Scholar’s Advanced Technological System ระบบปั้นอัจฉริยะ - ตอนที่ 1583 ฝันที่แสนยาวนาน
มันเป็นความฝันที่นานแสนนาน
นานมากจนคิดว่าจะไม่มีวันตื่นเสียแล้ว
ภายในห้องมืดๆ พื้นถูกปูด้วยฝาขวดและเศษแก้วที่เหลือจากขวดไวน์แตกๆ ที่มุมหนึ่งของห้องรกๆ วางแจกันแตกและกรอบรูปพังๆ
หน้าต่างที่ผุพังถูกปกคลุมไปด้วยเถาวัลย์เหี่ยวแห้ง และกรอบหน้าต่างไม้กางเขนที่ดูเหมือนโลงศพ
นอกหน้าต่างมีเด็กๆ กำลังวิ่งเล่น แต่ทุกอย่างภายนอกดูเหมือนจะไม่เกี่ยวข้องกับความโกลาหลในบ้าน
แน่นอนว่าในวังวนอันมืดมิดแห่งนี้ ยังมีบางสิ่งที่สวยงามอยู่
อย่างน้อยก็มีผู้หญิงคนนั้นนั่งอยู่ที่โต๊ะ
รูปร่างเล็กกะทัดรัดช่างไม่เข้ากันกับทุกอย่างในบ้าน ช่างดูแตกต่างกัน ใบหน้าของเธอไม่ได้มีความเศร้าบ่งบอกไว้มากจนเกินไป ดวงตาสีไพลินของเธอสงบนิ่ง ราวกับว่าทุกสิ่งทุกอย่างที่นี่ไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับเธอ และตัวเธอกำลังจดจ่ออยู่กับหนังสือสีเหลืองเล่มน้อยในมือ
เวร่าจำชื่อหนังสือได้ชัดเจน
“EGA…”
“พื้นฐานของเรขาคณิตเชิงพีชคณิต”
ผลงานชิ้นเอกของก็อตเท็นดิ๊ก คัมภีร์แห่งเรขาคณิตเชิงพีชคณิต!
ในขณะเดียวกัน มันก็เป็นของขวัญวันเกิดชิ้นสุดท้ายจากแม่ที่ทิ้งครอบครัวไป
เวร่าอดไม่ได้ที่จะอ่านตัวอักษรสามตัว ด้วยริมฝีปากของเธอสั่นเล็กน้อย
บางทีอาจได้ยินเสียงสวดมนต์แผ่วเบา เด็กสาวที่นั่งอยู่ที่โต๊ะจึงเงยหน้าขึ้นเพื่อและมองดูเธอเงียบๆ ด้วยดวงตาสีไพลิน
ทันใดนั้นรูม่านตาของเวร่าก็หดตัวลง
สิ่งที่อยู่ตรงหน้าเธอดูเหมือนจะเป็นกระจกที่นำไปสู่อดีต และสิ่งที่สะท้อนอยู่ในกระจกนั้นก็คือตัวเธอในวัยเด็กที่ขี้ขลาด หลบเลี่ยง หวาดกลัว และไม่สบายใจ
ผู้หญิงที่โต๊ะลังเลว่าจะทำหรือพูดอะไรสักอย่างดี
ผ่านไปครู่หนึ่ง เด็กสาวซึ่งเป็นตัวตนในวัยเด็กของเธอเริ่มพูดขึ้น
“ไม่น่าเชื่อเลย เธอหาฉันเจอได้อย่างไร”
“ฉัน—”
เวร่ากำลังจะพูดอะไรบางอย่าง แต่ในขณะนั้นเองก็มีเสียงกระแทกรุนแรงดังมาจากประตูที่อยู่ด้านหลังเธอ
การเคลื่อนไหวนั้นดังเหมือนเสียงปืนใหญ่ในช่วงสงคราม พื้น หน้าต่าง และแม้แต่ทั้งห้องสั่นสะเทือน
เวร่ามองดูเด็กหญิงที่มีสีหน้าหวาดกลัวและกำลังขดตัวเป็นลูกบอล เวร่าเดินไปข้างหน้าก้าวข้ามเศษแก้วอย่างกล้าหาญ แล้วจับไหล่เด็กหญิงไว้
“ตามฉันมา ฉันจะพาเธอออกไปจากที่นี่!”
เด็กหญิงเงยหน้าขึ้นอย่างช่วยไม่ได้ เธอมองผู้หญิงตรงหน้าอย่างไร้ความรู้สึก
“แต่… ที่นี่คือบ้านของฉัน ฉันจะไปที่ไหนได้”
“เธอสามารถไปได้ทุกที่ ไม่ว่าจะเป็นทะเลเมดิเตอร์เรเนียนหรือมหาสมุทรแอตแลนติก… ไปที่ที่เรียกว่าพรินซ์ตัน ที่ที่เธอจะพบกับฮีโร่ที่สามารถช่วยเธอได้”
แสงแห่งความหวังเปล่งประกายในดวงตาของหญิงสาว แม้ว่าจะเลือนราง แต่ก็ส่องแสงในความมืด
“เหมือนในเทพนิยายน่ะเหรอ”
เวร่าเงียบไปครู่หนึ่ง จากนั้นเธอก็พยักหน้าอย่างจริงจัง
“ใช่… เขาจะปลุกเธอให้ตื่นจากฝันร้าย ราวกับเจ้าชาย”
“แต่เทพนิยายไม่ใช่เรื่องจริงสักหน่อย”
เวร่ายังคงตั้งใจที่จะพูดอะไรบางอย่าง แต่เด็กหญิงตัวเล็กๆ ที่อยู่ตรงหน้าเธอก็ยกนิ้วชี้ขึ้นและแตะริมฝีปากของเธอเบาๆ
รอยยิ้มที่อ่อนแอปรากฏขึ้นบนใบหน้าของเธอ และเด็กหญิงตัวเล็กๆ ซึ่งอายุเพียงเจ็ดหรือแปดขวบพูดด้วยน้ำเสียงที่อ่อนโยน
“ขอบคุณนะที่มาหาฉัน เธอต้องเป็นคนที่กล้าหาญแน่ๆ อย่างน้อยก็กล้าหาญกว่าฉันมาก
“ฉันเชื่อว่าไม่ว่าปัญหาจะยากแค่ไหน เธอจะสามารถเอาชนะมันและเข้าถึงอีกด้านหนึ่งในใจของเธอได้
“ลุยเลย”
ในที่สุดเธอก็เป็นคนที่ได้รับการปลอบโยนแทน
เวร่าจ้องไปที่เด็กหญิงตัวเล็กๆ ที่อยู่ข้างหน้าเธออย่างว่างเปล่า เธอปล่อยมือที่จับไหล่อันบอบบางโดยไม่รู้ตัว
เกือบจะในทันที ประตูไม้ที่อยู่ด้านหลังเธอก็พังลงมา
พร้อมกับขี้เลื่อย สัตว์ประหลาดแห่งฝันร้ายก็พุ่งเข้ามาจากด้านนอกประตู
เวร่าเห็นใบหน้าที่ทำให้เธอตัวสั่นด้วยความกลัวและความโกรธท่ามกลางหมอกและควัน
แต่ครั้งนี้เธอไม่ถอยอีกต่อไป เธอกำหมัดขวาของตัวเองและยืนอยู่ตรงนั้นอย่างกล้าหาญ
เธอรู้สึกอบอุ่นใจ และมันปกป้องเธอราวกับว่ามีนางฟ้าคอยปกป้องเธออยู่
เธอเชื่อว่าเธอจะต้องไม่เป็นอะไร เหมือนมีเสียงในหัวบอกกับเธออย่างนั้น
ใบหน้าของสัตว์ประหลาดแสดงท่าทางที่คาดไม่ถึง ราวกับว่ากำลังประหลาดใจในความกล้าหาญของเธอ แต่สีหน้านั้นกลับกลายเป็นรอยยิ้มที่โหดร้ายอย่างรวดเร็ว ในขณะที่เขาก้าวเข้ามาหาเธอพร้อมหมัดของเขา
แต่ในตอนนั้นเองก็เกิดปาฏิหาริย์ขึ้น
ลำแสงส่องลอดผ่านม่านทำให้ห้องที่สลัวสว่างขึ้น สัตว์ประหลาดล้มลงและคร่ำครวญราวกับว่ามันโดนบางสิ่งบางอย่างต่อยเข้า มันกลายเป็นเศษเล็กเศษน้อยราวกับขวดไวน์ที่แตก แล้วก็กลายเป็นฝุ่น
ภายใต้แสงสว่าง ทุกสิ่งรอบตัวเธอเริ่มพังทลาย
บ้าน หน้าต่าง เศษกระจกบนพื้น และหนังสือบนโต๊ะ
ทุกอย่างเหมือนเนินทรายที่พังทลายลงมา รวมถึงตัวเธอเอง เวร่าที่กำลังยืนอยู่ท่ามกลางน้ำวน ทุกสิ่งได้ตกสู่ความมืดมิดที่ไร้จุดสิ้นสุด
เธออยู่ในความมืดเป็นเวลานาน
เมื่อเธอรู้สึกว่าสติของเธอกำลังจะวูบดับและเธอเกือบจะหลับ ก็มีเสียงเล็กๆ ดังขึ้นในหูของเธอ
มันคือเสียงลมหายใจ
แต่ลมหายใจนั้นไม่ได้เป่าที่หูเธอ กลับถูกเป่าลงบนแก้วอย่างแผ่วเบา
เพราะอะไรบางอย่าง ตอนนี้ เธอเป็นเหมือนเจ้าหญิงในเทพนิยาย นอนอยู่ในโลงแก้ว
ร่างที่สะท้อนบนโลงแก้วค่อยๆ ชัดเจนขึ้นทีละน้อย
น่าแปลกที่เจ้าชายผู้หล่อเหลาและกล้าหาญในเทพนิยายไม่ได้มาที่โลงแก้ว แต่กลับเป็นเจ้าหญิงรูปงาม
เมื่อเทียบกับลูกเป็ดขี้เหร่อย่างเวร่า ผู้หญิงคนนี้คงเหมือนเจ้าหญิงมากกว่าอย่างไม่ต้องสงสัย ผมสีดำยาวของเธอยาวสลวยไปอยู่ข้างหลัง และมีท่าทางที่สง่างาม
เวร่ารู้ว่านี่เป็นความฝัน และทุกอย่างที่อยู่ตรงหน้าเธอคือจินตนาการของเธอเอง แต่เธอก็ยังพยายามมองผู้หญิงคนนั้นให้ชัด
ความฝันก็คือความฝัน ทั้งความงามและความทุกข์ที่นี่เป็นเหมือนผ้าโปร่งแสง เธอเป็นเหมือนกวางสาวที่ร่อนเร่อยู่ในป่า ยกเว้นบางคราวที่มองลอดผ่านร่มเงาของต้นไม้ เธอกลับมองไม่เห็นอะไรเลย
“เธอคือใคร…” เจ้าหญิงที่อยู่ห่างจากเธอเพียงกระจกกั้นกระซิบ
“เราอาจเคยเจอกันหลายครั้งแล้ว แต่นี่อาจเป็นครั้งแรกที่เราได้เจอหน้ากันแบบนี้”
เมื่อมองไปที่โลงแก้ว หญิงสาวลึกลับก็ได้กล่าวต่อ “เมื่อนานมาแล้ว ฉันเคยได้ยินเขาพูดถึงเธอ ครั้งหนึ่งเขาเคยบอกฉันว่าเธอเป็นนักเรียนคนโปรดของเขาและมีความสามารถมากที่สุดในบรรดานักเรียนทั้งหมดที่เขาเคยสอน”
เวร่าอ้าปาก และพยายามจะพูดอะไรบางอย่าง แต่เธอไม่สามารถพูดอะไรได้
เธอรู้สึกเหมือนตอนที่เธอหลับอยู่ มีหลายสิ่งหลายอย่างเกิดขึ้นที่เธอไม่รู้
และความรู้สึกไม่แน่นอนนั้นทำให้เธอรู้สึกประหม่าเล็กน้อย
“นอกจากเรื่องราวเกี่ยวกับเธอ ยังมีเรื่องราวเกี่ยวกับพรินซ์ตันและผู้คนอีกมากมาย และจากน้ำเสียงของเขา ฉันรู้สึกชัดเจนว่าเขาหลงใหลในนักเรียนที่เขาสอนและผู้คนที่เขาช่วย เขารู้สึกภาคภูมิใจและเป็นเกียรติจากใจ
“อันที่จริงมีหลายครั้งที่ฉันชื่นชมเขาที่สามารถมีชีวิตอยู่ได้บริสุทธิ์ขนาดนี้ ความสัมพันธ์นี้กลายเป็นความชื่นชมตั้งแต่ตอนไหน แม้แต่ตัวฉันเองก็ไม่รู้
“แต่สิ่งหนึ่งที่แน่นอนคือฉันรักเขามาก ตอนที่เขาสัญญากับฉันว่าจะให้ดาวกับฉันและทิ้งตำนานเกี่ยวกับเราไว้บนนั้น เธอคงไม่สามารถจินตนาการได้เลยว่าตอนนั้นฉันประทับใจแค่ไหน”
รอยยิ้มจางๆ ปรากฏบนใบหน้าของเธอ
ความอ่อนหวานปรากฏขึ้นในรอยยิ้มนั้น ซึ่งทำให้น้ำเสียงของเธอดูสบายๆ ราวกับตกสู้ห้วงอดีต
“แน่นอน บางทีเธอสามารถจินตนาการได้
“สัญชาตญาณของผู้หญิงบอกฉันว่าความสัมพันธ์ของเธอกับเขาอาจไม่ง่ายอย่างที่คิด แต่ตอนนี้ไม่สำคัญแล้วล่ะ”
เสียงที่ผ่อนคลายก็นำมาซึ่งร่องรอยของความเหงา เกิดความเศร้าขึ้นในทันใด
“หลังจากนั้นเขาไปในที่ห่างไกล”
ขณะนี้เวลาดูเหมือนจะหยุดนิ่ง
ทันใดนั้นเวร่ารู้สึกว่าการเต้นของหัวใจของเธอดูเหมือนจะติดอยู่กับบางสิ่ง และความเจ็บปวดเล็กน้อยก็ออกมาจากส่วนลึกของจิตวิญญาณของเธอ
“นั่นเป็นสถานที่ที่ไกลกว่าที่อื่น แม้ว่าฉันจะคิดว่าจะตามเขาไปที่นั่น แต่สุดท้ายฉันก็ไม่ได้ทำ
“เขาไปแล้ว แต่ฉันยังอยู่ที่นี่
“เขายังมีอีกหลายสิ่งหลายอย่างที่เขาต้องการจะทำ แต่เขาไม่สามารถทำได้ ดังนั้นฉันจะทำส่วนที่เหลือให้เขาเอง ไม่ว่าจะเป็นเพื่อโลกหรือสัญญาสำหรับฉัน…”
หญิงสาวเงียบไปครู่หนึ่ง รอยยิ้มปรากฏขึ้นบนใบหน้าของเธอ
“เขาคงจะเป็นคนที่สำคัญมากสำหรับเธอสินะ
“ถ้า…
“ถ้าไม่มีความเข้าใจผิดใดๆ และเขาไม่เคยไปดาวอังคาร ไม่เคยประสบอุบัติเหตุที่นั่นเลย ถ้าหากเขาเพียงแค่เหนื่อยเกินไปและต้องการพักผ่อนสักครู่ จึงซ่อนตัวอยู่ที่ไหนสักแห่งอย่างเงียบๆ ถ้าถึงเวลานั้น ฉันไม่ได้อยู่บนโลกนี้และเธอก็ตื่นขึ้นมา
“ฉันหวังว่าเธอจะสามารถดูแลคนงี่เง่าคนนั้นได้
“แต่สิ่งที่เกิดขึ้นในเทพนิยาย เป็นเรื่องที่เป็นไปไม่ได้ในชีวิตจริง”
ปลายนิ้วเรียวยาวอยู่บนใบหน้าของเวร่า เวร่ากำลังจะเอื้อมมือออกไปแล้วถามว่าเกิดอะไรขึ้นระหว่างที่เธอหลับแต่ทุกอย่างที่อยู่ข้างหน้าเธอหายไปทันที
ทันใดนั้นท่ามกลางหมอกที่ปกคลุมเธอ แสงอาทิตย์ก็ส่องเข้ามาจนทำให้เธอต้องหลับตา
เมื่อเธอลืมตาขึ้นอีกครั้ง เธอเห็นโคมระย้าบนเพดาน มีหมอกสีขาวลอยขึ้นมารอบๆ และใบหน้าของเจ้าหญิงที่เปี่ยมไปด้วยความสุข
ความรู้สึกขาดการเชื่อมต่อเกิดขึ้น
“มันเกิดขึ้นทันทีทันใด”
ช่วงเวลานั้นรู้สึกยาวนานตลอดไป เธอเกือบลืมความรู้สึกอบอุ่น
น้ำตาไหลโดยไม่รู้ตัว
ความรู้สึกอบอุ่นบนหน้าผากของเธอรู้สึกเหมือนนาทีที่แล้วนี้เอง แต่จริงๆ แล้วมันเกิดขึ้นตั้งแต่หนึ่งร้อยปีก่อน
เธอพยายามเบือนหน้าไปด้านข้าง ดวงตาของเธอพร่ามัวไปด้วยน้ำตาขณะที่เธอพยายามมองหาใบหน้าที่คุ้นเคย
“ลู่โจว…”
แต่กลับไม่มีอะไรอยู่ตรงนั้น มีเพียงเสียงตะโกนของหมอและพยาบาลที่ก้องอยู่ในหูของเธอ…
“คนไข้ฟื้นแล้ว!”