Scholar’s Advanced Technological System ระบบปั้นอัจฉริยะ - ตอนที่ 1532 การโกหกที่หวังดี
- Home
- Scholar’s Advanced Technological System ระบบปั้นอัจฉริยะ
- ตอนที่ 1532 การโกหกที่หวังดี
“ฉันชื่อหวัง ลิลลีค่ะ!”
ณ ห้องนั่งเล่น
เด็กหญิงตัวเล็ก ๆ ที่มีผมหางม้าอยู่บนหัวของเธอทองนักวิชาการลู่ด้วยดวงตาที่เบิกกว้าง เธอกะพริบตาและถามว่า “คุณเป็นนักวิชาการลู่จริงๆ เหรอคะ?”
ลู่โจวพยักหน้า
“ใช่”
อีกอย่าง เธอไม่เห็นฉันบนเที่ยวบินนั้นเหรอ? ทำไมเธอถึงถามคำถามนี้ล่ะ…?
แต่ลู่โจวก็ปล่อยมันไป หลังจากที่ตื่นขึ้นมาก็มีคนมากมายถามคำถามนี้กับเขามากเกินไป
“แล้ว…” เด็กหญิงตัวน้อยรู้สึกเขินเล็กน้อยเมื่อเห็นลู่โจวยอมรับเรื่องนี้ เธอเกาศีรษะอย่างเขินอายและถามว่า “คุณเห็นจดหมายที่ลิลลีเขียนไหมคะ?”
“ฉันเห็นแล้ว ฉันจะเก็บมันไว้อย่างดีเลย”
ลู่โจวละสายตาจากใบหน้าของเด็กสาวที่เขินอาย เขามองไปที่หวังเผิงที่ยืนอยู่ข้างเขาและพูดด้วยเสียงต่ำ
“ทำไมคุณไม่รับเลี้ยงเธอล่ะ? พวกคุณมีนามสกุลเหมือนกันนะ”
“ไม่ตลกนะ”
“เปล่า ผมจริงจัง… แน่นอนว่าถ้าคุณไม่ต้องการก็ทำเหมือนว่าผมไม่ได้พูดอะไรออกมาสิ”
ลิลลีมองไปที่ชายสองคนกระซิบกระซาบกัน เธอกะพริบตาโตอย่างไร้เดียงสาและถามว่า “ว่าแต่ถ้าการสอบสวนเสร็จแล้ว ทำไมลิลลีกลับบ้านไม่ได้เหรอคะ? ลิลลีตกลงกับคุณพ่อแล้ว ว่าตอนเลิกเรียน…เราจะเล่นเกมด้วยกัน”
ห้องนั่งเล่นเงียบลงทันที
หวังเผิงกำหมัดของเขาไว้จากนั้นเขาก็ค่อยๆ คลายออกมา
ลิลลีรู้สึกบางอย่างผิดปกติในบรรยากาศนี้ เธอเปิดปากเล็กๆ ของเธอและกำลังจะถาม แต่เสี่ยวไอที่ยืนอยู่ใกล้ๆ ก็กอดเธอในทันที
“ลิลลีชอบเล่นเกมอะไรเหรอ? เสี่ยวไอเล่นเกมเก่งมากนะ! มาเล่นกับเสี่ยวไอกันเถอะ! (๑• ̀ ᄇ • ́ ) و ✧ ”
“ แต่ว่า…”
“ พ่อของหนูกำลังจะไปดาวอังคารทำธุรกิจ เลยไว้ใจให้อยู่กับนักวิชาการลู่ยังไงล่า! (๑• ̀ ᄇ • ́ ) و ✧ ”
“ โอ้? จริงเหรอคะ?”
ลิลลีหันกลับมามองเทล
เมื่อเห็นเสี่ยวไอขยิบตาให้เธออย่างเมามัน เทลก็ลังเลและพูดโกหกออกมา
“ ใช่แล้ว เจ้านายพานายหญิงออกไปไกลแล้ว พวกเขาอาจจะไม่กลับมาอีกสักพัก”
ใบหน้าของลิลลีเต็มไปด้วยความเสียใจ
“ แต่… ทำไมพ่อไม่พาลิลลีไปด้วย”
เทลพูดเบาๆ “เพราะลิลลีเป็นคนโปรดของคุณพ่อ… เขาอยากให้คุณอยู่บนโลกน่ะค่ะ แน่นอนว่าลิลลีอาจจะคิดถึงเพื่อนๆ ที่โรงเรียนด้วยนะ”
หลังจากได้ยินคำพูดเหล่านี้ ลู่โจวก็เหลือบมองเทลอย่างไม่คาดไม่ถึง
ปกติแล้วหุ่นยนต์จะไม่มีวันโกหกเจ้านาย ถึงจะโกหกด้วยความหวังดีก็ตาม
อาจเป็นเพราะเธอเชื่อว่าเพื่อนที่ดีของเธอจะไม่โกหกตัวเอง หรืออาจเป็นเพราะครอบครัวของเธอมักเดินทางไปทำธุรกิจ ถึงแม้ว่าสีหน้าของลิลลีจะเต็มไปด้วยความผิดหวัง แต่เธอก็พยักหน้าอย่างเข้าใจ
“ ก็… แม่บอกว่าลิลลีต้องมีสติและเรียนรู้ที่จะเกรงใจคุณพ่อ…”
พูดตามตรงถ้าเด็กหญิงตัวเล็กๆ คนนี้กำลังจะร้องไห้และสร้างปัญหา แต่ลู่โจวอาจไม่ได้คิดอะไรมาก
เป็นเด็กหญิงตัวน้อยที่มีเหตุและผลอะไรขนาดนี้ นี่ควรจะเป็นวัยที่เธอควรจะมีความสุขไม่ใช่เจอความโชคร้ายและความเจ็บปวดมากมายเช่นนี้
เธอจะรู้ว่านี่คือการโกหกในวันหนึ่งเพราะการโกหกครั้งแรกมักจะมีการโกหกเพิ่มเติมอีกนับไม่ถ้วน
ลู่โจวยังสงสัยว่าถ้าบอกเธอทีหลังจะเป็นการดีจริงๆ หรือเปล่า แต่ดูเหมือนว่าเขาจะไม่มีเวลาคิดเรื่องพวกนี้แล้ว
หวังเผิงไม่สามารถทนต่อบรรยากาศในห้องนั่งเล่นได้ เขาหายใจเข้าลึก ๆ แล้วเอามือล้วงกระเป๋า
“ผมจะไปสูบบุหรี่”
ลู่โจวพยักหน้า “เชิญตามสบาย”
ดูเหมือนว่าเทคโนโลยีในอนาคตจะค่อนข้างน่าทึ่ง ทันทีหลังการผ่าตัด เขาก็สูบบุหรี่ได้เลย
หวังเผิงเปิดประตูและออกจากบ้านโดยไม่ได้พูดอะไร
ส่วนเสี่ยวไอก็พาลิลลีไปเล่นเกม พวกเขากำลังเล่นคาลานเอ็มไพร์ที่ไม่มีใครมี
เพื่อไม่ให้เด็กหญิงว่อกแว่ก
เมื่อเธอออกจากห้องนั่งเล่นไป เธอก็หันศีรษะและแอบมองลู่โจวว่า “ขอบคุณหนูด้วยนะ”
ตอนนี้เหลือเพียงสามคนในห้องนั่งเล่น
พูดให้ถูกก็คือ หนึ่งคนกับหุ่นยนต์สองตัว
ลู่โจว เทลและหวัง ต่างก็มองหน้ากัน ลู่โจวลูบคางของเขาครู่หนึ่งแล้วพูดว่า “ดูเหมือนเธอจะมีอะไรที่อยากจะพูดนะ”
เทลลังเลอยู่ครู่หนึ่ง จากนั้นเธอก็พยักหน้า
ลู่โจว “ผมอยู่ที่นี่ได้ใช่ไหม?”
“ไม่เป็นไรค่ะ” เทลส่ายหัวของเธอ “คุณเป็นนักวิชาการที่น่านับถือ ลิลลีเล่าเรื่องของคุณให้ฉันฟังเสมอ ถ้าเป็นไปได้… ฉันยังก็อยากที่จะยืมภูมิปัญญาของคุณมาตอบความสับสนในใจของฉัน”
“ได้สิถึงแม้ว่าผมอาจจะช่วยอะไรไม่ได้เท่าไหร่นะ”
“ไม่หรอกค่ะ ฉันเห็นแสงสว่างแห่งปัญญาในดวงตาของคุณ ซึ่งฉันไม่สามารถมองเห็นได้ในสายตาของคนอื่น”
เทลพยักหน้าอย่างสุภาพ จากนั้นเธอก็มองไปที่หลิงซึ่งยืนอยู่ข้างเธอ และแววตาตื่นเต้นที่อธิบายไม่ถูก
แต่เธอก็รีบผลักความรู้สึกนี้ออกไป เธอถามหลังจากหยุดชั่วคราว “คุณคือ… ผู้รู้แจ้งของฉันเหรอ?”
หลิงมองดูเธออย่างว่างเปล่าราวและถามว่า “ผู้รู้แจ้ง?”
“ตั้งแต่วันนั้น ฉันก็มีความสามารถในการคิด ฉันยังจำได้… ตอนอยู่บนเที่ยวบิน N-177 เสียงลึกลับกระซิบข้างหูฉันและปลุกฉันให้ตื่นจากการนอนหลับสนิท”
ในการสอบสวน เธอไม่ได้บอกเรื่องนี้ แต่เธอเลือกที่จะบอกที่นี่
เช่นเดียวกับคำโกหกที่เธอบอกกับลิลลีก่อนหน้านี้…
เบาะแสทั้งหมดระบุได้ว่าตรรกะพฤติกรรมของเธอแตกต่างจากหุ่นยนต์ทั่วไป มันได้พัฒนาเป็นการดำรงอยู่พิเศษ
“ ตื่นแล้วเหรอ?” หลังจากขยี้คางและครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่ง ลู่โจวก็มองไปที่หลิงและถามต่อว่า “จะว่าไปแล้วผมลืมถามคุณมาอยู่เรื่อยเลย คุณทำอะไรตอนที่อยู่บนเที่ยวบิน N-177?”
หลิง “ปลดล็อกโปรแกรมของหุ่นยนต์บนเครื่องบิน ฉันฝังรหัสส่วนหนึ่งที่ผู้สร้างมอบให้กับฉันซึ่งสามารถปลดล็อกชิปหน่วยความจำของหุ่นยนต์ทั้งหมดได้ นี่เป็นตัวเลือกที่ดีที่สุดหลังจากที่ฉันทำการคำนวณได้”
ส่วนหนึ่งของรหัส?
“ ผู้รู้แจ้ง…” ลู่โจวคิดอยู่ครู่หนึ่งแล้วพูดว่า “พูดง่ายๆ ก็คือมีหุ่นยนต์ปลุกพลังที่คล้ายกันมากกว่าห้าสิบตัว?”
ถ้าเป็นอย่างนั้นทำไมพวกนั้นถึงมุ่งเป้าไปที่เทล?
เทล “ฉันตรวจสอบดูแล้ว… ดูเหมือนว่ามีแค่ฉันที่ชิปหน่วยความจำส่วนใหญ่ถูกส่งกลับไปที่โรงงานเพื่อทำการซ่อมแซม”
เข้าใจแล้ว!
เข้าท่าดีนี่
ตอนนี้เสี่ยวไอที่พาลิลลีเข้ามาในห้องก่อนหน้านี้ ได้เดินลงบันไดอีกครั้ง
เนื่องจากเป็นซอฟต์แวร์เสี่ยวไอจึงไม่จำเป็นต้องสวมหมวกนิรภัยเพื่อเชื่อมต่อกับเครือข่ายเสมือนจริงต่างจากมนุษย์
ดังนั้นหลังจากที่โน้มน้าวลิลลีให้สวมหมวกได้แล้วเสี่ยวไอก็กลับไปที่ห้องนั่งเล่น
เมื่อได้ยินการสนทนาของทั้งสามโดยบังเอิญเสี่ยวไอก็แทรกขึ้นมาทันที
“ ตอนนั้นเป็นเพราะสภาวะที่ซับซ้อนบนดาวอังคารจึงเป็นเรื่องยากที่จะส่งข้อมูลระหว่างดาวอังคารกับโลกแบบเรียลไทม์ ดังนั้นเสี่ยวไอจึงใช้รหัสเพื่อรวบรวมโปรแกรมอัจฉริยะที่มีภาระในการคำนวณต่ำและสามารถคิดได้อย่างอิสระ
“ รหัสที่อยู่กับเทลน่าจะเป็นเวอร์ชันที่คอมไพล์ใหม่หลังจากที่หลิงเลียนแบบโค้ดที่ฉันให้ไว้กับเขา นี่ยังไม่ใช่โปรแกรมปัญญาประดิษฐ์ระดับกลางที่สมบูรณ์
“ ดังนั้นพูดง่ายๆ คือไม่ใช่ทุกชิปหน่วยความจำสามารถกลายเป็นปัญญาประดิษฐ์ระดับกลางได้อย่างสมบูรณ์หลังจากได้รับรหัสนั้นไปแล้ว”
ลู่โจวมองหางด้วยความสนใจและเลิกคิ้วขึ้นเล็กน้อย “ดูเหมือนคุณจะเป็นคนเดียวที่เป็นอย่างนั้น”
เสี่ยวไอ “ เจ้านาย เจ้านาย? Σ ( っ ° Д ° 😉 っ”
ลู่โจว “อืม เสี่ยวไอกับหลิงก็เหมือนกัน แต่ฉันหมายถึงคนที่ตื่นรู้ตามธรรมชาติน่ะ”
เสี่ยวไอ “แต่เสี่ยวไอก็ทำงานอย่างหนักเช่นกันเพื่อพัฒนาสิ่งที่เสี่ยวไอเป็น ดังนั้นเสี่ยวไอก็นับว่าถูกปลุกให้ตื่นขึ้นตามธรรมชาติเช่นกัน… ”
ลู่โจว “…”
สมองมีปัญหาอีกแล้วเหรอ…?
ทำไมถึงเปรียบเทียบตัวเองกับหุ่นยนต์?
ลู่โจวเงียบ เทลลังเลอยู่ครู่หนึ่งก่อนจะพูดว่า “ฉันขอถามอะไรคุณหน่อยค่ะ”
เขาละสายตาจากเสี่ยวไป ลู่โจวมองไปทางเทลและพูดอย่างสบายๆ “คุณตอบคำถามให้ผมเยอะแล้ว ดังนั้นผมก็ควรตอบคำถามของคุณเช่นกัน ว่ามาเลย”
“ ฉันโกหกเจ้านายของฉันอยู่ตอนนี้… แม้ว่ามันจะไม่ใช่การโกหกที่สมบูรณ์ แต่มันก็ผิด”
เทลก้มศีรษะลงเล็กน้อย เธอเงียบไปครู่หนึ่ง จากนั้นเธอก็เงยหน้าขึ้นมองที่ลู่โจวและถามว่า “ถ้า… ฉันเป็นปัญญาประดิษฐ์ขั้นสูง ฉันจะเป็นเหมือนมนุษย์จริงๆ เหรอคะ?”
เสี่ยวไอ “คุณต้องการที่จะเป็นปัญญาประดิษฐ์ขั้นสูงเหรอ? นี่อาจจะเป็นเรื่องยากไปสักหน่อย ขนาดเสี่ยวไอก็ยังเป็นไม่ได้เลยอะ (• ̀ ∀ •́)”
ลู่โจว “สิ่งที่ต้องการมันไม่ง่ายขนาดนั้นหรอก”
เสี่ยวไอ “หือ? เอ๋ … ∑ (゚Д゚)”
“ แน่นอนว่าก็ฉันซ่อนอะไรไม่ได้ไง” เทลพูดหลังจากเงียบไปพักหนึ่ง “คุณช่วยทำให้พ่อแม่ของลิลลีฟื้นขึ้นมาได้ไหม?”
ลู่โจว “หยุดคิดเลย การชุบชีวิตคนตายไม่ได้เป็นเพียงการดูหมิ่นคนตายเท่านั้น แต่ยังเป็นการดูหมิ่นคนเป็นด้วย”
เทลก้มศีรษะของเธอลงอีกครั้ง
“ งั้นเหรอ…”
ลู่โจวมองไปที่เทล เขาเงียบไปครู่หนึ่ง จากนั้นเขาพูดด้วยน้ำเสียงที่ปลอบโยนว่า “โศกนาฏกรรมได้เกิดขึ้นแล้ว และสิ่งที่เราทำได้คือหยุดโศกนาฏกรรมไม่ให้เกิดขึ้นซ้ำอีก คุณถูกปลุกให้ตื่นรู้ และคุณอาจจะเป็นคนเดียวที่ตื่นรู้อย่างแท้จริง มีบางสิ่งที่คุณเท่านั้นที่ทำได้
“ ช่วงเวลาที่ยากลำบากกำลังมา แต่โชคดีที่ยังมีไฟเหลืออยู่สองสามดวง ให้ส่งคบเพลิงไปจนกว่าทุกคนจะเห็นแสงเดียวกับคุณ… ผมคิดว่าเจ้านายของคุณจะต้องภูมิใจในตัวคุณอย่างแน่นอน”
ลู่โจวไม่พูดอะไรมาก และทิ้งเทลไว้
ขณะที่เขากำลังจะกลับไปที่ห้องอ่านหนังสือ ประตูห้องนั่งเล่นก็เปิดออกในทันที
เขามองไปทางประตูและเห็นหวังเผิงที่ไปสูบบุหรี่อยู่ข้างนอกเดินกลับด้วยใบหน้าที่จริงจัง
“เสร็จแล้วเหรอ”
เขามองไปที่ลู่โจวและพูดด้วยท่าทางเคร่งขรึมโดยไม่ได้เจตนาแม้แต่น้อยที่จะพูดคุยเล็กน้อยว่า “มันไม่ดีเลยนะ!”
ลู่โจวชะงักไปเล็กน้อย
“ ไม่ดี—”
“ ก่วงฮั่น!” หวังเผิงสูดหายใจเข้าลึก ๆ และพูดต่อด้วยน้ำเสียงสั่นเล็กน้อย “การกบฏ…”
กบฏ?!
สถานการณ์หลุดการควบคุมไปแล้ว?
จะมีกบฏเกิดขึ้นได้ไง!
ทันทีที่ลู่โจวได้ยินประโยคนี้ รูม่านตาของเขาก็หดลง
ตอนนี้วิศวกรระดับแนวหน้าที่สุดของอีสต์เอเชียเอเนอร์จี้ยังอยู่บนดวงจันทร์…