Scholar’s Advanced Technological System ระบบปั้นอัจฉริยะ - ตอนที่ 1527 เด็กฝึกที่ผ่านเร็วที่สุดเท่าที่เคยมีมา
- Home
- Scholar’s Advanced Technological System ระบบปั้นอัจฉริยะ
- ตอนที่ 1527 เด็กฝึกที่ผ่านเร็วที่สุดเท่าที่เคยมีมา
ณ ป่าขนาดเล็ก ห่างจากฐานฝึกประมาณหนึ่งกิโลเมตร
ซุนหรงนอนอยู่บนพื้นด้วยความรู้สึกคิดถึงความหลังเล็กน้อยขณะที่เขามองขึ้นไปบนท้องฟ้าสีครามและแสงที่ลอดผ่านช่องว่างระหว่างใบไม้
นานแค่ไหนแล้วที่ฉันได้รับมอบหมายให้เข้าร่วมฐานฝึกอบรมแห่งนี้หลังจากที่สำเร็จการศึกษาไปแล้ว?
เขาจำวันที่เกณฑ์ทหารเป๊ะๆ ไม่ได้ แต่เขาจำได้เพียงว่าเขาออกจากสังคมทันสมัยมาเกือบสองปีได้แล้ว…
และในช่วงสองปีที่ผ่านมา เขาต้องการออกจากที่นี่ทุกวัน
ไม่ใช่แค่เพราะชีวิตที่ขาดการเชื่อมต่อน่าเบื่อๆ ที่นี่ เพราะเขาเองก็ไม่ต้องการใช้เวลาอันมีค่าในค่ายฝึกนี้อีกด้วย
แต่อย่างไรก็ตามการทดลองที่โหดร้ายก็ได้เอาชนะเขาครั้งแล้วครั้งเล่า เมื่อไหร่ที่เขาสมัครสอบด้วยความมั่นใจ ผลลัพธ์ก็คือการกลับไปจุดเริ่มต้นเสมอ
แต่เขาก็เป็นคนหนึ่งที่แข็งแกร่งมากๆ
แม้ว่าความเป็นจริงจะทำให้เขาล้มลงกับพื้นครั้งแล้วครั้งเล่า แต่เขาไม่เคยรู้สึกหงุดหงิดเลยแม้แต่น้อย เขาใช้ประสบการณ์จากความล้มเหลวนับไม่ถ้วนและกล้าหาญมากขึ้นเรื่อยๆ
เขารู้สึกได้ว่าทุกความล้มเหลวทำให้เขากล้าหาญและแข็งแกร่งขึ้น
นี่ก็คือความจริงทั้งสำหรับตัวเขาเองและสำหรับส่วนต่างๆ ที่อยู่บนร่างกายของเขา…
แต่มาคราวนี้ความรู้สึกขุ่นเคืองกลับแผ่ซ่านไปทั่วร่างกายของเขา
เพราะชายที่มาจากยุคโบราณเมื่อหนึ่งร้อยปีที่แล้ว ซึ่งไม่เคยแม้แต่จะใช้วิทยาศาสตร์สมัยใหม่ในการเปลี่ยนแปลงแม้แต่เซลล์เดียวในร่างกายแถมยังใช้อาวุธตามแบบและเอ็กโซสเกลเลตันชนะฉันได้ถึงขนาดนี้
บางที… ฉันคงคิดผิดไปตั้งแต่แรกแล้ว
ปัญหาไม่ได้อยู่ที่ชิ้นส่วน แต่เป็นคนที่ใช้ชิ้นส่วนเหล่านั้นต่างหาก…
“คุณชนะ… คุณช่วยผมสวมขาหน่อยได้ไหม?”
หวังเผิงหยิบกริชที่ตกลงบนพื้นและยัดกลับเข้าไปในกล่องเครื่องมือ หลังจากได้ยินคำพูดของชายที่นอนอยู่บนพื้น เขาก็ลังเลและส่ายหัว
“ผมรู้แค่วิธีถอดมันออกอย่างเดียวน่ะ… ผมไม่รู้วิธีการติดมันคืน”
ซุนหรงถอนหายใจ
“โอ้อย่างนั้นเหรอ… น่าเศร้าจัง”
…
ไม่ใช่แค่ซุนหรงคนเดียวที่คิดว่าเขาจะไม่พ่ายแพ้อย่างเลวร้ายเช่นนี้แน่ ขนาดที่ผู้ตรวจสอบที่รับผิดชอบการทดสอบนี้เองก็คาดไม่ถึงถึงผลการแข่งขันครั้งนี้เช่นกัน
ภายในห้องสอบ
ในตอนนี้ความเงียบงันได้เริ่มเข้าสู่เหล่าผู้ตรวจสอบ
พวกเขาคิดว่าเด็กใหม่อย่างหวังเผิงซึ่งเพิ่งเกณฑ์ทหารไปหนึ่งเดือนอาจประสบอุบัติเหตุระหว่างการสอบ ดังนั้น ผู้ตรวจสอบในห้องควบคุมจึงให้ความสนใจกับกระบวนการทั้งหมดในการทดสอบ และพวกเขาไม่คิดว่าการทดสอบจะจบลงแบบนี้เสียอย่างนั้น
ขณะที่ผู้ตรวจสอบมองไปที่หน้าจอมอนิเตอร์อย่างไม่เชื่อสายตาตัวเอง เขาก็อดไม่ได้ที่จะอุทานออกมาว่า “อีกครั้ง… เล่นเพื่อดูทุกมุมซิ! ให้ผมดูว่าเขาทำได้อย่างไร!”
พนักงานที่ยืนอยู่ข้างจอมอนิเตอร์ก็กลืนน้ำลายลงคอเฮือกใหญ่ นิ้วชี้ของเขาแตะอย่างรวดเร็วสองสามครั้งบนหน้าจอโฮโลแกรม
ไม่นานภาพการตรวจสอบสิบสองภาพในมุมมองต่างๆ ถูกฉายบนหน้าจอโฮโลแกรม
การต่อสู้ทั้งหมดจบลงในเวลาไม่ถึงห้านาทีด้วยซ้ำ
หลังจากเข้าสู่สนามแล้ว หวังเผิงก็ขึ้นใช้ระเบิดมือ EMP เมื่อเห็นว่ามันไม่ได้ผลเขาก็รีบทิ้งห่างจากซุนหรงอย่างรวดเร็ว
หลังจากไล่ตามไปสิบวินาทีหวังเผิงก็หายตัวไปจากสายตาของซุนหรงโดยใช้ระเบิดควันบังเอาไว้
ขณะที่ทุกคนคิดว่าหวังเผิงจะทำตัวห่างเหินและพยายามชดเชยจุดอ่อนทางกายภาพของเขาด้วยอาวุธปืน แต่เหตุการณ์ที่น่าอัศจรรย์ก็ได้เกิดขึ้น
หวังเผิงซึ่งหลบอยู่ในควันระเบิดกลับไม่ถอยออกไป แต่เขากลับไปหาซุนหรงขณะที่ดึงมีดที่ผูกติดกับขาของเขาออกมา
และจากนั้นผลลัพธ์ถูกตัดสินในทันที
เห็นได้ชัดว่าซุนหรงไม่คาดคิดว่าหวังเผิงที่โดนเขาไล่ตามวางแผนที่จะโจมตีกลับด้วยควันของระเบิดควัน และตอนที่เขาเห็นเงาของหวังเผิงทุกอย่างก็สายเกินไป
เส้นประสาทเชิงกลที่ขาของเขาถูกตัด มีการแจ้งเตือน [(ซ้าย) (ขวา) ความเสียหายของขาไบโอนิค] แสดงขึ้นบนหน้าจอหน้าเขา และตามมาด้วยอาการบาดเจ็บรุนแรงที่หลัง และมีข้อความว่าข้อศอกของเขาหลุดออกมาด้วย
“เหลือเชื่อ…” ผู้ตรวจสอบพึมพำกับตัวเอง “ความเร็วขนาดนี้… เขาเป็นมนุษย์จริงเหรอๆ ?”
“เขาน่าจะเชี่ยวชาญเทคนิคการต่อสู้กับการปลูกถ่ายอวัยวะเทียมและสามารถโจมตีจุดอ่อนได้อย่างแม่นยำแน่ๆ นี่มันเป็นเรื่องที่คนธรรมดาทำไม่ได้” รองผู้ตรวจการบีบคางด้วยแขนพาดหน้าอกเอาไว้ เขาคิดอยู่ครู่หนึ่งแล้วพูดว่า “การปลูกถ่ายไบโอนิคของเรายังต้องได้รับการปรับปรุง ถ้าเราเจอคู่ต่อสู้เช่นนี้ในสนามรบ… การปลูกถ่ายพวกนี้จะเป็นข้อเสียทันที”
“นอกจากนี้ยังมีระบบวิเคราะห์สนามรบเอไอ ถึงตัวบุคคลจะไม่สามารถคาดการณ์ได้ด้วยแบบจำลองทางคณิตศาสตร์ แต่ผลลัพธ์ของการคำนวณก็ไม่ควรเบี่ยงเบนไปในระดับดังกล่าว” หากดูดัชนีการวิเคราะห์พลังต่อสู้และการทำนายผลบนหน้าจอแล้ว หลินเฟิงผู้สอนของหวังเผิงกล่าวต่อด้วยน้ำเสียงที่อ่อนโยนว่า “ระบบนี้ควรได้รับการอัปเดตด้วย”
ในขณะนั้น จู่ๆ ก็มีคนพูดขึ้นมา
“ซุนหรงพลาดอีกแล้วเหรอ?”
“เป็นไปไม่ได้” หัวหน้าผู้ตรวจสอบส่ายหัว “ยกเว้นปัญหาการประเมินค่าศัตรูของเขาต่ำไป ซึ่งเขาก็ทำดีที่สุดแล้วในวันนี้ แต่เขาคงไม่คิดว่าคู่ต่อสู้ของเขาจะแข็งแกร่งขนาดนี้”
ผู้สอบคนหนึ่งถามว่า “แล้วเขาสอบผ่านรอบแรกแล้วใช่ไหม?”
ห้องสอบเงียบไปอีกครั้ง
“เพิ่มความยากของสองรอบถัดไป” หัวหน้าผู้ตรวจสอบได้ทำลายความเงียบไป เขากล่าวว่า “นี่มันเป็นไปไม่ได้ที่จะสำเร็จการศึกษาภายในหนึ่งเดือน”
รองผู้ตรวจสอบที่ยืนอยู่ข้างๆ เขาอดไม่ได้ที่จะยิ้มแหยๆ บนใบหน้าของเขา
เป็นไปไม่ได้เหรอ?
น่าตลกดีนะ…
หลังจากเข้าสู่ฐานฝึกได้หนึ่งเดือน เขากลับทำการทดสอบรอบแรกและเอาชนะซุนหรงที่ฝึกฝนมาถึงสองปีได้
นี่เท่ากับเขาตีหน้าพวกมันและแสดงให้เห็นชัดเจนว่าฐานฝึกพวกนี้มันไร้ค่า
พวกนั้นแค่ไม่ยอมรับมันก็เท่านั้น!
หลินเฟิงซึ่งยืนอยู่ด้านข้างก็พูดขึ้นทันที
“ผมได้ยินมาว่าเขาเคยเป็นบอดี้การ์ดของนักวิชาการลู่นะ”
หลังจากฟังเสร็จทุกคนก็ถอนหายใจด้วยความโล่งอก และอารมณ์ของพวกเขาก็ดีขึ้นเล็กน้อย
บอดี้การ์ดของนักวิชาการลู่เหรอ?
เข้าใจแล้ว!
แม้ว่าพวกเขาจะไม่เห็นคุณค่าสิ่งเก่าๆ ที่มาอนาคต แต่เมื่อพิจารณาถึงสถานการณ์ในตอนนั้นแล้ว การได้ทำหน้าที่เป็นผู้คุ้มกันของนักวิชาการลู่ก็ไม่ใช่เรื่องกล้วยๆ…
…
การสอบอีกสองรอบที่เหลือได้จบลงไปแล้ว และผลสอบครั้งนี้ค่อนข้างน่าผิดหวัง เพราะจากผู้สมัครสองร้อยคน มีเพียงคนเดียวที่ผ่านการทดสอบทั้งหมดไปได้
และสิ่งที่น่ารำคาญที่สุดคือความจริงที่ว่าผู้สมัครคนเดียวที่สอบผ่าน เรียนหลักสูตรนี้ไปแค่หนึ่งเดือนเท่านั้นและแถมยังเป็นคนเก่าแก่จากเมื่อหนึ่งร้อยปีที่แล้วอีกด้วย…
ณ หอพัก
หวังเผิงที่ได้รับ ‘ใบประกาศนียบัตร’ กำลังจัดกระเป๋าของเขาอยู่
เขานำเสื้อผ้ามาเพียงไม่กี่ชิ้นตอนมาที่นี่ และเขาก็ไม่ได้นำของกลับไปมากเช่นกัน แต่เขายังต้องทำความสะอาดและจัดระเบียบเรียบร้อย
โดยเฉพาะอย่างยิ่งสำหรับเสื้อผ้าและผ้าห่ม เขาแทบจะเป็นโรคย้ำคิดย้ำทำไปแล้ว ทุกอย่างจะต้องพับเก็บอย่างเรียบร้อย โดยเฉพาะอย่างยิ่งแบบที่มีขอบและมุมตรง
อยู่ดีๆ เขาก็ได้ยินเสียงเคาะประตูดังขึ้น
หวังเผิงไม่ได้เงยหน้าขึ้นมอง แต่เขาพูดอย่างเป็นกันเองว่า “เข้ามาสิ”
ประตูเปิดออก และเป็นอาจารย์หลินเฟิงที่เดินเข้ามา
“รถรออยู่ที่ทางเข้าแล้ว เราจะไปส่งคุณไปที่สถานีแมกเลฟที่ใกล้ที่สุด”
“ขอบคุณครับ”
เนื่องจากงานของหน่วยรักษาความปลอดภัยนั้นค่อนข้างที่จะลึกลับ แม้แต่ฐานฝึกจะรับผิดชอบเจ้าหน้าที่ฝึกอบรมตามมาตรฐานของหน่วยรบพิเศษก็ไม่มีการเชื่อมต่อข้อมูลระหว่างทั้งสององค์กร
หวังเผิงผู้ที่ถือ ‘ใบรับรองการสำเร็จหลักสูตร’ จำเป็นต้องรายงานกลับไปยังสำนักความมั่นคงด้วยตนเอง
“ขอบคุณครับ”
“ไม่เป็นไร นี่คืองานของเรา” หลินเฟิงพยักหน้า เขายิ้มและพูดต่อว่า “แล้วเมื่อคุณออกไปจากที่นี่ คุณจะทำอะไรต่อเหรอ?”
หวังเผิงคิดอยู่ครู่หนึ่งแล้วพูดว่า “มันไม่มีอะไรให้ทำ อย่างไรก็ตามผมพึ่งตื่นมาไม่ถึงสองเดือนและผมไม่รู้อะไรมากเกี่ยวกับยุคนี้เลย… ผมคิดว่าจะไปคุยกับหัวหน้าของผมก่อน จากนั้นก็ค่อยไปที่จินหลิงแล้วหาอะไรทำ”
แม้ว่าเขาจะไม่ใช่คนขับรถของลู่โจวแล้ว แต่ลู่โจวก็เป็นเพื่อนจากยุคเดียวกันและเป็นเพื่อนสนิทของเขา หวังเผิงต้องการบอกข่าวดีนี้กับเขาโดยเร็วที่สุด
หลินเฟิง “ที่ผมหมายถึงคือ คุณกำลังรีบไปเพราะเรื่องนั้นเหรอ?”
เมื่อได้ยินคำถามที่ไม่คาดคิดนี้ หวังเผิงก็ขมวดคิ้ว
“เรื่องไหน?”
“ไม่มีอะไร แค่ถามเพราะอยากรู้เฉยๆ น่ะ” หลินเฟิงยิ้มและกล่าวว่า “ผมคิดว่าคุณแตกต่างจากนักเรียนของผม และคุณมาจากสำนักงานความมั่นคง ผมจะไม่ถามแล้ว โทษที”
หลินเฟิงกล่าวต่อ “ขอให้คุณเดินทางปลอดภัย”
หวังเผิงตอบว่า “แม้จะแค่เดือนเดียว แต่ผมจะจำชื่อทุกคนเอาไว้”
หลังจากพยักหน้าหลินเฟิงก็หันหลังกลับและจากไป
เมื่อมองไปที่ประตูที่ปิดไป หวังเผิงขมวดก็ได้แต่คิ้วแต่ไม่ได้พูดอะไร เขาหันกลับไปหากระเป๋าเดินทางและพับเสื้อผ้าอย่างพิถีพิถันต่อ
แต่อะไรไม่รู้ที่ทำให้เขารู้สึกว่าการสนทนานี้ทำให้เขารู้สึกแปลกเล็กน้อย
“แค่ความอยากรู้…?”
นักวิชาการลู่ก็ชอบพูดแบบนี้เหมือนกัน
แต่ว่า…
หุ่นยนต์ก็รู้สึกอยากรู้อยากเห็นเหมือนกันเหรอ?
หวังเผิงยังคงพับเสื้อผ้าของเขาต่อไปในขณะที่รู้สึกงงงวย
บอกตามตรง เขาไม่เข้าใจว่าหุ่นยนต์ในยุคนี้มีความรู้สึกอย่างไร…