Scholar’s Advanced Technological System ระบบปั้นอัจฉริยะ - ตอนที่ 1473 ไร้ความกังขา
ดวงอาทิตย์ค่อยๆ ตกลงไปและเวลากลางคืนก็มาถึง
สำหรับผู้คนที่อาศัยอยู่ที่ในเมือง ชีวิตยามราตรีเพิ่งจะเริ่มต้นขึ้น
ด้วยความขัดแย้งอย่างสิ้นเชิงกับพื้นที่ในเมืองที่ส่องสว่างอย่างสดใส ยามค่ำคืนในชานเมืองนั้นกลับมาถึงเร็วกว่าเล็กน้อย
เพิ่งจะถึงเวลาสี่ทุ่ม ความคล่องตัวของจราจรบนถนนแม็กเลฟสายหลักก็เริ่มช้าลง สำหรับถนนสายเล็กๆ ที่อยู่ลึกลงไปในพื้นที่อยู่อาศัย แทบจะไม่มีรถเข้ามาหรือออกไปไหน
อย่างไรก็ตาม ในช่วงเวลานี้รถบรรทุกคันหนึ่งขับเข้ามาในพื้นที่อยู่อาศัยตามถนนสายเล็กสายหนึ่งอย่างช้าๆ
การกระทำที่ผิดกฎหมายได้รับการตรวจจับ โดรนของตำรวจจราจรที่จอดอยู่ข้างถนนบินเข้าไปมายังรถบรรทุก
แต่ขณะที่โดรนกำลังเตรียมที่จะโน้มน้าวให้คนขับในรถบรรทุกออกมา มันก็ถูกโจมตีด้วยกระแสไฟฟ้าสีฟ้าอ่อน
ดูราวกับว่ามันเป็นกระแสไฟลัดวงจร ไม่นานโดรนก็ปล่อยควันสีดำออกมาและร่วงลงมาที่พื้น
หุ่นยนต์เก็บปืนพกพัลส์แม่เหล็กไฟฟ้ากลับเข้าไปในกระเป๋าของมัน มันกดปุ่มเพื่อเปิดประตูส่วนที่บรรทุกสิ่งของ
ขณะที่ประตูโลหะผสมเปิดออกมา พวกหุ่นยนต์ที่มีปืนไรเฟิลอยู่ในมือเดินมายังคฤหาสน์ที่อยู่ข้างๆ ซึ่งถูกล้อมไปด้วยโดรน
ที่หน้าประตู หนึ่งในหุ่นยนต์พวกนั้นก็หยิบกล่องเครื่องมือออกมาจากกระเป๋าเป้และกำลังจะเปิดประตู
แต่ในขณะนั้น ประตูด้านหน้าพวกมันก็เปิดออกเอง
ตัวอักษรกลุ่มหนึ่งปรากฏขึ้นบนหน้าต่างโฮโลแกรมของระบบควบคุมการเข้าถึง
[(⃔*`꒳ ́*)]
วินาทีที่เขาเห็นตัวอักษรพวกนั้น เชสเตอร์ผู้ซึ่งนั่งอยู่ในรถตู้ที่ห่างออกไปไม่กี่กิโลเมตร ก็เกิดความรู้สึกไม่ดีขึ้นในใจ
อย่างไรก็ตาม เขาไม่สามารถจะบอกได้ว่าความรู้สึกแย่นี้มาจากไหน
เขากัดฟัน ครุ่นคิดว่าตั้งแต่เขาได้มาถึงจุดนี้ ตอนนี้มันสายเกินไปที่จะหันหลังกลับแล้ว
เขาจ้องไปที่ประตูบนหน้าจอ กำลังคิดว่าศัตรูที่ฆ่าเพื่อนของเขาอยู่ข้างในนั้น ทันใดนั้นคลื่นแห่งความโกรธกระหายเลือดก็ถูกจุดติดขึ้นมาในใจของเขา เขาสั่งการโจมตีพร้อมกับยิ้มยิงฟัน
“วันนี้ฉันจะได้เห็นว่าแกซ่อนอยู่ที่ไหน!”
วินาทีที่ออกคำสั่งโจมตี หุ่นยนต์สิบสองตัวหรือมากกว่านั้นที่ยืนอยู่ตรงประตูก็ปลดล็อกเซฟตี้สวิตช์อาวุธของพวกมันทันที จากนั้นก็เข้าไปในประตูที่เปิดออกพร้อมกับอาวุธในมือ
อย่างไรก็ตามในขณะนั้นจู่ๆ บางสิ่งก็เกิดขึ้น!
ทันใดนั้นพวกหุ่นยนต์จู่โจมสิบสองตัวหรือมากกว่านั้นซึ่งก้าวเข้ามาในสนามก็รู้สึกเหมือนพวกมันเจอเข้ากับระเบิดพัลส์แม่เหล็กไฟฟ้า ประกายไฟฟ้าสีฟ้าอ่อนปะทุออกมาจากด้านหลังคอและลูกตาของพวกมันตัวแล้วตัวเล่า
แรงผลักดันของการโจมตีได้รับความล้มเหลวอย่างรุนแรงนับแต่เริ่มต้น
เชสเตอร์ซึ่งนั่งอยู่ด้านหลังจอและกำลังควบคุมทั้งหมดนี้จากทางไกล ได้แต่มองดูหุ่นยนต์กลายเป็นเศษเหล็ก เขายังไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้น
“เวรเอ๊ย…”
กล้องกลายเป็นคลื่นสัญญาณรบกวนตัวแล้วตัวเล่า เชสเตอร์ตื่นตระหนก ทันใดนั้นเขาก็เคาะมือลงที่หน้าจอโฮโลแกรมอย่างต่อเนื่อง ล็อกหน้าต่างทุกบานของคฤหาสน์
ไม่นานนักโดรนที่มีใบพัด 4 อันสิบสองตัวก็บินออกมาจากด้านบนสุดของรถบรรทุก
เส้นทางการบินและเวลาการระเบิดของมันถูกตั้งไว้ที่ความเร็วสูงสุด เชสเตอร์เปิดการใช้งานในโหมดออฟไลน์อย่างแน่วแน่
พวกโดรนที่ถูกป้องกันจากสัญญาณภายนอกทั้งหมดเป็นเหมือนขีปนาวุธร่อน พวกมันพุ่งเข้าไปและโจมตีคฤหาสน์
อย่างไรก็ตาม ในขณะนั้นเหตุการณ์ที่น่ากลัวยิ่งกว่าก็เกิดขึ้นตรงหน้าเชสเตอร์
ทันใดนั้นการเคลื่อนไหวของหุ่นยนต์ที่ถูกโจมตีโดยการจู่โจมของพัลส์แม่เหล็กไฟฟ้าก็เปลี่ยนแปลงขึ้นมา
ไม่เพียงเท่านั้นปากกระบอกปืนของพวกมันแต่ละตัวก็หันมากะทันหันและล็อกไปที่กลุ่มโดรนที่บินอยู่ในอากาศ จากนั้นพวกมันก็เหนี่ยวไก
เกิดเปลวไฟสีส้มวาบขึ้นบนท้องฟ้า หลังจากปะทะกับกระสุนที่สาดมาโดรนก็ดูคล้ายกับแมลงวันที่ไร้ชีวิต พวกมันถูกยิงร่วงลงพื้นตัวแล้วตัวเล่า
แสงระเบิดทำให้สนามหญ้าตรงลานหน้าคฤหาสน์สว่างขึ้น หุ่นยนต์หลายตัวถูกระเบิดทำลาย บางตัวถึงกับถูกพัดไปในอากาศ
เชสเตอร์มองกลุ่มหุ่นยนต์และโดรนฆ่ากินเองผ่านหน้าจอโฮโลแกรม เขาอ้าปากค้างและหลงลืมคำพูดไปจนสิ้น
เขาคิดไม่ออกว่ามันเกิดอะไรขึ้นกับอุปกรณ์อัจฉริยะพวกนั้นในวินาทีที่เขาสั่งการโจมตี
“มันเป็นไปไม่ได้…”
เชสเตอร์มองไปที่หุ่นยนต์ทหารเพียงตัวเดียวที่ยืนอยู่ในเปลวไฟ เปลวไฟแห่งความหวังถูกจุดขึ้นในใจของเขา เขาเคาะนิ้วลงบนแป้นคีย์บอร์ดโฮโลแกรมอย่างรวดเร็ว พยายามจะค้นหาช่องโหว่ในโปรแกรมและเรียกคืนการควบคุมของหุ่นยนต์ตัวนี้
อย่างไรก็ตามแม้ว่าความคิดนี้จะดี แต่ความเป็นจริงนั้นโหดร้าย
ห้านาทีผ่านไป ไม่ว่าเขาจะพยายามมากแค่ไหน หุ่นยนต์ที่ยืนอยู่บนสนามหญ้าโดยมีปืนไรเฟิลอยู่ในมือก็ดูเหมือนจะไม่ได้ยินคำสั่งของเขา มันยืนอยู่ตรงนั้นโดยไม่ได้พูดอะไร
“บ้าชิบ เกิดอะไรขึ้นวะ?! เริ่มเคลื่อนไหว! เวร!”
ลางสังหรณ์ที่เลวร้ายปกคลุมจิตใจของเชสเตอร์
ด้วยเหตุผลบางอย่าง เขาไม่เคยรู้สึกกลัวอะไรเลย แต่ตอนที่เขามองไปที่หุ่นยนต์ทหารที่ไม่ขยับเขยื้อนบนหน้าจอ จู่ๆ เขาก็รู้สึกถึงความกลัวที่ไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อน
มันเหมือนกับว่าคนที่ถูกจัดการนั้นไม่ใช่หุ่นยนต์ แต่เป็นตัวเขาเอง เส้นที่มองไม่เห็นผูกมือและเท้าของเขาไว้ จัดการทุกอย่างจากเบื้องหลัง
เขาพยายามเป็นครั้งสุดท้ายเพื่อจะเข้าควบคุมอำนาจของหุ่นยนต์ หลังจากที่ไม่เห็นผลใดๆ เชสเตอร์ก็ตัดสินใจแน่วแน่ที่จะยอมพ่ายแพ้ต่ออุปกรณ์อัจฉริยะที่เขาได้ปล่อยไปในสนามรบและเริ่มสตาร์ทรถตู้
[ระบบนำทางอัจฉริยะถูกเปิดและกำลังเชื่อมต่อคุณกับเครือข่ายถนนแม็กเลฟ…]
“เลิกเชื่อมต่อ! ใช้โหมดนำทางถนน!”
[เปลี่ยนเป็นโหมดนำทางถนน]
เหตุผลที่ว่าทำไมเครือข่ายถนนแม็กเลฟจึงไม่เชื่อมต่อก็คือว่ามันถูกเฝ้าระวังโดยหน่วยตำรวจของสหการพาน-เอเชียนและสำนักงานความมั่นคง
ทันทีที่เสียงปืนดังขึ้น ถนนแม็กเลฟในพื้นที่นี้ก็ไม่ปลอดภัยอีกต่อไปสำหรับเขา
หลังจากสตาร์ทรถตู้ เขาก็เริ่มออกเดินทาง ขณะที่เชสเตอร์มองดูทิวทัศน์ผ่านทางหน้าต่าง อารมณ์วิตกกังวลของเขาก็ผ่อนคลายลงเล็กน้อย
แต่ขณะที่เขาเปิดคอมพิวเตอร์โฮโลแกรมและกำลังจะแก้ปัญหาการทำงานที่ผิดปกติก่อนหน้านี้ ตัวอักษรกลุ่มหนึ่งที่ไม่ทราบความหมายก็เด้งขึ้นมาบนหน้าจอโฮโลแกรมโดยฉับพลัน
วินาทีที่เขาเห็นตัวอักษรกลุ่มนั้น เชสเตอร์ก็ชะงักงันไป
[(⃔*`꒳ ́*)]
“…?”
นี่มันอะไร?
ทันใดนั้นร่างหนึ่งก็ปรากฏขึ้นกลางทางด่วน
ชายคนหนึ่งสวมเสื้อกันฝนและยืนอยู่กลางถนนโดยไร้ซึ่งเครื่องป้องกัน
โดยที่มีหมวกคลุมศีรษะบดบังใบหน้าของเขาอยู่ แม้จะมีไฟสูงจากรถตู้ แต่เชสเตอร์ก็ไม่สามารถจะมองเห็นดวงตาของเขาได้ อย่างไรก็ตาม สัญชาตญาณไร้เหตุผลก็บอกเขาว่าชายผู้นี้กำลังจ้องมาที่เขาและกำลังเดินตรงมาหาเขา
ทันใดนั้นเชสเตอร์ก็ทิ้งคอมพิวเตอร์โฮโลแกรมและจับพวงมาลัยรถด้วยมือทั้งสองข้าง
“เปิดใช้โหมดตั้งค่าเอง!”
[การเปิดใช้งานล้มเหลว]
เชสเตอร์: “???”
เหมือนกับม้าป่าที่วิ่งหนีออกมาจากบังเหียน รถตู้ที่ไม่สามารถควบคุมได้ก็ชนเข้ากับคนที่ยืนอยู่กลางถนน
ไม่ ที่แน่ๆ นั่นไม่ใช่คน
ไม่มีใครที่จะสามารถรอดชีวิตจากการพุ่งชนแบบนั้นได้ มันเหมือนว่าเขาพุ่งไปชนกับเสาโทรศัพท์
รถตู้ที่ชนชายคนนั้นถูกทำลายจนหมดสิ้น เศษซากและกระจกปลิวไปทุกหนแห่ง
เชสเตอร์ซึ่งติดอยู่ในที่นั่งคนขับมีเลือดออกที่หน้าผาก
ในที่สุดเขาก็เห็นร่างที่เป็นเหล็กทั้งหมดซึ่งมีกลิ่นอายของฆาตกรอยู่ภายใต้เสื้อกันฝน
เชสเตอร์มองดูหุ่นยนต์เอาคอมพิวเตอร์ไปจากรถตู้ของเขา หัวใจของเขาเต็มไปด้วยความสิ้นหวัง เขาค่อยๆ ละทิ้งความหวังที่จะรอดชีวิต
“เป็นชายที่น่ากลัวจริงๆ ที่ทำให้ฉันโกรธ…”
เขาถอนหายใจ ดวงตาของเขาหลับลงอย่างช้าๆ
เขาเป็นชายแก่จากเมื่อร้อยปีก่อน แต่เขาทรงพลังอย่างน่ากลัว…
ที่ประตูของคฤหาสน์ที่ห่างออกไปไม่กี่กิโลเมตร ตำรวจมาถึงหลังจากได้ยินเสียงปืน
หุ่นยนต์บนสนามครุ่นคิดอยู่สักพัก เขาชี้กระบอกปืนไปที่เมมโมรี่การ์ดของเขา จากนั้นก็เหนี่ยวไก
ตำรวจพิเศษติดอาวุธหนักเริ่มก้าวมาข้างหน้าและควบคุมสถานการณ์
แม้ว่าจะไม่มีผู้บาดเจ็บ แต่ก็มีอาวุธมากมายปรากฏขึ้นมาในอาณาเขตของพาน-เอเชียน นี่เป็นประเด็นที่รุนแรงอย่างไม่ต้องสงสัยสำหรับความมั่นคงสาธารณะของกลุ่มเมืองสามเหลี่ยมปากแม่น้ำแยงซีเกียง
ขณะที่ยืนอยู่ข้างหน้าต่าง ลู่โจวมองไปที่เจ้าหน้าที่ตำรวจที่เขาเห็นเมื่อวานนี้ เดินมาที่ประตูคฤหาสน์พร้อมกับเจ้าหน้าที่ตำรวจสองคน ลู่โจวจ้องไปที่เสี่ยวไอซึ่งยืนอยู่ข้างเขาและถามว่า “หลิงเป็นยังไงบ้าง?”
“ผู้ชายที่คุกคามความปลอดภัยของเจ้านายถูกจัดการแล้ว! หลิงเจอคอมพิวเตอร์ส่วนตัวของเขาจากในรถ! มีสิ่งที่น่าสนใจมากมายอยู่ในนั้น เจ้านายอยากจะอ่านมันตอนนี้เลยไหม? (๑•̀ᄇ•́)و✧”
ลู่โจวคิดแล้วตอบว่า
“รอจนกว่าฉันจะได้เจอแขกก่อน”
ระหว่างที่เขาพูด หน้าต่างโฮโลแกรมสีฟ้าอ่อนก็โผล่ออกมาตรงหน้าเขา
เจ้าหน้าที่ตำรวจที่ยืนอยู่ที่ประตูกดกริ่งอย่างสุภาพและมองมาที่จอมอนิเตอร์ที่ประตู
“สวัสดีครับ นักวิชาการลู่ เรามาจากสำนักงานความมั่นคงเมืองจินหลิง—”
เขาพูดไปได้เพียงครึ่งเดียว ประตูข้างหน้าเขาก็เปิดออกโดยอัตโนมัติ
เจ้าหน้าที่ตำรวจอึ้งไปเล็กน้อย
แล้วหน้าของลู่โจวก็ปรากฏขึ้นบนหน้าจอของระบบควบคุมการเข้าถึง
“ทางเข้าประตูไม่ใช่ที่ที่เหมาะจะคุยกันเท่าไร เข้ามาในห้องนั่งเล่นดีกว่าครับ”