Scholar’s Advanced Technological System ระบบปั้นอัจฉริยะ - ตอนที่ 1463 เหนือกว่าแนวคิดแห่ง ‘อนาคต’
- Home
- Scholar’s Advanced Technological System ระบบปั้นอัจฉริยะ
- ตอนที่ 1463 เหนือกว่าแนวคิดแห่ง ‘อนาคต’
ประตูห้องปฏิบัติการล็อกอยู่ ไม่มีการเคลื่อนไหวจากด้านในเป็นเวลานาน ดังนั้นจึงไม่มีใครรู้หากมีสิ่งผิดปกติเกิดขึ้นด้านใน
สำหรับการทดลองใดๆ ก็ตามที่เกี่ยวข้องกับเคมี ไม่ว่ามาตรการการป้องกันในห้องปฏิบัติการจะได้รับการพัฒนามาเป็นอย่างดีเพียงใด ผู้ทดลองก็ยังคงมีโอกาสเสี่ยงตายโดยไม่ได้ตั้งใจมากกว่าศูนย์
ในตอนที่ฝูงชนกำลังหารือกันอย่างร้อนรนใจว่าจะบุกเข้าไปดีไหม ในที่สุดประตูก็เปิดออก
ลู่โจวมองไปยังใบหน้ามากมายที่ออกันอยู่ที่ประตู เขากำลังจะถามว่าเกิดอะไรขึ้นในตอนที่ประธานหลี่กวงหยาก้าวมาข้างหน้าแล้วพูดขึ้นมาเสียก่อนว่า
“นักวิชาการลู่ คุณทำเสร็จแล้วเหรอครับ?”
ตอนที่เขาถามประโยคนี้ออกมา เขาแกล้งฝืนยิ้ม
แม้ว่าลู่โจวจะคิดว่าชายผู้นี้ประหลาดไปสักหน่อย แต่เขาก็พยักหน้าแล้วพูดสั้นๆ ว่า “ใช่ครับ ทำนองนั้น”
หลี่กวงหยายิ้มแล้วพูดต่อไปว่า “ได้มาทำการทดลองที่มหาวิทยาลัยจินหลิงแล้ว ความรักในวิทยาศาสตร์ของคุณช่างน่าชื่นชมจริงๆ!”
แม้ว่านี่จะเป็นคำชม แต่น้ำเสียงนั้นก็ยังไม่ชัดเจนนักว่าชายผู้นี้กำลังชมเขาจริงๆ หรือไม่
ลู่โจวมองมาที่ประธานหลี่กวงหยาด้วยสายตาแปลกๆ เล็กน้อยแล้วพูดว่า
“ประธานหลี่ คุณก็ชมเกินไปครับ ผมเพิ่งจะมารู้สึกสนใจอะไรบางอย่างและอยากจะค้นคว้า”
“ความรักในวิทยาศาสตร์ของคุณเป็นแบบอย่างสำหรับนักวิชาการพาน-เอเชียนของเรา!”
ประธานหลี่กวงหยายิ้มอย่างเป็นมิตรแล้วชำเลืองมองไปยังประตูที่อยู่ด้านหลังลู่โจว แล้วเขาก็ถามขึ้นด้วยความอยากรู้ว่า “มันต้องเป็นทฤษฎีบทที่น่าสนใจมากๆ ซึ่งคุณใส่ใจมันมากๆ เลยใช่ไหม? สะดวกที่จะเปิดเผยไหมครับ?”
เจ้านี่…
เขาต้องการอะไรกัน?
ฉันควรจะบอกความจริงดีไหม?
มันไม่คุ้มที่จะปิดบัง แต่มันยากที่จะอธิบาย
ลู่โจวครุ่นคิดถึงเรื่องนี้ช้าๆ อยู่สักพัก ทันใดนั้นเขาก็สังเกตเห็นความอยากรู้อยากเห็นในแววตาที่อยู่ข้างๆ เขา
สายตาที่จ้องมองนั้นบ้างก็มาจากนักวิจัยของสถาบันวัสดุศาสตร์เชิงคำนวณและผู้เชี่ยวชาญในสาขาวัสดุศาสตร์ อย่างเช่น คณบดีโจว
ลู่โจวนึกถึงนักวิชาการที่ขยันหมั่นเพียรและอุตสาหะเหล่านี้ เขาไม่อยากจะโกหกพวกเขา ดังนั้นเขาจึงพูดว่า “อันที่จริงมันก็ไม่ใช่เรื่องลึกลับอะไรหรอกครับ หลังจากได้เห็นว่าเครื่องมือการทดลองของยุคนี้ล้ำสมัยขนาดไหน… ผมก็พยายามทำการทดลองกับความเข้าใจบางส่วนที่ผมเคยทำกับวัสดุคาร์บอนมาก่อนหน้านี้”
“ยกตัวอย่างเช่น โดยการดัดแปลงพลังงานพันธะเคมี มีอุโมงค์ 1 อุโมงค์หรือมากกว่านั้นเกิดขึ้นมาบนพันธะไพขนาดใหญ่ซึ่งสามารถจะคงอยู่ได้อย่างถาวรและยอมให้อิเล็กตรอนอิสระผ่านไปได้อย่างเสถียร”
“อุโมงค์ทะลุผ่านที่ซึ่งอิเล็กตรอนอิสระผ่านไปได้อย่างเสถียรงั้นเหรอครับ?” นักศึกษาปริญญาเอกคนหนึ่งถึงกับตกตะลึง เขาถามออกมาจากจิตใต้สำนึกว่า “พันธะไพขนาดใหญ่ยอมให้อิเล็กตรอนอิสระผ่านเข้าไป… อุโมงค์นี้คืออะไรกันครับ?”
คำถามนี้ก็เป็นสิ่งที่นักวิชาการหลายคนที่ปรากฏตัวอยู่ตรงนั้นต้องการจะถาม
พันธะไพขนาดใหญ่มีคุณสมบัติของพันธะโลหะซึ่งยอมให้อิเล็กตรอนอิสระผ่านเข้าไป… ถึงแม้จะเป็นเมื่อร้อยปีก่อน มันก็เป็นสิ่งที่นักเรียนมัธยมต้นน่าจะรู้
ลู่โจวอ่านสีหน้าที่สับสนบนใบหน้าของทุกคน เขาพูดขึ้นหลังจากครุ่นคิดอยู่พักหนึ่ง
“ผมจะยกตัวอย่างง่ายๆ… คุณเคยแก้ปริศนาสำเร็จไหม?”
“ปริศนาเหรอ? ผมเคยแก้มันตอนที่ผมยังเด็กครับ” นักศึกษาปริญญาเอกรู้สึกงุนงงกับคำถามนี้จึงถามว่า “ทำไมเหรอครับ?”
“สมมุติว่าคุณมีปริศนาหกเหลี่ยมมากมายอยู่ในมือและปริศนาแต่ละชิ้นก็สัมพันธ์กับคำเฉลยของไพขนาดใหญ่ของคาร์บอนรูปหกเหลี่ยม ตอนนี้เราได้จัดเรียงรูปหกเหลี่ยมเหล่านี้ไว้ข้างๆ กันเป็นแนวเส้นตรง และรูปหกเหลี่ยมเหล่านี้ก็อยู่ตรงข้ามกัน เส้นที่เป็นมุมเป็นเส้นตรง..ถูกไหม?”
นี่มันไม่ได้เป็นแค่นาโนริบบอนแกรฟีนชั้นเดียวใช่ไหม?
อะไรที่มันพิเศษล่ะ…?
นักศึกษาคิดไม่ออกว่าปัญหาอยู่ที่ตรงจุดไหน เขาพยักหน้าด้วยความงุนงงและพูดว่า “ผมเดา”
ลู่โจวยิ้มอย่างอ่อนโยน
“ถ้างั้นคุณก็คิดผิด”
“ถ้าผมใช้มีดหรืออะไรสักอย่างวาดเส้นบนพื้นผิวของปริศนา เส้นตรงอาจจะเล็กกว่าตัวปริศนาเองมากๆ”
นักศึกษา “???”
แม้ลู่โจวจะรู้ว่าเด็กคนนั้นอาจจะไม่เข้าใจ แต่เขาก็ไม่ได้อธิบายอะไรมาก อย่างไรก็ตามถ้าเขาต้องการจะอธิบายทฤษฎีให้ชัดเจนก็คงจะต้องใช้เวลาทั้งวัน
อีกอย่างคือเมื่อพิจารณาสีหน้าที่ใช้ความคิดบนใบหน้าของคณบดีโจวและผู้เชี่ยวชาญอื่นๆ อีกหลายคนแล้ว ลู่โจวก็รู้ว่าอย่างน้อยมีคนหลายคนที่เข้าใจทฤษฎีของเขา
วิทยาศาสตร์เองนั้นเป็นสาขาวิชาที่ยากจะเข้าใจ ตราบใดที่คนหนึ่งหรือสองคนเข้าใจสิ่งที่เขาพูดและได้สร้างผลลัพธ์บางอย่างในทิศทางนี้ มันก็น่าจะเพียงพอแล้ว
ลู่โจวมองไปที่ประธานหลี่กวงหยา ผู้ซึ่งรอคอยอยู่เป็นเวลานานแล้ว และถามว่า “คุณไม่ได้กลับไปที่ปักกิ่งเหรอ? ทำไม… คุณกลับมาอีกล่ะ?”
อันที่จริงแล้ว เดิมทีเขาต้องการจะพูดว่า ‘ทำไมคุณถึงมีเวลาว่างเยอะนักล่ะ’ แต่ลู่โจวคิดว่าเขายังไม่คุ้นเคยกับประธานผู้นี้ ดังนั้นเขาจึงตัดสินใจพูดในแบบที่สุภาพมากกว่า
หลี่กวงหยากระแอมเสียงแห้งตอนที่เขาได้ยินคำพูดของลู่โจว
“ผมมีธุระบางอย่างที่นี่… ผมก็เลยกลับมา ตอนที่ผมผ่านมหาวิทยาลัยจินหลิง ผมอยากจะเข้ามาเจอคุณ”
หลังจากได้ยินคำพูดเหล่านี้ ลู่โจวก็อดที่จะกลอกตาไม่ได้
เราเพิ่งจะพบกันเมื่อสองวันก่อน และตอนนี้คุณก็กลับมาที่มหาวิทยาลัยจินหลิงอีกครั้ง
คำโกหกนี้น่าขันชะมัด
อย่างไรก็ตามลู่โจวไม่ได้เป็นทุกข์ร้อนที่จะใส่ใจเรื่องเล็กๆ น้อยๆ พวกนี้ เขาพูดตรงเข้าประเด็นเลย
“พูดมาตรงๆ เลยดีกว่าครับว่าคุณต้องการอะไร?”
หลี่กวงหยารู้สึกอายที่จะพูดอ้อมค้อม ดังนั้นเขาจึงพยักหน้า แล้วน้ำเสียงของเขาก็เริ่มจริงจัง
“ผมรู้สึกผิดมากๆ ที่มารบกวนคุณ แต่ผมมีเรื่องที่สำคัญมากๆ ที่ต้องมาปรึกษาคุณ”
ลู่โจวถามว่า “เป็นการส่วนตัวเหรอ?”
หลี่กวงหยาพยักหน้า
เพื่อไม่ให้เป็นการเสียเวลา ลู่โจวจึงพูดขึ้นตรงๆ ว่า “โอเค งั้นไปคุยกันข้างนอกเถอะ”
หลังจากนั้นลู่โจวก็ขอบคุณอธิการบดีไช่และคณบดีโจวที่ให้เขายืมห้องปฏิบัติการ เขากล่าวลาทุกคนและออกไปข้างนอกพร้อมกับหลี่กวงหยา
หลังจากที่สองคนนั้นเดินออกไป ไช่หมิงรุ่ยก็แอบดึงตัวคณบดีโจวมาถามด้วยความอยากรู้ว่า “นักวิชาการลู่พูดถึงเรื่องอะไรกัน? ผมไม่เห็นเข้าใจเลย”
แม้ว่าในตอนนั้นเขาจะอยากรู้ แต่เขาก็อับอายเกินกว่าจะถามออกไป แล้วในที่สุด ตอนนี้เขาก็ได้โอกาสที่จะถามผู้เชี่ยวชาญ
หลังจากที่ได้ยินคำพูดของอธิการบดีไช่ ในที่สุดคณบดีโจวก็กลับมาสู่โลกความเป็นจริง
หลังจากที่ยิ้มอย่างเหยเก เขาก็พูดขึ้นว่า
“จริงๆ แล้ว…ผมเองก็ไม่แน่ใจเหมือนกัน”
“ลองอธิบายมาให้ผมฟังเถอะ!”
คณบดีโจวถอนหายใจและพยายามอธิบายด้วยคำที่คนทั่วไปจะสามารถเข้าใจได้
“พูดง่ายๆ ก็คือเราเคยใช้แผ่นซิลิคอนกับแกรฟีนเพื่อทำชิปและเพื่อพิมพ์วงจรรวม เราใช้วัสดุที่สามารถมองเห็นได้เพื่อสลักบนแผงเรียบๆ ที่มองเห็นได้”
คณบดีโจวนิ่งไปชั่วครู่ หลังจากย่อคำพูดของตัวเองแบบสั้นๆ แล้ว เขาก็กล่าวต่อไปว่า “แล้วตอนนี้ศาสตราจารย์ลู่ก็เสนอ…ไอเดียใหม่”
“มันไม่จำเป็นที่จะต้องพิมพ์วงจรรวมด้วยวัสดุที่มองเห็นได้แล้ว แต่เราสามารถใช้พันธะเคมีซึ่งมองไม่เห็นเพื่อสร้างวงจรแบบนามธรรมที่มีอยู่แค่ตามหลักเหตุผล
“สำหรับวงจรนามธรรมนี้ สายไฟเป็นแนววิถีที่มองเห็นได้ด้วยตาเปล่าของอิเล็กตรอนอิสระที่เคลื่อนที่อยู่บนพื้นผิวของวัสดุ เมื่อแนววิถีนี้สามารถที่จะคงอยู่ต่อไปได้อย่างเสถียรหรือลดลงมาเป็นกลุ่มอิเล็กตรอนที่มีความกว้างแบบมีขอบเขต…จากนั้นมันก็จะกลายเป็นวงจรอันหนึ่ง
“ถ้าเทคโนโลยีประเภทนี้สามารถทำให้เป็นจริงได้ เราก็สามารถจะทำได้แม้กระทั่งประทับวงจรที่เราต้องการบนพื้นผิวของแกรฟีนได้โดยตรง ไม่เพียงแต่อุปสรรคในการพิมพ์วงจรรวมจะลดลงไปอย่างมาก แต่การรวมของวงจรก็จะเพิ่มขึ้นในเชิงเรขาคณิตด้วย!”
ไช่หมิงรุ่ยมองมาที่คณบดีโจวด้วยความงุนงงขณะที่พูดขึ้นว่า “นั่นเป็นการพลิกสถานการณ์ครั้งใหญ่เลยใช่ไหม?”
แม้ว่าเขาจะไม่เข้าใจเรื่องวัสดุศาสตร์ เขาก็ยังรู้อะไรนิดๆ หน่อยๆ เกี่ยวกับการพัฒนาของอุตสาหกรรมอิเล็กทรอนิกส์
หลังจากยุคศตวรรษแห่งการพัฒนา ขอบเขตซึ่งชิปคาร์บอนสามารถจะขุดค้นออกมาได้นั้นแคบมากๆ แต่นอกจากวัสดุคาร์บอนแล้ว พวกเขาก็ไม่สามารถหาวัสดุที่เหมาะสมมากกว่ามาแทนได้
อย่างไรก็ตามนี่คือสิ่งที่ถูกจำกัดโดยตารางธาตุ…
หลังจากได้เห็นสีหน้าที่ตื่นตะลึงของอธิการบดีไช่ คณบดีโจวก็มีน้ำเสียงที่ผ่อนคลายลงเล็กน้อยแล้วพูดว่า “มันเป็นแค่การคาดการณ์เกี่ยวกับเส้นทางเชิงเทคนิคอันหนึ่งเท่านั้น ผมไม่คิดว่ามันเป็น… ยังไงก็แล้วแต่แนวคิดนี้มันล้ำสมัยเกินไป”
“แต่แนวคิดแบบนั้นก็สามารถที่จะเกิดขึ้นได้…”
“ผมเกรงว่าจะมีแต่นักวิชาการลู่ที่สามารถทำแบบนั้นได้”
ถ้างานวิจัยชิปเหมือนกับชิ้นส่วนเลโก้ ฉะนั้นการโฟกัสงานวิจัยของพวกเขาในทศวรรษที่แล้วหรือแม้แต่เมื่อหลายร้อยปีก่อนก็เป็นวิธีการตัดชิ้นส่วนเลโก้ให้เล็กเท่าที่จะทำได้ หรือการใช้ชิ้นส่วนในการประกอบให้สมบูรณ์ให้น้อยเท่าที่จะทำได้
อย่างไรก็ตามสิ่งที่ลู่โจวเสนอนั้นเป็นวิธีการที่ต่างออกไป มันเหมือนกับว่าถ้าคนอื่นๆ กำลังนึกถึงการสร้างหอคอยโดยใช้บล็อกเลโก้ เขากลับสลักหอคอยไปบนบล็อกเลโก้
ไม่ต้องสงสัยเลยว่านี่ก็ถือว่าเป็นหอคอยแห่งหนึ่งด้วย
และมันเป็นชนิดที่ไม่มีใครเคยเห็นมาก่อนอย่างแน่นอน
ไม่ว่าไอเดียการวิจัยนี้จะสามารถสร้างผลผลิตออกมาได้หรือไม่ แต่มันก็อาจจะเปิดประตูบานใหม่สำหรับทิศทางการพัฒนาในอนาคตของอุตสาหกรรมอิเล็กทรอนิกส์ในศตวรรษที่ 22 ได้อย่างไม่ต้องสงสัย…
หลังจากที่ครุ่นคิดถึงเรื่องนี้ คณบดีโจวก็อดที่จะรู้สึกประทับใจไม่ได้
ในอดีต เขามักจะได้ยินผู้คนกล่าวว่าลู่โจวยืนอยู่ที่จุดสูงสุดของจิตใจมนุษย์ แต่เขาไม่เคยยึดถือเรื่องนี้เป็นจริงเป็นจังมาก่อน
อย่างไรก็ตามประวัติศาสตร์ก็คือประวัติศาสตร์ มันเป็นไปไม่ได้ที่คนตายจะฟื้นคืนชีพ ถ้าฟื้นขึ้นมาแล้วเขาก็อาจจะเป็นแค่ของโบราณชิ้นหนึ่งที่ตกค้างอยู่ในประวัติศาสตร์ ไม่ได้สร้างประโยชน์ให้แก่อนาคต
แต่ไม่ว่าอย่างไรก็แล้วแต่ในวันนี้ท้ายที่สุดเขาก็ได้เรียนรู้ว่าอำนาจอันน่าสะพรึงกลัวชนิดไหนที่ลู่โจวเป็นผู้ครอบครองอยู่…