Scholar’s Advanced Technological System ระบบปั้นอัจฉริยะ - ตอนที่ 1586 กลับมาพบกันใหม่หลังผ่านไปหนึ่งศตวรรษ
- Home
- Scholar’s Advanced Technological System ระบบปั้นอัจฉริยะ
- ตอนที่ 1586 กลับมาพบกันใหม่หลังผ่านไปหนึ่งศตวรรษ
“นี่คุณเป็น…หลานสาวของเขาจริงๆ เหรอคะ?”
ขณะมองผู้หญิงที่ยืนอยู่ตรงขอบเตียงโรงพยาบาลที่หน้าตาดูคล้ายลู่โจวนิดหน่อย เวร่าก็ถึงกับอ้าปากค้างด้วยความงงงวย เธอไม่รู้ว่าควรจะรู้สึกอย่างไรดี
ลู่เสี่ยวเฉียวเดาได้ในทันทีว่าเวร่าต้องเข้าใจผิดแน่ๆ จึงรีบอธิบายให้อีกฝ่ายเข้าใจ
“ถึงพวกเราจะเป็นญาติกัน แต่ก็ไม่ใช่อย่างที่คุณคิดนะคะ”
มือของเวร่ากำผ้าปูเตียงแน่น เธอเอ่ยออกมาอย่างหมดแรง “ฉันไม่ว่าอะไรหรอกค่ะ…”
“ฉันบอกคุณแล้วว่ามันไม่ใช่อย่างที่คุณคิด” ลู่เสี่ยวเฉียวเอานิ้วคลึงหว่างคิ้ว แล้วถอนหายใจในใจ เธอเล่าต่อ “ว่าง่ายๆ ก็คือ ฉันน่าจะนับเป็นทายาทสายรองของเขาที่สืบเชื้อสายมาจากคุณเทียดลู่เสี่ยวถง”
“เสี่ยวถง…”
ลู่เสี่ยวเฉียวพยักหน้าอย่างนิ่งๆ
“ใช่แล้วค่ะ”
มือเล็กๆ ที่กำผ้าปูเตียงไว้แน่นเมื่อครู่ค่อยๆ คลายลง แต่ไม่นานนักก็กลับไปกำเหมือนเดิม
เสี่ยวถงไม่อยู่ที่นี่อีกแล้ว…
ถึงจะเป็นเรื่องที่หลีกเลี่ยงไม่ได้ เวร่าก็ยังรู้สึกเหงาเล็กๆ ในใจ
บางทีอาจจะเพราะเวร่าเป็นคนเงียบๆ ก็ได้ เธอเลยประทับใจเด็กสาวที่มีชีวิตชีวาคนนั้นเป็นพิเศษ
ยิ่งเมื่อตอนเธอเป็นศาสตราจารย์ที่พรินซ์ตัน พวกเธอสองคนก็มีความสัมพันธ์อันดีมากๆ กันมาโดยตลอด
และเพราะว่าคนคนนั้น เธอจึงดูแลเสี่ยวถงเหมือนกับเป็นน้องสาวของเธอทุกครั้ง
ลู่เสี่ยวเฉียวอ่านสีหน้าของเวร่าแล้วเดาอะไรบางอย่างได้ เธอจึงเอ่ยออกมาอย่างนุ่มนวลว่า
“อย่าเสียใจเรื่องคุณเทียดเลยค่ะ จากที่คุณพ่อกับคุณปู่ฉันเล่าให้ฟัง คุณเทียดท่านเป็นคนใจดีมากๆ ที่ได้ใช้ชีวิตอย่างมีความสุขและมีสีสัน ชีวิตเป็นการเดินทางที่ทั้งจุดเริ่มต้นและจุดจบ ก็ถ้ามีต้นก็ต้องมีจบนั่นแหละค่ะ ทุกอย่างมันหลีกเลี่ยงไม่ได้อยู่แล้ว”
“…ฉันแค่ไม่รู้จะควบคุมความรู้สึกตอนนี้อย่างไรดี”
หลังจากสูดลมหายใจเข้าไปลึกๆ เวร่าก็ข่มความเศร้าในใจลงไปได้เล็กน้อย แล้วเผยรอยยิ้มที่ฝืนเล็กๆ ขึ้นมา
“ขอบคุณที่พูดให้กำลังใจนะคะ…ถ้าได้มีโอกาสเลี้ยงลูกหลานที่เป็นคนมีเมตตาอย่างคุณแล้ว ฉันเชื่อว่าเสี่ยวถงตอนมีชีวิตอยู่จะต้องภูมิใจมากๆ แน่”
รอยยิ้มเขินผุดขึ้นมาบนใบหน้าของลู่เสี่ยวเฉียว เธอยิ้มอย่างอายๆ “อันที่จริงมันไม่เกี่ยวหรอกค่ะ…ฉันไม่เคยเจอคุณเทียดเลย…ก็แค่ฟังเรื่องที่คุณปู่เล่ามาเฉยๆ ”
แล้วทันใดนั้นประตูห้องผู้ป่วยก็เปิดออก เฉียนซิวซิวในชุดพยาบาลเดินเข้ามา
“มีคนมาหาคุณน่ะค่ะ คุณเวร่า ตอนนี้คุณสะดวกจะพบเขาไหม?”
“ใครมานะคะ?”
เฉียนซิวซิวตอบพร้อมรอยยิ้ม “เหมือนว่าเขาจะเป็นคนมีชื่อเสียงใหญ่โตเลย ชื่อลู่โจว แต่คนส่วนใหญ่เรียกเขาว่านักวิชาการลู่”
เวร่าที่กำลังนั่งพิงหมอนอยู่ลุกขึ้นมาด้วยความตื่นเต้น
“สะดวกค่ะ สะดวกมาก! คุณช่วยบอกให้เขามาให้เร็วที่สุดจะได้ไหม?”
พอเห็นท่าทางตอบกลับของเวร่า เฉียนซิวซิวก็ยิ้มขึ้นมา
“ก็ คุณต้องให้เวลาเขาเดินทางมาก่อนนะคะ”
พอลู่เสี่ยวเฉียวมองพยาบาลที่ยืนอยู่ตรงประตู เธอก็เหลือบมองนาฬิกาข้อมือตัวเองแล้วพึมพำด้วยเสียงต่ำๆ ราวกับไม่อยากให้ใครได้ยินว่า “นึกว่าเขาจะมาตอนมีเวลาว่างเสียอีก…”
เพิ่งจะโทรหาลู่โจวไปเมื่อตอนเช้า กลายเป็นว่าเขาจะมาที่นี่ก่อนเที่ยง ทำให้เสี่ยวเฉียวประหลาดใจมาก
หลังจากที่ผู้ป่วยอนุญาตให้พบแล้ว เฉียนซิวซิวก็พยักหน้าแล้วรีบเดินจ้ำๆ ออกไปจากผู้ป่วย ไม่นานนัก ชายที่สวมชุดที่ดูน่าเบื่อเล็กน้อยก็เดินทางมาถึง
พอมองเห็นคนที่ปรากฏตัวขึ้นที่หน้าประตู ม่านตาของเวร่าก็เต็มไปด้วยหยดน้ำตา ความตื่นเต้นแปรเปลี่ยนเป็นเสียงพึมพำที่เหมือนกระแสน้ำไหลเอื่อยๆ
“ฉันต้องฝันอยู่แน่ๆ …”
“แต่คุณไม่ได้ฝันนะ” ลู่โจวกลืนน้ำลายขณะมองไปยังเวร่าที่นั่งอยู่บนเตียงของโรงพยาบาล เขาเอ่ยขึ้นอย่างอ่อนโยน “ผมบอกคุณแล้ว มันจะเหมือนแค่ชั่วพริบตาเดียวเท่านั้น”
เวร่าแย้ง “แต่จริงๆ แล้ว ฉันฝันมานาน นานจริงๆ เลยล่ะ”
“เอ๊ะ?”
เวร่าหน้าแดงแล้วพูดต่อ “ฉันฝันว่าฉันนอนอยู่ในโลงศพคริสทัลแช่แข็ง แล้วก็เห็นเจ้าหญิงที่งดงามคนหนึ่งผ่านหมอก เธอพูดหลายอย่างให้ฉันฟัง บอกให้ฉันดูแลคุณ…ส่วนที่เหลือ ฉันจำชัดๆ ไม่ได้แล้วล่ะ”
ให้ดูแลฉันเหรอ…
ลู่โจวยิ้มในใจ
เขาไม่คิดว่าเขาต้องให้ใครมาดูแลหรอก
“เอ่อ…”
“มีอะไรเหรอ?”
หลังจากเงียบอยู่พักหนึ่ง เวร่าก็กระซิบถาม “ทำไมคุณไม่เปลี่ยนไปเลยล่ะคะ?”
เดี๋ยวนี้คนเป็นอมตะกันหมดแล้วเหรอ?
แต่ถ้าเป็นอย่างนั้น ทำไมเสี่ยวถงถึงเสียชีวิตแล้วล่ะ
เวร่ารู้สึกว่าระหว่างที่เธอกำลังหลับใหล มีสิ่งต่างๆ เกิดขึ้นมากมาย ถ้าไม่เกิดใกล้ๆ ก็ต้องเกิดในจุดที่ห่างไกลจากตัวเธอมากๆ
ความรู้สึกแปลกๆ นี้ทำให้เธอรู้สึกตื่นตระหนก แต่ด้วยอะไรบางอย่าง พอเธอเห็นหน้าที่คุ้นเคย เธอก็รู้สึกสงบจิตสงบใจอีกครั้ง
“ช่วง 100 ปีที่ผ่านมานี้เกิดเรื่องอะไรต่อมิอะไรขึ้นมากมาย ในทุกแง่มุมที่เกินกว่าที่ผมคาดไว้มาก” ลู่โจวละสายตาจากนอกหน้าต่างด้วยความกังวลเล็กน้อย หลังจากครุ่นคิดอยู่พักหนึ่งเขาก็พูดต่อ “หลังจากที่คุณถูกปล่อยตัวจากการรักษาแล้ว ผมจะหาเวลามาเล่าเรื่องทุกอย่างให้คุณฟังเอง”
เวร่าไม่เพียงแต่จะต้องการเวลาพักผ่อนเท่านั้น ลู่โจวยังรู้สึกว่าเขาต้องใช้เวลารวบรวมความคิดเสียก่อน
สำหรับเธอแล้ว ทุกอย่างเกิดขึ้นเพียงแค่ชั่วพริบตาเดียว แต่ในชั่วพริบตานั้นเขาได้เจอเรื่องราวหลายอย่างเหลือเกิน
จุมพิตตรงหน้าผากก็มากพอแล้วที่จะทำให้เขารู้สึกผิด เขาไม่ได้คิดว่าจะมีจดหมายรักล้านคำ
เขารู้สึกเสียใจด้วยซ้ำที่เขาไปที่พรินซ์ตันในตอนนั้น…
เวร่ามองลู่โจวอย่างตั้งใจ เธอเอ่ยด้วยเสียงอ่อนโยนว่า “เอ่อ ขอบคุณนะคะ”
“ไม่ต้องขอบคุณผมหรอก อันที่จริงผมไม่ได้ทำอะไรเลยด้วยซ้ำ ผมไม่คู่ควรกับคำ…”
“ไม่สิ คุณมอบความรู้ให้กับฉัน มอบความอบอุ่น และความกล้าที่ฉันไม่เคยคิดเลยว่าฉันจะได้” หลังจากนิ่งไป ดวงตาของเธอก็สั่นไหว เวร่าเสริมขึ้น “แล้วก็ ฉันยังคิดถึงคุณมากๆ ด้วย”
ด้วยอะไรบางอย่าง คำว่า ‘คิดถึง’ ของเวร่ากลับทำให้ลู่โจวรู้สึกแปลกๆ แต่เขาอธิบายความรู้สึกนี้ไม่ถูก
เขาคิดถึงเธอจริงๆ เขาถึงกับสืบสวนที่อยู่ของเธอด้วยซ้ำ แต่เพราะเรื่องเบาะแสหลายอย่าง เช่น อายุ เป็นต้น ทำให้เขาหาข่าวของเธอไม่เจอเลย
จากข้อมูลที่มีอยู่ ระหว่างช่วงการแช่แข็งเพื่อหลับไปชั่วคราวนั้น มีใครบางคนได้ดัดแปลงข้อมูลการรักษาและการตั้งค่าความปลอดภัยหลายอย่าง รวมถึงยังดัดแปลงการตั้งไทม์ลิมิตของการแช่แข็งเพื่อหลับไปชั่วคราวและเงื่อนไขการทำงานของโปรแกรมปลุก
ไม่อย่างนั้นแล้วเวร่าควรจะตื่นขึ้นมาตั้งแต่เมื่อ 20 ปีก่อน หรืออาจจะตื่นมาก่อนหน้านั้นด้วยซ้ำ
ส่วนถ้าถามว่าใครเป็นคนทำ แล้วทำไปทำไม นั่นก็ยังไม่รู้เบาะแสอะไรแน่ชัด
ถึงตอนนี้จะเป็นยุคของข้อมูลสื่อสาร แต่เมื่อมีกำแพงเวลากั้นอยู่ แม้แต่เสี่ยวไอก็ไม่ได้รู้ทุกอย่างและไม่ได้ทำได้ทุกอย่างแบบไม่มีเงื่อนไข
เปลี่ยนกลับไปประเด็นเดิมก่อน ลู่โจวกระแอมเล็กๆ แล้วถามเวร่า
“ในเมื่อคุณตื่นขึ้นมาแล้ว คุณคิดแล้วหรือยังว่าคุณจะไปไหนต่อ?”
เวร่าตอบ “ฉันไม่มีบ้าน คนอื่นที่รู้จักก็ไม่มีแล้ว…โลกนี้ก็ช่างแปลกประหลาดเกินไปสำหรับฉัน เลยไม่รู้เหมือนกันค่ะว่าจะไปไหนดี”
“ขอโทษด้วยจริงๆ … ที่ผมเหมือนมัดมือชกให้คุณต้องย้ายมาอยู่ที่ยุคนี้ แต่ด้วยสถานการณ์ตอนนั้น วิธีนี้เป็นทางเลือกที่ดีที่สุดแล้ว”
“อย่าขอโทษเลยค่ะ คุณช่วยชีวิตฉันไว้จริงๆ ” เวร่ายิ้มอย่างอ่อนโยน สายตาของเธอมองลงมาเล็กน้อย และเธอก็ดูจะค่อนข้างมีความสุขอย่างอธิบายไม่ถูกจริงๆ จากนั้นก็เอ่ยเสียงเบาๆ ตามมา “แต่ฉันก็ไม่รู้ว่าจะทำอย่างไรต่อดี…”
ลู่โจวพยักหน้า
“ถ้าคุณไม่รู้จะไปไหนต่อแล้วล่ะก็ ช่วงนี้คุณมาอยู่กับผมก่อนก็ได้…”
ด้วยความสามารถระดับเวร่าแล้ว ไปทำงานเป็นศาสตราจารย์คณิตศาสตร์ในมหาวิทยาลัยจินหลิงได้ไม่มีปัญหา
ถึงเธอจะมาจากเมื่อ 100 ปีก่อน และงานวิจัยของเธอที่อยู่แนวหน้านั้นอาจจะล้าหลังไปบ้าง แต่หลักการพื้นฐานต่างๆ ไม่มีทางเปลี่ยนแปลงไป จะเป็นเมื่อ 100 ปีก่อน หรืออีก 100 ปีข้างหน้าก็ตาม
แน่นอนว่า…
เป็นเพราะความเห็นแก่ตัวของลู่โจวเองด้วย
เขาบังเอิญขาดผู้ช่วยที่สามารถช่วยเขาศึกษาสมการคลื่นของอนุภาคซีได้ แล้วเวร่าที่เก่งทั้งด้านความคิดและความชำนาญ ก็เป็นตัวเลือกที่เหมาะสมกับตำแหน่งนั้นอย่างไม่ต้องสงสัย
ส่วนเรื่องอื่นๆ นั้น…
เขาต้องหาเวลาที่เหมาะสมในการอธิบายให้เธอฟังว่า หลังจากหลับไปชั่วคราวแล้วมีอะไรเกิดขึ้นบ้าง
แต่พอเวร่าได้ยินแค่ครึ่งประโยคแรกเท่านั้น ใบหน้าของเธอก็เปลี่ยนเป็นสีแดงทันที เธอไม่ได้ยินด้วยซ้ำว่าลู่โจวพูดอะไรต่อ
ลู่เสี่ยวเฉียวที่ยืนอยู่ข้างๆ ถึงกับถอนหายใจ
รู้สึกว่าในฐานะที่ฉันเป็นผู้จัดการของมูลนิธิพิทักษ์สิทธิมนุษยชนแช่แข็งแล้ว ฉันมาทำอะไรที่นี่กันนะ…
ฉันน่าจะเปลี่ยนงานไปเป็นผู้เชี่ยวชาญด้านคนที่หลับไปชั่วคราวดีกว่า…