Scholar’s Advanced Technological System ระบบปั้นอัจฉริยะ - ตอนที่ 1466 เหตุผลเพื่ออนาคต
- Home
- Scholar’s Advanced Technological System ระบบปั้นอัจฉริยะ
- ตอนที่ 1466 เหตุผลเพื่ออนาคต
“ล่าสุดเกิดเหตุลอบวางเพลิงรุนแรงในเมืองของมะละกาในเขตชีเฉิง เหตุการณ์เกิดขึ้นในบาร์ที่ชื่อหินโสโครกดำมืด จากการสืบสวนเบื้องต้นของตำรวจสาเหตุของเหตุร้ายนี้คือการทะเลาะวิวาทซึ่งมีต้นเหตุมาจากการโต้เถียง…”
ข่าวช่วงเช้าโชว์อยู่บนโทรทัศน์โฮโลแกรม
เมื่อพิจารณาจากสถานที่เกิดเหตุที่เลอะเทอะยุ่งเหยิงและสีหน้าอันจริงจังของเหล่าเจ้าหน้าที่ตำรวจที่ยืนอยู่ด้านหน้าโซนพื้นที่ที่ถูกแยกออกมา เห็นได้ชัดว่าสิ่งที่เกิดขึ้นที่นี่ไม่ใช่การลอบวางเพลิงธรรมดา
ลู่โจวนั่งอยู่ที่โต๊ะรับประทานอาหาร เขากินไข่ดาวในจานอยู่ระหว่างที่ใช้เวลาดูข่าวเป็นระยะๆ
“ดูเหมือนว่าศตวรรษที่ 22 จะไม่ได้สงบสุขเช่นกัน…”
จู่ๆ เสี่ยวไอซึ่งกำลังนั่งอยู่ฝั่งตรงข้ามของโต๊ะโดยเอามือจับแก้มไว้ ก็พูดขึ้นอย่างกระตือรือร้นว่า “ไม่ต้องกังวลไป! เสี่ยวไอจะปกป้องเจ้านายเอง! (๑•̀ᄇ•́)و✧”
ลู่โจวตอบ “ขอบคุณ”
เสี่ยวไอ: “ฮ่าฮ่า ด้วยความยินดี มาชมเสี่ยวไอแบบนี้ เสี่ยวไอก็เขินนะ (///ω///)”
ลู่โจวไม่ได้สนใจอีโมจิในลูกตาของเธอ เขาวางตะเกียบลงบนจานหลังจากกินอาหารเช้าเสร็จแล้วใช้ทิชชู่เช็ดปาก
“อีกสักพักอาจจะมีแขกเข้ามา ดังนั้นเธอควรจะเปลี่ยนเป็นชุดปกติ… อย่าลืมล่ะ เธอควรอยู่ในห้องถัดไปกับหลิง ห้ามออกมา”
ประโยคนี้ทำให้เสี่ยวไอตกใจอย่างมาก ไม่ใช่เพียงแค่อีโมจิในลูกตาของเธอจะเปลี่ยนไป แต่สียังเปลี่ยนด้วย
“ฮะ? เจ้านายจะไม่แนะนำเสี่ยวไอให้เพื่อนๆ รู้จักเหรอ?”
ลู่โจวถอนหายใจและพูดว่า “เมื่อสมองของเธอเป็นปกติมากขึ้นอีกนิด ฉันจะพิจารณาเรื่องนี้”
ระหว่างที่พูดอยู่ก็มีเสียงเคาะประตูดังขึ้น
ลู่โจวมองเสี่ยวไออย่างเศร้าๆ แล้วพูดว่า “ช่วยไปอยู่ที่ห้องนอนสักพักนะ” แล้วเขาก็ลุกขึ้นและเดินตรงไปยังโถงทางเดิน
ลู่โจวเอื้อมมือไปเปิดประตู เขากำลังจะกล่าวสวัสดี แต่คนที่เข้ามาก็กอดเขาแน่นเสียก่อน
ด้วยความที่สับสนกับสิ่งที่เกิดขึ้นเล็กน้อย ลู่โจวจึงชะงักไปนานก่อนจะพูดอย่างนิ่งๆ ว่า “คุณกำลังทำอะไรเนี่ย…”
หวังเผิงจับไหล่ของลู่โจวด้วยมือทั้งสองของเขาขณะที่เขาจ้องลู่โจวด้วยความตื่นเต้น เขากลืนน้ำลายและใช้เวลานานกว่าที่เขาจะพูดออกมา
“คุณ… ยังมีชีวิตอยู่จริงๆ”
“แน่นอนสิ”
ลู่โจวอ่านหลายสิ่งหลายอย่างจากสายตาของเพื่อนเก่าคนนี้ เขาเงียบไปสักพักโดยไม่รู้ว่าจะพูดอะไรดี
ครั้งสุดท้ายที่พวกเขาพบกันคือเมื่อศตวรรษที่แล้ว ไกลออกไปหลายสิบล้านกิโลเมตร
พวกเขายังอยู่ในอนุสรณ์สถานของอารยธรรมดาวอังคาร ไม่มีใครคาดคิดว่าพวกเขาจะถูกแยกออกจากกันเป็นเวลานับร้อยปี…
“ประตูไม่ใช่ที่สำหรับรวมตัวกัน เข้ามาก่อนแล้วค่อยคุยกัน… คุณมาคนเดียวเหรอ?”
“มีคนรู้จักเก่าแก่ของคุณอีกคนด้วย”
ตอนที่ลู่โจวกำลังจะถามว่าเป็นใคร เขาก็เห็นใบหน้าที่คุ้นเคยปรากฏขึ้นที่หน้าประตู
“ผู้อำนวยการหลี่เหรอ?”
ดวงตาอันขุ่นมัวจ้องมาที่เขาไม่กะพริบ แล้วก็ค่อยๆ เกิดชั้นของเมฆหมอกที่ระคนไปด้วยความตื่นเต้นและความคิดถึง หลังจากนั้นสักพักเขาก็พูดว่า
“ไม่ได้เจอกันนานเลย…”
ยังมีความรู้สึกอาลัยอาวรณ์ในดวงตาของเขาอีกด้วย
ลู่โจวมองมาที่คนรู้จักซึ่งสูงวัยคนนี้ ผู้ซึ่งทำให้เกิดความวุ่นวายมากมายกับตัวเขา แล้วเขาก็พูดอย่างนุ่มนวลด้วยอารมณ์ความรู้สึกบางอย่าง
“ ใช่…”
มันนานแสนนาน…
…
แม้ว่านี่จะเป็นครั้งแรกที่ทั้งสามคนได้พบกันบนโซเชียลมีเดีย แต่จริงๆ แล้วพวกเขาเคยพบกันครั้งหนึ่งบนเครือข่ายสังคมเสมือนจริง เมื่อคืนก่อน หลี่เกาเหลียงดึงพวกเขาเข้ามาในกลุ่มหารือที่ซึ่งพวกเขาวางแผนที่จะมาพบกันอีกครั้งในเช้าวันถัดมา
ผู้อำนวยการหลี่วางเบียร์ที่ซื้อมาจากร้านสะดวกซื้อลงบนโต๊ะ เขานั่งลงบนเก้าอี้ มองดูบ้าน แล้วพูดพร้อมกับยิ้ม “ตอนที่ผมได้ยินว่าคุณยังมีชีวิตอยู่ หวังเผิงกับผมพยายามจะมาเยี่ยมคุณ”
“จริงเหรอครับ? จริงๆ แล้วผมวางแผนจะไปตามหาพวกคุณ แต่ผมทำได้แค่เพียงติดต่อหลี่เกาเหลียงเมื่อคืนนี้”
“อย่างไรก็ตามตอนนี้หลี่เกาเหลียงกำลังรับใช้อยู่ในกองทัพ เขาไม่ว่างที่จะมาท่องอินเทอร์เน็ตทุกวี่ทุกวัน หลังจากเขาส่งที่อยู่มาให้ผม หวังเผิงกับผมก็มาเลย…” ผู้อำนวยการหลี่ยิ้มแล้วพูดต่อไปว่า “ครั้งสุดท้ายที่เรามาที่นี่ มีผู้หญิงคนหนึ่งขานตอบมาจากประตู”
ลู่โจวกระแอมเบาๆ แล้วพูดว่า
“เธอเป็นหุ่นยนต์ครับ”
ผู้อำนวยการหลี่มีสีหน้างุนงงและพยักหน้าพร้อมกับยิ้ม
“อ้อ ผมเข้าใจแล้ว…”
แม้ว่าลู่โจวจะรู้สึกว่าชายสูงวัยจะเข้าใจเขาผิด แต่เขาก็รู้สึกว่ามันดีกว่าที่จะไม่เสียเวลากับเรื่องนี้ต่อไป ดังนั้นเขาจึงเปลี่ยนเรื่อง
“จะว่าไปแล้ว อยู่ที่นี่คุณสบายดีไหม?”
“ดีทีเดียวนะ เงินเดือนเกษียณของผมค่อนข้างสูง ฉะนั้นชีวิตผมเลยไม่มีปัญหา ที่อาจจะเป็นปัญหาเดียวก็คือผมรู้สึกเบื่อนิดหน่อย และผมก็เป็นคนที่ทนเบื่อไม่ได้” ผู้อำนวยการหลี่พูดต่อไปพร้อมกับยิ้ม “ผมค่อนข้างกังวลเรื่องหวังเผิง ผมได้คุยกับเขาในปัจจุบัน ณ ตอนนี้ พยายามที่จะหาเป้าหมายใหม่ๆ ให้กับเขาในยุคนี้”
“อย่าทำให้ผมดูไร้ประโยชน์เกินไปสิ” หวังเผิงกระแอมเบาๆ หลังจากหยุดไปครู่หนึ่ง เขาก็พูดต่อไปด้วยน้ำเสียงจริงจัง “ผมคิดเรื่องนี้แล้ว ผมวางแผนจะไปเรียนสักปีหนึ่ง”
ลู่โจวถามด้วยความสนใจ “คุณได้ติดต่อมหาวิทยาลัยหรือยัง?”
หวังเผิงพยักหน้า
“มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีป้องกันประเทศแห่งชาติ หลี่เกาเหลียงช่วยติดต่อพวกเขาให้ผม เขาเองก็เรียนจบจากที่นั่นด้วย”
“มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีป้องกันประเทศแห่งชาติเหรอ?” ผู้อำนวยการหลี่พูดว่า “นั่นเป็นมหาวิทยาลัยที่ดี ที่นั่นเป็นสุดยอดสถาบันด้านการทหารในศตวรรษที่ 22 พวกเขาส่งวิศวกรและนายทหารดีเด่นมากมายให้เข้าไปในกองทัพชุดแรก”
ลู่โจวพูดว่า “พูดถึงเรื่องนี้แล้ว ผมก็สงสัยมาโดยตลอดว่าทำไมคุณถึงมาที่ยุคนี้?”
“มีสองเหตุผล” หวังเผิงเงียบไปสักครู่ แล้วเขาก็พูดว่า “คุณรู้ข้อมูลภายใน ดังนั้นผมจะไม่ปิดบังคุณ จริงๆ แล้วผมมายังอนาคตพร้อมกับสองภารกิจ หนึ่งคือเกี่ยวกับองค์กรจิตวิญญาณแห่งจักรวาล และอีกภารกิจคือสิ่งที่หลงเหลืออยู่ของอารยธรรมดาวอังคาร”
หลังจากได้ยินชื่อที่ไม่ได้คาดหมาย ลู่โจวก็ขมวดคิ้วนิดๆ
“องค์กรจิตวิญญาณแห่งจักรวาล?”
เขาเคยได้ยินชื่อนี้มาก่อน
เขาแค่ไม่ได้คาดว่าจะได้ยินมันอีกครั้งหลังจากผ่านไปหนึ่งศตวรรษ
“ใช่ ในตอนนั้น… นั่นคือประมาณร้อยปีที่แล้ว กลุ่มคนที่โจมตีคุณบนเรือโดยสารออโรร่า บอเรลลีส หลังจากที่เราเริ่มปฏิบัติการต่อต้านผู้นำทหารในโซมาเลีย เราก็ได้พบเบาะแสเกี่ยวกับองค์กรจิตวิญญาณแห่งจักรวาล… นั่นน่าจะเป็นครั้งแรกที่องค์กรนี้ได้เข้ามาในสายตาของหน่วยข่าวกรองของเรา”
ลู่โจวพูดว่า “ครั้งแรกที่พวกเขาเข้ามาในขอบเขตสายตาของคุณ… พูดง่ายๆ ก็คือคุณได้พบกับพวกเขาอีกครั้งหลังจากนั้นใช่ไหม?”
หวังเผิงพยักหน้าแล้วพูดต่อว่า “ประมาณปีที่สองหลังจากที่คุณจากไป องค์การเพื่อความร่วมมือและการพัฒนาทางเศรษฐกิจเซี่ยงไฮ้ได้วางแผนที่จะจัดการประชุมในมะนิลาเพื่อหารือเรื่อง ‘ข้อตกลงการรวมกลุ่มทางเศรษฐกิจพาน-เอเชียน’ จากนั้นก็เกิดระเบิดบนถนนหลายสายในมะนิลา เราตามรอยไปในโมกาดิชูในโซมาเลียโดยใช้เบาะแสต่างๆ และพบเบาะแสใหม่ๆ เกี่ยวกับองค์กรและเหตุการณ์บนเรือโดยสารออโรร่า บอเรลลีส เมื่อสามปีก่อน”
“คนเหล่านั้นไม่ได้เป็นสมาชิกของประเทศหรือองค์กรใดเลย และแหล่งเงินทุนก็ค่อนข้างจะลึกลับ อีกอย่างก็คือการกระทำของพวกเขารอบคอบมาก ผมไม่สามารถจะตามรอยพวกผู้นำของพวกเขาได้”
ทันใดนั้นสีหน้าของหวังเผิงก็เปลี่ยนเป็นสะเทือนใจ
“แต่เมื่อได้มานึกถึงเรื่องนี้ในตอนนี้ ทั้งหมดนั่นมันก็ร้อยปีมาแล้ว”
ร้อยปี
นานพอที่จะเปลี่ยนแปลงหลายๆ สิ่ง
เขาไม่เคยคิดว่าการประชุมจะเปลี่ยนอนาคตของทวีปเอเชียและโลกได้ในท้ายที่สุด องค์กรที่เรียกกันว่า องค์กรจิตวิญญาณแห่งจักรวาลอาจจะไม่เคยคิดว่าการกระทำที่พวกเขาได้ทำลงไปจะเป็นการขยายอิทธิพลของจีนในภูมิภาคเอเชีย
“จากนั้นมันก็เป็นอนุสรณ์สถานของดาวอังคาร” หวังเผิงพูดพร้อมกับยิ้ม “มันเป็นเพราะบทความวิจัยบทความหนึ่งที่แพร่กระจายออกไปเป็นวงกว้างในโลกวิชาการ ผู้เขียนบทความวิจัยก็คือศาสตราจารย์ชูลทซ์ คุณน่าจะรู้จักเขา”
ลู่โจวพยักหน้าแล้วถามว่า “เขาเขียนเรื่องอะไร?”
“การอภิปรายเชิงทฤษฎีเรื่องเศษเสี้ยวของปริภูมิสี่มิติ จากทั้งในมุมมองทางคณิตศาสตร์และฟิสิกส์ เขาอธิบายสาเหตุต่างๆ ของความหายนะที่เกิดขึ้นบนซากปรักหักพังดาวอังคารในปีนั้น ผมรู้รายละเอียดเฉพาะนิดหน่อย ผู้บังคับบัญชาของผมได้ทำการตัดสินว่าเทคโนโลยีที่ฝังอยู่ในซากที่หลงเหลืออยู่ของดาวอังคาร รวมถึงเศษเสี้ยวของปริภูมิสี่มิติ ถ้ามันถูกขุดขึ้นมา อาจจะมีผลกระทบต่อสถานการณ์ระหว่างประเทศในปัจจุบันที่สะเทือนโลกได้”
“ดังนั้นเขาจึงคาดหวังว่าผมจะไปยังอนาคตในอีกร้อยปีนับจากปัจจุบันและสำรวจซากปรักหักพัง…”
สีหน้าของหวังเผิงมีร่องรอยแห่งความเศร้าระหว่างที่เขาพูดต่อไป “แต่ตอนที่ผมมาถึงที่นี่ ผมก็พบว่าสถานการณ์ได้เปลี่ยนไปโดยสิ้นเชิง ไม่มีใครติดต่อผมมาสักคน ยกเว้นคนจากมูลนิธิพิทักษ์สิทธิมนุษยชนแช่แข็ง แล้วผมก็ได้ยินว่าแผนในการเสริมสร้างอนาคตถูกยกเลิกไปในช่วงปี 2060 หรือ 2070… หากไม่ได้เป็นเพราะข่าวที่ว่าคุณยังมีชีวิตอยู่ การเดินทางในครั้งนี้ก็คงจะไม่มีความหมายอะไรเลย”
ผู้อำนวยการหลี่ถอนหายใจแล้วพูดว่า
“ถ้าจะพูดอย่างไม่ลำเอียง มันก็มีปัญหาอยู่บ้างในแผนการเสริมสร้างสำหรับอนาคต มันดีกว่าที่จะปล่อยปัญหาในอนาคตให้คนในอนาคตแก้ไขเอง ผมคิดเกี่ยวกับเรื่องนี้อยู่นาน ถ้าใครสักคนจากเมื่อร้อยปีก่อนมาเพื่อสั่งเรา เราก็คงจะไม่ยอมรับมันเหมือนกัน”
“เรื่องนี้พอเถอะ” หวังเผิงถอนหายใจออกมาอย่างมีอารมณ์ เขามองมาที่ลู่โจวแล้วถามด้วยความอยากรู้ว่า “จะว่าไปแล้ว คุณตื่นขึ้นมาที่ไหนล่ะ? ตอนที่คุณอยู่ในซากปรักหักพังบนดาวอังคาร คุณเจออะไรไหม?”
“ซากปรักหักพังของอารยธรรมดาวอังคาร… ด้วยความสัตย์จริงที่นั่นไม่มีอะไรให้ค้นหาเลยจริงๆ ถึงแม้ผมจะได้เห็นสิ่งต่างๆ ที่น่าสนใจมากมาย แต่ร่องรอยของการมีอยู่โดยส่วนใหญ่ของพวกมันก็สูญหายไปหลายพันล้านปีแล้ว”
ลู่โจวนึกถึงทุกๆ สิ่งที่เขาเคยเห็น จากนั้นเขาก็ถอนหายใจเบาๆ แล้วพูดต่อว่า “บอกตรงๆ เหตุผลที่ผมยังสามารถนั่งอยู่ที่นี่และพูดคุยกับคุณก็คือต้องขอบคุณเศษเสี้ยวของปริภูมิสี่มิติ โชคยังดีที่ผมเจอตู้สำหรับหลับชั่วคราวที่เก็บรักษาไว้อย่างดีข้างใน”
ลู่โจวไม่รู้ว่าคำอธิบายของเขาจะเพียงพอหรือไม่ แต่เมื่อพิจารณาหลายๆ สิ่งแล้วว่ามันยากที่จะอธิบาย นี่ก็เป็นคำอธิบายที่ดีที่สุดเท่าที่เขาจะบอกได้
หวังเผิงไม่ได้พูดอะไรมากนัก เขาเพียงแต่พยักหน้าเพื่อแสดงความเข้าใจของตัวเอง
ผู้อำนวยการหลี่ซึ่งนั่งอยู่ข้างๆ เขา ยังคงอยากรู้อยากเห็นอยู่เล็กน้อย เขาพูดพึมพำว่า “เศษเสี้ยวของปริภูมิสี่มิติ… สิ่งนั้นมันเป็นยังไง? ผมอยากจะรู้จัง”
ลู่โจวคิดอยู่สักครู่แล้วตอบว่า “ภาพฉายของมันในปริภูมิสามมิติคือรูปทรงกลมที่โปร่งแสงอันหนึ่ง มันอาจจะยากลำบากที่จะอธิบายถึงโครงสร้างและคุณสมบัติทางกายภาพของมัน เว้นแต่ว่าคุณจะสามารถเข้าใจเครื่องมือทางคณิตศาสตร์พื้นฐานบางอย่างได้”
ผู้อำนวยการหลี่รีบกระแอมแล้วพูดว่า “ช่างมันเถอะ คิดเสียว่าผมไม่ได้ถาม”
เครื่องมือทางคณิตศาสตร์พื้นฐาน…
ถ้าประโยคนี้มาจากปากของคนอื่น เขาก็คงจะไม่เก็บมันมาคิดจริงจัง
แต่เพราะประโยคนี้มาจากปากของนักวิชาการลู่ ผู้อำนวยการหลี่จึงแปลประโยคนี้เป็น “เครื่องมือทางคณิตศาสตร์ซึ่งคนธรรมดาไม่สามารถเข้าใจได้” โดยอัตโนมัติ
“จะว่าไปแล้วคุณสนิทกับหลี่กวงหยาใช่ไหม?”
“หลี่กวงหยา?” ผู้อำนวยการหลี่แตะคางแล้วพูดว่า “ใช่ประธานของสหการพาน-เอเชียนไหม? ผมเห็นเขาครั้งหนึ่งตอนที่ผมตื่นขึ้นมา แต่เขาไม่ได้พูดอะไรกับผมเลย แค่ทักทายเท่านั้น หลังจากนั้นเขาก็รีบออกไป”
ลู่โจวพูดว่า “เขาต้องการให้ผมเป็นหัวหน้านักวิทยาศาสตร์ของสหการพาน-เอเชียน”
ผู้อำนวยการหลี่มองมาที่ลู่โจวด้วยความประหลาดใจและพูดว่า “นั่นตำแหน่งใหญ่เลยใช่ไหม?”
ลู่โจวพยักหน้าแล้วพูดต่อว่า “ไม่ใช่แค่นั้น แต่เขายังต้องการให้ผมไปเข้าร่วมในโปรเจกต์ลิฟต์อวกาศของเขาด้วย”
ผู้อำนวยการหลี่ขมวดคิ้วและพูดหลังจากครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่ง “ผมเป็นคนจากศตวรรษที่ 21 ฉะนั้นผมเลยไม่ได้รู้อะไรมาก ยังไงก็แล้วแต่ เราใช้เวลาหลายปีในการประชุมเพื่อสร้างการขนส่งจำนวนมาก… จากความเข้าใจของผมลิฟต์อวกาศเป็นแนวคิดจากนวนิยายวิทยาศาสตร์อันหนึ่งเท่านั้น”
“แต่ว่าเกี่ยวกับหลี่กวงหยา ผมขอแนะนำให้คุณระวังตัวให้มากขึ้น บางทีผมอาจจะตามโลกไม่ทัน แต่ผมก็ยังสับสนเล็กน้อยเกี่ยวกับสิ่งที่เขาต้องการจะทำ”
“ผมไม่ได้เห็นด้วยกับเขาในทันทีหรอก” ลู่โจวพูดต่อโดยยังมองมาที่ผู้อำนวยการหลี่ผู้ซึ่งเต็มไปด้วยความกังวล “อย่างไรก็ตาม คอนเซ็ปต์นี้ก็ออกจะน่าขันไปหน่อยสำหรับผม ในทางตรงกันข้าม ผมอยากจะรู้เกี่ยวกับฟิวชั่นที่ควบคุมได้รุ่นที่สองและความก้าวหน้าของโปรเจกต์เบื้องต้นอื่นๆ”
ผู้อำนวยการหลี่ถามว่า “ฟิวชั่นที่ควบคุมได้รุ่นที่สองเหรอ? ผมรู้สึกว่าค่าใช้จ่ายของฟิวชั่นที่ควบคุมได้รุ่นแรกก็ต่ำเพียงพอแล้ว เทคโนโลยีรุ่นที่สอง… สำคัญถึงขนาดนั้นจริงๆ เหรอ?”
“สำคัญมาก บางทีมันอาจเป็นแค่ความคิดเห็นของผม แต่ผมคิดว่ามันสำคัญมากเสียยิ่งกว่าลิฟต์อวกาศอีก” ลู่โจวมองไปยังท้องฟ้าด้านนอกหน้าต่างและพูดต่อไปว่า “ว่าไปแล้วคุณยังจำเหตุผลสำหรับข้อเสนอของผมในการก่อตั้งเขตเศรษฐกิจพิเศษก่วงฮั่นได้ไหม?”
ผู้อำนวยการหลี่ขมวดคิ้วและถามว่า “มันเกี่ยวข้องกับฟิวชั่นที่ควบคุมได้รุ่นที่สองใช่ไหม?”
ลู่โจวพยักหน้า
“ผมสามารถพูดได้โดยพร้อมรับผิดชอบว่า อย่างน้อยนี่ก็เป็นเหตุผลครึ่งหนึ่ง”
การก่อตั้งเขตเศรษฐกิจพิเศษก่วงฮั่นโดยหลักๆ คือเพื่อความสะดวกในการพัฒนาดวงจันทร์ ตำแหน่งที่เขาวงไว้บนแผนที่เป็นพื้นที่โดยพื้นฐานที่มีทรัพยากรฮีเลียม-3 สำรองไว้อย่างเหลือเฟือโดยประมาณ
ถ้าเทคโนโลยีฟิวชั่นรุ่นที่สองมีการพัฒนาครั้งใหญ่ แผนงานที่เขาได้วางไว้เมื่อร้อยปีก่อนอาจจะกลายเป็นมรดกมหาศาลที่ทิ้งไว้ให้กับชนรุ่นหลังของอารยธรรมจีน
เหมือนอย่างบ่อน้ำมันที่ชาวอาหรับทิ้งไว้ให้กับคนรุ่นหลังในอนาคต
ทรัพยากรฮีเลียม-3 อันล้ำค่าบนดวงจันทร์อาจจะเป็นกุญแจให้พวกเขาก้าวออกไปจากระบบสุริยะและไปยังโลกที่ห่างไกลกว่านั้น
สิ่งเดียวที่เขาไม่พอใจกับศตวรรษที่ 22 อาจจะเป็นการที่ไม่มีใครค้นพบกุญแจในการเปิดทรัพย์สมบัติอันมีค่าอย่างแท้จริงที่เขาได้ทิ้งไว้เบื้องหลัง…