Scholar’s Advanced Technological System ระบบปั้นอัจฉริยะ - ตอนที่ 1468 ‘บุคลากร’ พิเศษ
ไม่มีสัญญาณใดๆ
ก่อนที่ลู่โจวผู้ซึ่งนอนอยู่บนเตียงจะรู้ว่าเกิดอะไรขึ้น เขาก็เห็นว่าหุ่นยนต์ส่งพัสดุในหน้าจอวิดีโอหยิบปืนพกออกมาแล้วยิงที่หน้าอกของหลิง
ปัง!
ประกายไฟสีฟ้าอ่อนระเบิดออกมาจากหน้าอกของหลิง
หลังจากที่ยิง หุ่นยนต์ส่งพัสดุที่ประตูก็ไม่ได้หยุดแต่อย่างใด มันกลับเหนี่ยวไกปืนอย่างต่อเนื่อง ยิงไปที่หน้าอกและหัวของหลิง มันยิงจนหมดแม็กกาซีน
สำหรับพวกหุ่นยนต์ อาวุธที่ใช้พัลส์แม่เหล็กไฟฟ้าสร้างความเสียหายได้มากกว่าอาวุธซึ่งโจมตีด้วยพลังงานจลน์ทั่วไป โดยพื้นฐานแล้วตราบใดที่พวกเขาโดนยิง พวกเขาก็จะสูญเสียความสามารถในการเคลื่อนไหว
หลังจากเก็บปืนพกเข้าไปอย่างว่องไว หุ่นยนต์ส่งพัสดุไม่ได้สนใจหลิงซึ่งยังคงยืนอยู่ที่ประตู มันเอื้อมมือไปเพื่อจะหยิบพัสดุซึ่งยื่นส่งให้ก่อนหน้านี้คืนมา
แต่แล้วสิ่งที่ไม่คาดฝันก็เกิดขึ้น
ดูเหมือนว่าพัสดุจะถูกผูกไว้กับถังหนักหลายสิบตัน ไม่ว่ามันจะดึงแรงแค่ไหน แต่ก็ไม่สามารถจะเอามันมาจากมือของหลิงได้
ในขณะเดียวกัน จู่ๆ ลูกตาสีแดงคู่นั้นก็เริ่มเปล่งแสงสีม่วง
หลิงซึ่งถูกกระหน่ำยิงทั้งแม็กกาซีนก่อนหน้านี้ ยังคงถือพัสดุไว้ด้วยมือซ้ายของเขา เขายื่นมือขวาออกไปแล้วคว้าคอของหุ่นยนต์ส่งพัสดุไว้ จากนั้นเขาก็ทิ้งมันลงจากพื้นเหมือนกับไก่ตัวหนึ่ง
“อันตราย ต้องกำจัด”
มีร่องรอยความเจ็บปวดบนใบหน้าของหุ่นยนต์ส่งพัสดุ ขาของมันเหยียบอยู่บนร่างของหลิง พยายามที่จะทุบมือข้างนั้นเพื่อให้ออกจากคอของมัน
อย่างไรก็ตามมือของหลิงเหมือนกับคีมเหล็กคู่หนึ่งได้คว้าออกไปในอากาศอย่างหนักแน่น ไม่ว่าหุ่นยนต์ส่งพัสดุจะดิ้นรนมากแค่ไหน มันก็ไม่สามารถขยับตัวได้เลย
เสียงของลู่โจวดังอยู่ในบ้าน
“หลิง เอาเมมโมรี่ของมันออกมา”
“ครับ ผู้การ”
หลังจากได้ยินคำสั่งของลู่โจว หลิงก็โยนพัสดุลงบนพื้น เขาแทรกมือซ้ายลงไปในหน้าอกของหุ่นยนต์ตรงๆ เหมือนกับมีดเล่มหนึ่ง
แต่ในขณะที่มันกำลังจะดึงเมมโมรี่การ์ดออกมาจากร่างของหุ่นยนต์ กลุ่มควันสีขาวก็ออกมาจากพัสดุ
หลังจากเห็นกลุ่มควันสีขาวนี้ ลู่โจวซึ่งกำลังนอนอยู่บนเตียง ก็เกิดความรู้สึกไม่ดีขึ้นมาในใจตามสัญชาตญาณ ก่อนที่เขาจะได้ตอบโต้ เสียงระเบิดที่อึกทึกก็ดังขึ้นมาจนแสบแก้วหูของเขา แรงสั่นสะเทือนจากเตียงแทบจะเหวี่ยงเขาลงมากับพื้น
ลู่โจวใช้การมองไปรอบข้างเพื่อจะดูเงาสีดำที่ผ่านประตูห้องนอนไป คลื่นวิทยุโทรทัศน์กับคลื่นกระแทกก็ระเบิดตู้รองเท้าที่ประตูไปยังระเบียง…
ขณะที่ลู่โจวมองไปยังห้องนั่งเล่นที่เละเทะ เขาก็ต้องตกตะลึง
บ้าไปแล้ว…
นี่มันบ้าสิ้นดี!
เขาไม่เคยเจอมือลอบสังหารมาก่อน อย่างมากที่สุดเขาก็ตกเป็นเป้าหมายของโจรสลัดในตอนที่เขาไปเยือนต่างประเทศ เขาไม่คาดคิดว่าร้อยปีต่อมาเขาจะตกเป็นเป้า
และมันเกิดขึ้นเพราะใครบางคนที่พกระเบิดลูกใหญ่ขนาดนั้นมาด้วย…
ผู้คนในยุคนี้สมองทึบและใช้วิธีหยาบคายในการแก้ไขปัญหามากๆ เลยใช่ไหม?
หลิงซึ่งกำลังยืนตรงจุดศูนย์กลางของระเบิด เหลือบมองมาที่เศษซากของลำคอในมือของเขา แล้วก็มองไปที่กำแพงรอบๆ ที่พังทลายและห้องนั่งเล่นที่เละเทะ
ระหว่างที่แสงสีม่วงในดวงตาของเขาค่อยๆ จางหายไป หลิงก็พูดกับตัวเองว่า
“ล็อกเป้าหมายแล้ว
“เริ่มตามรอย…”
…
“โธ่เว้ย!”
ในบ้านใต้ดินหลังหนึ่งที่ห่างออกไปไม่กี่กิโลเมตร เชสเตอร์ซึ่งกำลังนั่งอยู่หน้าคอมพิวเตอร์โฮโลแกรม กระแทกหมัดตัวเองลงกับโต๊ะ
ตามแผนของเขา หลังจากเปิดประตู หุ่นยนต์ที่เขาควบคุมจะต้องยิงหุ่นยนต์ที่เปิดประตูให้ตายก่อน แล้วก็เดินเข้าไปในบ้านพร้อมกับพัสดุที่เป็นระเบิด
มันคงจะดีกว่าถ้าลู่โจวมาเปิดประตูเอง
เขาจะกดสวิตช์ระเบิดเพื่อฆ่าเขาในทันที
แต่แล้วแผนก็ผิดไปตั้งแต่เริ่มต้น
หุ่นยนต์คุ้มกันทรงพลังอย่างน่าสะพรึง แม้แต่ปืนพกที่ใช้พัลส์แม่เหล็กไฟฟ้ายังไร้ประโยชน์
นี่มันหลังจากที่ยิงไปจนหมดแม็กกาซีนด้วยซ้ำ!
หลังจากโดนกระสุนอาวุธที่ใช้พัลส์แม่เหล็กไฟฟ้าไปเยอะมาก แม้แต่อาวุธเอ็กโซสเกลเลตันของกองพลอากาศวงโคจรการบินก็คงจะสูญเสียประสิทธิภาพในการต่อสู้ของมันไปเลยถูกไหม?! แต่หุ่นยนต์อีกตัวหนึ่งกลับไม่ได้รับอันตรายเลย…
“อาวุธป้องกันแม่เหล็กไฟฟ้าเหรอ?”
“ไม่เลว”
เชสเตอร์มองไปยังหน้าจอที่ว่างเปล่า เขาลุกขึ้นจากเก้าอี้
การกระทำการควบคุมทางไกลใดๆ อาจจะทิ้งร่องรอยไว้อย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้
ไม่ว่าการสังหารจะประสบความสำเร็จหรือไม่ ที่นี่ก็ไม่ปลอดภัยอีกต่อไป
เขาหยิบลูกระเบิดมืออะลูมิเนียมร้อนออกมาจากแขนแล้วค่อยๆ วางมันลงบนที่ด้านบนสุดของเคสคอมพิวเตอร์ทั้งหมด จากนั้นเขาก็กดปุ่มระเบิดแบบประวิงเวลาออกไป
หลังจากนั้นเขาก็หยิบกระเป๋าเดินทางแล้วเดินไปยังประตู
ทันทีหลังจากที่เขาปิดประตู แสงสีขาวส่องสว่างขึ้นมาบนเคสคอมพิวเตอร์โฮโลแกรมด้านหลังเขา เกราะเคสโลหะละลาย กลายเป็นกองเศษของเสียตกค้าง
เชสเตอร์มาถึงที่จอดรถ เขาโยนกระเป๋าเดินทางลงในกระโปรงหลังแล้วเข้าไปในรถ เขาเปลี่ยนไปใช้โหมดควบคุมความเร็วและไปยังที่กบดานที่เขาเตรียมไว้ในชานเมืองรอบนอก
ปฏิบัติการลอบสังหารครั้งนี้ล้มเหลวอย่างเห็นได้ชัด
เห็นชัดๆ เลยว่าลู่โจวเป็นผู้เชี่ยวชาญในการใช้อุปกรณ์อัจฉริยะอีกด้วย
แต่เรื่องนี้อธิบายได้ว่าทำไมจึงมีซากหุ่นยนต์มากมายบนเที่ยวบิน N-177 และลู่โจวสามารถฆ่าพวกโจรจี้เครื่องบินทั้งเที่ยวบินด้วยตัวเองได้อย่างไร
มีแสงแห่งความตื่นเต้นวาบขึ้นมาในดวงตาที่กระหายเลือดของเขา ขณะที่เชสเตอร์จ้องไปที่ถนนและป้ายนีออนที่ไม่มีที่สิ้นสุดด้านนอกหน้าต่างรถ เขาก็เลียริมฝีปากอันแห้งผาก
น่าสนใจดี…
ไม่บ่อยนักที่เขาจะรู้สึกท้าทาย
…
20 นาทีหลังจากเกิดระเบิด
รถตำรวจล้อมอยู่รอบกลุ่มอาคารอพาร์ทเมนท์ทั้งหมด
ตรงด้านหน้าที่กั้น ชายคนหนึ่งมองไปยังโถงทางเดินที่มืดมิด เขาขมวดคิ้ว แทรกตัวผ่านฝูงชน และเดินไปหาเจ้าหน้าที่ตำรวจที่ดูแลคดี
“คนไม่เป็นไรใช่ไหม?”
ชื่อของเขาคือเหว่ยซง เลขานุการสำนักงานสำหรับประธานของสหการพาน-เอเชียน วันนั้นเขากำลังทำงานอยู่ในจินหลิง หลังจากได้ยินข่าวเหตุระเบิดที่อพาร์ทเมนท์ของนักวิชาการลู่ หลี่กวงหยาก็ขอให้เขารีบมาทันที
“ฆาตกรน่าจะเห็นสถานที่แห่งนี้ผ่านทางภาพของการรายงานข่าว…”
เจ้าหน้าที่ตำรวจมองมาที่เลขานุการเหว่ยผู้ซึ่งเดินมาหาเขาอย่างขุ่นเคือง และพูดต่อไปว่า “ถ้าผมเป็นพวกคุณ ผมจะทบทวนความผิดพลาดของตัวเองและทำให้แน่ใจว่าเรื่องแบบนี้จะไม่เกิดขึ้นอีก”
เหว่ยซงตอบว่า “เรื่องนี้เป็นความประมาทของเราจริงๆ ครับ”
เมื่อได้เห็นว่าเหว่ยซงขอโทษออกมาอย่างจริงใจ เจ้าหน้าที่ตำรวจจึงไม่ได้พูดอะไรมากนัก เขาเพียงแค่พูดสั้นๆ ว่า “ให้เขาไปอยู่ที่อื่นเถอะครับ มันไม่ปลอดภัยอีกต่อไปแล้ว ให้เขาร่วมมือกับเราในการทำบันทึกด้วย ผมรู้สึกเหมือนว่าเขากำลังซ่อนบางอย่างจากเรา…”
แม้ว่ามันจะเป็นสิ่งที่พอแก้ตัวได้สำหรับผู้เสียหายในการที่ยังคงเงียบอยู่ และกฎหมายของสหการพาน-เอเชียนจะไม่บังคับให้ผู้เสียหายต้องออกมาพูด แต่หากปราศจากความร่วมมือของลู่โจวก็คงจะยิ่งเพิ่มอุปสรรคในการจัดการคดีขึ้นมาโดยไม่ต้องสงสัย
จากมุมมองของเจ้าหน้าที่ตำรวจ เขายังคงหวังว่าลู่โจวจะสามารถให้ความร่วมมือกับพวกเขาอย่างซื่อสัตย์ หรืออย่างน้อยที่สุดก็บอกพวกเขาว่าใครเปิดประตู และถ้าเป็นหุ่นยนต์ ทำไมถึงมีซากหุ่นยนต์เพียงตัวเดียวที่ถูกทิ้งไว้ในเหตุระเบิด
หลังจากได้ยินคำพูดเหล่านี้ เหว่ยซงก็ยิ้มอย่างขมขื่นและพยักหน้า
“ผมจะพยายามอย่างดีที่สุด”
หลังจากนั้นเขาก็ไปใกล้แถวของตำรวจที่ล้อมไว้และเดินเข้าไปในบ้าน
สถานการณ์ในบ้านแย่ยิ่งกว่าในโถงทางเดิน จากทางเข้าไปถึงห้องนั่งเล่น ทุกอย่างแทบจะถูกทำลายไปจนสิ้น ราวกับมีพายุไต้ฝุ่น
เหว่ยซงยืนอยู่ในห้องนั่งเล่นที่เละเทะสักพัก เขามองไปรอบๆ และจู่ๆ ก็เห็นลู่โจวนั่งอยู่ข้างตู้เก็บไวน์ในห้องทานอาหาร เขาเดินไปหาลู่โจว
“สวัสดีครับนักวิชาการลู่ ผมชื่อเหว่ยซงเป็นเลขานุการของประธานหลี่กวงหยา นี่คือนามบัตรของผม”
หลังจากที่ได้รับนามบัตรโฮโลแกรมแล้ว ลู่โจวซึ่งคุ้นเคยกับวิธีการที่คนทักทายกันในยุคนี้แล้ว ก็มองมาที่เลขานุการเหว่ยซึ่งยืนอยู่ตรงหน้าเขา แล้วถามขึ้นว่า “ใครกันที่อยากจะฆ่าผม คุณพอมีเบาะแสไหม?”
มีแววของความละอายปรากฏขึ้นบนใบหน้าของเหว่ยซง
“เรื่องนี้… เราเองก็ต้องการให้ผู้กระทำผิดถูกนำตัวมาพิพากษาคดีให้เร็วที่สุดเท่าที่จะทำได้ ผมเสียใจจริงๆ ที่คุณต้องเผชิญกับเรื่องแบบนี้ คดียังคงอยู่ในการสืบสวน แต่ผมจะแจ้งคุณถ้ามีความคืบหน้าครับ”
เมื่อพูดเช่นนั้นแล้ว เหว่ยซงก็นิ่งไปครู่หนึ่งแล้วพูดต่อว่า “นอกจากนี้เพื่อเหตุผลด้านความปลอดภัย เราขอแนะนำว่าคุณควรจะเปลี่ยนที่พักไปอยู่ในที่ที่ปลอดภัยกว่าและเป็นความลับมากกว่านี้ ไม่เหมาะที่คุณจะอาศัยอยู่ที่นี่ต่อไปครับ อีกอย่างก็คือมันเป็นเรื่องยากในการคุ้มกันคุณถ้าหากฆาตกรก่อเหตุอีกครั้ง”
“ถ้าคุณยังไม่มีสถานที่ที่เหมาะสม เราสามารถช่วยคุณ—”
ลู่โจวส่ายหัวแล้วพูดว่า “ไม่ต้อง ผมจะแก้ปัญหาเรื่องที่อยู่เอง”
เหว่ยซงพูดว่า “แน่นอนอยู่แล้วครับ เราจะเคารพการตัดสินใจของคุณ นี่เป็นแค่คำแนะนำของเรา จะดีกว่าถ้าคุณหลีกเลี่ยงการเลือกสถานที่ที่คนพลุกพล่านให้มากที่สุดเท่าที่จะทำได้ เพื่อที่ว่าเราจะได้สามารถให้การคุ้มกันความปลอดภัยของคุณได้ นี่ก็เป็นข้อคำนึงด้านความปลอดภัยอื่นๆ”
ข้อคำนึงด้านความปลอดภัย?
ลู่โจวยิ้มนิดๆ โดยไม่ได้พูดอะไร
ด้วยความสัตย์จริง เขายังไม่ได้เชื่อใจหลี่กวงหยาในการคุ้มกันความปลอดภัยของเขาอย่างเต็มที่
หากว่ากันตามเหตุผลแล้ว ถ้าเขาประสบอุบัติเหตุ มันอาจจะเป็นเรื่องดีสำหรับหลี่กวงหยาก็ได้
แต่เมื่อใดกันที่โลกแห่งความจริงจะดำเนินไปตามหลักเหตุผล?
เขาไม่ใช่เด็กอีกต่อไปแล้ว
ลู่โจวพูดว่า “คุณบอกว่าคุณจะช่วยผมใช่ไหม?”
เหว่ยซงพยักหน้าทันที
“ผมจะทำให้ดีที่สุดครับ”
“ดี ผมวางแผนจะสร้างบ้านของผมเองที่ชานเมือง” ลู่โจวพูดต่อ พอมองไปที่เลขานุการของหลี่กวงหยา เขาก็พูดว่า “ลืมเรื่องค่าชดเชยสำหรับที่พักเก่าของผมไปได้เลย แค่ให้ที่ดินกับผมก็พอ มันไม่น่าจะเป็นปัญหาใช่ไหม?”
“ไม่มีปัญหาครับ” เหว่ยซงจ้องไปที่ลู่โจวด้วยความงุนงง เขาพูดว่า “แต่คุณต้องหาที่อยู่ตอนนี้เลย ตอนนี้มันไม่ช้าเกินไปที่จะสร้างเหรอครับ?”
“คุณไม่ต้องกังวลเรื่องนี้หรอก” ลู่โจวพูดต่อด้วยน้ำเสียงที่ผ่อนคลาย “ผมจะแก้ปัญหาเรื่องบ้านตัวเอง คุณเพียงแต่ต้องช่วยผมทำขั้นตอนต่างๆ ให้สำเร็จเร็วที่สุดเท่าที่จะทำได้”