Scholar’s Advanced Technological System ระบบปั้นอัจฉริยะ - ตอนที่ 1513 ไพรเวท-1 ไร้รอยขีดข่วน
- Home
- Scholar’s Advanced Technological System ระบบปั้นอัจฉริยะ
- ตอนที่ 1513 ไพรเวท-1 ไร้รอยขีดข่วน
โฮโลแกรมเหรอ?
ใครมันบ้าทำอะไรแบบนี้วะเนี่ย?!
พอรู้ตัวว่าเกิดอะไรขึ้น โมรินากะก็แทบจะกระอักเลือด
แต่เขาก็แทบจะไม่มีเวลาให้ตั้งตัวอะไร
เสียงตกปากรับคำที่แสนเย็นชาปลุกเขาตื่นขึ้นมาจากภวังค์ของความตื่นตะลึง
“ครับ ผู้การ”
คอของหลิงหมุนเล็กน้อย ม่านตาสีแดงของเขาเปล่งแสงแดงฉาน
โมรินากะใจสั่นเล็กๆ ด้วยเหตุผลบางอย่าง เขาคาดเดาได้ว่าอันตรายกำลังจะมาถึง เขาตะโกนลั่น “ฆ่ามัน” จากนั้นก็รีบวิ่งไปที่ประตูข้างห้องนั่งเล่น
ทันทีที่เขาวิ่งออกมาจากห้องนั่งเล่น คลื่นเพลิงก็โผล่พรวดขึ้นมาด้านหลังเขา อาวุธอัตโนมัติมากมายที่แขวนอยู่บนเพดานต่างก็ยิงเปลวไฟออกมาในทันที
กระสุนเป็นห่าฝนร่วงลงมาจากเบื้องบน กระทบกับตัวหลิง
ระเบิดควันดินปืนทำให้ทั้งห้องนั่งเล่นกลายสภาพไปเป็นเหมือนกับพายุไต้ฝุ่น ทิ้งไว้แต่ซากปรักหักพัง โซฟาหนังราคาแพงและโต๊ะกาแฟไม้คุณภาพดีกลายเป็นเศษผงไม่มีชิ้นดี
พื้นกระเบื้องในห้องยังไม่เหลือซากเป็นชิ้นเป็นอัน
โมรินากะรู้ดีว่าหุ่นยนต์นั่นไม่มีทางรอดจากมรสุมอาวุธเมื่อครู่แน่ เขาถอนหายใจโล่งอก จากนั้นก็ค่อยๆ หยุดนิ่ง
แต่พอเขากำลังจะเดินกลับไปดูสถานการณ์ในห้องนั่งเล่น หัวใจของเขาก็แทบจะหล่นไปอยู่ที่ตาตุ่ม รูม่านตาของเขาหดด้วยความช็อก
เจ้าหุ่นยนต์นั่นยังยืนอยู่ใจกลางมรสุมอาวุธ ผิวหนังชั้นนอกของมันหายไปแล้ว แต่โครงกระดูกใต้ผิวหนังยังดูเหมือนแทบจะไม่ได้รับความเสียหายอะไรเลย
ราวกับเมื่อกี้ไม่มีอะไรเกิดขึ้น!
โมรินากะเหลือบมองอาวุธอัตโนมัติบนเพดานที่ตอนนี้กระสุนหมดไปเรียบร้อย
หลิงเดินตรงเข้าไปหาโมรินากะด้วยสีหน้าที่ว่างเปล่า
โมรินากะถอยหลังกลับไปที่ระเบียงทางเดินด้วยความสั่นกลัว เขาตะโกนออกมาดังลั่น “หยุดมัน!”
พอได้ยินเสียงคำสั่งของเจ้านาย หุ่นยนต์รับใช้จำนวนหนึ่งก็เดินลงบันไดมา อีกกลุ่มหนึ่งเดินออกมาจากบริเวณหน้าประตู พวกมันถืออาวุธที่ดูน่ากลัวไม่ใช่น้อยเอาไว้ พวกมันเล็งอาวุธตรงไปที่หลิง ซึ่งเพิ่งจะเดินออกมาจากประตูข้างห้องนั่งเล่น หุ่นยนต์รับใช้ไม่ลังเลแม้แต่น้อย พวกมันลั่นไกปืนทันที
เปลวเพลิงสีแดงส้มสั่นระริก และกระสุนห่าใหญ่ก็ทำให้อากาศโดยรอบร้อนระอุ
แต่ถ้าเทียบกับมรสุมอาวุธเมื่อรอบที่แล้ว การโจมตีรอบนี้ทำอะไรไม่ได้แม้แต่น้อย มันไม่ได้ทำให้หลิงที่ยืนอยู่ใจกลางกระสุนเดินช้าลงเลย
หลิงเดินตรงไปที่หุ่นยนต์ตัวที่ใกล้ที่สุด เขายื่นมือตัวเองไปจับที่คอของมัน แล้วเขาก็กระชากหัวหุ่นยนต์ออกมา ทิ้งให้เหลือเพียงสายไฟระโยงระยางเหนือคอ
หลิงไม่สนใจกระสุนที่กระแทกกับตัวเขา เขาหยิบปืนไรเฟิลมาจากพวกหุ่นยนต์
จากนั้นเขาก็ยกไกปืนแล้วเล็งตรงไปที่หุ่นยนต์ ก่อนจะลั่นไกยิงด้วยสีหน้าไร้ความรู้สึก
สภาพสนามรบนี้ดูค่อนข้างแปลกตา
กลุ่มคนล้อมรอบคนคนหนึ่ง แต่คนคนนั้นกลับดูไม่มีทีท่าว่าจะลำบากกับการรับมือเลย
หุ่นยนต์ที่ติดเชื้อไวรัสอัลฟ่าต่างถูกหลิงจัดการไปทีละตัว
พอกระสุนนัดสุดท้ายของแม็กกาซีนร่วงลงบนพื้นห้อง เสียงปึงปังเหมือนประทัดของการยิงก็หยุดลง หลิงเหลือบมองหุ่นยนต์ทหารตัวสุดท้ายที่ร่วงลงไปกองกับพื้นก่อนจะโยนปืนไรเฟิลไปข้างๆ
เสียงหึ่งๆ ของไฟฟ้าดังมาจากข้างหลังเขา แล้วเครื่องตัดพลาสมาที่มีขนาดเท่าเครื่องดูดฝุ่นรุ่นเก่าซึ่งตอนนี้กำลังเปล่งแสงที่ร้อนระอุออกมา เจ้าอุปกรณ์นี่กำลังทิ่มหลังเขาอยู่
พอได้ยินเสียงคนขยับ หลิงก็หันหลังกลับไปแล้วเอื้อมมือไปคว้าเครื่องตัดพลาสมาที่กำลังจะผ่าเขา
หลิงเห็นพ่อบ้านชราที่เพิ่งจะต้อนรับพวกเขาเมื่อไม่นานมานี้ ที่น่าแปลกใจก็คือ ตัวพ่อบ้านนั้นเป็นมนุษย์อย่างเห็นได้ชัด แต่เขากลับมีดวงตาไร้ความรู้สึกที่เต็มไปด้วยความบ้าคลั่ง และให้ความรู้สึกตายด้านเหมือนกับหุ่นยนต์ตัวอื่น
พอแขนของหลิงเริ่มละลายและเปลี่ยนรูปร่างไปเพราะความร้อนจากพลาสมา หัวใจของพ่อบ้านชราก็พอใจในที่สุด เขาเอ่ยขึ้นมาอย่างมีความหวัง
“ไปลงนรกซะ!”
เขาดันเครื่องตัดพลาสมาในมือไปข้างหน้า
แต่สีหน้าของเขาก็ชะงักลง
แขนที่หลอมละลายของหลิงไม่ได้เปลี่ยนไปเป็นหยดเหล็กเหลวลงพื้นอย่างที่เขาคิดไว้ แต่มันกลับแพร่กระจายออกราวกับเป็นของเหลวมีชีวิต มันบล็อกทางปล่อยพลาสมาของเครื่องตัดไว้โดยตรง
พลาสมาที่ไม่สามารถถูกปล่อยออกมาได้จึงถูกล็อกเอาไว้ในช่องความร้อน ก่อนที่พ่อบ้านจะได้ทันปล่อยมือจากปุ่มที่กดค้างไว้ เจ้าเครื่องตัดพลาสมาในมือของเขาก็ละลายจากพลาสมาที่ไหลหลั่งออกมาเกิน แล้วจึงระเบิดออกเป็นชิ้นเล็กชิ้นน้อย
“อ๊าาาาาาาาา!”
พลาสมาที่ถูกปล่อยออกมาในทันทีแทบจะเผาไหม้ในอากาศ
พอพ่อบ้านสัมผัสได้ถึงความเจ็บปวดจากที่ผิวของเขากำลังถูกอากาศร้อนผ่าวแผดเผา เขาก็กรีดร้องออกมาอย่างควบคุมตัวเองไม่ได้
แขนของหลิงกลับไปเป็นสภาพปกติ เขาเบือนหน้าออกไปด้วยสายตาว่างเปล่าเช่นเคย แล้วหันไปมองทิศทางที่โมรินากะหลบหนีไปแทน
“กำจัดอันตรายแล้ว”
“ตามล่าเป้าหมายต่อ”
…
โมรินากะเร่งฝีเท้าไปที่โรงรถ โดยไม่ได้ทันคิดด้วยซ้ำว่าจะขับรถคันไหนออกไป เขาวิ่งตรงไปที่รถซีดานแม็กเลฟที่อยู่ใกล้เขาที่สุด
ตัวตนของเขาถูกเปิดโปงแล้ว
พอคนในกองความมั่นคงรู้เรื่องว่าเขามีความสัมพันธ์อะไรกับองค์กรและเขามีตำแหน่งอะไรในนั้นแล้วล่ะก็ ลืมเรื่องอิสรภาพนอกกรงขังไปได้ตลอดชีวิตเลย ความรุ่งโรจน์และความร่ำรวยทั้งหมดที่เขาสั่งสมมาตลอดชีวิตจะหายไปในพริบตา
วิธีเดียวที่เขาจะเอาชีวิตรอดได้ในตอนนี้คือหนีไปที่สหการพาน-เอเชียน ถ้าจะให้ดีที่สุดก็ต้องหนีไปสถานที่อย่างกลุ่มพันธมิตรทะเลเหนือหรือไม่ก็กลุ่มพันธมิตรอเมริกาใต้ จากนั้นก็รีบไปดาวอังคารให้เร็วที่สุด
มีแค่ที่ดาวอังคารเท่านั้นที่เขาจะปลอดภัย
“บ้าเอ๊ย! ทำไมสตาร์ตไม่ติดวะ?!”
ในขณะที่โมรินากะมองเห็นว่าระบบขับอัตโนมัติและโหมดขับรถแบบแมนวลทำงานไม่ได้ ใบหน้าของเขาก็เต็มไปด้วยความตื่นตกใจ
รถของเขาโดนสกัดการใช้งานไปเรียบร้อยแล้ว ราวกับว่ามันถูกอาวุธ EMP เล่นงานเข้าให้ จะพยายามแค่ไหนมันก็สตาร์ตไม่ติดเลย
“บ้าอะไรเนี่ย!”
เขาสบถด้วยความโมโห โมรินากะกระโจนลงจากรถไปหารถออฟโรดอีกคันหนึ่ง
แต่อย่างไรก็ตาม…
ผลลัพธ์ก็ยังเหมือนเดิม
พอเขากำลังจะลองรถคันที่สาม เขาก็เห็นร่างหนึ่งปรากฏขึ้นที่ประตูโรงรถ มาพร้อมกับโดรนควอดโรเตอร์ที่โผล่มาจากไหนก็ไม่รู้
ประกายความตื่นตระหนกในดวงตาเขาค่อยๆ เปลี่ยนไปเป็นความสิ้นหวังอย่างไร้ที่สิ้นสุด เขาค่อยๆ ปล่อยมือที่กำลังกุมพวงมาลัยรถลง
“ทำไมล่ะ”
ลำแสงสีน้ำเงินฉายออกมาใต้โดรน ภาพโฮโลแกรมของโดรนปรากฏขึ้นในโรงรถอีกครั้ง
ลู่โจวเดินมาอยู่ข้างๆ รถออฟโรดแล้วมองมาที่โมรินากะ อีกฝ่ายกำลังลดกระจกลง ใบหน้าของเขาเต็มไปด้วยคำว่า ‘ขอร้องเถอะ’ โมรินากะยิ้มจางๆ แล้วถามลู่โจวว่า “ทำไมถึงทำอย่างนี้กัน?”
“ขอล่ะ…” โมรินากะขอร้อง “ปล่อยผมไปเถอะ ผมจะยกสมบัติทุกอย่างของผมบนโลกให้คุณเลย!”
“สำหรับผมแล้วเงินมันก็เป็นแค่ตัวเลข”
โมรินากะแทบจะสิ้นสติจากความกดดัน เขาตวาด “แล้วจะเอาอะไรวะ?! มาไล่ตามกูทำไม?!”
ไล่ตามเหรอ?
ลู่โจวอดหัวเราะออกมาไม่ได้
ใครกันแน่ที่เป็นฝ่ายไล่ตาม?
แต่ในฐานะคนที่อาวุโสกว่า ลู่โจวไม่อยากจะมาต่อล้อต่อเถียงกับผู้ชายคนนี้
“บอกเรื่องทุกอย่างที่คุณรู้เกี่ยวกับเรื่ององค์กรจิตวิญญาณแห่งจักรวาลและไวรัสอัลฟ่ามา”
แววตาของโมรินากะฉายแววตื่นกลัวมาแวบหนึ่ง
“ผมไม่รู้…ผมก็แค่คนนอก”
“เลิกทำเป็นไม่รู้เรื่องเถอะ” ลู่โจวถอนหายใจราวกับยอมแพ้แล้ว แล้วเขาก็ว่าต่อ “เอาเถอะ การสอบปากคำไม่ใช่เรื่องที่ผมเก่งอยู่แล้ว ในเมื่อคุณไม่อยากจะพูด คุณก็ไปอธิบายให้พวกผู้เชี่ยวชาญฟังก็แล้วกัน จะได้ประหยัดเวลาผมด้วย”
พอเห็นลู่โจวเริ่มจะกดเบอร์โทรบนโทรศัพท์ โมรินากะก็กลืนน้ำลาย
“คุณโทรหาใครน่ะ?”
ลู่โจวตอบด้วยสีหน้าเรียบเฉย “กองความมั่นคงไง”
“พวกเขาสอบปากคำอาชญากรเก่งกว่าผมอยู่แล้ว”