Scholar’s Advanced Technological System ระบบปั้นอัจฉริยะ - ตอนที่ 1588 หอคอยสูงเสียดฟ้าโผล่ออกมาจากบนดิน
- Home
- Scholar’s Advanced Technological System ระบบปั้นอัจฉริยะ
- ตอนที่ 1588 หอคอยสูงเสียดฟ้าโผล่ออกมาจากบนดิน
ที่ระดับความสูง 36,000 กิโลเมตร เหนือระดับน้ำทะเล บนสถานีอวกาศสังเกตการณ์ทางดาราศาสตร์ ชายในเสื้อเชิ้ตทำงานสีขาวกำลังยืนอยู่หน้ากระจกหน้าต่างทรงกลมจ้องมองไปทางท้องฟ้าดาวแพรวพราวอันกว้างใหญ่สุดลูกหูลูกตา
มียานอวกาศสูงใหญ่สิบลำจอดอยู่กลางอวกาศ
แขนกลที่ทั้งยาวและหนากำลังยืดให้โครงกระดูกเหล็กขยับไปในทิศทางที่ถูกที่ควร โดรนวิศวกรรมบินออกมาจากห้องพักและเข้าไปบินล้อกับตัวยานชั้นนอกราวกับเป็นหิ่งห้อยที่ส่งเสียงไฟฟ้าหึ่งๆ แม้จะเบาแต่ก็ยังได้ยิน
สถานีอวกาศสำหรับทำลิฟต์อวกาศกำลังเปลี่ยนรูปร่างไปในระดับความเร็วที่มองเห็นได้ด้วยตาเปล่า
ถ้ามีใครใช้กล้องความละเอียดสูงถ่ายภาพสถานีอวกาศทุกๆ ชั่วโมงแล้วล่ะก็ คนคนนั้นจะมองเห็นความแตกต่างอย่างเห็นได้ชัดเวลาเอาภาพมาเปรียบเทียบกัน
“ดูเหมือนพวกเขากำลังทำงานอยู่จริงๆ แฮะ”
ชายคนที่กำลังพูดนี้คือฟิลด์ ซึ่งเป็นผู้สังเกตการณ์พิเศษที่เพิ่งถูกองค์การอวกาศอเมริกาเหนือส่งมาที่นี่
ในเมื่อที่นี่เป็นสถานีอวกาศวงโคจรพ้องคาบโลกที่ใกล้กับไซต์ก่อสร้างลิฟต์อวกาศในอเมริกาเหนือที่สุด เมื่อหนึ่งสัปดาห์ที่ผ่านมานี้เอง ภารกิจวิจัยที่นี่จึงเปลี่ยนจากภารกิจสังเกตการณ์ดวงดาวที่อยู่ห่างไกลไปเป็นภารกิจสังเกตการณ์พวกพาน-เอเชียน
“งบประมาณในนั้นปาเข้าไปเป็นล้านล้าน ก็ไม่แปลกอยู่แล้วที่พวกเขาจะไม่ยอมเสียเวลาอะไรเลย”
จอห์นนี่เดินไปยืนอยู่ข้างฟิลด์ และมือเขาก็ยื่นกาแฟบรรจุถุงให้อีกฝ่าย
“เอากาแฟสักหน่อยไหม?”
“ขอบใจ”
ฟิลด์รับกาแฟบรรจุถุงมาจากมือของจอห์นนี่ เขาหยิบหลอดพลาสติกออกมาจากถุง แกะพลาสติกที่หุ้มหลอดออก แล้วเริ่มจิบกาแฟ
จอห์นนี่มองไซต์ก่อสร้างที่อยู่ข้างนอกหน้าต่างทรงกลมแล้วเอ่ยทักด้วยเสียงสดใส “จะว่าไปแล้ว คุณเรียนจบเอกวิศวกรรมอวกาศมาใช่ไหม?”
“อ่าฮะ ก่อนจะมาทำงานกับองค์การอวกาศอเมริกาเหนือก็เคยทำงานกับสเปซเอ็กซ์มาพักหนึ่งเหมือนกัน”
“จริงเหรอเนี่ย? จากมุมมองของผู้เชี่ยวชาญแล้ว คุณว่าไซต์ก่อสร้างนี่ไปถึงขั้นไหนแล้ว?”
ฟิลด์หันไปมองท้องฟ้าดาวแพรวพราวที่อยู่นอกหน้าต่างทรงกลม เขาคิดอยู่ครู่หนึ่งก็ตอบคำถามอีกฝ่าย
“ถ้าอ้างอิงจากประสบการณ์แล้วล่ะก็ ตอนนี้พวกเขาน่าจะกำลังสร้างคานหลักของสถานีอวกาศกันอยู่
พอได้ยินดังนั้นจอห์นนี่ก็เลิกคิ้วและเหลือบมองไปทางฟิลด์ที่อยู่ด้านข้างอย่างคาดไม่ถึง
“คานหลักมันใหญ่ขนาดนั้นเลยเหรอ?”
ถึงเขาจะไม่ได้จบเอกวิศวกรรมการบินและอวกาศมา เขาก็ทำงานอยู่บนสถานีสังเกตการณ์บนอวกาศนี้มานานหลายปีแล้วก็เลยค่อนข้างคุ้นเคยกับสภาพแวดล้อมในที่ทำงาน
ในความทรงจำของจอห์นนี่ เขาไม่เคยได้ยินว่ามีสถานีอวกาศไหนจะสร้างคานหลักที่ยาวขนาดนี้มาก่อนเลย
ด้วยความที่ต้องทำให้จุดศูนย์กลางแรงโน้มถ่วงมีค่าที่ใกล้เคียงกับคำว่ามั่นคงกับการโคจรทำให้สถานีอวกาศส่วนใหญ่ถูกออกแบบมาให้มีลักษณะแบน ความยาวในทิศแกนแรงโน้มถ่วงจะต้องมีขนาดสั้นให้สุดเท่าที่จะเป็นไปได้
“อ่าฮะ…” แน่นอน ฟิลด์เองก็คิดเรื่องนี้เหมือนกัน ในฐานะที่เป็นผู้เชี่ยวชาญ เขาพยักหน้าอย่างเคร่งขรึมแล้วอธิบายต่อ “จากที่มองความยาวของคานหลัก ปริมาตรของสถานีอวกาศจะต้องมีค่าเป็นอย่างน้อยสองเท่าของยานอวกาศเทียนโจว”
ไม่อย่างนั้นก็ไม่จำเป็นต้องสร้างคานหลักยาวเตะตาแบบนี้หรอก
จริงๆ แล้วยังมีอีกประโยคหนึ่งที่เขาไม่ได้พูดออกมา แต่ก็เขียนเล่าลงไปในรายงานการสังเกตการณ์เรียบร้อยแล้ว
สิ่งที่ทำให้เขาประหลาดใจมากที่สุดไม่ใช่ความยาวของคานหลัก แต่เป็นตำแหน่งของทั้งคานหลักที่ใกล้เคียงกับโครงร่างของลิฟต์อวกาศ
ทำงานมาก็หลายปี เห็นสถานีอวกาศมาก็มาก แต่นี่เป็นครั้งแรกเลยที่เขาได้เห็นแผนการดีไซน์ที่แปลกขนาดนี้
ถึงเขาจะยังไม่เห็นพิมพ์เขียวของสถานีอวกาศที่มีลิฟต์อวกาศ สัญชาตญาณของเขาก็มองว่าพวกคนพาน-เอเชียนอาจจะกำลังสร้างบางสิ่งที่บางอย่างที่วิเศษสุดๆ ไปเลยก็ได้
“สถานีอวกาศทรงวงแหวนเหรอ?”
“หรือบางทีพวกเขาอาจจะอยากบาลานซ์ระหว่างการเปลี่ยนแปลงมวลของลิฟต์อวกาศกับการดึงแรงโน้มถ่วงเข้าสู่ศูนย์กลางของแรงโน้มถ่วงผ่านทิศหนีศูนย์กลางก็ได้นะ?”
ม่านตาของเขาเบิกกว้างขึ้นมาเล็กน้อย
จากนั้นเขาก็พึมพำออกมาเบาๆ “เป็นไปได้อย่างไรกัน?”
การจะทำเรื่องแบบนั้นสำเร็จ มันแทบจะเป็นไปไม่ได้เลย มีตัวแปรเต็มไปหมด ทั้งน้ำหนักของส่วนที่บรรทุกลิฟต์อวกาศ ความเร็วในการเคลื่อนที่ ลมสุริยะ และกระแสลมในบรรยากาศ ที่อาจจะทำให้ตำแหน่งศูนย์กลางของแรงโน้มถ่วงของลิฟต์อวกาศเปลี่ยนแปลงได้
ไม่ใช่แค่การทดสอบความสามารถในการประมวลผลข้อมูล แต่ยังเป็นการทดสอบความแข็งแรงของวัสดุที่นำมาใช้และความสามารถในการควบคุมเครื่องจักรด้วย
ถ้าพวกเขาทำได้จริง…
ก็เหลือเชื่อเกินไปแล้ว
…
ในขณะที่ฟิลด์กับองค์การอวกาศอเมริกาเหนือยังงงงวยอยู่ไซต์ก่อสร้างขนาดใหญ่ของสถานีอวกาศที่มีลิฟต์อวกาศ ที่ระดับความสูง 36,000 กิโลเมตรเบื้องล่าง คลื่นรุนแรงกำลังพัดผ่านในทะเล
เมื่อไม่กี่ชั่วโมงก่อนเกิดฝนตกหนักขึ้นในทะเล แต่สายลมที่พัดแรงกลับไม่ได้ทำให้ดวงใจที่เปี่ยมไปด้วยไฟของพวกเขาดับลงแม้แต่น้อย
ท่ามกลางคลื่นที่ซัดกระหน่ำ เรือวิศวกรรม 100,000 ตันมากกว่า 20 ลำกำลังลอยอยู่ มองไกลๆ แล้วดูคล้ายกับปราการลอยน้ำ
แต่ละลำถูกออกแบบมาเพื่อการก่อสร้างท่าเรือขนาดใหญ่โดยมีปริมาณวัสดุก่อสร้างน้ำหนักมากกว่าหนึ่งพันล้านตัน แต่เรือทุกลำกลับอยู่ห่างไกลจากชายฝั่งที่คุ้นเคย พวกมันมาโผล่ที่ทะเลไร้ขอบเขตนี้ อยู่ท่ามกลางดินแดนแสนจะไกลปืนเที่ยง
ครั้งนี้เป้าหมายของเรือไม่ใช่การสร้างท่าเรือ แต่เป็นการสร้างเกาะที่ทำจากเหล็กกล้ารวมถึงเมืองบนเกาะนั้นด้วย
หัวหน้าวิศวกรหวังจากอีสต์เอเชียเฮฟวีอินดัสตรีส์ถือกล้องส่องทางไกลไว้ในมือ เขามองเส้นขอบฟ้าทะเลที่อยู่ไกลออกไป ยิ้มออกมาแล้วพูดด้วยความภาคภูมิใจว่า “ถ้าโปรเจกต์นี้สำเร็จแล้วล่ะก็ มันจะต้องกลายเป็นมาตรฐานใหม่ของประวัติศาสตร์วิศวกรรมอย่างแน่นอน!”
คนที่ยืนอยู่ข้างๆ เขาก็เป็นผู้เชี่ยวชาญระดับนักวิชาการของอีสต์เอเชียเฮฟวีอินดัสตรีส์อีกคน ทางนั้นก็เอ่ยขึ้นมาพร้อมรอยยิ้มว่า “แน่นอน! ลิฟต์อวกาศจากความสูงระดับ 36,000 กิโลเมตรเหนือระดับน้ำทะเลลงมาที่แทบเท้าของเรา ระยะแต่ละนิ้วก็คือปาฏิหาริย์ในหน้าประวัติศาสตร์มนุษย์!”
ในทางทฤษฎีแล้วลิฟต์อวกาศควรจะถูกสร้างจากบนฟ้าลงมา แต่นักวิชาการลู่มีคำแนะนำที่ต่างออกไปโดยสิ้นเชิง
ส่วนบนฟ้ากับส่วนระดับน้ำทะเลควรจะถูกสร้างไปในเวลาพร้อมๆ กัน หลังจากสร้างทั้งสองส่วนเสร็จ ส่วนจากบนอวกาศก็จะเริ่มขยายลงมาข้างล่าง เชื่อมต่อวงโคจรพ้องคาบโลกกับส่วนระดับน้ำทะเลได้อย่างดี
หลังจากที่นักวิชาการลู่เสนอเรื่องนี้ออกมาก็ได้รับการรับรองผ่านทันที เรือวิศวกรรมของอีสต์เอเชียเฮฟวีอินดัสตรีส์ก็ออกเดินทางมาจากแหล่งของพวกมันเช่นกัน ทุกสิ่งทุกอย่างที่ช่วยเพิ่มอัตราการผลิตในระดับน้ำทะเลได้จะถูกนำมาใช้อย่างแทบเป็นแทบตายในพื้นที่ตรงนี้
เจ้าหน้าที่คนหนึ่งวิ่งเหยาะๆ เข้ามาในห้องบัญชาการแล้วหยุดอยู่ตรงข้างหัวหน้าวิศวกรหวัง เขาเอ่ยขึ้นมาด้วยความตื่นเต้น “เรือวิศวกรรมทุกลำมาถึงพื้นที่เป้าหมายแล้วครับ! หัวหน้าวิศวกรหวัง ถึงเวลาที่พวกเราจะต้องดำเนินการขั้นตอนต่อไปหรือยังครับ?”
รอยยิ้มบนใบหน้าเขาสดใสมากขึ้น
หัวหน้าวิศวกรหวังวางกล้องส่องทางไกลในมือลง เขาเปลี่ยนสีหน้าตัวเองเล็กน้อยแล้วพูดออกมาด้วยเสียงดังกังวาน “ให้เรือวิศวกรรมทุกลำเตรียมสมอได้!”
ทันทีที่โซ่แตะก้นทะเล กลุ่มปลาที่ถูกเหล่ามนุษย์รบกวนก็กระจายตัวแล้วว่ายหนีไป
ภายใต้เสียงเครื่องจักรดังลั่น อุปกรณ์วิศวกรรมหนักค่อยๆ เริ่มทำงานที่ส่วนก่อสร้างระดับน้ำทะเล
จากระดับท้องฟ้าจนมาถึงระดับน้ำทะเล จากตอนนี้เป็นต้นไปเครื่องจักรอุตสาหกรรมของสหการพาน-เอเชียนที่ลงไปปักกับพื้นก็เริ่มขยับและส่งเสียงคำรามที่โลกไม่เคยได้ยินมาก่อน
เมื่อทั้งกลุ่มตั้งมั่นว่าจะทำอะไรสักอย่าง มันก็จะส่งเสียงออกมาเป็นเสียงเดียวกัน
เป็นเสียงที่ไม่ได้ดังออกมาในอากาศ แต่กลับก้องสะท้อนอยู่ในใจของคนทุกคน
ในตอนนี้ความสามารถทางอุตสาหกรรมก็มาถึงขีดจำกัดแล้ว ถึงขนาดทำลายขอบเขตที่คนอื่นจินตนาการเอาไว้ได้ ทำสิ่งที่เป็นไปไม่ได้ให้เป็นไปได้จริง
เหมือนกับพวกเขาได้รับประกาศจากชายผู้ยิ่งใหญ่คนนั้น ชายที่ถูกชะตากำหนดมาว่าจะเป็นผู้โด่งดังในประวัติศาสตร์ในงานฉลองแห่งชัยชนะ
พวกเขาคือกลุ่มคนที่โชคชะตาลิขิตมาให้ทำสิ่งที่ยิ่งใหญ่
พวกเราแบกรับอนาคตของอารยธรรมมนุษย์ในอนาคตและชุมชนที่มีอนาคตของมนุษยชาติร่วมกัน
ในขณะเดียวกันนี่ก็ยังเป็น ‘โชคชะตา’ ที่ถูกสลักไว้ในเลือดเนื้อและวัฒนธรรมโดยบรรพบุรุษของพวกเขาเอง
ในขณะที่การก่อสร้างลิฟต์อวกาศกำลังดำเนินไปอย่างเต็มที่ เหล็กและไฟฟ้ากระตุ้นให้ผู้คนกระตือรือร้นอย่างแท้จริง ตอนนั้นเองที่พายุอันน่าตื่นเต้นกำลังก่อตัวขึ้นในโลกวิชาการ
สัปดาห์ที่สามหลังวันฉลองจุดระเบิดฟิวชั่น ลู่โจวก็ตีพิมพ์ข้อเสนอสาธารณะลงใน LSPM แถมยังให้คำสัญญาจริงจังเอาไว้ท้ายข้อเสนอว่า
ถ้ามีคนสามารถแก้สิ่งที่เขาเสนอมาจนมันออกมาเป็นผลลัพธ์ที่น่าพึงพอใจมากพอในวงการแล้วล่ะก็ ตัวเขาจะเป็นผู้มอบรางวัลวิทยาศาสตร์ลู่โจวให้คนคนนั้นเอง
มอบรางวัลที่ตั้งตามชื่อตัวเองให้
ถึงจะฟังดูแปลกๆ นิดหน่อย แต่ก็ไม่มีใครคิดว่ามันมีอะไรผิดหรอก
จะเป็นวงการคณิตศาสตร์หรือวงการฟิสิกส์ นักวิชาการต่างก็มีไฟแรงขึ้นมาเมื่อได้ยินข่าวนี้กันทั้งนั้น
ไม่เคยมีใครในประวัติศาสตร์ที่ได้รับเกียรติอันสูงส่งจากการได้รับรางวัลวิทยาศาสตร์ลู่โจวจากตัวลู่โจวเองมาก่อน
พอคิดถึงเกียรติยศตรงนี้แล้ว โบนัสแต้มเครดิตขนาดมหาศาลที่ตามมาก็เหมือนถูกลืมไปเลย
ก็เขาคือลู่โจวนี่นา
ชายที่ว่ากันว่ายืนอยู่บนจุดสูงสุดของมวลมนุษย์…
หลังจากข่าวแพร่ออกไป ทั้งวงการวิชาการก็กลายเป็นบ้ากันไปหมด…