Scholar’s Advanced Technological System ระบบปั้นอัจฉริยะ - ตอนที่ 1464 คุณสนใจลิฟต์อวกาศไหม?
- Home
- Scholar’s Advanced Technological System ระบบปั้นอัจฉริยะ
- ตอนที่ 1464 คุณสนใจลิฟต์อวกาศไหม?
หลังจากตามอธิการบดีหลี่กวงหยากับพวกผู้ช่วยของเขาออกมาจากห้องปฏิบัติการ ลู่โจวก็กำลังคิดอยู่ว่าจะเชิญพวกเขาไปนั่งพักที่บ้านของเขาสักครู่ดีไหม ทันใดนั้นเขาก็เห็นชายคนหนึ่งกำลังเดินตรงมาหาพวกเขา
หลังจากที่เห็นลู่โจว จู่ๆ ชายคนนั้นก็ยิ้มออกมาอย่างสดใส แล้วเขาก็เดินตรงเข้ามาหา
“สวัสดีครับ คุณใช่นักวิชาการลู่หรือเปล่าครับ?”
หลังจากจ้องไปที่ใบหน้านั้นอยู่พักหนึ่ง ลู่โจวก็จำไม่ได้ว่าเขาเคยเห็นผู้ชายคนนี้ที่ไหนมาก่อน ดังนั้นเขาจึงพูดขึ้นว่า
“ใช่ครับ แล้วคุณคือ…”
“ผมชื่อโมรินากะครับ นี่คือนามบัตรของผม!”
ทันใดนั้นโมรินากะก็ยื่นนามบัตรอิเล็กทรอนิกส์ในมือของเขาด้วยความนับถือ
หลี่กวงหยาซึ่งยืนอยู่ข้างๆ จ้องไปที่โมรินากะพักหนึ่ง ดวงตาของเขาหรี่ลงเล็กน้อย
หลังจากเห็นประธานหลี่จ้องมา โมรินากะก็ดูเหมือนจะเดาอะไรบางอย่างได้ สัญญาณอันตรายโผล่แวบขึ้นมาบนใบหน้าของเขาขณะที่เขายิ้มอย่างเป็นมิตร
“ประธานหลี่ใช่ไหมครับ? บังเอิญเสียจริง ผมไม่คิดเลยว่าจะได้พบคุณที่นี่”
“ผมก็ไม่คิดว่าจะได้เจอคุณที่นี่เหมือนกันครับ” หลี่กวงหยาขยับปากโดยปราศจากรอยยิ้ม เขาพูดต่อไปว่า “ลมอะไรหอบคุณมาที่มหาวิทยาลัยจินหลิงล่ะครับ?”
“กลุ่มของเรามีโปรเจกต์การลงทุนหลายโปรเจกต์กับมหาวิทยาลัยจินหลิง นอกจากจะมาที่นี่ด้วยความเคารพต่อนักวิชาการลู่แล้ว ผมก็ยังมาที่นี่เป็นระยะๆ ด้วย” โมรินากะพูดพร้อมกับยิ้ม “แล้วคุณล่ะ งานคุณไม่ยุ่งเหรอครับ?”
เมื่อเห็นว่าคนคนนี้ยอมรับตรงๆ ว่าเขามาเพื่อพบลู่โจว สีหน้าของหลี่กวงหยาก็ค่อยๆ ซึมลงไป
“ผมมาที่นี่ด้วยเรื่องธุรกิจอย่างเป็นทางการ ดังนั้นคุณไม่ต้องกังวลเรื่องผมหรอก”
ขณะที่ทั้งสองกำลังพูดคุยกัน ลู่โจวก็มองดูพวกเขาด้วยความสนใจ
เขาไม่รู้ว่าสองคนนี้มีเรื่องบาดหมางอะไรกันหรือไม่ แต่เขารู้สึกว่าหลี่กวงหยาดูเหมือนจะรำคาญชายคนนี้ หากมองอย่างผิวเผินแล้ว หลี่กวงหยานั้นเป็นคนสุภาพนุ่มนวล… เลยดูคล้ายว่าเขาออกจะกลัวชายคนนี้นิดหน่อย?
“ดูเหมือนว่าหน้าที่ทางการงานของคุณจะเกี่ยวข้องกับนักวิชาการลู่”
หลี่กวงหยาไม่ได้พูดอะไรออกมาตอนที่เขาได้ยินคำเยาะเย้ยของโมรินากะ สีหน้าของเขาหงุดหงิดมากขึ้น
เมื่อสังเกตเห็นอาการนี้ โมรินากะก็รีบเปลี่ยนหัวข้อสนทนา เขายิ้มแล้วพูดต่อไปว่า “ในเมื่อนักวิชาการลู่กับประธานหลี่ยังมีเรื่องต้องหารือ ผมก็จะมาที่นี่วันหลังแล้วกันครับ”
เมื่อพูดดังนั้น เขาก็หันมามองลู่โจวทันที
ราวกับกำลังครุ่นคิดอะไรบางอย่าง โมรินากะนิ่งคิดอยู่ครู่หนึ่งก่อนจะพูดเสริมว่า “จริงสิ ผมมีเรื่องต้องเตือนคุณ”
ลู่โจวพูด “อะไรเหรอครับ?”
“ระวังผู้ชายที่ชื่อหลิวเจิ้งซิงเอาไว้นะครับ”
หลิวเจิ้งซิง?
ลู่โจวขมวดคิ้วนิดๆ
“ใครกัน?”
“ประธานของอีสต์เอเชียเอเนอร์จี้” โมรินากะพูดยิ้มๆ “เขาเป็นคนที่มีความสามารถมากคนหนึ่ง แต่บางทียิ่งมีความสามารถมากเท่าไรก็ยิ่งง่ายที่จะเลือกทางผิด”
“แน่นอนว่าการตัดสินใจขึ้นอยู่กับคุณ”
โมรินากะยิ้มอย่างเป็นมิตรอีกครั้ง หลังจากที่พูดว่า “แล้วเจอกันครับ” เขาก็หันหลังกลับแล้วเดินจากไป
ลู่โจวนำเข้าข้อมูลตัวตนของเขาและข้อมูลการติดต่อเข้ามาในสมุดที่อยู่ของเขา เขาเหลือบมองที่ข้อมูลอย่างคร่าวๆ
[โมรินากะ ผู้จัดการด้านการลงทุนของซอฟต์แบงก์กรุ๊ป]
น่าสนใจดี…
ลู่โจวชำเลืองมองประธานหลี่กวงหยา ซึ่งยืนอยู่ข้างเขา
เขารู้สึกว่าหลี่กวงหยาไม่อยากจะเจอคนคนนี้อีก
“ทำไมซอฟต์แบงก์ถึงมีหุ้นส่วนอยู่ในอีสต์เอเชียเอเนอร์จี้?”
หลังจากได้ยินคำถามของลู่โจว หลี่กวงหยาก็ครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่ง แล้วเขาก็พูดด้วยน้ำเสียงที่เยือกเย็นว่า
“ประมาณช่วงยุค 2060 เมื่อระบบไฟฟ้าข้ามภูมิภาคเข้ามาในญี่ปุ่น อีสต์เอเชียเอเนอร์จี้ก็ได้เข้ามาถือสิทธิ์ในกลุ่มบริษัทของญี่ปุ่นมากมายหลายแห่งรวมถึงบริษัทดีจิงอิเล็กทริกพาวเวอร์ผ่านการควบรวมและเข้าซื้อกิจการ และพวกเขาก็ได้เข้ามาอยู่ในอุตสาหกรรมพลังงานของญี่ปุ่นอย่างเป็นทางการ”
“เป็นไปได้ว่าซอฟต์แบงก์กรุ๊ปเข้ามาอยู่ในคณะกรรมการบริหารของอีสต์เอเชียเอเนอร์จี้ในตอนนั้น ผมก็จำข้อมูลแบบเป๊ะๆ ไม่ได้ ผมจำได้แค่จากที่ได้อ่านบทความสั้นๆ ในหนังสือเล่มหนึ่ง”
“ตอนที่อำนาจของอีสต์เอเชียเอเนอร์จี้กำลังขยายออกไป โดยเบื้องต้นทุกๆ ภูมิภาคที่พวกเขาได้ไปเยือนก็จะซึมซับสัดส่วนบางส่วนของเงินทุนท้องถิ่นภายในคณะกรรมการบริหารเพื่อที่จะลดการต่อต้านการสนับสนุนของระบบไฟฟ้าข้ามภูมิภาค”
“ถ้าคุณสนใจ คุณน่าจะสามารถหาเอกสารที่เกี่ยวข้องได้ในห้องสมุดครับ”
ลู่โจวพูดว่า “พูดอีกอย่างก็คือ ตอนนี้อีสต์เอเชียเอเนอร์จี้ก็เหมือนอาหารจานใหญ่ที่มีปากหลายร้อยปากรายล้อมอยู่”
หลี่กวงหยาพูดว่า “จะเข้าใจแบบนั้นก็ได้ครับ”
“ผมเข้าใจแล้ว” ลู่โจวพยักหน้าอย่างครุ่นคิด พึมพำกับตัวเองว่า “ไม่แปลกใจเลย ด้วยเพราะหุ้นส่วน 7% คนมากมายถึงได้กำลังประจบฉันอยู่”
ในตอนต้นศตวรรษที่ 21 ตอนที่อีสต์เอเชียเอเนอร์จี้เพิ่งจะก่อตั้ง หุ้นในสตาร์สกายเทคโนโลยีก็ได้รับเงินปันผลและโหวตคณะกรรมการบริหารด้วย แต่หลังจากผ่านมาหนึ่งศตวรรษ หุ้น 7% ก็ได้กลายเป็นจำนวนเงินก้อนใหญ่ในทันที
ระหว่างที่ลู่โจวกำลังรู้สึกตื่นเต้นกับโชคชะตาของเขาเองและลำดับเหตุการณ์ในประวัติศาสตร์ หลี่กวงหยาซึ่งได้ยินคำพูดของเขา ก็แทบจะสำลักน้ำลายออกมา
อะไรกันวะเนี่ย?
ประจบงั้นเหรอ?!
ถึงแม้เขาจะคาดเดาว่าลู่โจวอาจจะเอ่ยถึงโมรินากะ แต่หลี่กวงยาก็รู้สึกกระอักกระอ่วนใจเมื่อเขาคิดว่าเขาอาจจะต้องขอความช่วยเหลือจากลู่โจว ในระหว่างที่เขาลังเลอยู่นิดหน่อยว่าจะพูดประโยคต่อไปดีหรือไม่
ลู่โจวก็สังเกตเห็นสีหน้าที่ผิดปกติของเขาแล้วเขาก็มองมาด้วยความรู้สึกแปลกๆ
“มีอะไรหรือเปล่า?”
“เปล่าครับ…” หลี่กวงหยาสูดลมหายใจเข้าลึกแล้วยิ้มอย่างสุภาพ “ดูเหมือนคุณจะได้ตระหนักแล้วคุณได้กลายเป็นตัวเอกในคณะกรรมการบริหารอีสต์เอเชียเอเนอร์จี้แล้ว”
ลู่โจวพูดพร้อมกับยิ้ม “ตัวเอกเหรอ?”
“ทุกสิ่งทุกอย่างมีสองด้านเสมอ ของหวานในสายตาของบางคนอาจจะเป็นยาพิษในสายตาของคนอื่นก็ได้” หลี่กวงหยาอมยิ้มแล้วพูดต่อไปว่า “จริงๆ แล้ว หลังจากผ่านมาเป็นเวลาหลายปี อัตราการเติบโตของอีสต์เอเชียเอเนอร์จี้ก็ไปไกลเกินกว่าความคาดหมายของทุกคน อนาคตของมันไม่สามารถจะคาดเดาได้”
ลู่โจวพุดว่า “ผมเป็นคนตรง ดังนั้นไม่จำเป็นต้องพูดอ้อมค้อมหรอกครับ”
“ผมไม่ได้พูดอ้อมค้อม” หลี่กวงหยายังคงมองมาที่ลู่โจว “จริงๆ คณะกรรมการบริหารของอีสต์เอเชียเอเนอร์จี้ถูกแยกออกในบางประเด็น ไม่ว่ามันจะเป็นเรื่องของธุรกิจเฉพาะหรือเส้นทางการพัฒนาโดยรวมทั้งหมด ยกตัวอย่างเช่น ในฐานะที่เป็นบริษัทยักษ์ใหญ่แห่งหนึ่งที่มีทั้งคุณสมบัติด้านสังคมและธุรกิจ อีสต์เอเชียเอเนอร์จี้ก็ควรจะให้ความสำคัญกับผลกระทบทางเศรษฐกิจหรือไม่ก็ผลประโยชน์ทางสังคม ถ้านำมาพิจารณาทั้งสองเรื่อง พวกเขาก็ควรจะหาจุดสมดุลระหว่างทั้งสองเรื่อง”
ลู่โจวหัวเราะแล้วพูดว่า “พวกคุณก็รวยแล้วไม่ใช่เหรอ?”
“ไม่ใช่พวกเราที่รวยหรอกครับ คุณต่างหาก” หลี่กวงหยาพูดเสียงเบา “คุณอาจจะไม่รู้ว่าเงินที่คุณถืออยู่ในมือเป็นเงินมหาศาลขนาดไหน และมีความสำคัญเพียงใด”
“เมื่อมูลค่าตลาดของบริษัทเกินกว่าค่าจีดีพีของประเทศส่วนใหญ่ของทั้งภูมิภาค การตัดสินใจของบริษัทแต่ละครั้งจึงเกี่ยวโยงอย่างใกล้ชิดกับเศรษฐกิจและความเจริญของทั้งภูมิภาค ความสำคัญของมันเองนั้นไปไกลเกินกว่าคอนเซปต์ของบริษัทแบบดั้งเดิม”
“7% อาจจะไม่ใช่จำนวนที่เยอะมาก แต่เมื่อมันอยู่ในมือของบุคคลที่พิเศษ มันก็อาจจะมีบทบาทที่คาดไม่ถึง”
“บางคนให้ความสนใจกับเรื่องนี้และหวังที่จะบรรลุเป้าหมายของพวกเขาด้วยการลากคุณเข้าไป… ยกตัวอย่างเช่น สามยักษ์ใหญ่ อีสต์เอเชียเอเนอร์จี้ อีสต์เอเชียเฮฟวีอินดัสตรีส์ และอีสต์เอเชียคอมมิวนิเคชั่นได้ควบรวมและผสานทรัพยากรต่างๆ ของพวกเขาเพื่อสร้างยักษ์ใหญ่ที่ขยายอาณาจักรของพลังงาน อุตสาหกรรม และสารสนเทศ”
ระหว่างที่พูดถึงเรื่องนี้ หลี่กวงหยาก็กำลังสังเกตสีหน้าของลู่โจวเพื่อพยายามจะสังเกตอะไรบางอย่าง
อย่างไรก็ตาม เขาก็ต้องผิดหวัง เพราะเขาไม่ได้เห็นอารมณ์ความรู้สึกใดๆ บนใบหน้านั้นเลย
ในตอนที่เขารู้สึกไม่มั่นใจนิดหน่อยว่าเขาสื่อความให้ลู่โจวฟังได้อย่างถูกต้องหรือไม่ ทันใดนั้นลู่โจวก็พูดขึ้นว่า “ผมไม่ได้สนใจสิ่งที่คุณบอก”
“ถึงแม้คุณจะสร้างบริษัทยักษ์ใหญ่ที่ขยายออกไปทุกวงการ แต่ก็ไม่มีทางที่จะช่วยผมแก้ไขในสิ่งที่ผมสนใจได้ ถ้าคุณมาที่นี่เพียงเพื่อจะทดสอบผมก็อย่าได้เสียเวลาเลยครับ”
ในที่สุดหลี่กวงหยาก็ถอนหายใจออกมาด้วยความโล่งอก
เมื่อเขาได้รับสายจากเอไอไอบี เขาก็กังวลใจมากจนเขานอนไม่หลับ
แม้ว่าจะไม่มีอะไรรับประกันได้ว่าลู่โจวจะยังคงคิดเหมือนเดิมหรือไม่ในอนาคต แต่ในตอนนี้ นักวิชาการจากศตวรรษที่ 21 ผู้นี้ก็ไม่ได้ติดต่อสื่อสารยากเท่าที่เขาได้จินตนาการไว้
“ขอบคุณนะครับที่คุณเข้าใจ”
“อันที่จริง… นอกจากเรื่องนี้แล้วยังมีเรื่องสำคัญอีกเรื่องที่ผมอยากจะหารือกับคุณ”
เจ้านี่…
นายจะพูดเรื่องพวกนี้เมื่อคืนก่อนไม่ได้หรือไง?
หลังจากเห็นสีหน้าที่เคร่งขรึมของผู้อำนวยการหลี่กวงหยา ลู่โจวก็พูดพร้อมถอนหายใจ “ถ้ามันเป็นเรื่องยุ่งยาก ผมขอแนะนำให้คุณไปหาคนอื่นเถอะ”
หลี่กวงหยายิ้มอย่างเก้อเขินและพูดว่า “มันอาจจะยุ่งยากสักเล็กน้อย แต่ผมรู้สึกว่า… มันค่อนข้างจะน่าสนใจทีเดียว คุณอยากจะฟังไหมครับ?”
ลู่โจวพูดว่า “ว่ามา”
“เราวางแผนที่จะสร้างเส้นทางคมนาคมขนส่งที่ขยายจากวงโคจรพ้องคาบโลกไปยังพื้นผิวเพื่อที่จะได้เป็นการคมนาคมที่รวดเร็วจากพื้นผิวโดยการใช้สิ่งที่เรียกกันว่าลิฟต์อวกาศ” หลี่กวงหยายิ้มออกมาขณะที่ลู่โจวดูเหมือนจะเริ่มประหลาดใจขึ้นเรื่อยๆ เขาถามต่อว่า “ผมไม่รู้ว่าคุณสนใจโปรเจกต์นี้ไหม?”