Scholar’s Advanced Technological System ระบบปั้นอัจฉริยะ - ตอนที่ 1508 ทุกอย่างเริ่มต้นจากงานวิจัยชิ้นหนึ่ง
- Home
- Scholar’s Advanced Technological System ระบบปั้นอัจฉริยะ
- ตอนที่ 1508 ทุกอย่างเริ่มต้นจากงานวิจัยชิ้นหนึ่ง
ปราสาทจันทรา
ยานอวกาศสีขาว-เงินค่อยๆ เข้าจอดเทียบท่าที่ท่าอากาศยาน
เซี่ยเทียนมองภาพรางๆ ของเมืองที่กำลังเข้าใกล้เข้ามาเรื่อยๆ ผ่านช่องหน้าต่างทรงกลมของยาน ในดวงตาของเขามีแววของความตื่นตาตื่นใจ
“นี่เป็นครั้งแรกที่ผมได้มาดวงจันทร์ ได้ยินมาว่าทั้งการวิจัยฟิสิกส์นิวเคลียร์และฟิสิกส์อนุภาคของที่นี่โด่งดังมาก ผมอยากจะมาที่นี่ตั้งนานแล้ว แต่หาโอกาสมาไม่ได้เสียที”
ชายที่ยืนอยู่ข้างเขานามว่า เจี่ยซือหยวน ก็ยิ้มแล้วบอกว่า “บังเอิญจังนะ ผมก็เหมือนกัน”
ทั้งคู่ต่างเป็นนักวิจัยจากอีสต์เอเชียเอเนอร์จี้ และพวกเขาต่างก็เป็นพวกที่มีความสามารถในระดับที่เรียกว่าค่อนข้างจะเบสิก
ทั้งสองอาจจะยอมอุทิศเวลาวัยเยาว์ของพวกเขาให้กับการวิจัยวิทยาศาสตร์แล้วรอจนกว่าจะอายุ 40 ถึง 50 (ขึ้นอยู่กับสถานการณ์) เพื่อจะได้รับตำแหน่งจัดการทีมวิจัยเล็กๆ สักทีม
สวัสดิการของอีสต์เอเชียเอเนอร์จี้เป็นสวัสดิการที่ดีที่สุดในหมู่มวลบริษัทพลังงานในโลก แต่ในขณะเดียวกัน ทุกคนก็รู้กันดีว่าพนักงานในบริษัทนี้มีโอกาสได้รับการเลื่อนตำแหน่งน้อยแค่ไหน
แต่เมื่อไม่กี่วันก่อน สถานการณ์ก็กลับตาลปัตร
ตั้งแต่ที่ลู่โจวได้ไล่นักวิชาการในสถาบันวิจัยแม่เหล็กไฟฟ้าออกจนหมด คนที่ทำวิจัยเรื่องที่เน้นไปทางการใช้งานได้จริงก็มีชีวิตดีขึ้นกว่าเมื่อก่อน
ถึงเซี่ยเทียนจะคิดว่าการถูกส่งไปดวงจันทร์จะทำให้เขารู้สึกเหมือนตัวเอง ‘ถูกเนรเทศ’ อยู่หน่อยๆ มันก็ยังนับเป็นการเลื่อนขั้นและยังได้เงินเดือนเพิ่มขึ้นอีกด้วย จะอย่างไรก็ตาม การได้อยู่ในสภาพแวดล้อมที่ค่อนข้างเป็นอิสระก็ยังดีกว่าอยู่บนพื้นโลกภายใต้การควบคุมของพวกผู้ใหญ่ทุจริตพวกนั้น
อีกอย่างก็คือ พอโปรเจกต์ประสบความสำเร็จเมื่อไหร่ พวกเขาก็ย้ายกลับไปประจำการที่โลกได้ตอนนั้น
สรุปก็คือ คนที่สามารถ คิด วิเคราะห์ แยกแยะได้ก็ต่างมองออกว่านักวิชาการลู่ยืนอยู่ข้างเดียวกับพวกคนซื่อสัตย์อย่างพวกเขา อย่างถังอวิ๋นเกอที่ทำงานอยู่แนวหน้าก็ได้รับการเลื่อนตำแหน่งขึ้นโดยตรงได้กลายเป็นเบอร์หนึ่งของแล็บไปแล้วตอนนี้ พนักงานระดับล่างของสถาบันวิจัยแทบจะทุกคนต่างก็มองเห็นความหวังอยู่ข้างหน้า
พอคิดแบบนี้ เซี่ยเทียนก็แอบตัดสินใจเงียบๆ เขาต้องทำอะไรสักอย่างที่เปลี่ยนโลกได้บนดินแดนแห้งแล้งแห่งนี้
ยานอวกาศจอดลง
ตัวยานโดยสารปล่อยสะพานยื่นออกมา มันค่อยๆ กลายเป็นทางเดินตรงไปยังสถานีอวกาศ
ทั้งกลุ่มแบกกระเป๋าเดินทางแล้วเดินลงจากยานอวกาศ พวกเขาเดินทางมาถึงประตูของปราสาทจันทรา
แต่ในขณะที่พวกเขากำลังจะได้ลงไปแตะพื้นดวงจันทร์ เหล่านักวิจัยและวิศวกรจากอีสต์เอเชียเอเนอร์จี้ก็พบว่าถนนข้างหน้าพวกเขาถูกคนกลุ่มหนึ่งขวางเอาไว้
“…คนพวกนั้นมาทำอะไรกัน?”
เซี่ยเทียนมองตัวแทนบางคนที่มาจากในกลุ่ม พวกเขาแยกตัวมาจากฝูงชนแล้วเดินตรงมาหาเขา เซี่ยเทียนใช้มือแบกกระเป๋าเดินทาง ใบหน้าเขาฉายแววไม่ไว้ใจสถานการณ์ข้างหน้า
เจี่ยซือหยวนยืนอยู่ข้างเขา อีกฝ่ายก็มีสีหน้าไม่ไว้ใจฝูงชนเช่นกัน
“บางทีพวกเขาอาจจะมาฉลองการเดินทางมาถึงของพวกเราหรือเปล่า?”
แต่ก็เห็นได้ชัดว่าที่พูดมามันไม่จริง
นอกจากคนพวกนั้นจะมีสีหน้าไม่ยินดีแล้ว ภาพโฮโลแกรมบนหัวพวกเขา และสโลแกนที่ขึ้นจอเด่น ก็ไม่มีอันไหนเลยที่ชี้ไปในทางว่าพวกเขาต้อนรับผู้มาใหม่
พอถึงตอนนี้ ตัวแทนไม่กี่คนจากในฝูงชนได้เดินมาหยุดที่ตรงหน้ากลุ่มของอีสต์เอเชียเอเนอร์จี้แล้ว
เซี่ยเทียนยืนอยู่หน้าสุดของทีมวิจัย เขาเริ่มรู้สึกรางๆ ถึงปัญหาเล็กที่กำลังจะมา
พอชายคนนั้นอ้าปาก สภาพบรรยากาศรอบๆ ทั้งสองฝ่ายก็เย็นยะเยือกจนถึงจุดเยือกแข็ง
“ออกไปจากเมืองก่วงฮั่นซะ! พวกเราไม่ต้องการพวกแกที่นี่ เทคโนโลยีอะไรนั่นด้วย”
“ผม…”
พอเซี่ยเทียนพยายามจะอธิบายอะไรสักอย่าง ชายคนนั้นก็ผลักไปที่อกของเซี่ยเทียน ทำให้เขาแทบจะล้มในทันที เจี่ยซือหยวนโมโหในทันที เขาอยากจะก้าวขึ้นมาข้างหน้า แต่ก็ถูกรุมล้อมจากฝูงชน
สถานการณ์ตอนนี้เต็มไปด้วยความโกลาหล โชคดีที่ทีมรักษาความปลอดภัยของสถานีอวกาศมาถึงทันเวลาพอดี พวกเขาควบคุมสถานการณ์ไว้ได้อย่างหลวมๆ และหยุดมันไม่ให้กลายเป็นการลงไม้ลงมือระหว่างสองฝ่าย
แต่ฝูงชนก็ยังคงตะโกนใส่ทีมวิจัยต่อ
“ไสหัวไป!”
“ออกไปจากที่นี่ซะ!”
“ที่นี่ไม่ต้อนรับพวกแก!”
“…”
พวกเขาที่ได้รับการนำทางโดยทีมรักษาความปลอดภัยจึงรีบเดินออกจากตรงนั้นให้ไวที่สุด เซี่ยเทียน เจี่ยซือหยวน และนักวิจัยจากอีสต์เอเชียเอเนอร์จี้คนอื่นๆ ก็มีสีหน้าไม่อยากจะเชื่อกับเรื่องที่เกิดขึ้นกันทั้งนั้น
คนพวกนั้นอยากจะเผาพวกเขาทั้งเป็น
นี่มันบ้าไปกันแล้ว
…
ณ พื้นที่พักผ่อนของปราสาทจันทรา
เซี่ยเทียนถือกระเป๋าน้ำร้อนสำหรับดื่มไว้ในมือ เขายังคงรู้สึกสยองกับเหตุการณ์เมื่อก่อนหน้า
ตอนนั้นเอง ประตูอัลลอยที่อยู่ถัดจากเขาก็เปิดออก ชายในชุดทางการเดินเข้ามาในพื้นที่พักผ่อนตรงมาหาพวกเขาพร้อมกับเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัย
“ทุกท่านครับ ผมต้องกล่าวขออภัยด้วยจริงๆ ผมเป็นเลขาฯของเทศมนตรีเหย่” ชายคนนั้นกล่าวด้วยท่าทางรู้สึกผิดอย่างเห็นได้ชัด “เทศมนตรีเหย่ควรจะได้มาเจอทุกท่านตรงนี้ แต่ตอนนี้ท่านเทศมนตรีต้องทำงานหนักเพื่อแก้ไขปัญหาในปัจจุบัน ผมจึงมาทำหน้าที่ต้อนรับพวกคุณทุกท่านแทนครับ
ต้องขออภัยด้วยจริงๆ นะครับ! เพื่อป้องกันไม่ให้ความขัดแย้งรุนแรงขึ้น พวกเราจึงไม่สามารถปล่อยให้พวกท่านลงจากยานได้ในทันที แต่พวกเราสัญญาว่าพวกเราจะแก้ปัญหานี้ให้เร็วที่สุดเท่าที่จะทำได้…ทุกท่านพอจะให้เวลาพวกเราได้ไหมครับ?”
“ได้แน่นอน แต่ผมต้องรู้ก่อนว่าตอนนี้มันเกิดอะไรขึ้นกันแน่?” เซี่ยเทียนพูดเสียงโกรธๆ เขาจ้องไปที่เลขาฯของเทศมนตรี “พวกเราเตรียมตัวมาหนึ่งสัปดาห์ แต่ต้องมาเจอเรื่องอะไรแบบนี้น่ะเหรอ! พวกคุณอยากได้เวลาก็ได้ ไม่มีปัญหา แต่ช่วยบอกเหตุผลผมมาที”
เลขานุการตอบด้วยรอยยิ้มขมขื่นว่า “พวกเราต้องใช้เวลาสักพักในการกล่อมทุกคน…ผมต้องขอโทษด้วยจริงๆ ”
เขาโค้งสุดตัว แล้วก็เดินออกจากกลุ่มฝูงชนที่กำลังฉุนเฉียว หลังจากที่เลขานุการกำชับเจ้าหน้าที่สถานีอวกาศใกล้ๆ ว่าให้ดูแลพวกทีมวิจัยดีๆ เขาก็หันหลังกลับแล้วรีบเดินไปอย่างรวดเร็ว
แต่เซี่ยเทียนก็ยังรู้สึกได้เป็นอย่างดีว่าเจ้าหน้าที่ของสถานีอวกาศก็ไม่ได้เป็นมิตรเลยสักนิดเดียว
ความไม่เป็นมิตรที่เห็นได้ชัดทำให้ทุกคนที่นั่งอยู่ตรงนั้นตัวสั่นไปกันหมด
…
เมื่อเห็นว่าปัญหานี้ไม่ได้ดูเหมือนว่าจะแก้ไขได้ในเวลาสั้นๆ ทีมวิจัยจึงตัดสินใจเลือกกลับขึ้นยาน
พวกเขามาถึงชายฝั่งแล้วแท้ๆ แต่กลับลงจากเรือไม่ได้ ทุกคนต่างรู้สึกหดหู่กันเป็นอย่างมาก ราวกับไฟที่ลุกโชนในใจถูกน้ำเย็นเยียบของความเป็นจริงสาดเข้าให้
เจียซือหยวนมองดวงจันทร์ที่อยู่ใกล้จนแทบคว้าได้ตรงนอกหน้าต่างทรงกลม เขากระซิบขึ้นมาว่า “แปลกจัง เกิดอะไรขึ้นตรงนั้นกันแน่? พวกเรากลายเป็น…ศัตรูกับทุกคนได้อย่างไรกัน? ผมคิดว่าพวกเขาจะต้อนรับพวกเราเหมือนฮีโร่เสียอีก”
สมัยเมื่ออีสต์เอเชียเอเนอร์จี้โปรโมตเทคโนโลยีนิวเคลียร์ฟิวชั่นบนดาวโลก คนบนโลกต่างก็ยินดีที่ได้เห็นราคาค่าไฟลดลง
ถึงเขาจะไม่ได้สัมผัสประสบการณ์จากยุคนั้น เรื่องดังกล่าวก็ยังหาอ่านได้ในสื่อประวัติศาสตร์
“…ผมก็ไม่รู้เหมือนกัน”
เซี่ยเทียนยิ้มอย่างขมขื่นแล้วส่ายหัวของตัวเอง ดวงตาของเขาเต็มไปด้วยความสับสน
ลางบอกเหตุบอกเขาว่าสิ่งต่างๆ อาจจะซับซ้อนกว่าที่เขาคิด
สถานีอวกาศปราสาทจันทรายังไม่ยอมรับพวกเขาเข้าเน็ตเวิร์กเลย นอกจากติดต่อกับสำนักงานหลักของ EAST ผ่านอุปกรณ์สื่อสารบนยานแล้ว ก็ไม่มีวิธีอื่นอีกแล้วที่พวกเขาจะได้รับข่าวสารจากโลกภายนอก
“…ถ้าจะคาดเดาสถานการณ์แบบมีหลักการแล้วก็คือ” เซี่ยเทียนเป็นคนแรกที่พูดอะไรขึ้นมาในห้องโดยสาร เขาคิดเรื่องนี้มานานแล้ว “เป็นไปได้อย่างมากว่าจะมีปัญหาใหญ่เกิดขึ้นระหว่างวันที่พวกเราเดินทางออกจากเทียนโจว เป็นอุบัติเหตุที่ทำลายความเชื่อใจของชาวเมืองก่วงฮั่นลง”
เจียซือหยวนขมวดคิ้วแล้วถามว่า “แต่จะเกิดอะไรขึ้นได้ในเวลาแค่วันเดียวล่ะ?”
เซี่ยเทียนส่ายหัว
ตอนนั้นเองประตูห้องโดยสารก็เปิดออก ลูกเรือคนหนึ่งเดินเข้ามาในพื้นที่นักบิน
“พวกเราเพิ่งติดต่อกับศูนย์บัญชาการภาคพื้นดินมา พวกเราอาจจะกำลังเจอปัญหาแล้ว”
เซี่ยเทียนเงยหน้าขึ้นไปหาอีกฝ่าย เขากำลังจะเอ่ยปากถาม แต่เจียซือหยวนที่นั่งอยู่ข้างๆ เขาเป็นฝ่ายถามก่อน “เกิดอะไรขึ้น…”
ก่อนที่เขาจะได้ถามจบ ชายคนนั้นก็เอ่ยขึ้นมาด้วยสีหน้าจริงจัง “พวกเขากำลังประท้วง”
“พวกเขากำลังประท้วงต่อต้านพวกเรา”
“หรือถ้าพูดอีกอย่างก็คือ ประท้วงต่อต้านวิศวกรรมฟิวชั่นที่ควบคุมได้รุ่นที่สอง”
เจี่ยซือหยวนอดถามขึ้นมาไม่ได้
“ทำไมกัน? ก็เห็นได้ชัดอยู่แล้วไม่ใช่เหรอ ว่าพวกเรากำลังช่วยแก้ไขปัญหาพลังงานน่ะ!”
“แต่พวกเขาไม่คิดอย่างนั้นน่ะสิ” เขามองนอกหน้าต่างทรงกลมออกไปยังดวงจันทร์ สีหน้าของเขาดูบอกไม่ถูก เขาถอนหายใจแล้วพูดขึ้นว่า “ทุกอย่างเริ่มขึ้นจากงานวิจัยชิ้นหนึ่ง”