Scholar’s Advanced Technological System ระบบปั้นอัจฉริยะ - ตอนที่ 1590 ซุบซิบเรื่องนักคณิตศาสตร์
- Home
- Scholar’s Advanced Technological System ระบบปั้นอัจฉริยะ
- ตอนที่ 1590 ซุบซิบเรื่องนักคณิตศาสตร์
ณ ห้องสมุดมหาวิทยาลัยจินหลิง
หญิงสาวผมบลอนด์นั่งอยู่ที่โต๊ะริมหน้าต่าง เธอมองหนังสือในมืออย่างตั้งใจ
ผมอันฟูฟ่องของเธอดูจะเปล่งประกายเป็นพิเศษใต้แสงอาทิตย์ เครื่องหน้าอ่อนโยนและรูปร่างค่อนข้างไปทางตัวเล็กทำให้คนอื่นรู้สึกอยากจะปกป้องเธอ
ณ สหการพาน-เอเชียน สมัยศตวรรษที่ 22 คนต่างชาติไม่ใช่กลุ่มชนที่หายากอีกต่อไป แต่คนที่เดินเข้ามาในห้องสมุดก็ยังเหลือบมองหญิงสาวด้วยความสงสัยใคร่รู้อยู่เรื่อยๆ
ก็มีเหตุผลอยู่เพียงข้อเดียว
ถึงชาวต่างชาติจะไม่ได้หายาก แต่พวกคนที่เพิ่งฟื้นมาจากการแช่แข็งนั้นต่างออกไป
โดยเฉพาะเมื่อสถานะคนที่เพิ่งฟื้นมาจากการแช่แข็งคนนี้ค่อนข้างจะแปลกกว่าคนอื่นนิดหน่อย
“พอเอาคณิตศาสตร์กับฟิสิกส์ยุคนี้ไปเปรียบเทียบกับเมื่อศตวรรษก่อนก็พบว่าทั้งสองศาสตร์ต่างก็พัฒนาก้าวหน้าไปจากเดิมมาก…”
เวร่าปิดหนังสือในมือ ใบหน้าของเธอดูจะอับอาย หญิงสาวพูดต่อ “ขอโทษด้วยนะคะ…ฉันอาจจะต้องไปเรียนเพิ่มเติมสักพักหนึ่งก่อนถึงจะกลับมาช่วยคุณได้”
ลู่โจวนั่งอยู่ตรงข้ามเวร่า เขายิ้มเล็กๆ พูดปลอบเธอ
“อย่าขอโทษเลย ผมนี่แหละเป็นคนที่รบกวนคุณ แล้วผมก็ไม่ได้คาดหวังว่าจะแก้ปัญหานี้ได้ภายในเวลาสั้นๆ อยู่แล้ว ตอนนี้ ผมอยากให้คุณโฟกัสไปที่การปรับตัวเข้ากับยุคนี้ดีกว่า”
เวร่าพยักหน้าอย่างกังวล
ให้พูดตามตรงแล้ว หญิงสาวรู้สึกแปลกๆ และกลัวทุกอย่างในยุคนี้ไปหมด
เธอยังจำที่เธอต้องขึ้นรถแม็กเลฟครั้งแรกได้ เธอกลัวเสียจนตัวเองตัวแข็งทื่อติดอยู่กับที่นั่ง ไม่กล้าขยับไปไหน อย่าว่าแต่จะมองออกไปนอกหน้าต่างเลย
แล้วก็ยังมีพวกหุ่นยนต์พวกนั้นอีก อีกทั้งพวกกระสวยการบินและอวกาศที่เธอได้ยินมา…
จะเป็นด้านวิชาการหรือด้านการใช้ชีวิต ยุคนี้ก็มีแต่สิ่งที่เธอไม่เข้าใจเต็มไปหมด
“นอกจากส่วนฟิสิกส์แล้ว คุณพอจะมีไอเดียอะไรดีๆ เกี่ยวกับสมการคลื่นอนุภาคซีนี่ไหม?”
พอลู่โจวโยนคำถามมา หญิงสาวตัวเล็กก็นิ่งไปพักหนึ่ง แล้วก็ตอบด้วยเสียงจริงจัง “นี่เป็นปัญหาทอพอโลยีมิติสูง มันทำให้ฉันนึกถึงข้อคาดการณ์ของปวงกาเร ถ้าใช้แมนิโฟลด์เชิงอนุพันธ์พิเศษมาเป็นตัวรองแล้วจะทำให้ข้อเสนอง่ายขึ้นไหมคะ?”
ลู่โจวพยักหน้าเห็นด้วย “ฟังดูเป็นความคิดที่ดีมากๆ เลย คุณช่วยระบุข้อมูลชัดเจนกว่านี้ได้ไหม?”
บางทีอาจจะเพราะหญิงสาวไม่ได้ยินลู่โจวพูดชมมานานแล้ว เธอจึงดูมีท่าทีอายๆ เล็กน้อย เวร่าพูดต่อด้วยเสียงอึกอัก “คุณช่วยหยิบกระดาษมาให้ฉันร่างได้ไหม..? ฉันยังไม่ชินกับจอโฮโลแกรมสักเท่าไร”
ลู่โจวพยักหน้าแล้วลุกขึ้นจากเก้าอี้
“ไม่มีปัญหา”
ถึงศตวรรษที่ 22 จะเข้าสู่ยุคไม่ต้องใช้กระดาษแล้ว แต่ก็ยังหากระดาษใช้ได้อยู่
อย่างในห้องสมุดที่พวกเขาอยู่ ถึงนักศึกษาส่วนใหญ่จะดาวน์โหลดหนังสือเวอร์ชันดิจิทัลแล้วอ่านผ่านเครื่องเทอร์มินอลของตัวเอง หนังสือแต่ละเล่มก็ยังมีเวอร์ชันที่ตีพิมพ์ด้วยกระดาษอยู่
นอกจากนี้ห้องสมุดยังมีห้องพรินต์ที่เอาไว้พรินต์กระดาษอีกด้วย ถึงราคาจะไม่ได้ถูกนัก แต่นักศึกษาที่อาศัยอยู่ที่นี่ก็ยังสามารถจ่ายได้ด้วยกำลังทรัพย์ของตัวเอง
ลู่โจวหยิบกองกระดาษสีขาวขึ้นมาจากห้องพรินต์ แล้วเขาก็นำไปวางตรงหน้าเวร่า อีกฝ่ายมองเขาด้วยแววตาสงสัย ลู่โจวเริ่มรอให้อีกฝ่ายเล่าความคิดในหัวออกมา
เวร่าไม่ได้ลังเลนานนัก เธอรับปากกาจากมือของลู่โจวแล้วเริ่มต้นเขียนข้อความบนปากกาอย่างตั้งใจ
[… (Ihδ/δt)·ψ(r,t)=(-thca·▽+βmc^2)ψ(r,t)]
[…]
ด้วยความที่เธอไม่คุ้นเคยกับศาสตร์ฟิสิกส์ เวร่าจึงเขียนทุกอย่างลงกระดาษอย่างช้าๆ เขียนทุกขั้นตอนด้วยความตั้งใจ แม้จะต้องใช้เวลานานมากก็ตาม
ในระหว่างที่เวร่าค่อยๆ เขียนแต่ละขั้นตอนลงไป ลู่โจวก็เข้าใจแล้วว่าหญิงสาวต้องการจะใช้การคำนวณเหล่านี้บอกอะไร
“สมการดิแรคเหรอ?”
“ค่ะ” เวร่าพยักหน้าเล็กๆ บนใบหน้ามีรอยยิ้มก่อนที่เธอจะพูดต่อ “สมการดิแรคเป็นสูตรที่เบสิกที่สุดในกลศาสตร์ควอนตัมสัมพัทธภาพแล้ว นี่เป็นครั้งแรกในประวัติศาสตร์เลยนะคะที่กลศาสตร์ควอนตัมกับทฤษฎีสัมพัทธภาพพิเศษถูกนำมารวมเข้าด้วยกัน”
ลู่โจวพยักหน้า
“เป็นแนวคิดที่เป็นพื้นฐาน…แล้วไงต่อ?”
“อย่างที่คุณพูดไว้บ่อยๆ ว่าสิ่งที่ลึกซึ้งหลายๆ อย่างมักจะถูกซ่อนอยู่ในความเป็นจริงที่แสนจะเบสิกและไม่ซับซ้อน แถมยังมีลักษณะรวบรัดจนเราคิดไม่ถึง ฉันไม่รู้เรื่องแนวคิดซับซ้อนของฟิสิกส์เท่าไร แต่ก็เหมือนกับที่สมการดิแรคแสดงให้เห็นถึงปฏิยานุภาคและคุณลักษณะสปินของไมโครฟิสิกส์ผ่านวิธีที่เรียบง่ายและเข้าใจไม่ยาก นอกจากนี้พวกเรายังสามารถเพิ่มสิ่งนี้ไปเป็นสะพานเชื่อมระหว่างอนุภาคซีกับความโค้งของกาลอวกาศได้”
ปากกาในมือของเวร่าขยับไปมาขณะที่เธอเขียนสูตรคำนวณเพิ่มอีกสองสามบรรทัด
พอลู่โจวมองการคำนวณที่เขียนอยู่บนกระดาษทีละบรรทัดๆ ใบหน้าของเขาก็ดูมีท่าทีสนใจขึ้นมา
“ผมไม่คิดเลยนะว่าคุณจะวิจัยสมการคาร์แมน-ฮาวเวิร์ธมาด้วย”
“ก็เพราะว่าคุณวิจัยปัญหาความผันผวนมาแล้วน่ะค่ะ” เวร่าเผยรอยยิ้มอายๆ เธอพูดออกมาเบาๆ ว่า “แล้วฉันก็บังเอิญสนใจวิธีแมนิโฟลด์เชิงอนุพันธ์ที่คุณใช้ในการแก้ปัญหาความผันผวน ฉันก็เลยพยายามทำความเข้าใจดู”
ลู่โจวเอ่ย “ผมพูดถูกแล้วจริงๆ คุณฉลาดมาก!”
พวงแก้มสีขาวของหญิงสาวตอนนี้ระเรื่อไปด้วยสีแดง เวร่าไม่ได้พูดอะไรออกมา เธอเพียงแค่ยอมรับคำชมนั้นอย่างเงียบๆ
หลังจากที่เธอเขียนเต็มกระดาษร่างทั้งสองหน้าแล้ว เธอก็หยุดเขียนแล้วหันไปมองลู่โจว
“ทั้งหมดนี้คือสิ่งที่ฉันคิดค่ะ…ถึงฉันจะรู้สึกว่ามันยังไม่สมบูรณ์ และยังมีเครื่องมือกับทฤษฎีทางคณิตศาสตร์รุ่นใหม่ๆ หลายอย่างที่ฉันยังไม่ได้ใช้…”
“ผมว่ามันก็ดูดีพอแล้วนะ!” ลู่โจวพูดขัดเวร่า เขาทำหน้าสนับสนุนเธอแล้วเอ่ยขึ้นด้วยรอยยิ้มตื่นเต้น “เมื่อ 5 นาทีก่อน ตอนที่คุณเขียนสูตรบรรทัดที่ 20 ผมก็ปิ๊งไอเดียขึ้นมาเลย”
พอได้ยินดังนั้นเวร่าก็เผยยิ้มขึ้นมา ราวกับว่าเธอมีความสุขยิ่งกว่าได้แก้ปัญหาเองเสียอีก หญิงสาวกระซิบถาม “จริงเหรอคะ? เยี่ยมไปเลย!”
จากมุมมองของเธอ เธอยังไม่เห็นเลยว่าข้อเสนอนี้จะแก้อย่างไร…
แต่จากที่เธอรู้จักลู่โจวมา ทุกครั้งที่เขามีรอยยิ้มแบบนั้น แปลว่าเขาใกล้จะทำโปรเจกต์วิจัยเสร็จแล้ว…
ตรงที่นั่งที่ไม่ไกลจากพวกเขานัก นักศึกษาสองคนกำลังแอบมองมาทางนี้ หนึ่งในนั้นเอ่ยเสียงต่ำขึ้นมาทำลายความเงียบ
“นั่นใช่นักวิชาการลู่หรือเปล่า?” ซุนเถาชี้ไปตรงนั้น เขากลืนน้ำลายแล้วพูดต่อ “ฉันว่าคนนั้นหน้าตาเหมือนเขาเลย”
สวี่เท่อลี่ที่นั่งข้างๆ ไม่ได้คำถาม เขากำลังตกตะลึงอยู่ เขาพึมพำกับตัวเองด้วยเสียงต่ำ “น่าเหลือเชื่อจริงๆ …”
ซุนเถาทัก “น่าเหลือเชื่ออะไรกัน?”
สวี่เท่อลี่ขยับคอแข็งๆ หันไปมองรูมเมตด้วยสายตาไม่อยากจะเชื่อ เขาเอ่ยขึ้นมาอย่างเคร่งขรึมว่า “นายเคยเห็นเขาทำงานกับคนอื่นในห้องสมุดมาก่อนไหมล่ะ?”
ซุนเถาชะงักไป เขาส่ายหัว
“ฉันไม่ได้แอบตามเขาทุกวันเสียหน่อย…จะไปรู้ได้ไง?”
“เออเนอะ” สวี่เท่อลี่ถอนหายใจแล้วตบหน้าผากตัวเองเบาๆ “ลืมไปเลยว่านายเป็นนักศึกษาห่วยแตก”
พอได้ยินเพื่อนพูดดังนั้นซุนเถาก็ไม่พอใจทันที เขาตะโกนเสียงต่ำใส่อีกฝ่ายจะได้ไม่รบกวนคนอื่นในห้องสมุด
“เอ้า อยู่ดีๆ ก็มาว่ากันเฉยเลยเฮ้ย?!”
สวี่เท่อลี่ไม่สนใจรูมเมตตัวเอง เขามองไปทางคนสองคนที่อยู่ไม่ไกลออกไปขณะเอ่ยขึ้นมาด้วยน้ำเสียงเหมือนคนเป็นมืออาชีพ
“ฉันน่ะมาห้องสมุดนี้ทุกวัน เห็นนักวิชาการลู่มาก็หลายต่อหลายครั้ง ทุกทีที่เห็นก็เป็นภาพที่เขาอ่านหนังสืออยู่ตัวคนเดียว หรือไม่ก็นั่งอยู่ริมหน้าต่างดื่มกาแฟดำไม่ใส่น้ำตาล”
ซุนเถาว่า “นายนี่ก็ช่างสังเกตดีนะ…แต่มันหมายความว่าอะไรล่ะ?”
สวี่เท่อลี่ถามกลับ “นี่นายโง่หรือเปล่าเนี่ย? ยังต้องให้อธิบายอีกเหรอ?”
ซุนเถาแสดงท่าทางในทันที เขาอุทานขึ้นมาในใจ
ถึงเขาจะไม่ใช่คนชอบเรื่องซุบซิบนินทา…
แต่เรื่องนี้เป็นเรื่องเกี่ยวกับนักวิชาการลู่!
บรรพบุรุษของสถาบันจินหลิงเพื่อการศึกษาขั้นสูง!
บุคคลที่เป็น ‘เครื่องจักรวิจัยวิทยาศาสตร์’!
ทันใดนั้นเขาก็เข้าใจว่าทำไมรูมเมตของเขาถึงช็อกขนาดนั้น…