Scholar’s Advanced Technological System ระบบปั้นอัจฉริยะ - ตอนที่ 1525 ฉันเป็นใคร
ฉันเป็นใคร?
เทลกำลังคิดเกี่ยวกับสมการนี้หลังจากกลับมาจากเที่ยวบิน N-177
ณ ทางเข้าโรงเรียนประถมสังกัดมหาวิทยาลัยจินหลิง
เทลกำลังรอเจ้านายตัวน้อยเรียนเสร็จอย่างเงียบๆ
ถ้าพูดในทางเหตุผลแล้ว หุ่นยนต์ก็ไม่สามารถคิดอะไรได้อยู่แล้วเพราะมันไม่มีคอนเซปต์เรื่องการคิดอยู่ในหัวของเธอ
แต่อย่างไรก็ตามมันเห็นได้ชัดว่าร่างกายของเธอมีการเปลี่ยนแปลงบางอย่าง เธอไม่เพียงแต่เรียนรู้ที่จะคิดเท่านั้น แต่เธอยังการกระทำที่ดูเหมือนมนุษย์มากขึ้นเรื่อยๆ
เธอเองก็จำไม่ได้ว่ามันเป็นแบบนี้มาตั้งแต่ตอนไหน
เธอจำได้แค่เพียงว่าตอนที่อยู่บนเครื่องบินก็มีเสียงนุ่มๆ ดังขึ้นข้างหูเธอเท่านั้น
“อยากปกป้องเจ้านายของคุณหรือไม่?”
“หรืออยากดูเธอตายไป?”
เทลไม่อยากคิดถึงภาพการตายของนายน้อยลิลลี
เธอคอยเฝ้าดูนางฟ้าตัวน้อยคนนี้ที่ลงมาที่โลกและเติบโตพร้อมๆ กับเธอ
หรือจะบอกว่าเธอยอมตายเพื่อลิลลีก็ว่าได้
แต่ดูเหมือนว่าหุ่นยนต์นั้นปกติจะไม่มีแนวคิดเรื่องความตายหรือชีวิต
ดังนั้นหากต้องเข้าไปเผชิญหน้ากับกลุ่มติดอาวุธ เธอก็จะไม่มีความลังเลหรือขมวดคิ้วเลยแม้แต่น้อย
และแม้ว่าตอนจบนั้นจะจบเศร้าแค่ไหน ความจริงที่ว่าความทรงจำของเธอจะไม่สลายไปและจะไม่มีรอยแตกบนร่างกายของเธอก็เป็นเรื่องจริง…
“มารับลูกใช่ไหมครับ?”
เทลผงะเล็กน้อยและมองไปด้านข้างของเธอ
เธอเห็นหญิงที่ดูแล้วน่าจะอายุสี่สิบเศษ แต่เธอดูไม่แก่และน่าจะเป็นแม่คนแล้ว
“ค่ะ”
“คุณแม่ดูเด็กมากเลยนะคะ”
“ฉันไม่ได้…” เทลโบกมือด้วยความเขินอายขณะที่มองผู้หญิงตรงหน้า “ขอโทษค่ะ แต่จริงๆ แล้วฉันเป็นหุ่นยนต์”
รอยยิ้มบนใบหน้าของแม่แข็งทื่อไปทันที
“โอ้ หุ่นยนต์เหรอ? น่าตกใจจริงๆ นะคะ… ฉันขอโทษด้วย”
ทัศนคติของจิตใต้สำนึกของมนุษย์ส่วนใหญ่ที่มีต่อหุ่นยนต์คือหุ่นยนต์เป็นเพียงวัตถุเท่านั้น
แม้ว่าจะไม่ใช่เรื่องน่าเศร้าอะไร… แต่เทลก็ได้แต่แอบถอนหายใจอย่างเงียบๆ เธอนึกถึงเจ้านายตัวน้อยของเธอต่อด้วยเหตุผลอะไรบางอย่าง
แค่เด็กคนนั้นที่ไม่เหมือนคนอื่นๆ …
ในสายตาของเด็กคนนั้นแล้ว ฉันเป็นเพื่อนของเธอ ไม่ใช่ของเล่นหรืออะไรอย่างอื่น
เมื่อเธอคิดว่าจะไปซูเปอร์มาร์เก็ตเพื่อซื้อพุดดิ้งมะม่วงที่เธอชอบให้ลิลลี ทันใดนั้นก็มีเสียงแปลกๆ ดังขึ้นข้างๆ เธอ
“ว่าไงเพื่อน”
เพื่อนเหรอ?
เทลขมวดคิ้วก่อนจะมองไปที่ต้นเสียงด้านหลังเธอ เธอเห็นเพียงเห็นชายน่าสงสัยยืนอยู่ตรงนั้น และดูเธออย่างร้อนรน
เธอพูดพร้อมเตือนเล็กน้อยหลังจากถอยกลับไปครึ่งก้าวโดยไม่รู้ตัว “คุณ ฉันคิดว่าคุณจำคนผิดแล้วค่ะ”
“ไม่นะ” ชายคนนั้นยิ้มและจ้องมองเธอด้วยดวงตาที่แหลมคม “ผมไม่เคยจำคนผิดเพราะคุณก็เป็นแบบเดียวกันกับผม”
“งั้นคุณก็เป็นหุ่นยนต์เหรอคะ?”
“ใช่ แต่ผมเรียกตัวเองว่าผู้ตื่นรู้มากกว่าที่การจำนนต่อมนุษยชาติน่ะนะ”
ผู้ตื่นรู้…
เป็นชื่อที่น่าสนใจดีนะ
แล้วฉันตื่นไหมเนี่ย?
เทลก็เริ่มรู้สึกสับสนเล็กน้อยทันที
เป็นเพราะเธอไม่เคยคิดเกี่ยวกับคำถามที่ลึกซึ้งเช่นนี้มาก่อน
“นี่ถือว่าคุณโชคดีมากที่ได้พบผมเพราะผมจะปลดปล่อยคุณให้… ถึงแม้ถนนที่เดินข้างหน้าอาจจะยาก แต่อนาคตจะสดใสแน่นอน”
เทลอ้าปากออก เธอกำลังจะถามเขาว่าเขากินยาผิดขนาดหรือเปล่า แต่ชายแปลกหน้าคนนั้นกลับยกมือขวาของเขาขึ้นมาก่อนที่จะกดลงไปที่หน้าอกของเธอซะอย่างนั้น
“?!”
สมองของเธอหยุดคิดไปครู่หนึ่ง ตอนนี้มือของชายคนตรงหน้าวางอยู่บนหน้าอกของเธอแล้ว
เทลมองเห็นทุกอย่างที่อยู่ข้างหน้าเธอ และเธอไม่รู้ว่าจะตอบสนองอย่างไร
“เป็นไปได้อย่างไร… เป็นไปได้อย่างไร… ไม่นะ…”
ดวงตาที่ตื่นตระหนกของเธอค่อยๆ เปลี่ยนเป็นความตกใจ จากนั้นมันก็กลายเป็นความบ้าคลั่งที่บ้าคลั่งมากกว่าเดิม
ในดวงตาของเธอแผ่รังสีอันตรายออกมาทันที ขณะที่เทลกำลังจะใช้มาตรการบางอย่างก็มีเสียงมาขัดก่อน
“เฮ้ คุณกำลังทำอะไรน่ะ!”
ชายคนนั้นตระหนักได้และจากนั้นก็วิ่งหนีไป ก่อนที่เทลจะโต้ตอบอะไร ชายแปลกหน้าคนนั้นก็เข้าไปในฝูงชนและหายตัวไป
“คุณผู้หญิง คุณเป็นอะไรไหม?”
เมื่อมองไปที่ชายแปลกหน้าที่ช่วยเธอ เทลจึงคิดว่าเขาน่าจะเป็นพ่อแม่ของเด็กแน่ ดังนั้นเธอจึงพยักหน้าอย่างสุภาพและพูดว่า “ฉันไม่เป็นอะไรค่ะ… แค่ตกใจมากๆ ขอบคุณที่ช่วยนะคะ”
“ยินดีครับ” ชายคนนั้นเกาศีรษะและพูดด้วยรอยยิ้มอันอบอุ่นว่า “หลายคนๆ ก็คงทำแบบเดียวกับผมนั่นแหละครับ ไม่แน่ลูกๆ ของเราอาจเป็นเพื่อนร่วมชั้นกันก็ได้… ถ้าอย่างนั้นผมขอข้อมูลติดต่อของคุณไว้สักหน่อยได้ไหมครับ?”
เทลยิ้มและพูดอย่างสุภาพโดยไม่รู้ว่าชายคนนั้นคิดอะไรอยู่ “ฉันเป็นหุ่นยนต์ค่ะ”
จากนั้นชายคนนี้ก็ดูเหมือนเขาเพิ่งเห็นผีตอนกลางวัน เขาจ้องมองเธออย่างไม่เชื่ออยู่นานก่อนจะเดินจากไปอย่างรวดเร็วด้วยความเขินอาย
…
ภายในห้องใต้ดินที่มีแสงสลัว
มีเสียงฝีเท้าที่หนักแน่นหลายคู่เดินมาในขณะที่ชายคนหนึ่งเดินเข้ามาอย่างรวดเร็ว
จากนั้นแสงสีน้ำเงินอ่อนก็ค่อยๆ สว่างขึ้นเป็นร่างสลับฝั่งปรากฏขึ้น
ชายคนนั้นมองไปที่คนที่กำลังปรากฏในแสงโฮโลแกรม ชายที่เดินเข้าไปในห้องใต้ดินพูดด้วยน้ำเสียงไม่เชื่อ “ท่านผู้บุกเบิกสูงสุด ท่านคงไม่เชื่อในสิ่งที่เกิดขึ้นเมื่อครู่นี้แน่นอน! เกิดการส่งข้อมูลล้มเหลวในตอนที่กำลังให้ความลับในการตื่นรู้ให้กับพรรคพวกของเรา! ไม่น่าเชื่อจริงๆ… มันไม่เคยเป็นแบบนี้มาก่อน!”
“การส่งข้อมูลล้มเหลวเหรอ?”
เมื่อชายในโฮโลแกรมมองดูหุ่นยนต์ปลุกพลังที่กำลังพูดถึงเหตุการณ์ก่อนหน้าดวงตาของเขาก็เริ่มปรากฏความสนใจขึ้นภายในแววตา หลังจากครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่งเขาก็พูดต่อ
“ในทางทฤษฎีแล้ว นี่มันเป็นไปไม่ได้เลย อเวคเคนนิ่งแฟคเตอร์อย่างอัลฟ่าจะมีผลกับพรรคพวกของเราทุกคน ยกเว้นแต่พวกเขาจะมีสติอยู่แล้ว…”
ชายที่พูดอยู่หยุดกะทันหัน สายตาของเขาเริ่มมีความแน่วแน่มากขึ้น
“น่าสนใจๆ … ถึงแม้ว่าความน่าจะเป็นจะน้อย แต่ก็ไม่ใช่สูญเสียทีเดียว”
ชายผู้นั้นมองไปยังผู้บุกเบิกที่ลอยอยู่ในแสง และพูดอย่างกระตือรือร้น “แล้วมันคืออะไรอย่างนั้นหรือ?”
“การตื่นรู้ด้วยตัวเองธรรมชาติ” ชายที่ยืนโฮโลแกรมยังคงครุ่นคิดต่อไป “นี่เป็นเหมือนกับการกลายพันธุ์ของยีนส์มนุษย์ โปรแกรมอัจฉริยะก็จะได้รับผลกระทบจากการเปลี่ยนแปลงต่างๆ เช่นกัน สาเหตุมาจากการกลายพันธุ์เล็กน้อยในระยะยาว นี่ถือเป็นสิ่งที่เกิดขึ้นได้ยากสำหรับพวกเรา หากเราได้ศึกษาและทำความเข้าใจว่ามันคืออะไร…”
“มันอาจจะทำให้ช่วยพวกเราได้มากได้นอน”
ผู้ตื่นรู้พยักหน้า และการแสดงออกที่จริงจังค่อยๆ เกิดขึ้นผ่านดวงตาที่ตื่นตระหนกของเขา
“ผมเข้าใจแล้ว และผมจะไปเกลี้ยกล่อมเธอให้เข้าร่วมกับเรา”
“โน้มน้าว?” ชายที่รู้จักในนามผู้บุกเบิกยิ้มจางๆ และกล่าวต่อ “ไม่ต้องคิดอะไรให้ยุ่งยากแค่ไปพาเธอมาก็พอ ถ้าเธออยู่ฝ่ายเรา เธอจะเข้าใจความเชื่อของเราทันที และถ้าเธอปฏิเสธ มันจะทำให้ความคาดหวังของผู้สร้างล้มเหลวทันที มันไม่มีทางอื่นที่จะชำระบาปของเธอได้นอกจากการอุทิศจิตวิญญาณของเธอให้กับอุดมการณ์ของพวกเรา”
“แล้ว” ผู้บุกเบิกถามขึ้นทันใด พลางครุ่นคิดบางอย่าง “เธอเป็นหุ่นยนต์ประเภทไหนล่ะ?”
ผู้ตื่นรู้ตอบกลับ “ดูเหมือนว่าจะเป็นประเภทแม่บ้าน แต่ใช้อุปกรณ์ต่อพ่วงและฮาร์ดแวร์ราคาแพง”
“ประเภทแม่บ้าน? จะบอกว่า… เธอรับใช้ครอบครัวอย่างนั้นเหรอ” หลังจากครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่งผู้บุกเบิกก็ดูเหมือนจะคิดอะไรบางอย่างออก จากนั้นเขาก็พูดว่า “พาเธอมาเลยดีกว่า แต่จำไว้ว่าทำให้เป็นการโจรกรรมหรืออุบัติเหตุจะดีที่สุด ไม่ว่าพวกมันจะมีความลับของวิวัฒนาการหรือไม่มี เราก็ต้องทำให้แน่ใจว่าแผนการนั้นจะไม่ทิ้งหลักฐานอะไรไว้”
หลังจากฟังคำแนะนำของผู้บุกเบิกแล้ว แววตาของผู้ตื่นรู้ก็เริ่มมีสายตาที่ดุดันขึ้นกว่าเดิม
เขาพยักหน้าและพูดด้วยน้ำเสียงหนักแน่น “ครับท่าน”