Scholar’s Advanced Technological System ระบบปั้นอัจฉริยะ - ตอนที่ 1591 ไปกันช้าๆ
ณ แมนชั่นแถบชานเมืองจินหลิง
เวร่านั่งอยู่ที่โต๊ะทานอาหาร เธอกำลังกินไข่ดาวอย่างตั้งใจ ในขณะที่สายตาก็ดูทีวีโฮโลแกรมที่ลอยอยู่บนกำแพงไปด้วย
ถึงเธอจะโผล่มายุคนี้ได้เกือบหนึ่งสัปดาห์แล้ว เธอก็ยังปรับตัวเต็มที่กับผลงานเทคโนโลยีของยุคนี้ไม่ได้เสียที
โดยเฉพาะทีวีที่เธอสามารถเดินทะลุผ่านไปได้เลยเนี่ย สำหรับคนจากปี 2022 แล้ว เธอไม่เข้าใจเลยว่ามันเป็นไปได้อย่างไร
แต่วันนี้สิ่งที่เธอกำลังโฟกัสอยู่นั้นไม่ใช่จอโฮโลแกรม แต่เป็นรายการทีวีแทน
ศาสตราจารย์หนวดเฟิ้มสีเทากำลังนั่งให้สัมภาษณ์อย่างชิลๆ ในสตูดิโอแห่งหนึ่ง
“ถ้าถามผมนะ ผมบอกเลยว่าคุณมาสัมภาษณ์ถูกคนแล้ว ในขอบเขตการวิจัยอนุภาคซีน่ะ ไม่มีใครรู้มากกว่าผมไปอีกแล้ว ถ้าไม่นับนักวิชาการลู่นะครับ!”
พิธีกรมองศาสตราจารย์ชราด้วยรอยยิ้มสุภาพและความจริงใจ เขาเอ่ยขึ้นว่า “โอเคครับ ศาสตราจารย์เบเลอร์ พวกเราต่างก็รู้กันดีว่าคุณเป็นผู้เชี่ยวชาญในวงการฟิสิกส์เชิงทฤษฎี…คุณคิดอย่างไรกับรางวัลข้อเสนอนี้บ้างครับ?”
“สมการคลื่นอนุภาคซีเป็นทิศทางการวิจัยที่ยังใหม่เอี่ยมอยู่เสมอในวงการฟิสิกส์เชิงทฤษฎี ระดับความยากของการวิจัยนี้ทุกคนก็เห็นชัดเจนอยู่แล้ว อย่างไรก็ตามผมแค่กำลังพูดถึงเรื่องระดับความยากเพียงอย่างเดียว และยังไม่ได้เล่าถึงความสำคัญของข้อเสนอนี้”
พิธีกรถาม “พอจะอธิบายเพิ่มได้ไหมครับ?”
“ไม่มีอะไรให้อธิบายเพิ่มหรอก ไม่ว่าความเข้าใจเรื่องอวกาศของพวกเราจะขยับไปถึงมิติ n หรือ มิติ n+1 พวกเราก็ยังเป็นสิ่งมีชีวิตที่อาศัยอยู่ในโลกสามมิติอยู่ดี ต่อให้มีจักรวาลที่ทับซ้อนและมีพื้นผิวบิดเบี้ยวในมิติสูง สำหรับพวกเราแล้วช่องว่างระหว่างฝั่งนั้นกับฝั่งของเราก็ยังไม่ใช่สิ่งที่จะผ่านไปได้อยู่ดี”
“สั้นๆ เลยก็คือ พวกเรารู้ดีว่าพวกเราอยู่ที่จุดลึกที่สุดของบ่อน้ำ ความสูงของบ่อน้ำนี่ก็เป็นสิ่งที่ไม่สามารถวัดได้ ดังนั้นการรู้เพียงอย่างเดียวก็ไม่ได้ช่วยเปลี่ยนอะไรหรอกครับ หนึ่งศตวรรษที่ผ่านมา พวกเราใช้เวลาค้นคว้าเรื่องสมการคลื่นความโน้มถ่วงของอนุภาคซี แต่วงการฟิสิกส์ก็ยังไม่คิดว่ามันเป็นข้อเสนอที่จำเป็นต้องมีการแก้ในตอนนี้เลย”
พิธีกรถามต่อ “ดังนั้นแล้วตามความเห็นของคุณ นักวิชาการลู่ประเมินค่าความสำคัญของสมการนี้สูงไปเหรอครับ?”
ศาสตราจารย์เบเลอร์ลดไหล่ตัวเองที่เกร็งไว้ลง “ใช่ครับ…อย่างน้อยผมก็คิดว่าอย่างนั้น”
พิธีกรถามต่อ “แล้วเรื่องการเดินทางด้วยการวาร์ปล่ะครับ? เรื่องเทคโนโลยีที่เร็วกว่าแสงน่ะครับ?”
เบเลอร์ตอบ “อันนั้นน่ะช่างมันเถอะ ถึงเวลาจะผ่านไปเกือบสองศตวรรษแล้ว แต่…ไอน์สไตน์ก็ยังพูดไว้ถูกต้องอยู่ดี”
รายการยังฉายต่อไป แต่เวร่าทานอาหารเช้าเสร็จแล้ว
เธอวางมีดกับส้อมลงบนจาน ในหัวก็อดคิดเรื่องรายละเอียดในทีวีไม่ได้
การเดินทางด้วยการวาร์ปเป็นแค่ความฝันอันสวยหรูเพียงแค่นั้นเหรอ?
เวร่าไม่ได้เห็นด้วยกับคำพูดของศาสตราจารย์เบเลอร์เลยเสียทีเดียว แต่การตัดสินนี้ไม่ได้มาจากความรู้ศาสตร์ฟิสิกส์ของตัวเวร่าเอง แต่กลับมาจากความเชื่อล้วนๆ ของเธอที่เชื่อในตัวนักวิชาการอีกคนอย่างถึงที่สุด
แต่ว่า…
เขาก็ไม่ได้ถูกไปทุกครั้ง
ถ้าการเดินทางด้วยการวาร์ปเป็นเพียงความฝันเฟื่องแล้วจริงๆ ล่ะก็ มันก็จะไม่มีทางลัดไปยังจักรวาลทับซ้อนเลย…
ด้วยเหตุผลบางอย่าง ทำให้เธอนึกเรื่องหนึ่งที่ทำให้เธอประหลาดใจขึ้นมาได้
ถ้าเป็นอย่างนั้นจริงล่ะก็ มันจะต้องดีมากๆ แน่นอน…
เสี่ยวไอในชุดผ้ากันเปื้อนเดินเข้ามาในห้องพอดี ปากก็ฮัมทำนองเพลงร่าเริงไปด้วย
เธอกำลังจะมาช่วยล้างจาน แต่เวร่าก็รีบถือจานลุกขึ้นยืนแล้วบอกอีกฝ่ายอย่างสุภาพ
“ฉันเก็บโต๊ะเองได้ค่ะ ขอบคุณมากนะที่ให้ฉันพักอยู่ที่นี่ ฉันรู้สึกแย่จังที่ต้องรบกวนให้คุณมาดูแลฉันแบบนี้..”
ก่อนที่เวร่าจะได้ทันพูดจบ จานในมือของเธอก็โดนเสี่ยวไอแย่งไปเสียแล้ว
เสี่ยวไอกระโดดไปข้างๆ อย่างคล่องแคล่ว เธอหันศีรษะกลับมาจ้องเวร่าด้วยท่าทางบอกว่า ‘ฉันชนะแล้ว’
“ยอมแพ้เสียเถอะ แผนการสมคบคิดที่จะขโมยนายท่านไปจากเสี่ยวไอไม่มีทางสำเร็จหรอกค่ะ! (⃔*`꒳ ́*)⃕↝”
เวร่า: “…?”
เธอคนนี้ก็เป็นแค่เอไอใช่ไหม?
…
ทุกวันนี้การดีเบตประเด็นร้อนเรื่องสมการคลื่นความโน้มถ่วงอนุภาคซีเริ่มจะตึงเครียดมากขึ้นเรื่อยๆ
การดีเบตทางวิชาการได้พัฒนาจากเรื่องข้อเสนอของลู่โจวมาเป็นเรื่องที่ว่าการเดินทางด้วยการวาร์ปและการสื่อสารด้วยความเร็วกว่าแสงสามารถทำได้จริงหรือไม่ และเรื่องที่ว่าข้อเสนอนี้มีความสำคัญมากพอหรือไม่
เพราะสมการคลื่นความโน้มถ่วงของอนุภาคซีก็ถูกใช้ในวงการฟิสิกส์มาทั้งศตวรรษแล้ว ในช่วงศตวรรษที่ผ่านมา ผู้คนยังหาวิธีที่ซับซ้อนน้อยกว่าและแม่นยำมากกว่าไม่ได้ พวกเขาทำได้แค่ตั้งสมมุติฐานว่ามันอาจจะมีอยู่จริง
แต่ตอนนี้ผู้นำในวงการฟิสิกส์เชิงทฤษฎีหลายคนจนนับไม่ถ้วนได้หันกลับมาสนใจเนื้อหาแนวหน้าที่ไม่ได้มีความสำคัญมากนักอันนี้อีกครั้ง แต่พวกเขาก็ยังไม่เจอผลลัพธ์ที่มีประโยชน์อะไรเลย
ถึงจะอดทนมากแค่ไหนก็ตาม พวกนักวิชาการที่ทำเรื่องนี้อยู่ก็อดรู้สึกหงุดหงิดขึ้นมาไม่ได้
ทรัพยากรวิจัยจำนวนมากถูกนำไปลงกับสมมุติฐานแค่อย่างเดียวอันนี้ ถึงจะมีผู้นำเป็นนักวิชาการลู่ก็เถอะ มันก็ยังดูไม่มีเหตุผลอยู่ดี
ในขณะที่โลกภายนอกกำลังโมโหโทโส ตัวลู่โจวเองกลับมั่นใจกับการวิจัยครั้งนี้มากๆ
ด้วยเพราะได้รับความช่วยเหลือจากผู้ช่วยคนเก่ง โปรเจกต์นี้จึงคืบหน้าไปได้อย่างราบรื่น
ถึงการทำงานหนักในวงการวิชาการจะไม่ได้การันตีความสำเร็จ ลู่โจวก็สัมผัสได้ว่าผู้ช่วยที่ทำงานด้วยนั้นได้ช่วยเหลือเขาไว้มากแค่ไหน
แต่ถึงแม้พวกเขาจะกำลังตั้งมั่นอยู่กำลังเรื่องทางวิชาการก็ยังมีข่าวลืออะไรก็ไม่รู้แพร่กระจายออกมาอยู่ดี
หลังจากเดินทางจากมหาวิทยาลัยจินหลิงกลับมาบ้าน ลู่โจวก็หันไปมองเวร่าที่กำลังแขวนเสื้อโค้ทตัวเอง โดยที่เสี่ยวไอยังไม่ทันได้ช่วยเลย เขาคิดอยู่ครู่หนึ่งแล้วพูดว่า
“ผมจะช่วยคุณหาที่อยู่ให้ไวที่สุดเท่าที่จะทำได้นะ”
มือของเวร่าที่กำลังจับเสื้อโค้ทอยู่ชะงักไปเล็กน้อย เธอกระซิบถาม “คุณเบื่อฉันแล้วเหรอ?”
“ไม่ใช่อยู่แล้ว” พอเห็นเวร่าเข้าใจเจตนาดีของเขาผิดไปอย่างเห็นได้ชัด ลู่โจวก็ถอนหายใจแล้วพูดต่อ “ส่วนเรื่องงาน…ผมก็เจออันที่เหมาะกับคุณแล้ว ตั้งแต่นี้เป็นต้นไปคุณจะกลายเป็นศาสตราจารย์คณิตศาสตร์ของมหาวิทยาลัยจินหลิง”
“ขอบคุณค่ะ”
“ด้วยความยินดี…แต่ตอนที่ผมกำลังจะกลับบ้านมา คณบดีฉินจากภาควิชาคณิตศาสตร์ก็ถามว่าคุณพักอยู่บ้านผมจริงหรือเปล่า”
แก้มของเวร่าร้อนผ่าวขึ้นเล็กน้อย
ถึงมันจะเป็นเรื่องจริงก็ตาม การให้คนนอกรู้เรื่องก็น่าอายอยู่ดี
“แล้วไงต่อ…”
“แล้วเขาก็ตั้งใจแนะนำให้ผมสนใจเรื่องนี้หน่อย” ลู่โจวแสดงสีหน้าของคนที่ไม่รู้จะทำอย่างไรต่อดีออกมา เขาเอ่ยขึ้นว่า “คณบดีฉินบอกว่า ตอนนี้ทั้งมหาวิทยาลัยเหมือนจะกำลังซุบซิบเรื่องคุณอยู่…”
“ใครเขาอยากจะคุยเรื่องอะไรก็คุยกันไปเถอะ” เวร่าเอ่ยอย่างไม่เป็นเดือดเป็นร้อน เธอมองตรงไปที่ลู่โจว “คุณคือคนคนเดียวที่ฉันรู้จักในโลกใบนี้ ฉันสนแค่ว่าคุณจะคิดอย่างไรกับฉันก็พอ เอ่อ…แต่ก็แน่นอนว่า ถ้าคุณคิดว่าฉันสร้างปัญหา…”
“ปัญหาอะไรกันเล่า?” ลู่โจวถอนหายใจ เขาหันไปมองเวร่าแล้วก็ถอนหายใจอีกรอบ แล้วก็ว่าต่อ “ช่างเถอะครับ…ผมแค่กังวลว่าพอคุณไปสอนหนังสือที่มหาวิทยาลัยจินหลิงจะมีคนซุบซิบนินทาเรื่องคุณที่อาจจะทำให้คุณรำคาญได้ ถ้าคุณไม่สนเรื่องนี้ก็ทำทุกอย่างตามที่คุณต้องการได้เลย”
แน่ล่ะ ต่อให้ไม่มีเรื่องข่าวลือ ลู่โจวก็ให้เวร่าพักอยู่กับเขาไปตลอดไม่ได้อยู่แล้ว
ไม่ใช่แค่เรื่องความแตกต่างทางเพศที่จะก่อให้เกิดความไม่สะดวกสบายในชีวิตประจำวัน แต่ที่สำคัญมากกว่านั้นก็คือ ถ้าเธอไม่ออกไปใช้ชีวิตของตัวเอง เธอจะไม่มีวันปรับตัวเข้ากับยุคนี้ได้เลย
เหตุผลที่เขายอมให้เธอพักอยู่กับเขาที่นี่ในตอนแรกนั้นก็เป็นเพราะว่าเขาต้องการให้เธอมีเวลาตามหาที่ทางของตัวเองเฉยๆ
ถ้าปล่อยให้เวร่าอยู่กับเขาไปเรื่อยๆ มันก็จะขัดกับความตั้งใจแรกของเขา
แต่พอมองใบหน้าของหญิงสาวที่เต็มไปด้วยความกังวลและความหวัง ลู่โจวก็ไม่รู้ว่าควรจะพูดอะไรต่อดีไปพักหนึ่ง
เขาตัดสินใจโยนเรื่องนี้ออกไปก่อน ยังไม่ต้องสนใจตอนนี้
ส่วนเรื่องว่าเวร่าจะย้ายออกตอนนั้น ก็เอาเป็นว่า ให้รอจนกว่าอุปกรณ์การสั่นของอนุภาคซีจะสร้างเสร็จก็แล้วกัน ข่าวลงข่าวลืออะไรนั่นก็ช่างหัวมันเถอะ
ส่วนเรื่องที่เหลือ พวกเราจะไปกันช้าๆ ก็แล้วกัน
……………………………………………………….