Scholar’s Advanced Technological System ระบบปั้นอัจฉริยะ - ตอนที่ 1516 ความเงียบงัน
ในท้องฟ้าอันลึกล้ำไร้ที่สิ้นสุด ยานอวกาศสีดำกำลังแล่นทะยานในเส้นทางที่แทบจะเป็นเส้นตรงกับแถบดาวเคราะห์น้อยระหว่างดาวพฤหัสบดีกับดาวอังคาร
ปลายทางการเดินทางนี้คือดาวซีรีส
เป้าหมายคือฐานของโจรสลัดอวกาศที่อยู่ห่างออกไป 0.03 พิกัดทางดาราศาสตร์จากดาวซีรีส!
ถ้าจะให้พูดเรื่องโจรสลัดอวกาศที่เคลื่อนไหวอยู่ในเขตแถบดาวเคราะห์น้อยนั้น มันก็เป็นเรื่องยาวทีเดียว
ในช่วงยุค 2050 หลังจากเกิดการบุกโจมตียานขนส่งสตาร์ไลท์ครั้งแรก คำว่า ‘โจรสลัดอวกาศ’ ก็เข้าไปอยู่ในการรับรู้ของคนทุกคนผ่านสื่อและรายงานข่าวต่างๆ
ด้วยความที่อุตสาหกรรมการบินและอวกาศขยายตัวอย่างต่อเนื่อง จึงทำให้การขุดเหมืองในแถบดาวเคราะห์น้อยค่อยๆ กลายเป็นอุตสาหกรรมต้นทุนต่ำแต่กำไรสูง ส่งผลให้ยานอวกาศจำนวนมากถูกย้ายจากระบบโลก-พระจันทร์ไปยังแถบดาวเคราะห์น้อย
ใครๆ ก็อยากจะรวยกันชั่วข้ามคืนทั้งนั้น ความปรารถนาอยากจะได้อยากจะมีของผู้คนได้ขับเคลื่อนให้เกิดการขุดเหมืองทองจำนวนมหาศาลและการขุดเหมืองโลหะอันมีค่าราคาแพงมากกว่าทองคำจากดาวเคราะห์น้อยนับห้าแสนดวงและเศษอุกกาบาตนับล้าน ภายใต้สถานการณ์ดังกล่าวจึงทำให้เกิดกลุ่มคนไร้กฎหมายที่ไม่เคารพอะไรทั้งนั้นขึ้นมาโดยอัตโนมัติ
พวกเขาใช้ประโยชน์จากช่องว่างทางกฎหมายของแถบดาวเคราะห์น้อยและแรงผลักดันที่มีจำกัดของประเทศหลายแห่งในพื้นที่นั้น พวกเขาดัดแปลงยานอวกาศที่ซื้อหรือไม่ก็เช่ามาแล้วใช้ยานเหล่านั้นไปบุกโจมตียานขุดเหมืองของประชาชนหรือสถานีขุดเหมืองต่างๆ พวกเขาตั้งตนเป็นรัฐบาลของเขตนั้น การมีอยู่ของพวกเขาทำให้กลุ่มพันธมิตรส่วนใหญ่ปวดเศียรเวียนเกล้ากันไปตามๆ กัน
สภาพแวดล้อมอันซับซ้อนที่เต็มไปด้วยหินอุกกาบาตทำให้ยานอวกาศขนาดใหญ่เดินทางเข้ามาแถวนี้ได้ยากมาตั้งแต่ไหนแต่ไร แล้วถ้าเป็นยานอวกาศขนาดเล็กหรือฐานอวกาศ มันก็การันตีไม่ค่อยจะได้อีกว่าพวกเขาจะได้เปรียบในการต่อสู้หรือไม่
ถ้าเดินทางมาแยกกัน หน่วยทหารที่มาก็จะตกเป็นเป้าหมายของพวกโจรสลัดอวกาศได้ง่ายๆ ส่วนถ้าใช้การจัดกระบวนแถวแบบศูนย์กลางก็จะกลายเป็นว่า ถึงแม้พวกเขาจะต่อสู้ได้อย่างมีประสิทธิภาพแน่ๆ แล้วก็ตาม แต่ก็ยังต้องต่อสู้ในสนามรบที่มีขนาดกว้างถึงร้อยล้านกิโลเมตร ในขณะที่พวกเขามีระยะการมองเห็นที่จำกัด
และสุดท้ายพวกเขาก็ไม่สามารถคาดหวังให้พวกโจรสลัดอวกาศโผล่มาในจังหวะพวกเขาต้องการเจอได้อยู่ดี
ในทางกลับกัน โจรสลัดที่หลบหนีไปในพื้นที่ระหว่างแถบดาวเคราะห์น้อยกับดาวอังคารก็ต้องพึ่งยานขนาดเล็กๆ และกระสุนเถื่อนเท่านั้นในการออกปล้นคนอื่น
ในมุมหนึ่งมันก็เป็นเพราะสภาพแวดล้อมทางสังคมที่ซับซ้อนของดาวอังคารที่ทำให้กลุ่มโจรสลัดอวกาศถือกำเนิดขึ้นมาในแถบดาวเคราะห์น้อยได้ มองอีกมุมหนึ่ง มันก็เป็นเพราะความปล่อยปละละเลยของรัฐบาลบางกลุ่มกับพวกกลุ่มพันธมิตรในพื้นที่
เพราะไม่ว่าอย่างไรพวกสินค้าที่ฉกฉวยมาจากกลุ่มคู่แข่งก็จะมีราคาถูกกว่าสินค้าที่ปล่อยออกไปในตลาดผ่านช่องทางปกติ ยังไม่นับว่ามันจะกีดกันการพัฒนาของกลุ่มคู่แข่งด้วย จึงทำให้พวกเขาแข็งแกร่งขึ้นในเวลาเดียวกัน
และถึงแม้นานๆ ที สหการพาน-เอเชียนจะส่งกองกำลังไปกวาดล้างแถบดาวเคราะห์น้อยอย่างเข้มข้นแล้วก็ตาม ผลลัพธ์ที่ได้กลับมาก็ไม่ได้ดีมากนัก
มันจะต้องมีข่าวหลุดออกมาล่วงหน้าตลอด และค่าใช้จ่ายในการส่งกองกำลังไปยังแถบดาวเคราะห์น้อยเพื่อทำภารกิจก็มีราคาแพงมากเกินไป
ลองดูปฏิบัติการครั้งนี้เป็นตัวอย่างได้ ในฐานะยานบัญชาการ หัวฉ่านเป็นยานที่น้ำหนักเบาที่สุดในกองกำลังอวกาศพาน-เอเชียนแล้ว ยานลาดตระเวนสองลำกับยานพิฆาตอีกห้าลำต่างก็เป็นยานรบที่มีน้ำหนักเบากันทั้งคู่
แต่ถึงกระนั้นเอง ทันทีที่มันเดินทางเข้าเขตแถบดาวเคราะห์น้อย ค่าใช้จ่ายที่เสียไปในสงครามครั้งนี้ก็จะเป็นอะไรไปไม่ได้นอกจากเงินจำนวนมหาศาล…
“ส่งเรือบรรทุกอากาศยานไปสำรวจน่านฟ้าใกล้ๆ ระวังบริเวณรอบนอกของยานพิฆาตไว้ เตรียมอาวุธของยานลาดตระเวน ใช้กระบอกพัลส์แม่เหล็กไฟฟ้า ล็อกเป้าหมายที่อยู่ในระยะใกล้ผิดปกติ”
“ครับ ท่าน!”
ใกล้จะถึงขอบแถบดาวเคราะห์น้อยแล้ว
บนสะพานเดินเรือของยาน
โดรนสำหรับใช้บนยานอวกาศสิบสองลำถูกส่งออกมาจากเรือบรรทุกอากาศยานหัวฉ่าน ตามคำสั่งของผู้บัญชาการ ตามมาด้วยกระสุนสีเงิน-ขาวที่ลอยเข้าแถบดาวเคราะห์น้อย
ถึงโจรสลัดอวกาศส่วนใหญ่จะมีเทคโนโลยีอาวุธที่ตามหลังพวกกองทัพอยู่ จนทำให้พวกเขาไม่เป็นภัยอันตรายกับกองทัพปกติของกลุ่มพันธมิตรในพื้นที่ ณ หน้าสนามรบนัก แต่พวกโจรสลัดก็ฉลาดเป็นพิเศษ และจะใช้ข้อได้เปรียบจากพื้นที่ในการต่อสู้กับกองทัพ
ยกตัวอย่างเช่น พวกเขาจะติดตั้งหัวรบนิวเคลียร์ไว้ในดาวเคราะห์น้อยที่มีวงโคจรที่คงที่พอสมควร แล้วก็จะจุดฉนวนระเบิดนิวเคลียร์เมื่อมียานรบทั่วไปแล่นมาถึง ทำให้ลำยานได้รับความเสียหายจากเศษอุกกาบาตอุณหภูมิสูง
หรืออีกตัวอย่างหนึ่งก็คือ พวกเขาจะซ่อนมิสไซล์ลาดตระเวนไว้ข้างหลังหินอุกกาบาต ซ่อนโดรนที่บรรทุกระเบิดหรืออาวุธเจาะเกราะ หรือแม้กระทั่งยานรบโจมตีลำเล็กๆ ที่มีอาวุธหลายอย่าง
ในระหว่างที่โจรสลัดอวกาศพวกนี้กำลังข่มขู่สถานีขุดเหมืองใกล้ๆ พวกเขายังสามารถก่อปัญหาให้กับยานรบทั่วไปในบริเวณที่ไม่คาดคิดได้อีกด้วย
หน้าที่ของพวกเรือบรรทุกอากาศยานเหล่านี้ก็คือการสืบสวนสภาพแวดล้อมใกล้ๆ สนามรบ เคลียร์กับดักที่พวกโจรสลัดอวกาศวางทิ้งไว้ และป้องกันภัยอันตรายที่มีโอกาสเกิดขึ้นได้…
ในสะพานเดินเรือของยาน
ผู้บัญชาการจ้องแผงโฮโลแกรมสามมิติที่ลอยอยู่บนโต๊ะบัญชาการตาไม่กะพริบ คิ้วของเขาก็ขมวดไปด้วย
ผ่านมาเกือบจะครึ่งชั่วโมงแล้วตั้งแต่มีการปล่อยเรือบรรทุกอากาศยานออกไป แต่ก็ยังไม่มีทีท่าว่าจะพบกับดักอันตรายหรืออาวุธอัตโนมัติอะไรเลย
ประสบการณ์หลายปีที่ต่อกรกับโจรสลัดอวกาศบอกเขาว่า กลุ่มโจรสลัดอวกาศกลุ่มนี้อาจจะต่างออกไป
“มีข่าวจากยานลาดตระเวนข้างหน้ารายงานว่าพบสถานีอวกาศปริศนาใกล้กับพิกัดดาราศาสตร์ 0.03 ของดาวซีรีสครับ”
พอได้ยินรายงานจากลูกน้อง ผู้บัญชาการก็ออกคำสั่งทันที “จำลองข้อมูลที่สแกนมา”
“ครับ ท่าน!”
ภาพสีฟ้าปรากฏขึ้นมาที่โต๊ะบัญชาการ สถานีอวกาศที่สร้างจากกริดโฮโลแกรมสามมิติก็ปรากฏขึ้นตรงหน้าทุกคน
สถานีอวกาศนี้ก็เหมือนสถานีขุดเหมืองของประชาชนส่วนใหญ่ ตรงที่มันตั้งอยู่ในดาวเคราะห์น้อยขนาดเล็ก และกินพื้นที่ขนาดหนึ่งส่วนสี่ของปริมาตรดาวเคราะห์น้อยที่มันตั้งอยู่
เนื่องจากมีแร่โลหะคุณภาพสูงอยู่ในบริเวณใกล้ๆ ทำให้เกิด ‘หลุมดำคลื่นแม่เหล็กไฟฟ้า’ ถ้าพวกเขาไม่ได้ตรวจดูใกล้ๆ ดีๆ พวกเขาก็จะไม่สามารถหาสถานีอวกาศนี้เจอได้เลย
ที่ปรึกษาทางการทหารจ้องไปที่สถานีอวกาศ เขายืนขมวดคิ้วอยู่หน้าโต๊ะบัญชาการ แล้วก็เอ่ยขึ้นมาว่า
“แปลกมากเลย”
ปกติแล้วพอเรือบรรทุกอากาศยานมาถึงจุดนี้ ทั้งสองฝั่งก็จะเริ่มยิงปึงปังใส่กันแล้ว แต่โจรสลัดอวกาศที่ซ่อนอยู่ในสถานีอวกาศนี้กลับยังไม่เคลื่อนไหวอะไรเลย
ทั้งสถานีอวกาศและน่านฟ้าใกล้ๆ กลับเงียบกริบ
“แปลกมากจริงๆ ” ผู้บัญชาการพูดกับตัวเองด้วยแววตาจริงจัง “พวกเราก็ปล่อยกองทัพใหญ่ขนาดนั้นออกไปแล้ว แต่พวกเขากลับไม่มีทีท่าจะทำอะไรเลย ต่อให้เรดาร์พัง พวกเขาก็ยังมีภาพสังเกตการณ์อยู่ดี”
“หรือพวกเขาจะบังเอิญไปออกล่ากันพอดี?”
“ก็ไม่น่าใช่ สัญชาตญาณมันบอกว่ามีอะไรบางอย่างไม่ชอบมาพากล”
ผู้บัญชาการคิดอยู่นิดหนึ่งก็สั่งว่า “เตรียมส่งทหารราบเข้าพื้นที่”
“ไม่ว่าจะมีอะไรอยู่ข้างใน พวกเราก็ต้องเข้าไปตรวจสอบดู”
ที่ปรึกษาสงครามภาคพื้นดินถามว่า “คุณอยากให้พวกเรายิงมิสไซล์อินฟราโซนิก[1]ไหมครับ?”
“ไม่ พวกเราไม่พบอาวุธใดบนพื้นดินของสถานีอวกาศเลย กองกำลังข้างในไม่น่าจะแข็งแกร่งมากนัก ปฏิบัติการครั้งนี้ต่างจากครั้งก่อนๆ พวกเราต้องการจับเป็นพวกโจรสลัด” ผู้บัญชาการมองภาพโฮโลแกรมบนโต๊ะบัญชาการ เขามีท่าทางใจเย็นลง เขาเอ่ยขึ้นด้วยเสียงจริงจัง “กองพลอากาศวงโคจรที่สาม! ส่งหน่วยคอมมานโดไปสามกลุ่ม เตรียมตัวโจมตีได้!”
ยานระบายพลทรงกระสวยอวกาศขนาดยาวหกลำถูกปล่อยออกจากยานหลัก พวกมันฟอร์มเป็นรูปทรงสามเหลี่ยมขนานทั้งหน้าทั้งหลัง พวกมันพุ่งไปทางสถานีอวกาศ โดยโคจรเป็นเส้นตรงมุ่งหน้าไป
ถึงจะเป็นการโจมตีที่รุนแรง แต่พวกเขาก็ไม่ได้กะจะให้มีการหลั่งเลือดเกิดขึ้น
ยานระบายพลสามลำแรกกระแทกเข้ากับเปลือกด้านนอกของสถานีอวกาศก่อน ลำแสงระเบิดเมื่อเครื่องบินไอพ่นโลหะพุ่งจากด้านหน้าเข้าไปในสถานีอวกาศ
โดรนนิวเมติกส์[2]หลายสิบลำถูกปล่อยออกมาจากยานระบายพลสามลำ พุ่งทะยานเข้าไปข้างในตามช่องว่างจากสถานีอวกาศชั้นนอก พวกมันรีบเคลื่อนไปตามพื้นผิวที่เหมาะสมกับการเคลื่อนที่ของสถานีอวกาศ พวกมันรายงานสถานการณ์ของสนามรบกลับไปให้เอไอระบบวิเคราะห์สนามรบที่อยู่บนยานระบายพลสามลำ
ส่วนยานระบายพลอีกสามลำที่เหลือก็พุ่งไปชนสถานีอวกาศโดยตรง มันพุ่งไปจากสามทิศทางที่ไม่เหมือนกันเลย พอฝายานเปิดออก กลุ่มคอมมานโดสามกลุ่มก็เดินทางเข้าสถานีอวกาศมาจากสามทิศทาง พวกเขาติดต่อประสานกับโดรนให้รุกโจมตีสถานีอวกาศ
แต่อย่างไรก็ตาม…
มีบางสิ่งที่ไม่คาดคิดเกิดขึ้น
หัวหน้าทีมไปถึงพื้นที่ข้างในของสถานีอวกาศแล้ว เขามองไปรอบๆ อย่างระมัดระวัง ในมือถือไรเฟิล ในที่สุดเขาก็ลดกระบอกปืนในมือลงแล้วบ่นว่า “ศูนย์บัญชาการทำบ้าอะไรเนี่ย…”
ห้องควบคุมเงียบกริบ มีเพียงแค่เสียงเครื่องจักรกำลังทำงานเท่านั้น นอกจากนั้นก็ไม่มีเสียงอื่นให้ได้ยินเลย ถ้าดูจากระบบระบายอากาศแล้ว สถานีอวกาศนี้ควรจะมีคนอาศัยอยู่ และดูจากทรัพยากรดำรงชีพข้างใน กลุ่มคนที่อยู่ที่นี่ก็น่าจะใช้ชีวิตอยู่ที่นี่มานานแล้ว
อย่าว่าแต่โจรสลัดอวกาศเลย…
ในสถานีอวกาศนี้ไม่มีคนที่มีชีวิตอยู่สักคน
………………………..
[1] หรืออีกชื่อหนึ่งคือ “คลื่นใต้เสียง” หรือ “คลื่นเสียงที่มีความถี่ต่ำ” (Infrasonic) หมายถึง เสียงที่มีระดับความถี่ต่ำกว่า 20 เฮิรตซ์
[2] เป็นโดรนที่ใช้ระบบที่ใช้การอัดอากาศส่งไปตามท่อที่ประกอบเข้ากับชิ้นส่วนต่างๆ ของเครื่องจักร เพื่อทำให้เกิดพลังงานกลในการทำงานสำหรับอุปกรณ์ต่างๆ