Scholar’s Advanced Technological System ระบบปั้นอัจฉริยะ - ตอนที่ 1596 จดหมายถึงหนึ่งร้อยปีข้างหน้า
- Home
- Scholar’s Advanced Technological System ระบบปั้นอัจฉริยะ
- ตอนที่ 1596 จดหมายถึงหนึ่งร้อยปีข้างหน้า
ตอนนี้พวกเขากำลังอยู่ในอพาร์ตเมนต์เก่า ถ้าลู่โจวไม่ได้มาเห็นด้วยตาตนเองแล้วล่ะก็ เขาก็คงจะไม่เชื่อแน่ว่าในศตวรรษที่ 22 ยุคสมัยที่เครือข่ายถนนพลังงานแม่เหล็กไฟฟ้ามีอยู่เต็มประเทศขนาดนี้จะยังมีตึกที่สูงไม่ถึง 20 ชั้นอยู่
หลังจากจอดรถบนดาดฟ้าเสร็จ ลู่โจวกับซิงเปียนก็เดินตามชายสูงวัยไปที่ประตู
ลู่เฟิงหยิบกุญแจโลหะหายากขึ้นมาจากในกระเป๋า เขาเปิดประตูแล้วทำไม้ทำมือเชิญคนข้างหลังสองคนให้ตามมา
“อันที่จริงแล้วเมื่อก่อนสภาพในนี้ก็ค่อนข้างดีทีเดียว…แต่ไม่มีใครพักอยู่ที่นี่มานานแล้ว เชิญเข้ามาก่อนสิ”
ลู่โจวไม่พูดอะไรมาก เขาพยักหน้าแล้วก้าวข้ามประตูตรงหน้าเข้าไป
แต่พอก้าวพ้นขอบประตูมา ความรู้สึกที่คุ้นเคยก็สาดใส่หน้าเขาเต็มๆ
“ในนี้มัน…”
ราวกับคาดไว้แล้วว่าลู่โจวจะต้องแสดงท่าทีแบบนั้น ชายสูงวัยยิ้มแล้วเอ่ยขึ้นว่า “แปลกใจใช่ไหมล่ะครับ? ทุกอย่างในห้องนี้ถูกออกแบบตามห้องในสมัยเด็กของคุณทุกอย่าง แถมยังมีการอัปเดตอยู่เรื่อยๆ ด้วย ต่อให้มีข้อผิดพลาดอะไรก็จะมีการแก้ไขอย่างรวดเร็ว…จนกระทั่งผมอายุได้ 20 ปี”
หรือนี่จะเป็นการตั้งใจเลียนแบบสภาพการใช้ชีวิตของฉันตอนเด็กอย่างนั้นเหรอ?
ไม่อยากจะเชื่อเลยว่าพวกเขาจะทำอย่างนี้จริงๆ …
ลู่โจวตะลึงงัน เป็นชั่วขณะที่เขาไม่รู้จะพูดอะไรออกมาดี
รู้สึกเหมือนคนที่ทำตามแผนการนี้จะลงทุนลงแรงกับเรื่องแปลกๆ นะ
แปลกพิลึกชะมัดที่จะ ‘สร้างตัวตน’ ของฉัน ‘ขึ้นมาใหม่’ ด้วยวิธีแบบนี้
หลังจากที่จ้องการออกแบบในห้องอยู่นาน ลู่โจวก็ถามขึ้นมา “เขาโตมาในสภาพแวดล้อมแบบนี้เหรอ?”
“ใช่ครับ คุณพ่อของผมโตขึ้นมาภายใต้เงาของนักวิชาการลู่ แม้กระทั่งตลอดชีวิตวัยเด็กของผมเองก็ด้วย…จนเมื่อช่วงปี 2040 กับปี 2050 นั่นแหละที่โปรเจกต์สายเลือดจบลง การทดลองด้านสังคมวิทยาจึงต้องถูกยุติไปในที่สุด”
ลู่โจวกลืนน้ำลายแล้วเอ่ยออกมาด้วยความรู้สึกซับซ้อน
“แล้ว…เขาเกลียดผมไหม?”
“ทำไมต้องเกลียดด้วยล่ะ?” ชายสูงวัยถามกลับด้วยรอยยิ้ม เขาใช้แววตาใจดีมองลู่โจวแล้วอธิบาย “ไม่ว่าคุณพ่อจะอยากใช้ชีวิตแบบไหนก็ตาม อย่างน้อยคุณพ่อก็โตมาพร้อมความร่ำรวยและความเคารพที่คนส่วนใหญ่ไม่มีด้วยซ้ำ อาจจะฟังดูน่าเบื่อไปหน่อย แต่นั่นไม่ใช่เหตุผลให้ท่านเกลียดคุณหรอกครับ…อีกอย่างคือกว่าท่านจะรู้ว่าคุณเป็นคุณพ่อแท้ๆ ของเขาจริง และรู้ว่าคุณย่าลู่เสี่ยวถงเป็นแค่แม่บุญธรรมของท่าน คุณพ่อก็โตเป็นผู้ใหญ่แล้ว”
“แล้วเขาก็ไปเป็นนักวิชาการเหรอ?”
“น่าเสียดายที่ไม่ใช่อย่างนั้น เขาไปเป็นศิลปินแทน” ชายสูงวัยยิ้มแล้วพูดต่อ “นอกจากสิ่งที่คุณเห็นตรงหน้าแล้ว คุณพ่อท่านก็ไม่ได้เหลืออะไรทิ้งไว้มากนัก มีแต่ของกระจุกกระจิกนิดหน่อย อย่างเปียโนที่นี่ ซึ่งเป็นเปียโนที่อยู่กับคุณพ่อตั้งแต่เด็กมาจนวันสุดท้ายของชีวิต…และแน่นอนยังมีห้องครัวด้วย ในนั้นมีพวกอุปกรณ์ทำครัวที่คุณพ่อจัดเรียงไว้เป็นอย่างดี ถึงท่านจะบอกว่าตัวเองเป็นเชฟมากกว่านักวิชาการก็เถอะ ผมต้องขอบอกว่าท่านไม่ใช่คนที่..มีความสามารถมากที่สุดเท่าไร”
ลู่โจวถาม “เขาทำอาหารไม่อร่อยเหรอ?”
ราวกับชายสูงวัยกำลังนึกถึงอะไรเศร้าๆ เขาถอนหายใจแล้วเอ่ยขึ้น “ไม่ใช่แค่ไม่อร่อยหรอกครับ…ถึงคุณพ่อจะชอบอาหารที่ตัวเองทำเองก็จริง แต่ไม่มีใครคนไหนกินอาหารพวกนั้นลงเลย”
ในที่สุดลู่โจวก็เผยรอยยิ้มพึงพอใจขึ้นมา
นี่อาจจะเป็นครั้งแรกในวันนี้เลยก็ได้ที่เขาแสดงท่าทางแบบนี้ออกมา
“เหมือนเขาจะไม่เหมือนผมเลยนะ…”
พอพูดจบไปสักพักลู่โจวก็หันไปมองชายสูงวัยที่ยืนข้างๆ ถามเขาต่อ “เปียโนนั่นยังอยู่ที่นี่หรือเปล่า?”
ชายสูงวัยพยักหน้า “ถ้าผมจำไม่ผิดมันก็ยังอยู่ที่นี่นั่นแหละครับ แต่มันก็ผ่านมานานแล้ว ไม่แน่ใจว่ายังเล่นได้หรือเปล่า”
“พาผมไปดูหน่อยได้ไหม?”
“แน่นอนครับ”
ลู่เฟิงเดินนำหน้าลู่โจวกับซิงเปียนไปทางห้องเก็บของ
ห้องนี้อาจจะเป็นห้องเดียวจากทั้งบ้านที่แตกต่างจากบ้านเก่าของลู่โจว ในห้องเก็บของมีเฟอร์นิเจอร์ที่พังแล้วมากมาย รวมถึงยังมีของส่วนตัวของลู่หยวนกับเปียโนที่ตั้งอยู่ในตำแหน่งเด่นอย่างเห็นได้ชัด
ลู่โจวเห็นอะไรบางอย่างที่คุ้นตาวางอยู่ตรงขาตั้งเปียโน เขาจึงเดินตรงไปหยิบมันขึ้นมา
มันเป็นกล่องใส่แหวน
ดูจากหน้าตาแล้วก็อายุมากพอสมควร
พอลู่เฟิงมองกล่องใส่แหวนในมือลู่โจว สายตาของเขาก็หวนย้อนรำลึกความหลังในขณะเอ่ยอธิบายขึ้นมา
“อันนั้นเป็นของคุณย่าผม…เป็นของอย่างเดียวที่คุณพ่อทิ้งไว้ให้ผม นอกจากเปียโนตัวนี้ก็มีช่วงที่ท่านหวังจะใช้กล่องใส่แหวนนี้ตามหาคุณพ่อของท่านที่ทิ้งเขาไปเหมือนกัน จนท่านไปเจอรูปของคุณพ่อของท่านที่แขวนอยู่บนกำแพง และรู้ว่าคนที่เลี้ยงเขามาตลอด จริงๆ แล้วเป็นแม่บุญธรรม”
“จนถึงทุกวันนี้ผมก็ยังสับสนว่ากล่องแหวนนี้ทำมาเพื่อมอบแหวนให้ใครกัน หรือมันเป็นแค่คำลวงอันสวยหรูซึ่งอันที่จริงแล้วแหวนไม่เคยเป็นของใครสักคนเลย…”
“ไม่ใช่หรอก” ลู่โจวพูดขัดชายสูงวัย เขาเปิดกล่องในมือพร้อมใช้นิ้วชี้สัมผัสกับที่บุนวมแล้วกล่าวออกมาอย่างอ่อนโยน “กล่องแหวนนี้…จริงๆ แล้วเป็นของผมเอง”
พอได้ยินคำตอบที่ไม่คาดคิด ใบหน้าของลู่เฟิงก็ดูจะสับสน
“แต่…ทำไมมันถึงไปอยู่กับคุณย่าที่เป็นน้องสาวของคุณล่ะ?”
ซิงเปียนเองก็ทำสีหน้าแปลกๆ ด้วยเช่นกัน ราวกับกำลังคิดเรื่องอะไรพิลึกๆ อยู่
แต่ลู่โจวไม่สนใจเรื่องประหลาดๆ อะไรที่คนอื่นกำลังคิดอยู่ เขาพึมพำ “เธอคงได้มาจากคนคนนั้นนั่นแหละ”
“ผมจำได้ชัดเจนแจ่มแจ้ง ก่อนผมจะเดินทางไปดาวอังคาร ผมใส่เจ้านี่ไว้ใต้หมอนตัวเอง มันควรจะมีแหวนอยู่ข้างใน กับจดหมายรัก 200 คำ…” พอพูดถึงตรงนี้ใบหน้าเขาก็หวนนึกถึงอดีต “เหมือนกับเรื่องเพิ่งเกิดเมื่อวานนี้เอง”
แหวนกับจดหมายรักนั้นไม่อยู่แล้ว แต่เธอคงจะได้อ่าน ‘คำฝากสุดท้าย’ ของเขาแล้ว
ด้วยเหตุผลบางอย่างเธอจึงมอบกล่องใส่แหวนนี้ให้กับน้องสาวของเขา
ลู่โจวค่อยๆ ดึงที่บุนวมออก อยากจะเห็นจุดที่เขานำจดหมายรักไปใส่ไว้ข้างในตอนนั้น
แต่พอเขาดึงที่บุนวมออกมา เศษกระดาษชิ้นหนึ่งก็หลุดออกมา
“เบาะแสใหม่เหรอครับ?”
ใบหน้าซิงเปียนฉายแววสดใสขึ้นมาชั่วขณะ แต่เขาก็รู้ตัวในทันควันว่าปฏิกิริยาของเขาไม่เหมาะสมกับบรรยากาศในตอนนี้สุดๆ เขาจึงรีบเปลี่ยนไปเป็นกระแอมเบาๆ แทน สีหน้าของเขากลับมาเป็นเศร้าแทน “ขอโทษที…”
“ช่วยออกไปข้างนอกสักพักที”
ลู่โจวค่อยๆ คลี่กระดาษสีเหลืองออกมา
สิ่งนี้น่าจะเป็นจดหมายตอบกลับของเธอ
ตอนนี้เบาะแสทุกอย่างมารวมกันแล้ว ในที่สุดเขาก็เข้าใจว่าทำไมเธอถึงมอบกล่องแหวนนี้ไปกับน้องสาวของเขา
[พอนายได้มาอ่านจดหมายฉบับนี้ ฉันก็คงจะไปยังที่ที่ไกลแสนไกลแล้วล่ะ…แต่ฉันว่าก็คงไม่มีที่ไหนจะไกลไปกว่าที่ที่นายไปแล้วล่ะ ถ้าพูดถึงเรื่องระยะทางน่ะนะ
ก่อนหน้านี้ฉันก็คิดเรื่องความเป็นไปได้มาแล้ว ความเป็นไปได้ว่านายยังมีชีวิตอยู่ แต่นายแค่เหนื่อยเกินไป นายเลยอยากจะนอนพักผ่อนสักพักเพื่อพักสมองนายก่อน นายก็เลยใช้เรื่องแผ่นดินไหวมาปกปิดเรื่องราวทั้งหมด…แต่ขนาดหนังไซไฟก็คงไม่เล่นพล็อตที่โหลยโท่ยขนาดนี้หรอก
นี่ นายรู้ไหม หลังจากที่ได้อ่านถ้อยคำสุดท้ายของนาย ฉันล่ะอยากจะอัดนายให้เละจริงๆ แต่…สุดท้ายแล้วคนก็อยู่กันเต็มไปหมดเลย แล้วนายก็ขอฉันแต่งงานด้วยความรักขนาดนั้น
ดังนั้นภายใต้พยานนี้ ฉันจึงขอยอมรับคำขอนั้น ตอนนี้พวกเราเป็นคู่สามีภรรยากันแล้ว นายวิ่งหนีจากฉันไปไม่ได้อีกแล้วนะ ฉันจะไม่ให้นายหนีไปไหนหรอก!
ฉันยังปล่อยเรื่องนายไปไม่ได้เสียที แต่…ถึงฉันจะทำไม่ได้ มันก็เกิดภัยพิบัติไปแล้ว ในฐานะที่เป็นภรรยาของนาย สิ่งเดียวที่ฉันทำได้ก็คือ การเติมเต็มคำขอที่ยังไม่ได้ทำเพื่อนาย
โชคดีนะที่แผนมันดำเนินไปได้ดี เสี่ยวถงก็คอยช่วยสนับสนุนฉันได้ดีมากๆ เลยล่ะ…ถึงนี่อาจจะเป็นแผนการที่ไม่เป็นผู้ใหญ่เท่าไร แต่นายก็เป็นคนที่ไม่ค่อยเป็นผู้ใหญ่อยู่แล้ว รอบนี้เป็นตาของฉันแล้วล่ะที่จะทำตัวไม่เป็นผู้ใหญ่บ้าง
อ้อ แล้วก็นะ ฉันเอาแหวนในกล่องติดตัวไปด้วยล่ะ ก็ฉันตอบรับคำขอแต่งงานของนายแล้วนี่นา ดังนั้นแหวนนั่นก็เป็นของฉันแล้วล่ะ
ฉันจะเอาแหวนนั่นไปที่เทาเซติ ดาวที่เป็นของพวกเรา
นายบอกฉันว่าในอีกหลายปีต่อมา พอคนมองไปที่ดาวแล้วเริ่มขอพร พวกเขาจะนึกถึงเรื่องของพวกเราขึ้นมา
ฉันจะทำเรื่องนั้นเพื่อนายเอง
สัญญาที่นายสัญญาไว้กับฉันตอนนั้น]
ลู่โจววางจดหมายลง ซิงเปียนเห็นว่าลู่โจวเงียบไปนาน เขาจึงเดินเข้ามาเพื่อกะว่าจะช่วยปลอบอีกฝ่าย
พอซิงเปียนวางมือขวาบนไหล่ของลู่โจว เขาก็เพิ่งรู้ตัวว่าผู้ชายตรงหน้าเขาน้ำตาไหลนองหน้าไปแล้ว…
………………………………………………..