Scholar’s Advanced Technological System ระบบปั้นอัจฉริยะ - ตอนที่ 1509 สัญญาจากเมื่อนานมาแล้ว
- Home
- Scholar’s Advanced Technological System ระบบปั้นอัจฉริยะ
- ตอนที่ 1509 สัญญาจากเมื่อนานมาแล้ว
“ชาวเมืองก่วงฮั่นทั้งหลาย พนักงานสถานีอวกาศทั้งหลาย และผู้ที่กล้าหาญมากพอที่จะลุกยืนหยัดขึ้นมา”
“ความกล้าหาญของทุกท่านคือสิ่งที่ปกป้องบ้านเกิดเมืองนอนของพวกเรา”
“พวกคนใหญ่คนโตเงินล้นฟ้าแต่บาปหนาทั้งหลายบนโลก ต่างก็มีแรงปรารถนาสกปรก พวกเขาพยายามทำให้พวกเราต้องจ่ายชีวิตของพวกเราแลกกับการทดลองชั่วร้ายเพื่อเงินสกปรก”
“พวกเราและคนรุ่นพ่อพวกเราได้เสียสละให้ดาวโลกมามากเกินไปแล้ว ในตอนนี้ พวกเขาพยายามจะบีบเอาประโยชน์ทุกอย่างของเราไป เพียงเพื่อจะเสพสุขกับวัตถุราคาแพง เป็นความปรารถนาที่ไม่มีวันเติมเต็มเหมือนหลุมดำ!”
“จะไม่มีใครยอมเห็นด้วย จะไม่มีใครยอม!”
“พวกเรามีชีวิตที่ดีมากๆ อยู่แล้ว พวกเรามีชีวิตที่ดีมากๆ มาเป็นร้อยปีแล้ว และพวกเราก็จะเป็นอย่างนั้นต่อไปในอนาคต พวกเราไม่ต้องการฟิวชั่นที่ควบคุมได้ ไอ้พวกความสงสารกับความช่วยเหลือที่น่าขันพวกนั้นก็ไม่อยากได้!”
“ประวัติศาสตร์จะต้องจดจำวันนี้เอาไว้! จำการที่ฝูงชนตาสว่างครั้งนี้ไว้!”
ช่องวิทยุของเมืองก่วงฮั่นประกาศคำพูดดุดันออกมา
แทบทุกคนต่างก็ได้ยินเสียงประกาศ
แม้สัญชาติหรือสีผิวจะแตกต่าง แต่ตอนนี้พวกเขาต่างก็เป็นชาวเมืองก่วงฮั่นกันทั้งนั้น พวกเขาต่างยืนหยัดขึ้นมาเพื่อจุดประสงค์เดียวกัน ซึ่งก็คือการต่อต้านการตั้งเครื่องปฏิกรณ์ฟิวชั่นที่ควบคุมได้รุ่นที่สอง
เทศมนตรีเหย่เหนื่อยกับการต้องมารับมือกับความคิดเห็นของประชาชนที่กำลังเดือดๆ เขาพยายามทำให้องค์กรที่ไม่ใช่องค์กรของรัฐบาลและตัวแทนจากองค์กรพึงพอใจ แต่มันก็ไม่ได้ช่วยอะไรเลย
สาเหตุของทุกอย่างเริ่มจากงานวิจัยชิ้นเดียว แล้วมันก็ไปผสมกับข่าวที่เมืองก่วงฮั่นกับอีสต์เอเชียเอเนอร์จี้ได้เซ็นสัญญาตกลงร่วมมือกันแล้ว
ผู้นำชั้นนำของวงการฟิวชั่นที่ควบคุมได้เพิ่งตีพิมพ์งานวิจัยชิ้นหนึ่งในวารสารชั้นนำของวงการฟิวชั่นที่ควบคุมได้ คนส่วนใหญ่แทบจะมองว่างานวิจัยที่เปิดโปงเรื่อง ‘สนามแม่เหล็กพัลส์’ เป็นเรื่องจริงกันหมด
ถึงแม้ในทางวิชาการแล้ว เนื้อหาของงานวิจัยจะยังเป็นที่ถกเถียงกันอยู่ แต่คนทั่วไปก็ไม่สนใจเรื่องข้อเท็จจริงกับความจริงอยู่แล้ว
ไม่มีใครอยากให้มีของอย่างระเบิดเวลามาโผล่ที่ข้างเตียงพวกเขาหรอก ไม่ต้องพูดถึงสถานที่ที่พึ่งพาอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์อย่างหนัก สถานที่ที่ชื่อว่าดวงจันทร์ เมื่อเกิดอุบัติเหตุสนามแม่เหล็กหลั่งไหลที่ร้ายแรงขึ้นมาครั้งหนึ่งแล้ว มันก็จะทำลายระบบไหลเวียนอากาศในเมืองก่วงฮั่น และสามารถลบเมืองที่มีคน 100,000 คนนี้ออกไปจากแผนที่ได้ในทันที
ในความคิดของคนอื่นๆ นี่ต้องเป็นสิ่งที่จะเกิดขึ้นแน่ๆ !
พอถึงตอนนี้เทศมนตรีเหย่ก็อยู่ในจุดที่ลำบากแล้ว เขาไม่อยากจะพลาดโอกาสการลงทุนจากอีสต์เอเชียเอเนอร์จี้ หรือโปรเจกต์ฟิวชั่นที่ควบคุมได้รุ่นที่สอง แต่มันก็ยังเป็นไปไม่ได้เช่นกันที่จะยืนอยู่ฝั่งตรงข้ามกับคนทั้งเมืองก่วงฮั่นเพื่อสนับสนุนบริษัทแห่งหนึ่งของดาวโลก
ถึงพวกฝูงชนที่โกรธเกรี้ยวจะฉีกเขาเป็นชิ้นๆ ไม่ได้ พวกเขาก็ยังปลดเขาจากตำแหน่งนายกเทศมนตรีได้…
…
ณ กรุงเซี่ยงไฮ้
ในสำนักงานประธานของอีสต์เอเชียเอเนอร์จี้ สภาพบรรยากาศออกจะตึงเครียดเล็กน้อย
ลู่โจวปิดจอโฮโลแกรมที่กำลังลอยอยู่บนหน้าเดสก์ท็อป เขาเริ่มอ่านรายงานตั้งแต่ต้นจนจบ แล้วเขาก็ดูเหนื่อย ราวกับไม่ได้นอนทั้งคืน จากนั้นเขาก็ยื่นนิ้วออกไปหยิกกลางหว่างคิ้วเบาๆ
“ต่อให้มันเป็นเรื่องไม่ดี มันก็ยังต้องมีเหตุผลมารองรับว่าทำไมจะไม่เอาโปรเจกต์นี้ แต่ประเด็นคือโปรเจกต์นี้เป็นเรื่องดีๆ ที่ตั้งใจทำให้พวกชาวดวงจันทร์เนี่ยสิ…นี่เป็นความผิดผมเอง”
“บางทีผมอาจจะเร่งมันเกินไป…” ลู่โจวนั่งอยู่บนเก้าอี้ เขาจ้องไปทางภาพที่แขวนอยู่บนกำแพงห้องประธานอยู่นาน แล้วก็พูดออกมาว่า “ภาพนี้ถ่ายไม่สวยเลย ผมเปลี่ยนได้ไหม?”
จงจื้ออวี่ถามเสียงแข็ง “นี่มันใช่เวลามาถามเรื่องแบบนี้เหรอครับ?”
โมรินากะที่ยืนอยู่ข้างเขาไม่ได้พูดอะไรมาสักพักใหญ่แล้ว เขากระแอมเบาๆ แล้วเอ่ยขึ้นว่า “ผมแนะนำว่า พวกเราควรจะสืบสวนเรื่องการบริหารความเสี่ยงของเทคโนโลยีฟิวชั่นที่ควบคุมได้รุ่นที่สองอย่างละเอียด ไม่มีความจำเป็นใดๆ ที่จะต้องเร่งให้เริ่มโปรเจกต์ โดยเฉพาะถ้าเกิดว่ามันสร้างความเสี่ยงให้กับชีวิต สุขภาพ และคุณภาพชีวิตของประชากรในเมืองก่วงฮั่น…ในเมื่อพวกเราต้องการจะหลีกเลี่ยงปัญหาเพิ่มเติม ผมคิดว่าหยุดโปรเจกต์นี้ไว้จะดีกว่า”
จงจื้ออวี่ไม่ได้พูดอะไรออกมา แต่สีหน้าของเขาก็บอกความต้องการในใจออกมาหมดแล้ว
เนื่องจากเอไอไอบีมีจุดยืนที่มีอนาคตร่วมกันกับชุมชนคนพาน-เอเชีย พวกเขาจึงไม่สามารถยอมรับความเสี่ยงที่จะทำให้ชาวเมืองก่วงฮั่นไม่พอใจได้ นอกจากนี้อำนาจอธิปไตยของเมืองก่วงฮั่นยังตกเป็นของประเทศจีนอีกด้วย
ลู่โจวเอ่ย “เทคโนโลยีฟิวชั่นที่ควบคุมได้รุ่นที่สองนั้นไม่มีความเสี่ยงอย่างแน่นอน และสนามแม่เหล็กความแข็งแกร่งสูงนั้นจะปรากฏขึ้นแค่ในเครื่องปฏิกรณ์เท่านั้น…แต่ผมเกรงว่าต่อให้ผมพูดอย่างนั้นไป มันก็คงจะแทบไม่มีประโยชน์อะไรแล้ว”
โมรินากะเอ่ยด้วยรอยยิ้มแห้งๆ “คำพูดของคุณไม่ได้ผลหรอก แต่ผมว่า…พวกเราน่าจะหาฝ่ายอื่นมาจัดการเรื่องการบริหารความเสี่ยงนะ คุณว่าไหม?”
“หาไม่ได้หรอก” ลู่โจวส่ายหัวแล้วบอกว่า “จริงๆ ผมก็ติดต่อนักวิชาการชิวไปแล้ว งานวิจัยของเขาถูกลูกศิษย์ตัวเองตีพิมพ์ไปในช่วงเวลาที่เขาอยู่บนดวงจันทร์ หลังจากที่เขาเดินทางกลับโลก เขาก็ติดต่อวารสารเพื่อจะขอต้นฉบับคืนแล้ว แต่กลุ่มคนที่สนับสนุนเขาก็เริ่มตีตราเขาแล้วว่าเขาได้ ‘เข้าร่วมด้านมืด’ แล้วก็ ‘โดนพวกผู้มีอำนาจเอาเงินยัด’”
จงจื้ออวี่ขมวดคิ้วแล้วลองเสนอทางใหม่ “แล้วถ้าเกิดว่า…พวกเรายอมแพ้เรื่องฟิวชั่นที่ควบคุมได้รุ่นที่สองล่ะ? เวลาตอนนี้มันไม่เหมาะสมเลยนะ ผมแนะนำว่าช่วงนี้พวกเราควรจะอยู่กันเงียบๆ ไปสักพักก่อน”
“ทำอย่างนั้นไม่ได้หรอก…”
ลู่โจวมองออกไปนอกหน้าต่าง ดวงตาของเขาฉายแววของความซับซ้อนที่ไม่ได้ปรากฏให้เห็นบ่อยนัก
เขาพึมพำเล็กน้อยด้วยเสียงระดับที่มีเพียงตัวเขาเองที่ได้ยิน “นี่เป็นหนทางเดียวที่จะได้ไปเทาเซติ”
จงจื้ออวี่ขมวดคิ้ว เขาถามขึ้นอย่างสับสนว่า
“…เมื่อกี้คุณว่าอะไรนะ?”
“เปล่าหรอก แค่สัญญาที่ผมให้ไว้นานมาแล้วน่ะ มันไม่เกี่ยวอะไรกับคุณหรอก”
ลู่โจวกลืนน้ำลาย ใบหน้าของเขากลับมาเป็นปกติอีกครั้ง เขามองคนสองคนที่ยืนอยู่หน้าโต๊ะของเขาแล้วจึงพูดต่อ “ผมจะไม่ยอมถอยแค่เพราะกระแสต่อต้านนิดหน่อยนี่หรอกนะ เทคโนโลยีฟิวชั่นที่ควบคุมได้รุ่นใหญ่จะต้องสำเร็จ! ผมยอมรับว่าผมมีแรงจูงใจที่เห็นแก่ตัว แต่มันไม่ใช่แค่เพื่อผมคนเดียว…ทั้งพาน-เอเชีย และแม้กระทั่งอนาคตของมนุษยชาติที่พวกเรามีร่วมกัน ต่างจะได้ผลประโยชน์จากเทคโนโลยีนี้!”
โมรินากะเอ่ยด้วยใบหน้าเศร้าๆ ว่า “แต่…เทคโนโลยีฟิวชั่นรุ่นแรกก็เพียงพอต่อไปในเวลาอีกอย่างน้อยก็ห้าสิบปีแล้วนะครับ ทำไมพวกเราต้องมาทำเทคโนโลยีฟิวชั่นที่ควบคุมได้รุ่นที่สองให้เสร็จในเวลานี้ด้วยล่ะ?”
“เพราะนั่นคือกุญแจที่จะพาพวกเราไปสู่โลกที่อยู่ห่างไกลกว่าได้น่ะสิ มีเพียงความเข้มข้นของพลังงานฟิวชั่นที่ควบคุมได้รุ่นที่สองเท่านั้นที่จะสามารถเติมเต็มความต้องการทางพลังงานของการนำทางอินเตอร์สเตลลาร์ได้!”
มันไม่ใช่แค่เรื่องของการนำทางอินเตอร์สเตลลาร์…
ตอนนั้นเอง ไอคอนสีเขียวก็ส่องแสงขึ้นมาบนหน้าเดสก์ท็อป
หลังจากเห็นชื่อของคนที่โทรมา ลู่โจวก็สูดลมหายใจเข้าเต็มปอด แล้วทำให้ตัวเองใจเย็นลง
“ผมต้องรับสายนี้ ขอเวลาสักหน่อยได้ไหม?”
คนสองคนที่ยืนอยู่หน้าโต๊ะเขาต่างสบสายตากัน
สุดท้ายก็เป็นจงจื้ออวี่ที่เอ่ยขึ้นมาว่า “ผมจะติดต่อไปทางสถาบันวิทยาศาสตร์พาน-เอเชียน ไม่ว่ามันจะช่วยได้หรือไม่ก็ตาม…ผมก็ยังต้องหาวิธีแก้ไขสถานการณ์นี้ให้ได้”
เขาพูดต่อหลังจากลังเลอยู่พักหนึ่ง “แน่นอน ผมยังเชื่อในตัวคุณ แต่…พวกเราก็ต้องทำให้คนอื่นเชื่อในตัวคุณด้วย”
ลู่โจวโบกมือ
“ถ้าอย่างนั้นก็เอาเลย”
พอพวกเขาออกไป จงจื้ออวี่ก็ปิดประตูข้างหลังเขา
หลังจากที่ประตูออฟฟิศปิดลง ทั้งห้องก็ตกอยู่ในความเงียบ
ลู่โจวเอื้อมมือไปกดที่โต๊ะ หน้าต่างโฮโลแกรมสีน้ำเงินอ่อนลอยขึ้นมาปรากฏตรงหน้าลู่โจวอย่างรวดเร็ว
หลี่กวงหยาโผล่ขึ้นมาบนหน้าต่างวิดีโอในขณะที่ลู่โจวถาม “มีอะไรเหรอครับ?”
“คุณพอจะว่างไหม?”
“ทำไมล่ะ”
หลี่กวงหยาถอนหายใจแล้วบอกว่า “พวกเรามาคุยกันแบบเห็นหน้าดีกว่า”