Scholar’s Advanced Technological System ระบบปั้นอัจฉริยะ - ตอนที่ 1461 พอใจกับมันเสียบ้างเถอะ หนุ่มน้อย
- Home
- Scholar’s Advanced Technological System ระบบปั้นอัจฉริยะ
- ตอนที่ 1461 พอใจกับมันเสียบ้างเถอะ หนุ่มน้อย
ณ ห้องปฏิบัติการวัสดุศาสตร์เชิงคำนวณของมหาวิทยาลัยจินหลิง
ลู่โจวมองเข้าไปด้านในลูกบาศก์โปร่งแสง ตรงกระบอกสีดำที่ค่อยๆ ก่อตัวขึ้นมาภายใต้ลำแสงนำทางสีฟ้า แล้วเขาก็พูดขึ้นด้วยน้ำเสียงที่ออกจะตื่นเต้นว่า
“ตอนที่ผมอยู่ที่สถาบันจินหลิงเพื่อการศึกษาขั้นสูง ดร.โฮ่ว กับรองผู้อำนวยการหยางกำลังถกเถียงกันเรื่องวิธีการสังเคราะห์วัสดุตัวนำยวดยิ่ง SG-1 ให้เสถียร รองผู้อำนวยการหยางสูบบุหรี่ตลอดทั้งบ่าย… ลองเดาดูสิว่าพวกเราแก้ไขมันได้หรือเปล่า?”
เครื่องจักรตรงหน้าเขาคืออุปกรณ์สำคัญของสถาบันวัสดุศาสตร์เชิงคำนวณ: เครื่องพิมพ์ 3 มิติระดับโมเลกุล
ด้วยความแตกต่างจากเครื่องพิมพ์ 3 มิติตามบ้านที่ได้รับความนิยมในตลาด สิ่งที่ยอดเยี่ยมของเจ้าสิ่งนี้ก็คือมันสามารถกำหนดลำดับตามลักษณะทางกายภาพของกลุ่มอะตอมมากมายภายในลำดับที่ถูกต้องแม่นยำแน่นอนโดยอัตโนมัติและยังสามารถปรับเปลี่ยนพลังงานของพันธะเคมีได้
นี่หมายความว่าไม่ว่าโมเลกุลจะมีอยู่ในธรรมชาติหรือไม่ ตราบเท่าที่มันยังสามารถมีอยู่ตามหลักทฤษฎี มันก็สามารถที่จะถูก ‘พิมพ์’ ออกมาได้เป็นกลุ่มโดยใช้เจ้าของสิ่งนี้
ลู่โจวคิดไม่ออกด้วยซ้ำว่าจะมีคำไหนที่เหมาะจะบรรยายว่าเครื่องจักรเครื่องนี้มหัศจรรย์ขนาดไหน เหมือนกับที่มีคนน้อยมากที่จะสามารถบรรยายได้ว่าทฤษฎีไฮเปอร์สเปซของเขานั้นยอดเยี่ยมเพียงใด
ไม่ต้องสงสัยเลยว่าถ้าเครื่องจักรนี้ถูกนำมาใช้ในศตวรรษที่ 21 นักวัสดุศาสตร์ นักชีววิทยา และนักวิทยาศาสตร์การแพทย์รอบโลกก็คงจะสติแตก…
นักศึกษาปริญญาเอกหนุ่มที่ยืนอยู่ข้างลู่โจวซึ่งได้แสดงเครื่องพิมพ์ 3 มิติระดับโมเลกุลให้เขาดู ก็ถามขึ้นด้วยความสงสัยว่า “แล้วคุณแก้ไขมันยังไงครับ?”
“วิธีการตกเคลือบด้วยไอ” ลู่โจวยิ้มแล้วพูดว่า “ผมไม่รู้ว่าตอนนี้วิธีนี้มันจะเป็นไปได้ไหม แต่วิธีเดียวที่เราสามารถจะคิดได้ในตอนนั้นก็คือการผสมมันเป็นชั้นๆ เหมือนกับเค้ก จากนั้นแกรฟีน 6 กริดก็จะซ้อนกันอยู่ที่มุม 1.1 องศา ก่อเกิดฉนวนมอตต์ในระหว่างชั้นแต่ละชั้นของแนวขวาง แล้วเราก็จะเจอโครงสร้าง ‘ที่เติมไว้กึ่งหนึ่ง’ ที่เราใฝ่ฝันถึง”
นักศึกษาปริญญาเอกหนุ่มพูดขึ้นว่า
“นี่มันช่าง…”
เดิมแล้วเขาอยากจะพูดว่ามันยากลำบากเกินไป แต่เขารู้สึกว่ามันอาจจะไม่สุภาพไปสักหน่อย
เมื่อได้เห็นสีหน้าของชายหนุ่มผู้นี้ ลู่โจวก็ยิ้มและพูดต่อไปว่า “เส้นทางของวิธีการตกเคลือบด้วยไอถูกกำหนดไว้แล้ว ถนนหลังจากนั้นก็จะราบรื่นขึ้นเล็กน้อย เราพยายามจะปรับปรุงวิธีการเตรียมการทางห้องปฏิบัติการและร่วมมือกับวิศวกรจากเป่าเซิ่งกรุ๊ปในการเสาะหาวิธีการผลิตขนานใหญ่ทางอุตสาหกรรม แต่ถึงกระนั้นค่าใช้จ่ายที่สามารถรับได้นั้นเกี่ยวข้องกับโรงงานอุตสาหกรรมเพียงอย่างเดียว อย่างเช่น แกนฟิวชั่นที่ควบคุมได้”
“ในอดีต แนวความคิดในการวิจัยทางวิทยาศาสตร์นั้นจำเป็นจะต้องผ่านการพิสูจน์ที่เข้มงวดและการทดลองในรูปแบบที่น่าเบื่อก่อนที่จะสามารถทำการทดสอบได้ อย่างไรก็ตาม ค่าใช้จ่ายของการตรวจสอบแนวความคิดในตอนนี้ใช้เวลาแค่เพียง 1 ชั่วโมงกับ 10,000 เครดิต”
“เทคโนโลยีของยุคนี้อยู่เหนือจินตนาการของผมจริงๆ”
หลังจากได้ยินคำชมจากปรมาจารย์ด้านวัสดุศาสตร์เชิงคำนวณ นักศึกษาปริญญาเอกก็เกาหัวด้วยความเขินอาย
“อันที่จริงมันไม่ได้น่าขันอย่างที่คุณคิดหรอกครับ… มีบุคลากรด้านงานวิจัยทางวิทยาศาสตร์ของพาน-เอเชียนมากมาย แต่เงินทุนของเราจำกัดมาก ในความเป็นจริงจึงไม่ได้มีโอกาสมากมายนักที่จะทดลอง นอกจากนี้ วัสดุใหม่ๆ ส่วนมากถูกค้นพบแล้วโดยใช้เทคโนโลยีการพิมพ์โมเลกุล ถ้าเราต้องการสร้างผลลัพธ์ใหม่ๆ เรายังคงต้องผ่านการคำนวณและการออกแบบที่เข้มงวด”
ลู่โจวส่ายหัวแล้วยิ้ม
“ช่างเป็นปัญหาเล็กน้อยที่ทำเป็นเรื่องใหญ่โดยใช่เหตุ”
“พอใจกับมันเสียบ้างเถอะ หนุ่มน้อย”
สีหน้าของนักศึกษาปริญญาเอกค่อนข้างเข้าใจยาก
แม้ว่าลู่โจวจะมาจากเมื่อร้อยปีที่แล้ว แต่เขาก็ไม่ได้ดูแก่ไปกว่าตัวเขาเองมากนัก
ไม่ว่าชายหนุ่มจากศตวรรษที่ 22 จะรู้สึกอย่างไร แต่ลู่โจวก็เหลือบมองไปที่ลูกบาศก์โปร่งแสงตรงหน้าเขาแล้วพูดว่า “ผมเข้าใจสถานการณ์เบื้องต้นแล้ว ผมมีไอเดียบางอย่างที่ผมอยากจะตรวจสอบ ตอนนี้คุณไปได้แล้วล่ะ”
“คุณทราบวิธีการใช้อุปกรณ์ที่นี่หรือเปล่าครับ?”
ลู่โจวพูดพร้อมกับยิ้มนิดๆ “คุณประเมินผมต่ำไป ก่อนที่ผมจะเข้ามาที่แล็บ ผมทำการบ้านมาล่วงหน้าแล้ว”
“จริงๆ ผมไม่ได้ประเมินคุณต่ำหรอกครับ…” นักศึกษาปริญญาเอกจับที่ด้านหลังของหัวตัวเองอย่างเก้ๆ กังๆ แล้วพูดว่า “ผมแค่กังวลว่าคุณจะไม่สามารถใช้งานพวกอุปกรณ์ใหม่ๆ เหล่านี้ได้ แต่ถ้าคุณยืนยันแบบนั้น ผมก็จะไม่อยู่ที่นี่ครับ”
หลังจากนั้นเขาก็เดินออกจากประตูไป
แต่ในขณะนั้นลู่โจวก็เรียกเขาไว้จากด้านหลัง
“เดี๋ยวก่อน”
นักศึกษาปริญญาเอกหยุดแล้วถามเขาว่า “มีอะไรเหรอครับ?”
ลู่โจวยิ้มและพูดว่า
“ถ้าสะดวก คุณช่วยชงกาแฟให้ผมสักแก้วได้ไหม? เป็นกาแฟสำเร็จรูปก็จะดี”
…
สิ่งที่ทำให้ลู่โจวประหลาดใจก็คือที่นี่ไม่มีของอย่างกาแฟสำเร็จรูป จะมีก็เป็นเครื่องทำกาแฟหรือไม่ก็กาแฟกระป๋องที่ขายอยู่ในร้านสะดวกซื้อ
ผู้คนในยุคนี้ดูเหมือนจะไม่ได้ชอบน้ำต้มเดือดสักเท่าใดนัก แม้ว่าเครื่องดื่มที่ชงด้วยผงแบบแห้งจะยังคงมีอยู่ แต่มันก็กลายเป็นของหายาก และมีน้อยคนที่จะตั้งใจจัดเตรียมมันไว้ที่บ้านหรือในออฟฟิศ
หลังจากจิบกาแฟดำขมๆ ลู่โจวก็วางแก้วลงบนโต๊ะ จากนั้นเขาก็หยิบเมมโมรี่การ์ดขนาดเท่าปลอกปากกาออกมาและค่อยๆ วางมันลงบนคอมพิวเตอร์โฮโลแกรมในห้องปฏิบัติการ
เมื่อแสงสีฟ้าสว่างขึ้นมา ภาพโฮโลแกรมของเสี่ยวไอก็ปรากฏขึ้นตรงหน้าเขาอย่างรวดเร็ว
“ห้องปฏิบัติการถูกควบคุมโดยสมบูรณ์แล้ว! ตอนนี้มันเป็นของเสี่ยวไอ! φ(≧ω≦*)♪”
เมื่อลู่โจวเห็นร่างเล็กๆ กระโดดขึ้นลงอย่างอยู่ไม่สุขในแสงโฮโลแกรม เขาก็พูดว่า “อย่าเพิ่งป่วนน่า ก็แค่ขอยืมอุปกรณ์ของที่นี่ เดี๋ยวเราก็ต้องคืนมันตอนที่เราออกไป”
เสี่ยวไอ: “เข้าใจแล้ว! แล้วเจ้านายต้องการให้เสี่ยวไอมาทำอะไร? (๑•̀ᄇ•́)و✧”
ลู่โจวไม่ได้ตอบในทันที เขาหยิบลูกบอลโลหะสีส้มลูกหนึ่งขนาดประมาณกำปั้นออกมาจากแขนของเขาและค่อยๆ วางมันลงบนโต๊ะที่อยู่ข้างกัน
แกนสังหาร
เมมโมรี่เริ่มแรกของยามมนุษย์อัจฉริยะ ไพรเวท-1!
แม้สัญชาตญาณจะบอกเขาว่าของสิ่งนี้อันตราย แต่เขาก็ยังอยากจะลองวิจัยมัน
อย่างไรก็ตาม นี่เป็นเทคโนโลยีของคาลานเอ็มไพร์ สุดยอดอารยธรรมที่ครั้งหนึ่งได้ทำให้ความมหัศจรรย์ของโลก The Ring สมบูรณ์…
“มีบางอย่างที่นี่ที่ฉันต้องทำการวิเคราะห์”
…
ณ ทางเข้าของห้องปฏิบัติการวัสดุศาสตร์เชิงคำนวณ
นักศึกษาปริญญาเอกซึ่งเพิ่งจะออกมาจากห้องปฏิบัติการกำลังลังเลว่าจะไปที่ห้องสมุดเพื่อฆ่าเวลาดีไหมตอนที่เขาเห็นอธิการบดีไช่และคณบดีโจวแห่งสถาบันวัสดุศาสตร์กำลังเดินเข้ามาจากด้านนอกพร้อมกับคนกลุ่มหนึ่ง
ใบหน้าของเขาเปลี่ยนไปโดยฉับพลัน เขานึกถึงคำสั่งที่คณบดีโจวสั่งเขาก่อนหน้านี้ เขาหันกลับไปแล้วอยากจะเดินออก แต่จู่ๆ คณบดีโจวก็สังเกตเห็นเขาขึ้นมา
คณบดีโจวรีบเดินเข้ามา จ้องมาที่เขา แล้วถามอย่างร้อนรนว่า “ทำไมคุณออกมาคนเดียว? “นักวิชาการลู่อยู่ไหนล่ะ?”
“ลู่… นักวิชาการลู่ยังอยู่ข้างในครับ” นักศึกษาปริญญาเอกตอบอย่างรวดเร็ว “เขาบอกให้ผมออกมา”
คณบดีโจวกระทืบเท้าด้วยความกระวนกระวายใจ เขาจ้องมาที่นักศึกษาปริญญาเอกแล้วพูดว่า
“ผมไม่ได้บอกคุณเหรอว่าให้คอยตามเขาไว้? ทำไมคุณปล่อยให้เขาอยู่ลำพัง!”
เขาไม่ได้กังวลว่านักวิชาการลู่จะทำอุปกรณ์อันล้ำค่าของเขาพัง… แต่จริงๆ แล้วเขาก็ยังกังวลอยู่นิดหน่อย แต่สิ่งที่เขากังวลมากที่สุดก็คือนักวิชาการลู่อาจจะทำร้ายตัวเองก็ได้
แม้ว่าเครื่องพิมพ์โมเลกุล 3 มิติจะไม่ได้มีอันตรายอะไร แต่ผลลัพธ์ที่ไม่เสถียรและการใช้งานที่ไม่ถูกต้องอาจจะก่อให้เกิดผลรุนแรงต่างๆ ตามมา รวมถึงการระเบิดด้วย
แม้ว่าเรื่องนี้จะไม่เคยเกิดขึ้นที่มหาวิทยาลัยจินหลิง แต่มันก็เคยเกิดขึ้นที่มหาวิทยาลัยอื่นๆ มาแล้ว
เด็กฝึกงานคนหนึ่งนำโมเดลที่ไม่ถูกต้องเข้าไปในเครื่องพิมพ์โมเลกุล 3 มิติ ทำให้เกิดกลุ่มสารประกอบ CHO แบบสายโซ่หักพับที่ผันผวนอย่างสุดขีด สารประกอบนี้จะมีอยู่เฉพาะในสภาพแวดล้อมธรรมชาติในระยะเวลาน้อยกว่า 1 มิลลิวินาที จากนั้นก็จะสลายตัวอย่างรวดเร็วกลายเป็นก๊าซมีเทน (CH4) ก๊าซคาร์บอนมอนอกไซด์ (CO) ออกซิเจน และความร้อนจำนวนมาก
ในท้ายที่สุดเด็กฝึกงานก็ไม่ได้แค่ทำให้ตัวเขาเองโดนระเบิด แต่ตึกห้องปฏิบัติการทั้งตึกยังเต็มไปด้วยควันสีดำ
เพราะด้วยเหตุการณ์นี้ มหาวิทยาลัยจึงไม่ได้ตีพิมพ์งานวิจัยด้านวัสดุศาสตร์เชิงคำนวณชิ้นใดเลยเมื่อปีก่อน และทุกคนในมหาวิทยาลัยก็ต้องเข้ารับการอบรมเรื่องความปลอดภัย
ผู้ชายจากศตวรรษที่ 21 คนหนึ่ง ไม่ว่าเขาจะทำการบ้านมาล่วงหน้ามามากแค่ไหนก็คงจะมีประสบการณ์ในการใช้งานอุปกรณ์ทดลองในยุคนี้เป็นศูนย์
การปล่อยให้บุคคลเช่นนี้อยู่ในห้องปฏิบัติการไม่ต่างจากการโยนก้นบุหรี่เข้าไปในถังน้ำมัน
เมื่อเห็นคณบดีโจวโมโหนักศึกษา อธิการบดีไช่จึงพูดว่า
“ผู้เฒ่าโจว อย่าทำให้เด็กคนนี้รู้สึกอับอายเกินไปเลย เป็นนักวิชาการลู่ต่างหากที่ขอให้เขาออกมา มันไม่ใช่ว่านักศึกษาคนหนึ่งจะทำอะไรได้ ลองคิดดูสิ”
แม้ว่าเขาจะเข้าใจในเรื่องนี้ แต่คณบดีโจวก็ยังส่ายหัวแล้วพูดอย่างฉุนเฉียวว่า “ไร้สาระ เรื่องนี้มันไร้สาระ!”
แล้วไช่หมิงรุ่ยก็มองไปที่นักศึกษาปริญญาเอกและพูดต่อด้วยน้ำเสียงนุ่มนวลว่า “นี่ไม่ใช่ความผิดของคุณหรอก แค่พาพวกเราไปหานักวิชาการลู่หน่อยก็พอ”
เมื่อเห็นว่าอธิการบดีให้อภัยเขา ในที่สุดนักศึกษาปริญญาเอกก็รู้สึกโล่งอกแล้วรีบพยักหน้า
“ได้เลยครับ ไม่มีปัญหา กรุณาตามผมมา!”
หลังจากได้เข้าไปในสถาบันวิจัย ไม่นานคนกลุ่มนั้นก็มาถึงประตูห้องปฏิบัติการ
นักศึกษาปริญญาเอกก้าวไปด้านหน้าแล้วทาบลายนิ้วมือไปบนที่ล็อกประตู
แต่แล้วเรื่องที่ไม่คาดฝันก็เกิดขึ้น
แสงสีแดงกะพริบขึ้นบนที่ล็อกประตู แต่ประตูยังคงล็อกอยู่
เมื่อเห็นคำว่า ‘ล็อก’ ปรากฏขึ้นเหนือที่จับประตู นักศึกษาปริญญาเอกก็ตกใจเล็กน้อย เขาพูดพึมพำว่า “แปลก” ด้วยเสียงอันเบาและพยายามอีกครั้ง
ผลลัพธ์ในครั้งนี้ก็ยังเหมือนเดิม
ประตูยังคงล็อกอยู่
หลี่กวงหยาผู้ซึ่งไม่สามารถจะรอได้อีกต่อไป ก็อดไม่ได้ที่จะพูดด้วยความร้อนรนว่า
“มีอะไรเหรอครับ? คุณเข้าไปข้างในไม่ได้เหรอ?”
“มันไม่ใช่ว่าผมไม่อยากจะเข้าไปข้างใน…”
สีหน้าของเขาเต็มไปด้วยความอึดอัดใจ นักศึกษาปริญญาเอกซึ่งยืนอยู่ที่ประตูหันหน้ามามองคณบดีโจวและอธิการบดีไช่ด้านหลังเขาด้วยสีหน้าที่ลำบากใจ เขากลืนน้ำลายแล้วพูดต่อว่า “ประตู…ถูกล็อกจากด้านในครับ”