Scholar’s Advanced Technological System ระบบปั้นอัจฉริยะ - ตอนที่ 1492 ปัญหาที่เงินแก้ได้นั้นไม่นับว่าเป็นปัญหา
- Home
- Scholar’s Advanced Technological System ระบบปั้นอัจฉริยะ
- ตอนที่ 1492 ปัญหาที่เงินแก้ได้นั้นไม่นับว่าเป็นปัญหา
ตั้งแต่ที่ลู่โจวไล่คนออกจากแล็บวิจัยแม่เหล็กไฟฟ้าของอีสต์เอเชียเอเนอร์จี้ ข่าวเรื่องอีสต์เอเชียเอเนอร์จี้ก็ไม่เคยหยุดลง
เมื่อไม่นานมานี้รายงานวิจัยเรื่องอีสต์เอเชียเอเนอร์จี้ของกลุ่มทุนหยางเหว่ยทำให้ประเด็นของอีสต์เอเชียเอเนอร์จี้กลับมาเป็นประเด็นที่มีคนพูดถึงมากที่สุดอีกครั้ง
สรุปง่ายๆ ก็คือ มันเป็นรายงานสั้นๆ ฉบับหนึ่ง
ในรายงานนั้น กลุ่มทุนหยางเหว่ยได้วิเคราะห์ถึงปัญหาความสับสนในการบริหารจัดการของอีสต์เอเชียเอเนอร์จี้และความไม่ชินกับการทำธุรกิจของประธาน กลุ่มทุนหยางเหว่ยรายงานว่า ‘รายได้ของบริษัทจะลดลง 11-15% จากสองปีก่อน’ และ ‘อาจจะไม่ได้ทำโปรเจกต์ฟิวชั่นที่ควบคุมได้รุ่นที่สอง’
ครั้งล่าสุดที่อีสต์เอเชียเอเนอร์จี้ประสบปัญหาการขายชอร์ตก็คือเมื่อประมาณห้าสิบปีก่อน
ตอนนี้ดูเหมือนประวัติศาสตร์จะกลับมาซ้ำรอยอีกครั้ง อีสต์เอเชียเอเนอร์จี้กลับมาเจอกับมหันตภัยร้ายแรงด้วยเหตุผลคนละแบบกับครั้งก่อน หลายคนรู้สึกว่าสถานการณ์ตอนนี้มันไม่ปกติ
นี่มันไม่เหมือนกับครั้งที่แล้ว
ครั้งที่แล้วนั้น ปัญหาความวุ่นวายเกินจากวิกฤตการณ์ทางเศรษฐกิจ
แต่ครั้งนี้ แม้แต่เด็กฝึกงานของวาณิชธนกิจ[1]ก็ยังสัมผัสได้ว่ามันมีอะไรแหม่งๆ อยู่
อย่างไรก็ตามหลังมีการปล่อยรายงานการขายชอร์ตออกมา ข่าวด้านลบของอีสต์เอเชียเนอร์จี้ก็ตามมาอย่างไม่หยุดหย่อน จนสุดท้ายก็ทำให้กระแสแง่ลบในตลาดได้สำเร็จ
ในวันที่สองหลังจากมีการปล่อยรายงานนั้น คำสั่งจำนวนมากกว่าหนึ่งพันล้านคำสั่งของอีสต์เอเชียเอเนอร์จี้ก็ถูกยกเลิก ซึ่งคำสั่งนี้มีปริมาณเพิ่มขึ้นโดยตรงจากการที่ลู่โจวเข้ารับตำแหน่งประธานและประกาศว่าจะจัดทำโปรเจกต์ฟิวชั่นที่ควบคุมได้รุ่นที่สอง มันกลับไปสู่จุดเริ่มต้นอีกครั้ง
เอาจริงๆ และตรงๆ แล้วก็คือ ลู่โจวไม่ได้สนใจเรื่องราคาหุ้นมากนัก
ในฐานะที่เป็นผู้ถือหุ้นมาตั้งแต่แรก ความสูญเสียของเขานั้นมีอยู่แค่กระจึ๋งเดียว
ไม่ว่ากลุ่มทุนหยางเหว่ยจะเก่งแค่ไหนก็เป็นไปไม่ได้ที่จะเปลี่ยนมูลค่าตลาดของหุ้นพวกนี้กลับไปอยู่ในระดับเดียวกับสมัยเมื่อหนึ่งร้อยปีก่อน
เขาแค่โกรธนิดหน่อย
กว่าจะได้ฟิวชั่นอิกนิชั่นมา เขากับเพื่อนร่วมทีมแนวหน้าของเขาต้องลำบากกับการวิจัยผานกู่มาหลายวันหลายคืน
มันเพิ่งผ่านมาแค่หนึ่งร้อยปีเท่านั้น ที่ผลงานที่เขาทิ้งไว้ให้คนรุ่นหลังได้ถูกกัดกินและทำลายด้วยความโลภไปเสียแล้ว
โชคดีที่เขายังไม่ได้ตายไปจริงๆ ไม่อย่างนั้นแล้วเขาจะต้องโมโหจนลุกมาจากหลุมศพแน่ๆ
ในขณะที่ลู่โจวกำลังดูราคาหุ้น เขาก็พูดขึ้นมาอย่างล่องลอยว่า “ซื้อคำสั่งในตลาดให้มากเท่าที่เขาวางไว้เลย”
เสี่ยวไอ “ได้เลยเจ้านาย แต่ว่า…นี่เป็นเงินที่ยืมคนอื่นมานะ เจ้านายต้องจ่ายคืนพวกเขานะ w(゚Д゚)w”
“ฉันรู้น่า” ลู่โจวพูดด้วยน้ำเสียงสบายๆ “ฉันยืมเงินมา บางทีเขาก็อาจจะยืมมาเหมือนกัน ฉันอยู่ในศึกครั้งนี้ได้นานกว่าที่เขาจะหาเงินมาจ่ายหนี้ที่ยืมมาได้หมดด้วยซ้ำ”
ถึงเขาจะไม่ใช่ผู้เชี่ยวชาญทางการเงินอะไร แต่เขาก็ยังศึกษาเรื่องการเงินอย่างจริงจังมาแล้ว
การขายชอร์ตมีเพื่อยืมสินทรัพย์อ้างอิงอย่างหุ้นอีสต์เอเชียเอเนอร์จี้ จากนั้นก็เอาไปขายเอาเงิน แล้วรอให้ราคาสินทรัพย์ดรอปลงแล้วค่อยนำสินทรัพย์อ้างอิงพวกนั้นกลับมา
นี่เป็นการเดิมพันต่อความคาดหวัง ถ้าหุ้นของอีสต์เอเชียเอเนอร์จี้ร่วงในอนาคตจริง การชอร์ตอีสต์เอเชียเอเนอร์จี้ก็จะทำกำไรได้
แต่ถ้าเป็นในทางตรงกันข้าม ที่หุ้นไม่ร่วงแต่กลับขึ้นแทน…
ถ้าอย่างนั้นพวกเขาจะต้องซื้อสินทรัพย์อ้างอิงที่พวกเขาขายไปในราคาสูงกลับคืนมา หรืออาจจะต้องเจอกับชอร์ตสควีซ[2]ด้วยซ้ำ
สำหรับตลาดหมี[3]แบบนี้ วิธีสู้นั้นง่ายเอามากๆ วิธีสู้ก็คือใช้ข่าวเพื่อเปลี่ยนสภาพทิศทางของตลาดหรือจะเอาเงินจำนวนมากมาสู้กันก็ได้
ลู่โจวเลือกวิธีหลัง ซึ่งเป็นวิธีที่เรียบง่ายและไร้ซึ่งความซับซ้อนที่สุด
ถึงแม้ว่าเงินห้าหมื่นล้านจะเทียบอะไรกับมูลค่าในตลาดของอีสต์เอเชียเอเนอร์จี้ไม่ได้ แต่มันก็มีค่าเท่ากับน้ำหนักการเทรดของเดย์เทรด[4]หลายๆ วัน อีกอย่างเขาก็ยังไม่เคยคิดจะซื้อหุ้นของอีสต์เอเชียเอเนอร์จี้ทั้งหมด เขาต้องการซื้อแค่คำสั่งขายของกลุ่มทุนหยางเหว่ยเท่านั้น
หากพูดตรงๆ แล้ว ถึงแม้สิ่งที่ลู่โจวคิดจะถูกต้อง มันก็ยังค่อนข้างน่าตลกอยู่ดี เพราะโดยทั่วไปแล้ว ต่อให้มีใครอยากต่อสู้กับกลุ่มทุนหยางเหว่ย แต่มันก็ไม่มีความจำเป็นที่ต้องใช้เงินซื้อคำสั่งโดยตรง
ตามกฎพื้นฐานของเศรษฐศาสตร์แล้ว ความรู้สึกมีส่วนเกี่ยวข้องเป็นอย่างมาก
เมื่ออยู่ภายใต้แรงกดดันจากข่าวไม่ดีแบบนั้น จะไม่ได้มีแค่กลุ่มทุนหยางเหว่ยแน่ๆ ที่เลือกที่จะขาย แต่ต้องมีคนอื่นหรือบริษัทอื่นที่ทำตามเทรนด์ขายนี้ด้วย
ถ้าเขาอยากจะให้ ‘พวกขายชอร์ต’ ปวดหัวล่ะก็ เขาต้องรอจนกว่าจะมีข่าวดีออกมา เขาจึงจะได้เก็บเกี่ยวผลประโยชน์อย่างเต็มรูปแบบ นอกจากนี้ การโจมตีโดยตรงในลักษณะนี้โดยไม่ให้โอกาสฝั่งตรงข้ามได้ถอย ยังจะทำให้เขาไม่มีพื้นที่ในการถอยกลับด้วยเช่นกัน
ถ้าเป็นเฉินยู่ซาน เธอจะไม่ทำแบบนี้แน่ๆ
แต่อย่างไรก็ตาม…
เธอไม่ใช่คนที่มีอำนาจอีกต่อไปแล้ว แต่กลับเป็นชายที่ไม่เคยกังวลเรื่องเงินแทนที่มีอำนาจ
ยิ่งเขาไม่รู้ว่าเงินในยุคนี้นั้นมีค่ามากแค่ไหน ลู่โจวเพียงแค่ใช้เงินที่ยืมมาได้มาทำเป็นชิปต่อรองเท่านั้น
เมื่อหนึ่งร้อยปีก่อน ไม่ว่าจะเป็นที่มหาวิทยาลัยพรินซ์ตันหรือมหาวิทยาลัยจินหลิง เขาก็ไม่เคยกลัวการเดิมพันอะไรทั้งนั้น เวลาหนึ่งร้อยปีต่อมาก็ไม่ได้ทำให้เขาเปลี่ยนไปเลย
แต่หากพูดจริงๆ แล้ว ถึงแม้แผนการของลู่โจวจะเต็มไปด้วยความไร้สาระ มันกลับทำให้คนบางคนกลัวได้
…
ณ ตึกของกลุ่มทุนหยางเหว่ย
ผู้จัดการการลงทุนมองไลน์หุ้นที่สงบบนภาพโฮโลแกรม เขาที่เป็นคนนำปฏิบัติการต่อต้านลู่โจวแสดงทีท่าโมโห
“เวรเอ๊ย พวกเราโดนบ้าอะไรเนี่ย์! คำสั่งพวกนี้มีคนซื้อไปได้ไง?”
เมื่อเขาเห็นคำสั่งจำนวนสองพันล้านถูกกินไปในพริบตา หัวของเขาก็เหมือนจะระเบิดออกเป็นเสี่ยงๆ
นี่เป็นครั้งแรกที่เขาเคยเจอเรื่องอะไรแบบนี้!
ซงหยางเหว่ยยืนอยู่หลังผู้จัดการการลงทุน หน้าของเขาเป็นสีเขียวเช่นกัน แววตาของเขาดูพร่ามัว
เขาไม่เคยเห็นปฏิบัติการแปลกๆ อะไรแบบนี้มาก่อน
วินาทีที่พวกเขากดขายคำสั่ง ก็มีคนบ้าที่ไหนไม่รู้รีบซื้อไปทันที
ทั้งสองฝั่งสู้กันอย่างสูสีอยู่เกือบครึ่งชั่วโมง เขาเสียแต้มเครดิตไปถึงห้าพันล้านแต้มแล้ว ผลที่ตามมาก็คือราคาหุ้นของอีสต์เอเชียเอเนอร์จี้ตอนนี้ดูมีการเดินสุ่ม[5]อยู่ราวๆ เกณฑ์ราคาที่เหมาะสม
เจ้านั่นไปเอาเงินมาจากไหนเยอะแยะ?
อาจจะเป็นจากเอไอไอบี…
แต่ซงหยางเหว่ยก็ปัดสมมุติฐานนี้ทิ้งอย่างรวดเร็ว
เป็นไปไม่ได้ที่เอไอไอบีจะให้เจ้านั่นยืมเงินมาช่วยตัวเองเพิ่มหุ้นในอีสต์เอเชียเอเนอร์จี้ อย่างแรก การกระทำแบบนี้มันขัดกับกฎ อย่างที่สอง มันยังมีความเสี่ยงทางกฎหมายด้วย สำหรับธนาคารเพื่อการลงทุนโครงสร้างพื้นฐานแห่งเอเชียแล้ว พวกเขาจะต้องประกาศล่วงหน้าอย่างน้อยหนึ่งวันว่าจะเพิ่มโฮลดิ้งในหุ้นบริษัทก่อน
ในกรณีนี้ มีความเป็นไปได้เพียงอย่างเดียวเท่านั้น
เจ้าหมอนั่นใช้หุ้นของตัวเองเป็นตัวการันตี จากนั้นก็ยืมเงินมาใช้สู้กับเขา…
“ไอ้บ้านั่น…” ซงหยางเหว่ยกัดฟันหลังจากพ่นคำด่าพวกนั้นออกมจากปาก “เขาไม่กลัวว่าตัวเองจะโดนผู้บริหารในบอร์ดคนอื่นจัดการหรือไง?”
การโจมตีที่ตรงไปตรงมาแบบนี้มีแค่ลู่โจวคนเดียวที่ทำได้
แต่ก็เพราะ ‘ความตรงไปตรงมา’ ของลู่โจวนี่แหละที่ทำให้ซงหยางเหว่ยรู้สึกสับสนเล็กน้อย
แต้มเครดิตจำนวนห้าพันล้านแต้มหายไปในเวลาเสี้ยววินาที ห้าพันล้านนั้นถือเป็นตัวเลขที่มากพอดู แม้แต่กับกลุ่มทุนหยางเหว่ย
สำหรับพวกนักล่าทางการเงินที่อยากจะมาตามศึกที่กลุ่มทุนหยางเหว่ยเป็นคนเริ่มแล้ว พอพวกเขาได้เห็นว่ากระดูกชิ้นที่ชื่อว่าลู่โจวนี้มันเคี้ยวยาก พวกเขาก็เริ่มระมัดระวังขึ้นเรื่อยๆ พวกเขารอดูสถานการณ์ก่อนจะลงมือทำอะไร
เพราะถึงหลายคนจะใช้เวลาแทบทั้งชีวิตอยู่ในวงการการเงิน แต่นี่ก็เป็นครั้งแรกที่พวกเขาได้เห็นการแข่งขัยที่เอาเป็นเอาตายขนาดนี้ คำสั่งขายและคำสั่งซื้อมีจำนวนเท่ากันพอดี
เจ้าหมอนี่มันมั่นใจในตัวเองขนาดไหนเนี่ย?
ยิ่งเมื่อเงินพวกนี้มาจากกระเป๋าของนักวิชาการลู่เองด้วย…
คนหลายคนเริ่มคาดการณ์กันว่าบางทีเทคโนโลยีฟิวชั่นที่ควบคุมได้รุ่นที่สองเริ่มพัฒนาแล้วจึงทำให้เขามั่นใจได้ขนาดนี้ เพราะถ้าใช้ตรรกะคิดดีๆ แล้วล่ะก็ พวกเขาหาเหตุผลอื่นไม่ได้แล้วว่าทำไมลู่โจวถึงทำแบบนี้
ในชั่วพริบตาเดียวเงินสองพันล้านก็หายไป
เมื่อมองคอลัมน์ที่แทนมูลค่าเทรดที่สูงกว่าเมื่อวานถึงสี่เท่าแล้ว ผู้จัดการการลงทุนที่นั่งอยู่ที่โต๊ะก็เริ่มรู้สึกกลัวในที่สุด หลังจากกลืนน้ำลาย เขาก็หันไปหาประธานแล้วพูดด้วยเสียงกระวนกระวายว่า “ท่านประธาน ท่านประธานครับ…”
ซงหยางเหว่ยตอบด้วยสีหน้าหดหู่ “อะไร?”
“พวกเรา…” ผู้จัดการการลงทุนกลืนน้ำลายอีกครั้งแล้วถามด้วยเสียงทุ้มต่ำ “พวกเราอยากจะขายต่อไหมครับ? ผมรู้สึกว่ารายงานวิจัยของเราต้องมีอะไรผิดพลาดสักอย่าง มันยังไม่มีการเคลื่อนไหวอะไรเลย”
“อย่าเพิ่งกังวลไป ผมยังไม่ได้บอกให้คุณหยุด ฉะนั้นจงอย่าหยุด” ซงหยางเหว่ยมองราคาหุ้นบนจอโฮโลแกรมที่เริ่มจะพุ่งสูงขึ้นมา ใบหน้าของซงหยางเหว่ยเริ่มดูหดหู่มากขึ้นเรื่อยๆ หลังจากผ่านไปพักหนึ่ง เขาก็พูดต่อว่า “รอจนถึงช่วงบ่ายนะ จากนั้นก็วางคำสั่งขายหนึ่งพันล้านดอลลาร์ซะ ส่วนบุลเล็ตที่เหลือก็เก็บไว้ช่วงสุดสัปดาห์ ไม่ต้องกลัวไป ผมยังเหลือไพ่ตายอยู่สองสามอย่าง ทำตามที่บอกไป”
“ครับท่าน…”
ผู้จัดการการลงทุนหุบปากแล้วหันไปจ้องจอโฮโลแกรม
อันที่จริงเขาอยากจะบอกให้ซงหยางเหว่ยใช้ไพ่ตายให้เร็วที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้ ถ้าพวกเขารอให้บุลเล็ตทั้งหมดถูกใช้ไปล่ะก็ มันคงจะสายเกินไป
ในขณะที่ซงหยางเหว่ยจ้องเขม็งไปที่จอโฮโลแกรม ใบหน้าของเขาก็มีสีหน้าไม่แน่ใจ แววตาของเขาฉายแววลังเลเล็กๆ
หลังจากนั่งอยู่ในตำแหน่งระดับสูงของคณะกรรมการวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีของบอร์ดผู้บริหารเทคโนโลยีมาเป็นเวลานาน เขาก็รู้ข่าวในมุมมืดของอีสต์เอเชียเอเนอร์จี้มาบ้าง
แต่เขาก็รู้ว่าถ้าข่าวในมุมมืดพวกนี้ถูกปล่อยออกไป มันจะกระตุ้นให้เกิดแพนิกเซลล์[6]ในตลาด ถึงแม้ว่าเขาจะทำเงินได้มากจริง แต่มันก็บอกยากว่านั่นเป็นข้อดีหรือข้อเสียกันแน่
ถ้าฉันมีเวลามากกว่านี้ล่ะก็…
ถ้าเขาอยู่ในคณะกรรมการวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีมานานกว่านี้อีกสักครึ่งปีแลัวล่ะก็ เขาอาจจะสามารถเอาตัวเองออกจากปัญหาได้โดยไม่ต้องมีความเสี่ยงอะไร
เขามองราคาหุ้นที่ดูเหมือนมีการเดินสุ่ม และภาพร่องรอยของความยากลำบากก็แวบเข้ามาในหัวของเขา หลังจากสูดลมหายใจเข้าลึก เขาก็ออกไปเดินข้างนอกออฟฟิศเทรดแล้วเคาะนิ้วชี้กับนาฬิกาข้อมือของตัวเอง
แสงสีน้ำเงินอ่อนและเงารวมตัวกัน เกิดเป็นภาพโฮโลแกรมโปร่งแสงที่ปรากฏขึ้นมาตรงหน้าเขาอย่างรวดเร็ว
เขาเปิดหน้าช่องทางติดต่อแล้วเลือกกดชื่อของคนที่น่ารำคาญคนหนึ่งขึ้นมา หลังจากรออยู่ไม่กี่วินาที เขาก็มองหน้าต่างวิดีโอคอลที่เปิดขึ้นมาแล้วพูดด้วยเสียงหดหู่ว่า “มาสงบศึกกันเถอะ”
ลู่โจวรู้สึกตกใจไปชั่วขณะ แล้วเขาก็หัวเราะ
“สงบศึกเหรอ? คุณซง ผมไม่เข้าใจว่าคุณกำลังพูดเรื่องอะไร”
“ไม่ต้องมาแกล้ง ตอนนี้ผมกำลังเปิดรับการเจรจาอยู่ แต่จะทำไม่นานหรอก” ซงหยางเหว่ยยังคงจ้องหน้าต่างวิดีโอคอลที่มีภาพลู่โจวต่อ “ผมต้องขอชมเชยกลเม็ดฉลาดๆ ของคุณนะ คุณถือว่าตัวลูกเขยที่ไร้ความสามารถของผมเป็นคำขอโทษจากผมก็แล้วกัน”
“จากนี้ต่อไปในฝ่ายของแผนกการวิจัยและการพัฒนา คุณอยากจะทำอะไรก็เรื่องของคุณ ผมไม่เข้าไปยุ่งแล้ว อีกเรื่องก็คือผมจะเลิกแผนการขายชอร์ตนี่ด้วย เมื่อผมซื้อหุ้นกลับมาโดยเสียไปเล็กน้อย มันจะกลับไปเหมือนว่าไม่มีอะไรเกิดขึ้น”
ลู่โจวมีสีหน้าพึงพอใจ เขาเอ่ยด้วยรอยยิ้มว่า “ไม่ใช่ว่านั่นจะเกิดขึ้นอยู่แล้วเหรอครับ?”
“อย่ามาทำเป็นตลกนะ!” ซงหยางเหว่ยโกรธขึ้นมาทันที “ผมฆ่าพวกเราทั้งคู่ได้ถ้าผมต้องการ!”
“อ้อหรอครับ?” ลู่โจวถามต่อ เขาเลิกคิ้วขึ้นมาด้วยความสงสัย “บอกสิว่าคุณจะทำอย่างไร”
“พูลของอีสต์เอเชียเอเนอร์จี้มันลึกกว่าที่คุณคิดไว้ คุณเพิ่งมานั่งเก้าอี้ประธานได้แค่ไม่กี่วัน คิดว่าคุณรู้หมดทุกเรื่องแล้วหรือไง?” ซงหยางเหว่ยพูดต่อด้วยรอยยิ้มเย็นชา “ผมนั่งอยู่ในเก้าอี้ของคณะกรรมการวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีมามากกว่าสิบปี ผมเห็นทุกอย่างที่คุณมองไม่เห็น”
ลู่โจวว่า “หรือพูดอีกอย่างหนึ่งก็คือ คุณยังมีไพ่ตายแอบซ่อนอยู่”
“จะว่างั้นก็ได้” ซงหยางเหว่ยหรี่ตาแล้วพูดต่อ “ถ้าข่าวด้านไม่ดีถูกปล่อยออกมาล่ะก็ ผลที่ตามมาอาจจะอยู่เหนือการควบคุมของคุณก็ได้”
ลู่โจวยิ้มแล้วเอ่ยขึ้น “ถ้าอย่างนั้นก็บอกผมทีว่าข่าวไม่ดีอันนั้นคืออะไร บางทีมันอาจจะทำให้ผมกลัวก็ได้?”
“ผมให้เวลาคุณคิดเรื่องนี้หนึ่งวัน” ซงหยางเหว่ยหลับตา เขาพูดด้วยน้ำเสียงใจเย็นและเมินลู่โจวไปเสียสนิท “หลังจากสุดสัปดาห์ พอตลาดหุ้นเปิด ถ้าคุณยังหาเรื่องผมต่ออีก ผมจะถือว่าคุณตัดสินใจแล้ว”
ลู่โจวแทบจะหัวเราะเสียงดังออกมา
ไอ้ตัวตลกนี่มันใครกัน?
แกต่างหากล่ะที่เป็นคนหาเรื่องฉันก่อน!
“งั้นคุณจะให้ผมรออยู่เฉยๆ ให้เรื่องมันดีขึ้นมาเองเหรอ?”
“ผมสัญญาว่าผมจะซื้อพวกนั้นกลับในราคาที่เหมาะ และสามวันหลังจากนั้น ไม่ว่าคุณจะอยากเพิ่มหรือลดโฮลดิ้งของคุณ คุณก็ทำได้ตามใจชอบเลย”
ซงหยางเหว่ยไม่รอให้ลู่โจวให้คำตอบที่ชัดเจน เขากดวางสายไปดื้อๆ เลย
ณ เวลานี้ เสี่ยวไอที่กำลัง ‘นั่งสมาธิ’ อยู่บนโซฟา ก็ลืมตาขึ้นมา เธอกระพริบตาแล้วมองไปทางลู่โจว
“เจ้านาย ดูเหมือนว่าจะไม่มีคำสั่งขายใหญ่ๆ อะไรแล้วนะ (๑•̀ᄇ•́)و✧”
“โอเค”
หลังจากคิดอยู่พักหนึ่ง ลู่โจวก็พูดขึ้นมาว่า “จะว่าไปนะเสี่ยวไอ คนที่เพิ่งโทรมาหาฉันเมื่อกี้นะ…เสี่ยวไอแฮ็กเข้าไปในเทอร์มินัลส่วนตัวของเขาได้ไหม?”
เสี่ยวไอ “ไม่น่าจะมีปัญหาอะไรมากนะ เจ้านายอยากให้เสี่ยวไอเริ่มเลยไหม? (⃔*`꒳ ́*)⃕↝”
ลู่โจวพยักหน้าแล้วบอกว่า “ก็ข่าวร้ายของคนในที่เขาพูดถึงน่ะ…ฉันค่อนข้างจะสนใจอยู่”
“ไม่มีปัญหา! เสี่ยวไอจัดการเอง!(๑•̀ᄇ•́)و✧”
ข่าวที่สามารถเขย่ารากฐานของอีสต์เอเชียเอเนอร์จี้ได้
ลู่โจวนึกภาพไม่ออกเลยว่ามันจะเป็นอะไร
การหนีภาษี?
ของปลอม?
เขาคิดออกแต่เรื่องแบบนี้ แต่ไม่ว่ามันจะเป็นข้อหาอะไร มันก็ดูไม่ได้หนักหนาสากรรจ์อะไรนัก
“ไม่คิดเลยนะเนี่ยว่าหลังจากผ่านไปหนึ่งร้อยปี ฟิวชั่นที่ควบคุมได้รุ่นที่สองจะกลายเป็นเรื่องที่สร้างขึ้นยากขนาดนี้”
ลู่โจวมองภาพโฮโลแกรมที่ยังไม่เสร็จซึ่งอยู่บนโต๊ะ เขาส่ายหัว จากนั้นก็ยื่นมือไปแตะอินเตอร์เฟสปฏิบัติการ แล้วเอาพลังงานในร่างกายไปใช้กับงานที่เขาสนใจจริงๆ …
…………………..
[1] วาณิชธนกิจ (Invesment banking) เป็นสถาบันทางการเงินซึ่งทำหน้าที่ระดมเงินทุน, ซื้อขายหลักทรัพย์, บริหารการควบรวมและซื้อกิจการ รวมถึงให้คำปรึกษาในธุรกรรมข้างต้นและธุรกรรมทางการเงินประเภทอื่น เช่น การปรับโครงสร้างหนี้ การจัดอันดับความน่าเชื่อถือ ทำรายงานวิจัย ออกแบบผลิตภัณฑ์ทางการเงิน เป็นต้น
[2] ชอร์ตสควีซ (short squeeze) คือ ลักษณะหนึ่งของพฤติกรรมราคาหุ้นหรือสินทรัพย์ทางการเงินที่ปรับตัวสูงขึ้นอย่างฉับพลัน
[3] ตลาดหมี คือ ภาวะที่ราคาปรับร่วงลงอย่างต่อเนื่องท่ามกลางปัจจัยพื้นฐานที่เป็นลบต่อเศรษฐกิจ
[4] เดย์เทรด คือ การเก็งกำไรระยะสั้นในสินทรัพย์ทางการเงิน อาศัยประโยชน์จากการเคลื่อนไหวของราคาในช่วงเล็ก ๆ ภายในวันเดียวหรือเซสชันเดียวกัน
[5] การเดินแบบสุ่ม มาจากทฤษฎีการเคลื่อนไหวแบบสุ่ม (Random Walk Hypothesis) ซึ่งสรุปได้ว่า การเปลี่ยนแปลงของราคาหุ้นในระยะสั้นไม่สามารถจะถูกทำนายหรือพยากรณ์ได้
[6] แพนิกเซลล์ (Panic Selling) คือสภาวะที่เกิดจากการขายแบบตื่นตระหนกตกใจ อาจจะเกิดขึ้นจากมีข่าวลือหรือข่าวร้ายบางอย่างที่นักลงทุนไม่คาดคิดมาก่อน แล้วทุกคนตกใจเลยเกิดการเทขายหุ้นออกมา ทำให้หุ้นตัวนั้นตกหนัก