Scholar’s Advanced Technological System ระบบปั้นอัจฉริยะ - ตอนที่ 1495 คุณไม่รู้สึกผิดกับสิ่งที่ทำลงไปเลยเหรอ?
- Home
- Scholar’s Advanced Technological System ระบบปั้นอัจฉริยะ
- ตอนที่ 1495 คุณไม่รู้สึกผิดกับสิ่งที่ทำลงไปเลยเหรอ?
ในวันสุดท้ายของสุดสัปดาห์ คนส่วนใหญ่ในพาน-เอเชียกำลังอยู่ในช่วงวันหยุด แต่ ณ ตึกของกลุ่มทุนหยางเหว่ยก็ยังวุ่นวายเหมือนอย่างเคย
สำหรับพวกเขาแล้ว วันพรุ่งนี้จะเป็นศึกนัดสำคัญ
ศึกที่ไม่ใช่แค่แบ่งเป็นชัยชนะกับความพ่ายแพ้ แต่ยังรวมถึงความเป็นความตายอีกด้วย
เพื่อจะชอร์ตอีสต์เอเชียเอเนอร์จี้ พวกเขาต้องยอมเสี่ยงเงินถึงหมื่นพันล้าน ถ้าหุ้นไม่สามารถซื้อกลับมาได้อย่างราบรื่นแล้วล่ะก็ มันจะกลายเป็นการตีกลับอย่างรุนแรงกับกระแสเงินสดของกลุ่มทุนหยางเหว่ยอย่างไม่ต้องสงสัย
ยิ่งถ้าหากราคาหุ้นของอีสต์เอเชียเอเนอร์จี้ยังพุ่งสูงขึ้นต่อล่ะก็ พวกเขาจะต้องซื้อหุ้นที่พวกเขายืมมากลับมาในราคาที่สูงกว่า ซึ่งจะส่งผลให้สถานการณ์แย่และเลวร้ายลงอย่างไม่ต้องสงสัย
สุดท้าย พวกเขาเสี่ยงจะเสียเงินไปหลักหมื่นล้าน
สำหรับเงินทุนมากขนาดนั้น ต่อให้มีเทรดประจำวันของอีสต์เอเชียเอเนอร์จี้พวกเขาก็ไม่สามารถซื้อหุ้นกลับมาได้ในเวลาอันสั้น บริษัทลงทุนที่วางแผนจะชอร์ตร่วมกับพวกเขาด้วยก็อาจจะหันหลังให้แล้วเลือกทรยศพวกเขาแทน
การทำธุรกิจไม่มีศีลธรรมอันดีงามอะไรทั้งนั้น
อย่างไรก็ตามถึงแม้ศึกนี้จะเป็นสิ่งที่ยากเอามากๆ พนักงานส่วนใหญ่ก็ยังเชื่อว่าพวกเขาจะชนะในตอนท้าย ไม่ใช่แค่เพราะ ‘ไพ่ตาย’ ที่บอสของพวกเขาอ้างว่ามีเท่านั้น แต่ยังเพราะว่าบอสของพวกเขายังคาดการณ์ทิศทางทั่วไปของเทรนด์การเงินอย่างถูกต้องมาหลายปีแล้วด้วย
ซงหยางเหว่ยนั่งอยู่ในออฟฟิศของตัวเองขณะจ้องไปที่หน้าจอโฮโลแกรมที่กำลังลอยอยู่บนโต๊ะ ทันใดนั้นเขาก็ขมวดคิ้วแล้วพึมพำกับตัวเอง “ทำไมตาฉันมันกระตุกตลอดเวลาเลยนะ”
พอได้ยินเจ้านายของเขาบ่น เลขานุการที่นั่งอยู่ข้างๆ ก็รีบถามเขาด้วยรอยยิ้มว่า “ข้างซ้ายหรือข้างขวาเหรอครับที่กระตุก?”
“ข้างซ้ายน่ะ”
“ขวาร้ายซ้ายดีครับ แปลว่านี่เป็นสัญญาณที่ดี!” เลขาฯตอบด้วยรอยยิ้ม “เหมือนว่าคุณกำลังจะรวยในเร็วๆ นี้นะ”
ซงหยางเหว่ยยักไหล่ แต่ทันใดนั้นเองคิ้วของเขาก็ขมวดอีกครั้ง
“…หืม เหมือนจะไม่ใช่นะ ที่กระตุกเป็นข้างขวาน่ะ”
เลขาฯที่เพิ่งถอนหายใจอย่างโล่งอกเมื่อกี้แทบจะสำลักน้ำลายตัวเอง เขารีบยิ้มออกมาเป็นครั้งที่สอง “เอ่อ ผมจำผิดครับ ขวาดี…”
แต่ยังพูดไม่ทันจบ เสียงฝีเท้ารีบเร่งก็ดังใกล้เข้ามาจากข้างนอกออฟฟิศ ประตูถูกผลักเปิดออก
ซงหยางเหว่ยมองกลุ่มคนที่ยืนอยู่หน้าประตู เขาตะลึงไปชั่วขณะ และกำลังจะพูดอะไรสักอย่าง คนที่เข้ามาในออฟฟิศคนแรกหยิบตราของเขาออกมา แล้วก็ตะโกนว่า
“นี่ตำรวจ!”
“อย่าขยับ!”
ซงหยางเหว่ยที่กำลังคิดเรื่องธุรกิจของตัวเองอยู่ก็ตื่นตระหนกทันที เขายกมือขึ้นมาโดยอัตโนมัติ แต่ก็วางมันลงทันที แล้วถลึงตาใส่เจ้าหน้าที่ตำรวจ
“คุณทำอะไรของคุณน่ะ?! ผมเป็นพลเมืองที่ปฏิบัติตามกฎหมายนะ พฤติกรรมตอนนี้ของคุณ…”
“จะบอกว่าปฏิบัติตามกฎหมายเหรอ” ร้อยเอกซิงมองชายสูงวัยที่นั่งอยู่ในเก้าอี้ออฟฟิศ เขาเดินตรงเข้ามาหาอีกฝ่ายจากประตูพร้อมหรี่ตามองแล้วถามต่อ “ผู้อำนวยการซง คุณไม่รู้สึกผิดกับสิ่งที่ทำลงไปเลยเหรอ?”
วินาทีที่ซงหยางเหว่ยได้ยินประโยคนั้น หัวใจของเขาก็เต้นรัว
ยิ่งเมื่อเขาได้เผชิญหน้ากับดวงตาเรียวเล็กของอีกฝ่าย ความกลัวที่อธิบายไม่ถูกก็ก่อตัวขึ้นในจิตใจของเขา ทำให้ทั้งร่างสั่นกลัวอย่างควบคุมไม่ได้
“คุณ…เอ่อ มาจากกองความมั่นคงเหรอ?”
ซิงเปียนยักไหล่ เขาไม่ตอบคำถามของซงหยางเหว่ย เขาทำแค่สั่งลูกน้องที่ยืนอยู่ข้างๆ
“พาตัวเขาไป”
ถึงจะไม่มีคำตอบอะไร ความเงียบนั้นก็เป็นการบอกอย่างหนึ่งแล้ว
ซงหยางเหว่ยหน้าถอดสีเมื่อเขาได้ยินคำพูดประโยคนั้น
ถ้าหากนี่เป็นเรื่องคดีทางการเงิน ถ้าพวกเขาอยากจะพาตัวเขาไป อย่างน้อยพวกเขาก็จะต้องโชว์หมายจับจากอัยการก่อน ไม่ต้องสงสัยเลยว่าพวกเขามาที่นี่ด้วยสาเหตุที่มากกว่าเรื่องคดีทางการเงิน
“ถ้าผมรับสารภาพ มันจะช่วยลดโทษให้ผมได้ไหม?”
“ได้สิครับ” ซิงเปียนพูดต่อในขณะที่มองชายสูงวัยที่ตอนนี้ทำตัวเหมือนเด็กวัยรุ่นที่โดนจับได้คาหนังคาเขา “แต่ก็ขึ้นอยู่กับว่าคำสารภาพของคุณจะมีประโยชน์กับเราหรือไม่ด้วย”
…
เมื่อช่วงสุดสัปดาห์ผ่านไป สัปดาห์แห่งความวุ่นวายก็กลับมาอีกครั้ง
สำหรับคนส่วนใหญ่แล้ว วันจันทร์นี้กับวันจันทร์ปกติทั่วไปไม่มีข้อแตกต่างอย่างชัดเจนเลย แต่กับคนในวงการการเงินแล้ว วันนี้เป็นวันที่ค่อนข้างผิดปกติ
เมื่อสัปดาห์ก่อนกลุ่มทุนหยางเหว่ยได้รายงานการขายชอร์ตกับอีสต์เอเชียเอเนอร์จี้ และพวกเขายังทำลายยอดคำสั่งขายมูลค่าเกือบหมื่นล้าน ซึ่งกลายมาเป็นจุดโฟกัสของผู้ประกอบการในอุตสาหกรรมการเงินทุกคน
แต่เหตุการณ์กลับไม่คืบหน้า เงินหมื่นล้านนั้น นอกจากจะไม่ได้ส่งผลกระทบกับราคาหุ้นแล้ว ยังกลายเป็นว่าราคาหุ้นของอีสต์เอเชียเอเนอร์จี้กลับมั่นคงขึ้นกว่าเดิมด้วย ทำให้คนเริ่มสงสัยว่ามันอาจจะเป็นเฟคนิวส์หรือเปล่า
ไม่ต้องสงสัยเลยว่ากลุ่มทุนหยางเหว่ยก็แค่บลัฟเฉยๆ
นี่เป็นเงินจริงจำนวนหลายพันล้าน และคาดว่าหลังจากหนึ่งสัปดาห์หลังการพักและการปรับปรุงองค์กร กลุ่มทุนหยางเหว่ยก็ต้องออกมาตรการการตอบโต้มาแน่ๆ
แต่ในขณะที่ทุกคนกำลังจ้องราคาหุ้นของอีสต์เอเชียเอเนอร์จี้และรอให้กลุ่มทุนหยางเหว่ยสู้กลับ บางสิ่งที่ไม่คาดคิดก็เกิดขึ้น
มันก็เหมือนกับเดย์เทรดวันสุดท้ายของสัปดาห์ที่แล้ว ราคาหุ้นของอีสต์เอเชียเอเนอร์จี้ไม่ร่วงลงมาแม้แต่น้อย มันกลับสูงขึ้นนิดหนึ่งด้วยซ้ำ
ปริมาณการซื้อขายก็น้อยเช่นกัน
เมื่อเห็นฉากที่ไม่ปกตินี้ บริษัทที่ลงทุนแทบจะทุกบริษัทที่ตามราคาหุ้นของอีสต์เอเชียเอเนอร์จี้อย่างใกล้ชิดก็สับสนไปตามๆ กัน
หรือกลุ่มทุนหยางเหว่ย…
จะยอมแพ้แล้ว?
พวกเขาไม่สนตำแหน่งและความเสี่ยงที่มีมูลค่าหมื่นล้านนี้แล้วเหรอ?
ไม่ว่าพวกเขาจะโยนเงินลงไปเพิ่มอีกหรือเริ่มซื้อหุ้นกลับมา พวกเขาก็ต้องทำอะไรสักอย่างสิ ใช่ไหม?
ปกติมันก็ควรจะเป็นอย่างนั้น แต่กลุ่มทุนหยางเหว่ยกลับทำเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น พวกเขาไม่มีปฏิกิริยาโต้ตอบอะไรเลย
มันแปลกมากจนคนอื่นไม่รู้ว่าจะพูดอะไรดี
ในขณะที่ทุกคนกำลังสับสนอยู่ว่าซงหยางเหว่ยกินยาไม่เขย่าขวดหรือเปล่า กระแสซุบซิบว่าบอสของกลุ่มทุนหยางเหว่ยถูกตำรวจจับกุมก็หลุดออกมา
และดูเหมือนว่าจะไม่ได้โดนจับคดีการเงินธรรมดาๆ ทั่วไปด้วย
หลังจากที่ข่าวนี้ออกมา ทั้งวงการการเงินก็ตกอยู่ในความโกลาหล
ข่าวซุบซิบแพร่ไปทั่วอย่างรวดเร็ว บางคนก็บอกว่ารายงานการขายชอร์ตของซงหยางเหว่ย บอสของกลุ่มทุนหยางเหว่ย ไปทำให้คนบางคนโกรธเข้า คนบางคนที่ว่าก็คือผู้ถือหุ้นรายใหญ่ของบอร์ดผู้บริหารในอีสต์เอเชียเอเนอร์จี้ โดยเฉพาะธนาคารเพื่อการลงทุนโครงสร้างพื้นฐานแห่งเอเชีย บางคนก็บอกว่าเป็นเพราะตัวเขานั่นแหละ
คนที่เหลือเดาว่าน่าจะเป็นเพราะนักวิชาการลู่
แต่ความเป็นไปได้มันก็น้อยเอามากๆ
สรุปสั้นๆ ก็คือ ไม่ว่าด้วยเหตุผลอะไรที่ทำให้ซงหยางเหว่ยถูกจับ ก็มีสิ่งหนึ่งที่เกิดขึ้นแน่นอน
ซึ่งก็คือหลังจากที่บอสของพวกเขาถูกจับ ทั้งกลุ่มทุนหยางเหว่ยก็ตกสู่สภาวะแห่งความวุ่นวายโกลาหล และการขายชอร์ตอีสต์เอเชียเอเนอร์จี้ก็ไม่สามารถทำต่อได้อย่างปกติ
ทันทีที่ข่าวแพร่กระจายออกไป หุ้นของอีสต์เอเชียเอเนอร์จี้ก็พุ่งสูงขึ้น มันไม่เพียงแต่จะสูงเกินยอดที่ร่วงลงตอนลู่โจวตัดโครงการในแล็บวิจัยแม่เหล็กไฟฟ้าเมื่อไม่กี่วันก่อน แต่ยังพุ่งสูงขึ้นเพิ่มอีกสองสามจุดจากตรงนั้นไปอีก
ในเวลาหนึ่งวัน กลุ่มทุนหยางเหว่ยสูญเสียแต้มเครดิตแสนล้านแต้ม ในขณะที่ราคาหุ้นของอีสต์เอเชียเอเนอร์จี้พุ่งสูงขึ้นไปเรื่อยๆ กลุ่มทุนหยางเหว่ยก็จะเสียเงินเพิ่มมากขึ้นจากคนที่ใช้สิทธิการขายหุ้น
จนกระทั่งผู้คนเริ่มจำได้ว่าใครเป็นผู้ที่ซื้อหุ้นของอีสต์เอเชียเอเนอร์จี้ก่อนหน้านี้ แล้วพวกเขาก็เสียใจที่พวกเขาพลาดโอกาสนี้ไป
คนบางคนในวงการการเงินเริ่มคำนวณตัวเลขขึ้นมา
รายได้ของวันจันทร์เพียงวันเดียวได้ทำให้ลู่โจวที่เข้าต่อสู้ในการขายชอร์ตกับกลุ่มทุนหยางเหว่ยได้รับแต้มเครดิตหลักแสนล้านแต้ม ไม่ใช่แค่เพราะหุ้นที่เขาซื้อมาในช่วงนี้เท่านั้น แต่ยังเป็นเพราะเขาถือหุ้นไว้ 7% อยู่แล้วด้วย
ถ้ากลุ่มทุนหยางเหว่ยไม่สามารถทำสถานการณ์ตามที่ตัวเองต้องการให้เกิดขึ้นได้ในเวลาอันสั้นนี้แล้วล่ะก็ การซื้อหุ้นพวกนั้นกลับมาในอนาคตก็น่าจะทำให้ราคาหุ้นของอีสต์เอเชียเอเนอร์จี้เพิ่มสูงขึ้นไปอีก
แล้วถ้าเทคโนโลยีฟิวชั่นที่ควบคุมได้รุ่นที่สองเกิดขึ้นมาจริงๆ มันจะทำให้พวกเขาล้มละลายได้เลย
ในช่วงเวลานี้ ลู่โจวที่ซื้อหุ้นของอีสต์เอเชียเอเนอร์จี้มาอย่างต่อเนื่องนั้น ได้กลายเป็นผู้ชนะครั้งใหญ่จาก ‘เหตุการณ์ขายชอร์ต’ ครั้งนี้
………………..