Scholar’s Advanced Technological System ระบบปั้นอัจฉริยะ - ตอนที่ 1478 ผมผิดหวัง
ณ อาคารอีสต์เอเชียเอเนอร์จี้
ด้วยความที่ตั้งอยู่ตรงปากแม่น้ำหวงผู่ อาคารนี้จึงไม่เพียงแต่มองเห็นเมืองได้แต่ยังเห็นความรุ่งเรืองของภูมิภาคพาน-เอเชียนทั้งหมดด้วย นี่เป็นพื้นที่ที่แพงที่สุดในกลุ่มเมืองสามเหลี่ยมปากแม่น้ำแยงซีเกียงทั้งหมด มันยังเป็นเจดีย์ที่คนนับไม่ถ้วนที่อาศัยอยู่ในกลุ่มเมืองสามเหลี่ยมปากแม่น้ำแยงซีเกียงปรารถนาอีกด้วย
อย่างไรก็ตามไม่มีใครคิดว่าตลอดร้อยปีที่ผ่านมาจะมีมือที่มองไม่เห็นยื่นเข้ามาอย่างเงียบๆ พยายามที่จะแย่งชิงความสำเร็จที่ชายผู้ยิ่งใหญ่ได้ทิ้งเอาไว้เมื่อศตวรรษก่อน และถึงกับประทับตัวมันเองบนตัวประธานคณะกรรมการบริหาร
แม้ว่าคนผู้นั้นจะชดใช้ด้วยความตายแล้ว แต่ความวุ่นวายที่เหลืออยู่นั้นยังอีกยาวไกล
ระหว่างที่ยืนอยู่ในโรงรถ ร้อยเอกซิงก็มองออกไปด้านข้าง เขาชำเลืองมองไปที่เหล่าสมาชิกของคณะกรรมการบริหารอีสต์เอเชียเอเนอร์จี้ที่อยู่ไม่ไกลนัก แล้วเขาก็ลดเสียงลงและกระซิบกับพวกลูกน้องที่อยู่ข้างๆ เขา “ผมจะคุยกับนักวิชาการลู่ทีหลัง”
สือจินอึ้งไปเล็กน้อย เขาถามว่า “จะไม่ดีกว่าเหรอครับถ้าปล่อยให้คุณหวังเผิงไป? พวกเขาดูเป็นคนคุ้นเคยเก่าแก่กัน”
ซิงเปียนพูดสั้นๆ ว่า “เพราะมิตรภาพของพวกเขา ผมเลยกังวลว่าเขาจะไม่มั่นใจว่าอะไรควรพูดและอะไรไม่ควรพูด”
นอกจากนี้หวังเผิงยังคงรายงานมาจากสำนักงานใหญ่
แม้ว่าซิงเปียนจะให้ไฟเขียวกับหวังเผิงในระดับหนึ่งและประวัติของเขาจะไม่ด่างพร้อย แต่เขาก็ยังต้องผ่านขั้นตอนมาตรฐาน
โดยเฉพาะอย่างยิ่งสำหรับการอบรมปฐมนิเทศ 30 วัน ซึ่งยุ่งยากยิ่งกว่าภารกิจในการทำงาน ว่ากันตามตรงเขาถึงกับกังวลอยู่นิดๆ ว่าคนโบราณจากศตวรรษที่ 21 ผู้นี้จะสามารถรับมือกับมันได้หรือไม่
สือจินพยักหน้า แสดงออกถึงความเข้าใจและยืนอยู่ข้างๆ อย่างเงียบๆ
ในเวลาเดียวกันชายที่สวมแว่นกรอบทองซึ่งอยู่ไม่ไกลก็ชำเลืองมองมาทางทั้งสองคน
ระหว่างช่วงเวลานี้ คนจากสำนักงานความมั่นคงกำลังจัดการคดีในตึก ดังนั้นเขาจึงรู้ถึงตัวตนของทั้งสองคน
อย่างไรก็ตามมันคงจะเป็นไปไม่ได้ที่จะจัดการกับพวกเขาแบบคนทั่วไปจะต้องเกิดความกดดันทางจิตใจแน่นอน
มีแต่คนสมบูรณ์แบบเท่านั้นที่จะใช้ชีวิตอยู่ในเทพนิยาย ไม่มีใครสามารถไต่ขึ้นมาถึงตำแหน่งของเขาได้โดยที่มือไม่เปื้อนเลือด…
ใครที่เชื่ออย่างอื่นก็โง่แล้ว
ขณะที่พยายามคิดอยู่ว่าสองคนนั้นมาทำอะไรที่นี่ ประตูบานพับของที่จอดรถเปิดออกอย่างช้าๆ
ลมเย็นที่ส่งเสียงโหยหวนพัดเข้ามาจากด้านนอกประตูที่จอดรถ ลมเย็นยะเยือกทำให้หลายคนต้องหรี่ตา
รถคันหนึ่งที่ลอยอยู่กลางอากาศขับเข้ามาจากด้านนอกประตูโรงรถที่เปิดอยู่และจอดอย่างตั้งใจในพื้นที่จอดรถ
หุ่นยนต์บอดี้การ์ดที่สวมเสื้อผ้าแบบทางการและมีรูปลักษณ์ที่ไม่สะดุดตา เว้นแต่ลูกตาสีแดง ก็ก้าวลงมาจากที่นั่งผู้โดยสาร หุ่นยนต์เปิดประตูตรงที่นั่งด้านหลัง และลู่โจวซึ่งเสื้อผ้าแบบสบายๆ ก็ลงมาจากรถอย่างสงบนิ่ง
กลุ่มสมาชิกคณะกรรมการและผู้บริหารของอีสต์เอเชียเอเนอร์จี้ที่รออยู่ด้านข้างก็รีบพุ่งตรงมาหาเขาทันที
“สวัสดีครับ นักวิชาการลู่ ผมเป็นสมาชิกของคณะกรรมการยุทธศาสตร์การลงทุนของคณะกรรมการบริหารและเป็นหนึ่งในกรรมการผู้จัดการ คุณเรียกผมว่าจงจื้ออวี่ หรือคุณจงก็ได้ครับ”
“สวัสดีครับคุณจง”
ลู่โจวจับมือทักทายกับคุณจง แล้วเขาก็เหลือบมองไปทางผู้อำนวยการและผู้บริหารคนอื่นๆ ข้างๆ เขา
เว้นแต่โมรินากะ นี่เป็นครั้งแรกที่เขาได้เห็นทุกคน มีทั้งความคาดหวัง ความสงสัย ความกังวล และความเป็นศัตรูอย่างลึกซึ้งในดวงตาเหล่านั้น
สถานการณ์ดูเหมือนจะรุนแรงมากขึ้นกว่าที่เขาคิด
ลู่โจวอดที่จะรู้สึกสะเทือนใจนิดๆ ไม่ได้
นี่ไม่ได้เป็นปัญหาตอนที่โปรเจกต์ฟิวชั่นที่ควบคุมได้ถูกจุดชนวนขึ้นเป็นครั้งแรก แม้ว่าผู้เฒ่าหยวนจะเกลียดชังเขามากและระบบราชการของเขาก็เกิดปัญหา แต่เจตนาดั้งเดิมของทั้งสองนั้นเหมือนกันซึ่งก็คือเพื่อจุดชนวนฟิวชั่นที่ควบคุมได้และเพื่อให้ผู้คนมีชีวิตในอนาคตที่ดีขึ้น
ในส่วนของการโต้เถียงเหล่านั้น พวกเขาก็เพียงแต่โต้เถียงกันในระดับวิชาการเท่านั้น
และในช่วงสุดท้ายของโปรเจกต์การจุดชนวน ผู้เฒ่าหยวนได้ละทิ้งอคติของเขาและมายืนอยู่ในฝั่งเดียวกับเขา
มันอยู่ภายใต้ความเป็นอันหนึ่งอันเดียวกับทุกคนที่พวกเขาได้ประสบกับชัยชนะอันยิ่งใหญ่
ด้วยความสัตย์จริง ขณะที่มองดูคนเหล่านี้ที่อยู่ตรงหน้าเขา จริงๆ ลู่โจวก็รู้สึกผิดหวังเล็กน้อย
ถามอย่างจริงจังเลยว่ามันยังมีความหวังในเรื่องลิฟต์อวกาศอยู่จริงๆ เหรอ?
และฟิวชั่นที่ควบคุมได้รุ่นที่สองก็ยังคงไม่สำเร็จ แม้จะผ่านมาหนึ่งศตวรรษแล้ว…
จงจื้ออวี่ไม่ได้สังเกตเห็นความผิดหวังบนใบหน้าของลู่โจว เขาพูดด้วยความเคารพว่า “อีกไม่นานการประชุมคณะกรรมการบริหารจะเริ่มแล้ว กรุณามากับผมด้านนี้ครับ”
ลู่โจวพยักหน้าและไม่ได้พูดอะไร เขาเดินไปทางลิฟต์ข้างๆ เขา
ตรงทางเข้าลิฟต์ เขาสังเกตเห็นคนสองคนที่ยืนอยู่ข้างเขาซึ่งคอยมองมาที่เขาอยู่
ทั้งสองคนพูดคุยแลกเปลี่ยนกัน คนหนึ่งดูเหมือนจะอยากเข้ามาและพูดอะไรบางอย่างกับเขา แต่ก็อาจจะมีคนอยู่บริเวณนั้นมากเกินไป เขาจึงเพียงแต่ยื่นมือออกมาและค่อยๆ ผลักนามบัตรโฮโลแกรมโปร่งแสงออกมา
ลู่โจวรับนามบัตรมาแล้วมองผาดๆ เขาไม่ได้พูดอะไร เขาเพียงแต่พยักหน้าให้คนคนนั้น
ชายคนนั้นตอบรับด้วยการพยักหน้าแล้วยังยืนอยู่ที่นั่นต่อไป
ในลิฟต์ เว้นแต่หลิงซึ่งไม่สามารถแยกตัวออกไปจากลู่โจวได้ จงจื้ออวี่ก็เป็นคนเดียวที่อยู่กับเขา
จงจื้ออวี่เหลือบมองไปทางหุ่นยนต์ที่ยืนอยู่ข้างเขา เขาสูดลมหายใจเข้าลึก ลดเสียงลง และถามว่า “ขอโทษนะครับ นี่คือหุ่นยนต์หรือเปล่าครับ?”
ลู่โจวตอบว่า “ใช่ครับ มีอะไรหรือเปล่า?”
“เปล่าครับ… เพียงแต่ว่าโดยส่วนตัวผมอยากแนะนำให้คุณระมัดระวังให้มากขึ้นครับ” จงจื้ออวี่ยิ้มอย่างบิดเบี้ยวและพูดต่อไปด้วยเสียงอันเบาว่า “มีข่าวลือว่าการเสียชีวิตของประธานหลิว…เกี่ยวข้องกับหุ่นยนต์น่ะครับ”
ลู่โจวพูดว่า “ผมจะระวัง”
พอเห็นว่าลู่โจวไม่ได้ซึมซับคำเตือนของเขาเข้าไปในใจเลย จงจื้ออวี่ก็ถอนใจอยู่ในใจและไม่ได้พูดอะไร เขาไม่เข้าใจความมั่นใจของไอศกรีมหลงยุคนี่เลย เขาพยายามอย่างดีที่สุดแล้วที่จะเตือนลู่โจว
ในส่วนที่เหลือนั่นก็ไม่ใช่ธุระของเขาแล้ว…
…
การประชุมกำลังจะเริ่มขึ้น
ภายในห้องประชุมที่กว้างขวาง ผู้คนนั่งอยู่รอบโต๊ะประชุม
และที่ต่างจากการประชุมคณะกรรมการบริหารครั้งก่อนคือครั้งนี้ไม่มีใครที่ฉายภาพโฮโลแกรมเลย
หลังจากที่ได้ยินว่านักวิชาการลู่จะมาพบคณะกรรมการบริหาร แม้แต่สมาชิกคณะกรรมการบริหารที่ลาพักผ่อนอยู่ไกลถึงดวงจันทร์ก็ยังรีบกลับมาที่กลุ่มเมืองสามเหลี่ยมปากแม่น้ำแยงซีเกียง
ไม่เพียงแต่การประชุมครั้งนี้จะเกี่ยวกับอนาคตของอีสต์เอเชียเอเนอร์จี้ แต่มันยังเป็นเพราะตำแหน่งของหลิวเจิ้งซิงยังว่างอยู่ด้วย
นอกจากการหารือเรื่องทิศทางการพัฒนาของอีสต์เอเชียเอเนอร์จี้ในปีที่กำลังจะมาถึงแล้ว การประชุมครั้งนี้จะมีการคัดเลือกประธานที่จะอธิบายถึงผลประโยชน์ทั้งหมดของคณะกรรมการบริหารทั้งหมดด้วย
ในฐานะที่เป็นบริษัทด้านพลังงานยักษ์ใหญ่ในภูมิภาคพาน-เอเชียน ก็เป็นที่ประจักษ์ชัดแล้วว่าตำแหน่งของประธานนั้นสำคัญขนาดไหน
และจากข้อมูลที่พวกเขาได้รวบรวมมา ลู่โจวก็ไม่ใช่คนที่หิวกระหายอำนาจอะไร
ไม่เช่นนั้นหลังจากที่โปรเจกต์ฟิวชั่นที่ควบคุมได้เสร็จสิ้นแล้วเขาก็คงจะไม่ลาออกจากงานในฐานะหัวหน้านักออกแบบอย่างไม่ได้สนใจอะไรและไปทำงานในด้านการบินและอวกาศแทน
แม้ว่าขนาดของอุตสาหกรรมการบินและอวกาศจะมาถึงระดับที่ไม่สามารถจะวัดได้ แต่ในอดีตนั้น มันเป็นเรื่องยากสุดๆ ที่จะส่งคนไม่กี่คนไปที่ดาวอังคาร ตำแหน่งของหัวหน้าที่ปรึกษาของคณะกรรมการการโคจรของดวงจันทร์ไม่สามารถจะเทียบได้กับตำแหน่งของผู้นำในแวดวงนิวเคลียร์ฟิวชั่น
ดังนั้นพวกเขาจึงยังมีความหวังใหญ่สำหรับการแข่งขันเพื่อตำแหน่งของประธานพวกเขาเอง
ย้อนกลับไปตอนนั้นลู่โจวไม่ได้สนใจในเรื่องการบริหารจัดการธุรกิจ แล้วร้อยปีต่อมาล่ะ เขาจะยังเหมือนเดิมหรือเปล่า?
เพื่อที่จะเอาชนะเสียงโหวตของลู่โจว หลายคนจึงพยายามอย่างหนักจริงๆ และจัดเตรียมข้อเสนอ โดยมีเจตนาที่จะโน้มน้าวลู่โจวและหุ้นส่วน 7% ของเขาให้มายืนอยู่ข้างเดียวกับพวกเขา
ยกตัวอย่างเช่น สัญญาที่จะเพิ่มการลงทุนในการวิจัยทางวิทยาศาสตร์หรือบริจาคให้กับมูลนิธิพิทักษ์สิทธิมนุษยชนแช่แข็ง…
เช็คต่างๆ ที่ออกมาอาจจะไม่ได้ทำให้พวกเขาต้องสิ้นเปลืองเงินเลย เงินเล็กน้อยนี้เป็นแค่เงินจำนวนเล็กน้อยในกระเป๋าสำหรับองค์กรยักษ์ใหญ่อย่างอีสต์เอเชียเอเนอร์จี้
เมื่อการประชุมได้เริ่มต้นขึ้นมันก็ดำเนินไปอย่างค่อนข้างเป็นระเบียบเรียบร้อย หลังจากนั้นไม่ถึงครึ่งชั่วโมงก็ตกอยู่ในความโกลาหล
สีหน้าของกรรมการบริหารหลายคนที่นั่งอยู่ตรงนั้นก้าวร้าว พวกเขามองดูใครบางคนแข่งขันเพื่อตำแหน่งประธานอย่างเงียบๆ หรือไม่ก็พูดคุยกับทีมของตัวเองทางโทรศัพท์
ไม่ต่างจากผู้อำนวยการคนอื่นๆ แม้ว่ากรรมการบริหารเหล่านี้ซึ่งได้รับการแต่งตั้งโดยองค์กรจะสามารถเข้าร่วมในการคัดเลือกประธานได้ แต่มันก็แทบจะเป็นไปไม่ได้ที่จะได้รับเลือก
ถึงแม้สัดส่วนการถือหุ้นของพวกเขาจะค่อนข้างมาก แต่พวกเขาก็ไม่ได้มีอำนาจยิ่งใหญ่ โดยเฉพาะในสถานที่อย่างอีสต์เอเชียเอเนอร์จี้ที่ซึ่งมีผลประโยชน์ของทุกภาคส่วนเข้ามาเกี่ยวข้อง สถานการณ์ที่นี่ก็ยิ่งซับซ้อน ถ้าตัวแทนที่องค์กรใหญ่ๆ ส่งมาแสดงเจตนาที่จะได้รับเลือก พวกเขาก็คงจะถูกองค์กรอื่นๆ ต่อต้านอย่างรุนแรง
ผู้ถือหุ้นรายย่อยอื่นๆ คงจะรวมตัวกันเพื่อปกป้องผลประโยชน์ของพวกเขาเองและขัดขวางการเลือกตั้งของพวกเขา
ดังนั้น ภายในคณะกรรมการบริหารของอีสต์เอเชียเอเนอร์จี้ จึงกลายเป็นกฎที่ว่ากรรมการบริหารไม่ควรเข้าร่วมในการเลือกตั้งประธาน
ข้อตกลงนี้ยังคงดำรงอยู่มาเป็นเวลาครึ่งศตวรรษ
ลู่โจวมองไปที่พวกคนชั่วร้ายที่กำลังพูดคุยกันอยู่รอบโต๊ะประชุม เขาอดทนอยู่สักพัก แต่ในที่สุดเขาก็ทนไม่ไหวอีกต่อไป
เขาเคาะนิ้วชี้ลงบนโต๊ะอย่างแรง เขาพูดขึ้นด้วยเสียงอันดังเพื่อขัดจังหวะเสียงเซ็งแซ่บนโต๊ะประชุม
“หยุดเถียงกันก่อนครับ ผมจะขอพูดอะไรหน่อย”
เสียงเซ็งแซ่นั้นค่อยๆ เงียบหายไปทันที
หลังจากได้ยินคำพูดของลู่โจว หลายคนก็เงียบลง
ความเงียบนี้ไม่ได้เกิดจากความเคารพไปเสียทั้งหมด อันที่จริง ส่วนมากเป็นเพราะความประหลาดใจ
ลู่โจวไม่ได้แสดงสีหน้าอะไร เขายันโต๊ะประชุมด้วยมือทั้งสองข้างและยืนขึ้นจากตำแหน่งที่นั่งอยู่
“ด้วยความสัตย์จริง นี่เป็นวันที่น่าผิดหวังที่สุดนับตั้งแต่ผมได้มาที่ยุคนี้ แต่ผมไม่อยากบอกพวกคุณว่าผมผิดหวังตรงจุดไหน”
“ผมไม่ได้มีความสนใจในตำแหน่งประธานเลยแม้แต่น้อยและผมก็มักจะจ้างคนอื่นให้มาบริหารจัดการธุรกิจของผม”
“แต่ตอนนี้ ผมเปลี่ยนใจแล้วครับ”
ลู่โจวมองไปรอบๆ โต๊ะประชุมที่เงียบสนิท เขาพูดต่อด้วยน้ำเสียงที่ไร้ซึ่งข้อกังขา “ผมจะรับตำแหน่งประธานเอง”
“ข้อเสนอก็คือฟิวชั่นที่ควบคุมได้รุ่นที่สอง ไม่มีแผน ไม่มีแพลตฟอร์มการหาเสียง”
“ถ้าคุณต้องการก็โหวตให้ผมครับ!”