Scholar’s Advanced Technological System ระบบปั้นอัจฉริยะ - ตอนที่ 1528 การลักพาตัว
“ในระหว่างการฝึกซ้อมทางทหารของกองเรือ กองทัพชุดแรกของสหการพาน-เอเชียนบนดวงดาวซีรีส พวกเขาค้นพบศูนย์ซูเปอร์คอมพิวเตอร์ที่ไม่ปรากฏชื่อขึ้น ศูนย์ซูเปอร์คอมพิวเตอร์ใช้อาร์เรย์คอมพิวเตอร์ควอนตัมที่ไม่รู้จักและติดตั้งอาวุธหนักป้องกันตัวเอาไว้ ผู้เชี่ยวชาญจากสถาบันวิทยาศาสตร์ได้ประมาณการไว้ว่าพลังการประมวลผลและขนาดการบูรณาการอาจแซงหน้าศูนย์ซูเปอร์คอมพิวเตอร์ชั้นนำระดับโลกไปแล้ว”
“เพื่อตรวจสอบแหล่งที่มาของศูนย์ซูเปอร์คอมพิวเตอร์และโปรเจกต์ที่ไม่รู้จักที่ทำงานบนคอมพิวเตอร์ สถาบันวิทยาศาสตร์ได้ ส่งทีมผู้เชี่ยวชาญยี่สิบคนไปยังดาวซีรีสเพื่อทำการตรวจสอบมัน”
“ตามคำกล่าวของเจ้าหน้าที่อาวุโสจากหน่วยงานความมั่นคง การสอบสวนจะดำเนินการไม่นาน และไม่สามารถตัดการเชื่อมต่อระหว่างศูนย์ซูเปอร์คอมพิวเตอร์ในเซเรสกับอารยธรรมนอกโลกได้ แต่ปัจจุบันก็ยังไม่แน่ชัดว่ามีความเชื่อมโยงโดยตรงหรือเกี่ยวข้องโดยอ้อมหรือไม่”
“อย่างไรก็ตามเจ้าหน้าที่ยังกล่าวอีกว่า ไม่ว่าศูนย์ซูเปอร์คอมพิวเตอร์จะเกี่ยวข้องกับอารยธรรมนอกโลกหรือไม่ก็ตาม ทุกคนก็จะสามารถวางใจได้ พลังอันทรงพลังของกองทัพชุดแรกนั้นสามารถป้องกันภัยคุกคามทั้งหมดจากภายในและภายนอกระบบสุริยะจากระบบโลกและดวงจันทร์ เช่นเดียวกับการเผชิญหน้าที่เกิดขึ้นบนดาวซีรีส กองพลน้อยทางอากาศที่สามสามารถเอาชนะคู่ต่อสู้ได้ในเวลาน้อยกว่าครึ่งชั่วโมง…”
ในทีวีโฮโลแกรมมีการแสดงข่าวภาคเช้าอยู่
เทลที่กำลังเสิร์ฟอาหารอยู่บนโต๊ะก็เริ่มสนใจข่าวนี้ด้วยเหตุผลอะไรบางอย่าง
เธอยืนอยู่ข้างโต๊ะอาหารและดูอยู่นานสักพัก ไม่นานสมาธิของเธอก็ถูกทำลายโดยเสียงของเจ้านายที่ดังขึ้น
“เทล”
เทลหยุดดูต่อ เธอมองดูเจ้านายที่นั่งอยู่ที่โต๊ะอย่างสุภาพและพูดด้วยน้ำเสียงที่อ่อนโยนตามปกติของเธอว่า “เจ้านายต้องการอะไรเหรอคะ?”
เมื่อวางตะเกียบในมือลง เจ้านายก็เช็ดปากด้วยผ้าเช็ดปากและพูดด้วยน้ำเสียงสบายๆ ว่า “วันนี้มีการประชุมตอนเช้าที่บริษัทเพื่อหารือเกี่ยวกับสินค้าที่ส่งไปเมื่อวาน ไว้เดี๋ยวพ่อจะไปส่งลิลลีไปโรงเรียนวันหลังนะ”
“เอ๋?”
หลังจากได้ยินว่าวันนี้พ่อของเธอจะไม่ไปส่งเธอที่โรงเรียน ลิลลีที่นั่งอยู่ที่โต๊ะอาหารก็แสดงสีหน้าผิดหวังในทันที เธอพูดพร้อมกับทำหน้าบึ้งตึง
“พ่อจะไม่ส่งหนูไปโรงเรียนเหรอ?”
“พ่อมีงานต้องทำน่ะ” ชายคนนั้นพูดด้วยใบหน้ายิ้มแย้ม เขามองดูลูกสาวของเขาและพูดต่อว่า “พ่ออยากส่งลูกเหมือนกันแต่วันนี้ไม่ได้จริงๆ ”
“แต่…”
“ฮืม…” นายหญิงที่นั่งอยู่ข้างๆ เธอแตะผมสีดำของเด็กหญิงตัวเล็กๆ อย่างนุ่มนวล เธอพูดเบาๆ ด้วยน้ำเสียงที่เกลี้ยกล่อมว่า “งานของพ่อลูกยุ่งมากเลยนะ ถ้าไม่ใช่เพราะการทำงานหนักของเขา เราก็คงไม่มีทางซ่อมเทลได้ ลิลลีเป็นเด็กดี ดังนั้นช่วยเข้าใจพ่อเขาได้มั้ยคะ?”
เธอค่อยๆ หยุดทำหน้ามุ่ย แม้ว่าเธอจะยังรู้สึกผิดหวังเล็กน้อย แต่ลิลลีก็พยักหน้าอย่างมีเหตุผลและพูดอย่างมีความสุข “ถ้าอย่างนั้น… ไม่ใช่วันนี้ แต่ตอนเลิกงาน หนูอยากเล่นเกมด้วย!”
“โอเคๆ ถ้าเลิกงานแล้วจะเล่นเกมอะไรก็ได้เลย” ชายคนนั้นยิ้มและสัมผัสผมของลูกสาวด้วยความรัก “เดี๋ยววันนี้พ่อจะกลับให้ไวเลย ไปโรงเรียนอย่าดื้อนะ เดี๋ยวพ่อต้องไปแล้ว”
“โอเคค่ะ…”
จากนั้นชายคนนั้นก็กอดภรรยาของเขา แล้วเขาก็เดินไปที่โถงทางเดิน ใส่รองเท้าแล้วออกจากบ้านไป
ผ่านไปครู่หนึ่งโดมของโรงรถด้านนอกสนามก็เปิดออก และมีรถสีเงินคันเล็กๆ แล่นออกมาก่อนจะขับออกไปบนถนนอย่างสบายๆ
หลังจากที่นายจากไปห้องก็เงียบอีกครั้ง
สาวน้อยยังคงมีสีหน้าบูดบึ้ง เธอใช้ตะเกียบเคาะจานข้าว แต่ด้วยเหตุผลบางอย่าง เทลกลับรู้สึกว่าเสียงนั้นไพเราะมาก และทุกอย่างที่อยู่ข้างหน้าเธอก็กลมกลืนกันไปและอบอุ่น
ไม่ว่าจะเป็นนายน้อยที่ยังไม่มีความสุขหรือใบหน้าที่อ่อนโยนของแม่…
กลับมีความคิดหนึ่งผุดขึ้นในใจเธอ
นี่คือสิ่งที่ครอบครัวรู้สึกเหรอ?
เธอคิดเรื่องนี้เป็นเวลานาน อย่างไรก็ตาม แม้หลังจากส่งลิลลีไปโรงเรียนแล้ว แต่เธอก็คิดคำตอบไม่ออก…
…
พระอาทิตย์ค่อยตกลงไปอย่างช้าๆ
ระหว่างทางกลับบ้านจากโรงเรียน
หลังจากรอมาทั้งวันที่สถานีชาร์จที่ประตูโรงเรียน ในที่สุดคาบสุดท้ายก็เสร็จ
เทลก้าวไปข้างหน้าและจับมือเด็กหญิงตัวเล็กๆ เอาไว้ขณะที่พวกเขาเริ่มไปยังสถานีใกล้ๆ
ทั้งสองเดินจูงมือกันราวกับเป็นพี่น้องกัน แม้ว่าหนึ่งในนั้นจะเป็นหุ่นยนต์ก็ตาม
“ลิลลี”
“หือ?”
เทลไม่แน่ใจว่าจะเปิดเผยความแตกต่างระหว่างตัวเองกับหุ่นยนต์ตัวอื่นๆ ดีไหม เทลลังเลอยู่ครู่หนึ่งก่อนจะถามว่า “ลิลลีคิดอย่างไรกับคำว่าครอบครัวเหรอ?”
“ครอบครัวเหรอ?”
ลิลลีตาโต เธอมองเทลด้วยท่าทางแปลกๆ ราวกับว่าเธอไม่เข้าใจว่าทำไมเพื่อนที่แสนดีของเธอถึงถามคำถามนี้ออกมา
“ถ้ามันยากเกินไปก็ไม่ต้องตอบก็ได้นะ”
“ไม่เลยๆ … มันแค่ยากที่จะอธิบายความรู้สึกน่ะ…”
นิ้วชี้ของเธอถูกกดลงไปที่ริมฝีปากล่างของเธอ ราวกับว่าเธอกำลังครุ่นคิดถึงคำถามนี้อย่างจริงจัง เด็กหญิงตัวเล็กๆ ใช้เวลานานในการพยักหน้าอย่างจริงจัง
“ครอบครัว… ก็คือครอบครัว ลิลลีอธิบายไม่ถูกว่ารู้สึกอย่างไร การอยู่ด้วยกันจะทำให้รู้สึกสบายใจ ตัวอย่างเช่น ครอบครัวของลิลลี มีพ่อ แม่ และเทล…”
ลิลลีเอานิ้วของเธอออกมาแล้วนับทีละนิ้วด้วยท่าทีทะมัดทะแมง
เมื่อเทลได้ยินชื่อของเธอ ไหล่ของเทลก็ส่ายไปมาเล็กน้อย และความรู้สึกที่ควบคุมไม่ได้ก็ผุดขึ้นในใจผ่านสีตาของเธอ
ครอบครัว…
เข้าใจแล้ว!
นายน้อยคิดว่าฉันเป็นส่วนหนึ่งของครอบครัวของเธอ
“เทล เทล เป็นอะไรหรือเปล่า?”
เมื่อมองไปการจ้องมองที่ไร้เดียงสานั้นก็ทำให้เทลยิ้มอย่างอ่อนโยน
“ไม่มีอะไรหรอก แค่สงสัยนิดหน่อยเท่านั้น… ว่าไปแล้วอยากกินพุดดิ้งมะม่วงไหม?”
“อยากสิ!”
ดวงตาของเด็กหญิงตัวเล็กๆ ฉายแสงเป็นประกายระยิบระยับ เธอทิ้งเรื่องอื่นๆ ไว้ข้างหลังทันทีและคิดว่าทำไมวันนี้เพื่อนของเธอถึงทำตัวแปลกๆ
“แม่บอกเทลว่าถ้าลิลลีทำตัวดีๆ เทลก็จะให้รางวัลกับลิลลีด้วยพุดดิ้งมะม่วงที่เธอชอบ เพราะลิลลีเป็นเด็กดีในวันนี้ จึงสมควรได้รับพุดดิ้งสองอันยังไงล่ะ”
“สองอัน?! เลยเหรอ? นั่นมันมากเลยนะ แม่ยังไม่ยอมให้หนูกินเยอะขนาดนี้เลย…”
เทลกะพริบตาขวาของเธอเบาๆ หนึ่งทีและพูดด้วยรอยยิ้มว่า “นี่เป็นความลับระหว่างเราสองคนยังไงล่ะ ไม่ต้องบอกใครนะ”
“โอเค ได้เลย! ลิลลีจะไม่บอกใคร!”
ภายใต้การยั่วยวนของพุดดิ้งมะม่วง ดวงตาของเด็กหญิงตัวเล็กๆ ก็ได้กลายเป็นสีของมะม่วงอย่างสมบูรณ์ เธอเดินตามเทลไปพร้อมกับฮัมเพลงอย่างร่าเริง
ทั้งสองไปที่ซูเปอร์มาร์เก็ตอัตโนมัติข้างถนน เทลเปิดเทอร์มินัลส่วนตัว ตรวจสอบยอดคงเหลือที่มีอยู่ และคำนวณวิธีลบการเรียกเก็บเงินออกจากสเตตเมนต์ จากนั้นเธอก็ใช้นิ้วชี้เบาๆ ที่เมนูซื้อของข้างเคาน์เตอร์
“พุดดิ้งมะม่วงสองอัน”
ลิลลีวางมือบนขอบเคาน์เตอร์อย่างตื่นเต้น “เอาอันที่เย็นและใหม่นะคะ!”
หุ่นยนต์ของร้านย้ายไปอยู่ด้านข้างตู้เย็น ทันใดนั้น ประตูซูเปอร์มาร์เก็ตก็เปิดออก และคนชุดดำหลายคนก็วิ่งเข้ามาอย่างรวดเร็ว
เทลรู้สึกแย่ทันทีเมื่อเห็นพวกมัน เธอปกป้องลิลลีทันที
อย่างไรก็ตาม ขณะที่เธอกำลังจะถามว่า “คุณเป็นใคร” เธอเห็นหนึ่งในนั้นหยิบปืน EMP ขนาดเล็กออกมาก่อนจะชี้ไปที่หัวของเธอ
เทลอยากจะร้องขอความช่วยเหลือโดยไม่รู้ตัว
แต่จากนั้นก็มีร่างหนึ่งพุ่งออกมาจากประตูร้าน เข้ามากระแทกที่ไหล่ของมือปืนและปัดมือปืนกระเด็นออกไป…