดว่าหุ้นพวกนั้นจะยังอยู่ในมือของเขา?”
“ถ้าการมีชีวิตอยู่ของเขาคุกคามความมั่นคงของพาน-เอเชีย ผมขอแนะนำให้คุณยอมแพ้ให้เร็วที่สุดเท่าที่จะทำได้… มันไม่ได้เกี่ยวกับลิฟต์อวกาศอีกต่อไปแล้ว การมีชีวิตอยู่ของเขาอาจจะกลายเป็นชนวนสำหรับเราในการลื่นไถลเข้าไปสู่เหวนรกที่ลึกกว่านี้ ถึงแม้ผมจะไม่แนะนำให้ทำแบบนี้ แต่ถ้าคุณต้อง—”
“ไม่!” หลังจากได้ยินคำพูดของเลขาธิการอู๋ หลี่กวงหยาก็ปฏิเสธขึ้นมาทันที “ด้วยชื่อเสียงของเขาในเอเชียและในโลกนี้ ไม่ว่าจะมีอะไรก็ตามเกิดขึ้นกับเขา มันก็อาจจะเป็นลมพายุรุนแรงที่ส่งผลต่อพันธมิตรของเรา!”
หลังจากนิ่งไปครู่หนึ่ง เขาก็พูดช้าลงแล้วพูดต่อไปว่า “ในตอนนี้สถานการณ์มันไม่ได้แย่มาก อย่าเพิ่งไปคิดเรื่องนี้มากเลย ผมอยู่ระหว่างทางไปมหาวิทยาลัยจินหลิง อีกไม่นานผมจะไปคุยกับเขาต่อหน้าแล้วผมจะโทรหาคุณเพื่อคุยเรื่องนี้ทีหลัง”
อู๋ชูฮวาตอบว่า “เอาอย่างนั้นดีกว่า!”
การโทรสิ้นสุดลง
หลังจากปิดกล้องโฮโลแกรม หลี่กวงหยาก็พิงพนักที่นั่งพร้อมกับรอยยิ้มที่บิดเบี้ยว
สถานการณ์ไม่ได้เลวร้ายจริงๆ เหรอ?
เป็นไปได้ว่านี่เป็นครั้งแรกนับตั้งแต่เขาเริ่มทำงานมาที่เขาไม่มีความมั่นใจในสิ่งที่เขาพูดเลย
บริษัทยักษ์ใหญ่บริษัทหนึ่งกำลังแผ่ขยายขอบเขตของพลังงาน การสื่อสาร และอุตสาหกรรม ลืมเรื่องสหการพาน-เอเชียนไปได้เลย โลกทั้งโลกอาจจะสั่นสะท้านอยู่ภายใต้เท้าของมัน
และคนแรกที่จะคุกเข่าลงก็คือสหการพาน-เอเชียนเอง…
เขาสามารถที่จะจินตนาการได้ด้วยซ้ำว่าถ้าหากผู้มีอำนาจเช่นนั้นเกิดขึ้นมา ความสำเร็จทั้งหมดของสหการพาน-เอเชียนตลอดครึ่งศตวรรษที่ผ่านมาอาจจะถูกขโมยไป
มันเป็นไปได้ไหมว่าผู้มีอำนาจนี้จะเกิดขึ้นมา?
มันยากที่จะบอก
ไม่เช่นนั้นผู้อำนวยการจงก็คงจะไม่โทรหาฉัน
อย่างไรก็ตามสิ่งที่นักวิชาการลู่ครอบครองอยู่นั้นไม่ใช่แค่หุ้น แต่ยังเป็นเกียรติคุณทางวิชาการที่มีอิทธิพลต่อผืนแผ่นดินนี้มาเป็นศตวรรษและความปรารถนาของบุคลากรของพาน-เอเชียอีกนับไม่ถ้วนเพื่อความยิ่งใหญ่อีกครั้ง
หลังจากครุ่นคิดถึงเรื่องนี้ มือของหลี่กวงหยาก็อดที่จะสั่นระริกขึ้นมาไม่ได้
เป็นเขาเองที่ขุดชายผู้นี้ขึ้นมาจากหลุมศพและผลักเขากลับขึ้นไปสู่บัลลังก์ เห็นได้ชัดว่าสถานการณ์เริ่มที่จะอยู่เหนือการควบคุมของเขาเล็กน้อย
ในส่วนที่ว่านักวิชาการลู่เองมีแรงจูงใจในการควบรวมอีสต์เอเชียเอเนอร์จี้ อีสต์เอเชียคอมมิวนิเคชั่น และอีสต์เอเชียอินดัสตรีหรือไม่นั้น…
เขาคิดไม่ออกเลย
อย่างไรก็ตาม มันเป็นไปไม่ได้ที่จะคาดเดากับสติปัญญาของมนุษย์เพียงคนหนึ่งเท่านั้นว่าอัจฉริยะที่มี IQ สูงอย่างประหลาดผู้นี้กำลังคิดอะไรอยู่
ให้ดูนิวตันเป็นตัวอย่าง
หลายคนรู้แค่ว่าเซอร์นิวตันศึกษาด้านเทววิทยาในช่วงปีหลังๆ แต่พวกเขามักจะมองข้ามความสำเร็จอันยิ่งใหญ่อีกอันหนึ่งในช่วงระยะหลังของเขาไป
ในช่วงระยะหลังชายผู้นี้รู้สึกว่าการข่มเหงโรเบิร์ต ฮุก นั้นยังไม่น่าตื่นเต้นพอ ดังนั้นเขาจึงได้มาเป็นผู้อำนวยการของโรงกษาปณ์อังกฤษโดยอยู่ในตำแหน่งนี้เป็นเวลา 28 ปี
โรงกษาปณ์อังกฤษในศตวรรษที่ 18 นั้นเป็นอย่างไร? โรงกษาปณ์อังกฤษนั้นเทียบเท่ากับธนาคารกลางของโลกในยุคนั้นมีเกียรติยิ่งกว่าผู้ว่าการธนาคารกลางสหรัฐในศตวรรษที่ 21 เสียอีก
แล้วเขาร่ำรวยขนาดไหน?
ไม่มีเอกสารเฉพาะเจาะจงที่บันทึกจำนวนเงินฝากของเขาไว้ แต่เมื่อพิจารณาจากการลงทุนที่ล้มเหลวของเซอร์ไอแซก นิวตัน เขาได้มีส่วนเกี่ยวข้องกับเหตุการณ์ ‘ฟองสบู่ในหุ้นบริษัทเซาธ์ ไชน่า ซี’ ในประวัติศาสตร์การเงินของยุโรปและสูญเงินไปจำนวนรวม 20,000 ปอนด์สเตอร์ลิง
จากข้อมูลราคากลางของทองคำในเดือนกันยายน ปี 1717 ทองคำ 1 ออนซ์สามารถแลกเปลี่ยนได้ด้วยเงิน 3 ปอนด์ 17 ชิลลิง กับ 10 เพนนี หากพิจารณาถึงการผลิตทองคำและสินทรัพย์ในศตวรรษที่ 17 จะสามารถจินตนาการได้ว่าเงินจำนวน 20,000 ปอนด์สเตอร์ลิงนั้นเป็นเงินจำนวนมหาศาลขนาดไหน
ใครก็ตามที่สามารถหาเงินจำนวน 20,000 ปอนด์มาได้และสูญเสียมันไปได้นั้นเท่ากับเป็นมหาเศรษฐีคนหนึ่งในยุคนั้นเลย
แน่นอนว่าคนที่ฉลาดนั้นสามารถจะเจริญรุ่งเรืองได้ไม่ว่าจะอยู่ในยุคไหน แต่ใครจะสามารถการันตีได้ว่านักวิชาการลู่จะกลับมาทำอาชีพเก่าของเขาและกลับมาเป็นเพียงนักวิชาการคนหนึ่ง?
แม้แต่นิวตันผู้ซึ่งเป็นเด็กอัจฉริยะคนหนึ่ง ยังสามารถสร้างกังหันลมและนาฬิกาน้ำได้ด้วยมือเปล่า ต่อมาเขาก็เลิกทำงานด้านวิชาการและออกไปไล่ตามความฟุ้งเฟ้อ ใครจะสามารถการันตีได้ว่านักวิชาการลู่จะยังคงเป็นแค่ศาสตราจารย์ด้านคณิตศาสตร์คนหนึ่ง?
มันจะไม่สนุกมากกว่าเหรอที่จะไปเก็บสะสมเงินจากในตลาดการเงิน?
หลังจากครุ่นคิดในเรื่องนี้ หลี่กวงหยาก็วิตกกังวลยิ่งกว่าเดิม
อันที่จริงเขาไม่ได้คาดว่าหุ้นจะถูกชำระสะสางไปในภาวะล้มละลายของสตาร์สกายเทคโนโลยีเมื่อครึ่งศตวรรษก่อน แต่พวกมันกลับถูกเก็บอยู่ในตู้นิรภัยที่ธนาคารแห่งประเทศจีนและถูกเก็บมาเป็นเวลานับศตวรรษ
นี่มันไม่พิลึกเหรอ?
ทำไมสตาร์สกายเทคโนโลยีถึงล้มละลายถ้าพวกเขามีหุ้นพวกนั้นอยู่?! พวกเขายังเปลี่ยนสถาบันจินหลิงเพื่อการศึกษาขั้นสูงไปเป็นสถาบันภาครัฐและมอบสถาบันให้แก่แผนกการศึกษาของสหการพาน-เอเชียน
ความเป็นไปได้เพียงอย่างเดียวก็คือเขาได้วางแผนเรื่องทั้งหมดนี้ไว้แล้วตั้งแต่ต้น
หลี่กวงหยาลงจากรถไฟแม็กเลฟในจินหลิง เขารีบมุ่งตรงไปยังมหาวิทยาลัยจินหลิงโดยไม่มีการหยุด
จากที่เขาได้ยินมา ลู่โจวมักจะมาถึงที่นี่ในเวลาเช้าตรู่
ไม่ว่าอย่างไรก็ตามเขาต้องหาลู่โจวให้เจอก่อนซอฟต์แบงก์และค้นหาความจริงในเรื่องที่เกิดขึ้น…
ไม่นานเขาก็มาถึงมหาวิทยาลัยจินหลิง
หลี่กวงหยาเห็นอธิการบดีไช่หมิงรุ่ยอยู่ในลานจอดรถด้านหน้ามหาวิทยาลัย เขาไม่มีเวลาจะทักทายอธิการบดี ดังนั้นเขาจึงถามขึ้นทันทีว่า “นักวิชาการลู่อยู่ที่ไหนครับ? ตอนนี้เขาอยู่ไหน?”
ไช่หมิงรุ่ยตะลึงไปนิดหนึ่ง เขาเหมือนจะขมวดคิ้วอย่างไม่สามารถอธิบายได้และพูดว่า “นักวิชาการลู่อยู่ในห้องปฏิบัติการ… มีปัญหาอะไรหรือเปล่าครับ?”
“ห้องปฏิบัติการ?” หลังจากได้ยินคำตอบที่คาดไม่ถึง หลี่กวงหยาก็ตะลึงไป เขาถามออกมาจากจิตใต้สำนึกว่า “เขากำลังทำการทดลองอะไรอยู่ครับ?”
อธิการบดีไช่ส่ายหัว
“ผมก็ไม่รู้… ผมจำได้แค่ว่าเขาขอยืมห้องปฏิบัติการวัสดุศาสตร์เชิงคำนวณ แต่ผมช่วยคุณสืบหาได้”
“ไม่ต้องหรอกครับ แค่พาผมไปที่นั่นก็พอ!” หลี่กวงหยาพูดด้วยน้ำเสียงที่จริงจัง “ผมมีธุระสำคัญจะคุยกับเขา!
“ผมไม่ได้ล้อเล่นนะ เรื่องนี้เกี่ยวข้องกับอนาคตของสหการพาน-เอเชียน!”