Scholar’s Advanced Technological System ระบบปั้นอัจฉริยะ - ตอนที่ 1522 ถอดรหัสผ่าน
บนท้องฟ้าอันลึกล้ำ ยานขนส่งลำเล็กค่อยๆ เคลื่อนตัวเข้าใกล้ท่าอากาศยานที่อยู่เหนือดาวซีรีส
ในขณะที่ยานกำลังค่อยๆ ลงจอด ผู้เชี่ยวชาญในชุดอวกาศสองคนก็เดินออกมาจากสถานีลงจอด มีกลุ่มทหารที่ใส่ชุดเกราะเอ็กโซสเกลเลตันเดินนำมาด้วย
“ยินดีต้อนรับสู่ดาวซีรีส ผมชื่อหยางอู๋ เป็นหัวหน้าที่ปรึกษาของกองทัพชุดแรกของพาน-เอเชีย”
“ยินดีที่ได้พบครับ”
นักวิชาการหวังชื่อเฉิงจับมือกับชายวัยกลางคนตรงหน้า จากนั้นเขาก็พยักพเยิดด้วยท่าทางเป็นมิตรไปทางหัวหน้าที่ปรึกษา
ในฐานะศาสตราจารย์ประจำคณะเทคโนโลยีสารสนเทศของมหาวิทยาลัยจินหลิงและนักวิชาการจากสถาบันวิทยาศาสตร์พาน-เอเชียน นักวิชาการหวังมีผลงานวิจัยและสถานะทางวิชาการที่ค่อนข้างจะโดดเด่นในวงการคอมพิวเตอร์ควอนตัมและเทคโนโลยีความปลอดภัยในสารสนเทศ
หลังจากได้ทราบว่ามีการค้นพบอาเรย์คอมพิวเตอร์ควอนตัมที่น่าจะถูกอารยธรรมนอกโลกทิ้งไว้บนดาวซีรีส สถาบันวิทยาศาสตร์พาน-เอเชียนก็ส่งคำเชิญมาให้เขาทันที หวังว่าเขาจะเป็นตัวแทนของสถาบันวิทยาศาสตร์ที่สามารถช่วยเหลือกองทัพชุดแรกของพาน-เอเชียนและสืบสวนแหล่งที่มาของคอมพิวเตอร์นี้ และหาคำตอบให้ได้ว่ามันกำลังคำนวณอะไรอยู่
“ไม่อยากจะเชื่อเลยนะครับว่าจะมีคนมาสร้างฐานในที่แบบนี้” หลังจากจับมือกันเสร็จ นักวิชาการหวังชื่อเฉิงก็หันไปมองรอบๆ ดวงตาของเขาฉายแววประหลาดใจอย่างมาก
หลุมระเบิดและชิ้นส่วนกลไกหักๆ กระจายอยู่เต็มพื้น เห็นได้ชัดว่าพื้นที่นี้เคยเกิดการปะทะครั้งใหญ่ขึ้นในเวลาก่อนหน้า
ขนาดของฐานแห่งนี้ก็ไม่ได้เล็กเลยแม้แต่น้อย อุปกรณ์ตั้งรับต่างๆ ก็ไม่ได้อยู่ในระดับกิ๊กก๊อกที่จะมองข้ามได้
ไม่อย่างนั้นแล้วกองทัพชุดแรกคงไม่ต้องลงทุนจัดหนักจัดเต็มสาดกระสุนปักลงพื้นดาวเคราะห์น้อยแห่งนี้หรอก
หยางอู๋พูด “ไม่อยากจะเชื่อเลยว่า ที่นี่จะมีสิ่งที่เหมือนอาเรย์ที่ใหญ่ที่สุดของคอมพิวเตอร์ควอนตัมในระบบสุริยะอยู่จริงๆ …คุณคิดว่าผลงานชิ้นเอกนี้เป็นของใครกัน?”
หวังชื่อเฉิงตอบ “ผมก็ไม่รู้ เราจะรู้คำตอบของหลายสิ่งหลายอย่างได้ก็ต่อเมื่อเราทำวิจัยเสร็จแล้วนั่นแหละครับ”
หยางอู๋ยังถามต่อ “แล้วถ้าคุณต้องเดาล่ะ?”
ศาสตราจารย์หวังชื่อเฉิงเงียบไปครู่หนึ่ง แล้วเขาก็ตอบมาวว่า “ถ้าแค่ให้เดา ผมคงคิดว่ามันเป็นผลงานของอารยธรรมนอกโลกนั่นแหละ”
“อารยธรรมนอกโลก…ทำให้ผมนึกถึงกลุ่มสัมพันธมิตรมนุษย์ที่ล้มไปเมื่อราวห้าสิบปีก่อนเลย”
ดวงตาของหยางอู๋เต็มไปด้วยสีสันของความทรงจำในอดีต
สหพันธ์สัมพันธมิตรมนุษย์อาจจะเป็นความพยายามครั้งแรกของอารยธรรมมนุษย์ในการตั้งสหภาพการเมืองระดับโลกที่อยู่ภายใต้แรงขับเคลื่อนจากแรงกดดันภายนอก ถึงสุดท้ายความพยายามนั้นจะล้มเหลว แต่มันก็ได้สร้างแรงบันดาลใจให้กับการถือกำเนิดของกลุ่มพันธมิตรประจำพื้นที่ภายหลัง
กลุ่มพันธมิตรประจำพื้นที่ อย่างสหการพาน-เอเชียน กลุ่มพันธมิตรอเมริกาเหนือ กลุ่มพันธมิตรทะเลเหนือ และกลุ่มพันธมิตรไอบีเรีย-ฝรั่งเศส ต่างก็เป็นชุมชนระดับเล็กที่สร้างขึ้นมาจากรากฐานของเขตพื้นที่เฉพาะถิ่น
ส่วนที่ว่ากลุ่มสัมพันธมิตรมนุษย์หายไปได้อย่างไรน่ะเหรอ?
นั่นก็เป็นเรื่องยาวพอดู
การล่มสลายของประตูนรกและการที่ไม่สามารถเดินทางต่อได้ ทำให้เบาะแสทุกอย่างที่เกี่ยวข้องกับอารยธรรมนอกโลกไม่ปะติดปะต่อ และปัญหาความขัดแย้งอื่นๆ ที่เกี่ยวข้องก็ค่อยๆ ทำให้ผู้คนกลับไปสนใจเรื่องวิชาการแทน
กลุ่มสัมพันธมิตรมนุษย์ที่ก่อตั้งขึ้นเพื่อต่อสู้กับอารยธรรมนอกโลกพวกนั้นก็ไม่มีความจำเป็นอีกต่อไป…
“คุณคิดว่าถ้าคอมพิวเตอร์นี้เป็นฐานทัพของพวกอารยธรรมนอกโลก หรืออะไรทำนองนั้นจริง มันจะเป็นไปได้ไหมที่จะมีการก่อตั้งกลุ่มสัมพันธมิตรมนุษย์ขึ้นมาใหม่?”
“ยาก” หยางอู๋ส่ายหัว “เมื่อร้อยปีก่อน ยานอวกาศที่ดีที่สุดที่พวกเรามีตอนนั้นคือสตาร์ไลท์ ตอนนี้ยานนั้นอาจจะไม่ได้ดีเท่าเรือบรรทุกอากาศยานที่ไท่ชานแล้วก็ได้”
หวังชื่อเฉิงยังถามต่ออย่างเรื่อยๆ “ทำไมถึงยากกว่าล่ะ ตอนนี้พวกเราก็แข็งแกร่งกว่าตอนนั้นแล้วไม่ใช่เหรอ?”
หยางอู๋หันกลับไปมองสภาพสนามรบอันน่าสังเวชที่อยู่ไม่ไกลออกไป เขาให้คำตอบว่า “เพราะตอนนี้ถ้าต้องเผชิญกับอารยธรรมนอกโลกนั้น พวกเราอาจจะสู้กับพวกเขาได้โดยซึ่งหน้าแล้วน่ะสิ”
…
ณ สถานที่เฉพาะแห่งหนึ่งที่ตั้งอยู่ลึกลงไปในหุบเขา หลังจากผ่านจุดตรวจของทหารมา คนกลุ่มหนึ่งที่เร่งฝีเท้าเข้าไปในฐาน
นักวิชาการหวังชื่อเฉิงมองรูกระสุนที่ยังฝังอยู่ที่ระเบียง เขาเดินตามหยางอู๋กับหลี่เกาเหลียง ชายที่เป็นผู้บัญชาการของกองพลอากาศวงโคจรที่สาม เข้าไปในห้องคอมพิวเตอร์
พอซิงเปียนมองเห็นกลุ่มคนที่เดินเข้ามาทางประตูห้องคอมพิวเตอร์ แววตาของเขาก็เป็นประกายขึ้นมา เขาทักทายกลุ่มผู้มาเยือนด้วยรอยยิ้มทันที
“ในที่สุดคุณก็มาถึงจนได้นะครับ นักวิชาการหวัง!”
“แล้วคุณเป็นใครนะ?”
“ซิงเปียนครับ เจ้าหน้าที่รักษาความสงบที่รับผิดชอบการสืบสวนคดีนี้ อันนี้นามบัตรผมเอง” ร้อยเอกซิงหยิบบัตรโฮโลแกรมโปร่งแสงออกมาด้วยท่วงท่าคล่องแคล่ว เขาค่อยๆ ดันบัตรนั้นไปข้างหน้าตัวเอง
นักวิชาการหวังชื่อเฉิงขมวดคิ้ว เขาเหลือบไปมองบัตรโฮโลแกรม หลังจากลังเลอยู่นิดหนึ่งเขาก็ยอมรับมันไว้
ไม่ใช่ว่าเขามีความประทับใจไม่ดีกับร้อยเอกแต่อย่างใด แต่ทั้งหมดเป็นเพราะว่าคนปกติจะรู้สึกกังวลบ้างไม่มากก็น้อย ถ้าต้องมาทำงานกับคนจาก ‘หน่วยงานลับ’
“ผมอ่านรายงานมาแล้วว่าเกิดอะไรขึ้นที่นี่บ้าง เพื่อจะดำเนินการสืบสวนต่อไปได้ ผมต้องทราบข้อมูลที่ชี้ชัดกว่านี้”
ซิงเปียนรายงาน “ทุกอย่างที่พวกเราทราบในตอนนี้นั้นได้ถูกเขียนลงไปในรายงานหมดแล้วครับ ผมเชื่อว่าคุณก็ได้อ่านมันแล้ว ส่วนเรื่องอื่น…ผมต้องขอโทษด้วย แต่พวกเรารู้เรื่องน้อยมากจริงๆ ”
พอเห็นว่าร้อยเอกซิงดูจะไม่ได้โกหก นักวิชาการหวังก็ไม่พูดอะไรต่อ เขาพยักหน้าให้ลูกศิษย์ที่เดินทางมากับเขาด้วย จากนั้นก็เดินไปที่ห้องคอมพิวเตอร์
“ไม่อยากจะเชื่อเลย…” หลังจากมองไปรอบๆ ห้องคอมพิวเตอร์ นักวิชาการหวังที่รู้สึกช็อกกับภาพพื้นที่ตรงหน้า ก็ถึงกับหัวหมุนไปนิดๆ แต่เขาก็รีบทำท่าทางให้เป็นปกติ แล้วบอกกับลูกศิษย์ว่า “เตรียมตัวเก็บข้อมูล ดูว่ามันเกิดอะไรขึ้นกันแน่”
“ได้ครับ”
ลูกศิษย์พยักหน้า เขาเดินตรงไปข้างหน้าพร้อมกับถือกระเป๋าเดินทางไว้ในมือ จากนั้นปลดกุญแจรหัสที่อยู่บนกระเป๋าเดินทางนั้น
เขาหยิบปุ่มโลหะกลมๆ ออกมาชิ้นหนึ่ง วางมันไว้บนเครื่องเซิร์ฟเวอร์ แล้วขยับมือไปมาด้วยท่าทางเงอะงะ ราวกับกำลังถือเครื่องฟังหัวใจของแพทย์อยู่
จออิเล็กทรอนิกส์บนกระเป๋าเดินทางของเขาเปล่งแสงขึ้นมาพร้อมกับไอคอนว่าเชื่อมต่อสำเร็จ มือของลูกศิษย์หยุดเคลื่อนไหว เขาปล่อยปุ่มโลหะค้างไว้บนเครื่องเซิร์ฟเวอร์ แล้วหันไปสนใจคอมพิวเตอร์โน้ตบุ๊คที่วางอยู่บนกระเป๋าเดินทางแทน
“เชื่อมต่อข้อมูลสำเร็จแล้ว…อัตราการใช้งานทรัพยากรคอมพิวเตอร์เพิ่มขึ้นถึง 87% โปรแกรมที่เจ้าซูเปอร์คอมพิวเตอร์เครื่องนี้กำลังรันอยู่นี่ค่อนข้างต้องการคุณสมบัตินู่นนี่เอามากเลย”
นักวิชาการหวังมองลูกศิษย์ตัวเอง เขาขมวดคิ้วแล้วถามว่า “พอจะหาได้ไหมว่าโปรแกรมอะไรที่คอมพิวเตอร์เครื่องนี้รันอยู่?”
“ผมจะลองดู…ไม่ได้ผล” ลูกศิษย์คนนั้นพูดต่อด้วยสีหน้าตั้งใจ “ซูเปอร์คอมพิวเตอร์เครื่องนี้เข้ารหัสโปรแกรมมันไว้ พวกเราไม่สามารถอ่านข้อมูลได้เลย นอกจากจะมีสิทธิ์ของแอดมิน”
“ผมจะลองดู”
นักวิชาการหวังบอกให้ลูกศิษย์ตัวเองถอยไปก่อน เขาก้าวขึ้นไปข้างหน้าแล้วหักนิ้วตัวเองเป็นการวอร์มอัปหน้าคีย์บอร์ด ก่อนจะพิมพ์โค้ดยาวเหยียดสะดุดตา
อย่างไรก็ตาม ความพยายามของเขาก็ไม่ส่งผลอะไรกับอาเรย์คอมพิวเตอร์ควอนตัมอันนี้ที่มีขนาดครอบคลุมอาณาเขตใต้ดินทั้งหมดเลย มันยังคงเก็บงำความลับไว้อย่างเหนียวแน่น
พอเห็นนักวิชาการหยุดขยับมือแล้ว ร้อยเอกซิงก็อดถามขึ้นมาไม่ได้
“เป็นไงบ้างครับ มีอะไรคืบหน้าบ้างไหม?”
“ไม่เลย” นักวิชาการหวังเอ่ยด้วยเสียงจริงจัง “ระบบรักษาความปลอดภัยของซูเปอร์คอมพิวเตอร์นี้ทรงพลังมาก อย่างน้อยก็อยู่ระดับที่ผมยังไม่เห็นช่องโหว่แบบชัดเจนสักอันเลย…ถ้าจะแก้มันได้ก็ต้องใช้แค่วิธีนั้นวิธีเดียว”
หยางอู๋ขมวดคิ้ว ทำท่าคิดอยู่ครู่หนึ่ง ก่อนจะถามออกมา “วิธีไหนกัน?”
“คีย์ความปลอดภัย[1]” นักวิชาการหวังชี้ใช้คางพยักพเยิดไปที่คอมพิวเตอร์โน้ตบุ๊คในมือ พลางมองกล่องไดอาล็อกที่ส่องแสง “พูดง่ายๆ ก็คือ รหัสผ่านของแอดมินนั่นแหละ ถ้าเราไม่รู้รหัสผ่าน เราก็ใช้วิธีอื่นแฮกเข้าไปไม่ได้เลย”
“แล้วถ้าเจาะเข้าไปแบบบรูตฟอร์ซ[2]ล่ะ?” หยางอู๋ขมวดคิ้วแล้วเสนอ “ถ้าคุณใช้วิธีบรูตฟอร์ซก็ไม่น่าจะลำบากอะไรมากนัก ใช่ไหม?”
“ถ้าใส่ข้อมูลผิดไปสามครั้ง อินเตอร์เฟสจะหยุดทำงานไปสามปีเลยล่ะ” นักวิชาการหวังชื่อเฉิงเหลือบมองหยางอู๋แวบหนึ่ง ก่อนจะพูดคัดค้านต่อ “แถมพวกเรายังไม่รู้เลยว่ารหัสเป็นตัวเลขหรือเป็นตัวอักษร…หรืออาจจะเป็นสัญลักษณ์ที่เราไม่เข้าใจก็ได้”
ทั้งห้องคอมพิวเตอร์ตกอยู่ในความเงียบไปชั่วขณะ
ดูเหมือนการสืบสวนจะมาถึงทางตันเสียแล้ว
“ถ้ามันไม่ได้ผล…พวกเราทำลายศูนย์ซูเปอร์คอมพิวเตอร์นี้เลยก็ได้นะครับ” หลี่เกาเหลียงลองเสนอ “ไม่ว่ามันกำลังรันโปรแกรมอะไรอยู่ ตราบใดที่มันกลายเป็นเศษเหล็กเศษทองแดงไปแล้ว มันก็…”
“ถ้าเป็นอย่างนั้น มันก็จะหอบเอาความลับที่มันมีไปลงนรกด้วยน่ะสิ” หยางอู๋ว่าต่อ “นี่อาจจะเกี่ยวข้องกับต้นกำเนิดของไวรัสอัลฟ่าก็ได้ และอาจจะเป็นเบาะแสที่ใหญ่ที่สุดของไวรัสอัลฟ่าที่เรามีในตอนนี้ก็ได้ ในขณะเดียวกัน มันอาจจะเป็นความหวังเดียวของเราในการแก้ไขปัญหาก็ได้”
นักวิชาการหวังมองหยางอู๋แล้วถามอย่างจริงจัง “กุญแจที่จะแก้ไขปัญหานี้ได้ก็คือต้องหารหัสผ่านให้ได้…พวกคุณหาเบาะแสอะไรเจอจากที่อื่นไหม? อย่างที่สถานีอวกาศใกล้ๆ ดาวซีรีสน่ะ”
หลี่เกาเหลียงกับหยางอู๋มองหน้ากันและกันแล้วส่ายหัวพร้อมกัน
ถึงจะเจอเบาะแสบางอย่างในสถานีอวกาศ แต่ส่วนใหญ่ก็เป็นของไร้ประโยชน์อยู่ดี
แต่ร้อยเอกซิงที่ยืนอยู่ข้างๆ ก็เอ่ยขึ้นมาทันที
“หรือพูดอีกอย่างหนึ่งก็คือ พวกเราลองพาสเวิร์ดได้สามครั้งใช่ไหมครับ?”
“ก็ควรจะเป็นอย่างนั้น” นักวิชาการหวังพยักหน้า “แต่ผมไม่แนะนำให้คุณลองแบบสุ่มๆ นะ”
ซิงเปียนเอ่ย “ผมไม่ได้จะลองแบบสุ่มๆ …ขอผมใช้โน้ตบุ๊คคุณได้ไหม?”
นักวิชาการหวังมองร้อยเอกซิงด้วยสีหน้าประหลาดใจ
“คุณรู้รหัสผ่านด้วยเหรอ?”
“ผมก็ไม่รู้เหมือนกัน” ซิงเปียนเอ่ยด้วยรอยยิ้มแห้งๆ “แต่ผมมีรหัสผ่านอยู่อันหนึ่ง ถึงจะไม่รู้ว่าเป็นรหัสผ่านของอันนี้หรือเปล่าก็เถอะ”
หยางอู๋เหมือนจะคิดอะไรอยู่ เขาถามขึ้นมาทันที “หรือว่าจะเป็นเจ้าสูตรนั่น? คุณถอดสูตรนั่นได้แล้วเหรอ?”
ซิงเปียนพยักหน้า
“อันที่จริง ต้องบอกว่านักวิชาการลู่เป็นคนที่ถอดสูตรได้แล้ว”
ซิงเปียนเดินไปทางคอมพิวเตอร์ เขาพิมพ์ตัวเลขที่ลู่โจวบอกเขามาก่อนหน้าลงบนแป้นคีย์บอร์ด จากนั้นก็กดปุ่ม ‘เอนเทอร์’
ทุกคนเผลอกลั้นหายใจลุ้น โดนเฉพาะนักวิชาการหวังกับลูกศิษย์ ทั้งสองคนใจเต้นตุ้มๆ ต่อมๆ ด้วยความตื่นเต้น
พวกเขามีโอกาสเพียงสามครั้ง
ถ้าพวกเขาพลาด พวกเขาจะต้องรออีกสามปีถึงจะไขรหัสได้ใหม่
โชคดีที่พวกเขากังวลกันมากไปเอง เคอร์เซอร์สีฟ้าเรืองแสงขึ้นที่หน้าคอมพิวเตอร์ ราวกับเป็นกุญแจที่เปิดประตูสู่โลกใหม่ และโค้ดก็ขึ้นมาเต็มหน้าจอคอมพิวเตอร์ทันที
ม่านตาของนักวิชาการหวังหดลงในเฉียบพลัน สีหน้าของเขาแสดงความสุขอันเหลือล้น
พวกเราทำได้!
รหัสผ่านนั้นถูกต้อง!
วิเศษสุดๆ ไปเลย!
………………………….
[1] Security Key เป็นสิ่งที่ทำให้สามารถเข้าถึงอุปกรณ์อื่น ระบบออนไลน์ และแอปพลิเคชันได้
[2] Brute Force Attack เป็นการโจมตีโดยการคาดเดาชื่อผู้ใช้งานและรหัสผ่าน เพื่อเข้าสู่ระบบโดยไม่ได้รับอนุญาต เป็นการโจมตีที่ง่ายและมีอัตราความสำเร็จที่สูง เช่น การสุ่มหรือเดารหัสผ่านโดยไม่คำนึงถึงตรรกะขั้นพื้นฐาน การรวบรวมรหัสผ่านจากผู้ใช้เว็บไซต์ต่างๆ เป็นต้น